
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6568/2567 : อายุความฟ้องเรียกหนี้บัตรกดเงินสด และการนับระยะเวลาตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการฟ้องเรียกหนี้ตามสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียน (บัตรกดเงินสด) ที่ไม่มีการกำหนดจำนวนงวดผ่อนชำระคืนทุน จึงไม่เข้าลักษณะสิทธิเรียกร้องที่มีกำหนดอายุความ 5 ปี แต่มีอายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 พร้อมทั้งวินิจฉัยประเด็นการเริ่มนับอายุความ และการคิดดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญา ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญสำหรับการบังคับสิทธิเรียกร้องในคดีผู้บริโภคประเภทนี้
ข้อเท็จจริงของคดี •วันที่ 24 พฤษภาคม 2550 จำเลยทำสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียน วงเงิน 58,700 บาท ดอกเบี้ย 15% ต่อปี และค่าธรรมเนียม 10.92% ต่อปี •ผู้กู้ต้องชำระไม่น้อยกว่า 8% ของเงินต้นคงค้าง หรือไม่ต่ำกว่า 400 บาท หรือชำระเฉพาะดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า กำหนดชำระทุกวันที่ 27 ของเดือน •หากผิดนัดงวดใด สามารถเรียกชำระหนี้ทั้งหมดได้ทันที พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด 28% ต่อปี •จำเลยชำระครั้งสุดท้ายวันที่ 4 เมษายน 2556 เป็นเงิน 800 บาท •โจทก์เป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องและได้บอกกล่าวแก่จำเลย แต่จำเลยเพิกเฉย •ฟ้องเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เรียกเงิน 85,703.10 บาท พร้อมดอกเบี้ย
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา 1.ประเด็นอายุความ oสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนไม่มีการกำหนดจำนวนงวดผ่อนคืนทุน oไม่เข้าลักษณะอายุความ 5 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) oกฎหมายไม่กำหนดอายุความเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไป 10 ปีตามมาตรา 193/30 oการนับอายุความเริ่มตั้งแต่วันที่ผู้ให้กู้มีสิทธิบังคับชำระหนี้ทั้งหมดได้ (5 เม.ย. 2556) oการฟ้องในปี 2565 ยังไม่เกิน 10 ปี ฟ้องไม่ขาดอายุความ 2.จำนวนหนี้ที่ต้องรับผิด oจำเลยค้างชำระ 62,212 บาท (เงินต้น 53,926.11 บาท + ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม) oให้ชำระดอกเบี้ย 15% ต่อปี ของเงินต้นนับตั้งแต่ 23 พ.ย. 2562 จนชำระเสร็จ oดอกเบี้ยก่อนวันฟ้องต้องไม่เกิน 23,491.10 บาท
วิเคราะห์กฎหมาย •มาตรา 193/30 ใช้กับสิทธิเรียกร้องที่ไม่มีกำหนดอายุความเฉพาะ •มาตรา 193/33 (2) ใช้กับการผ่อนทุนคืนเป็นงวด แต่กรณีนี้ไม่กำหนดจำนวนงวด จึงใช้ไม่ได้ •การระบุในสัญญาว่าผิดนัดงวดใด สามารถเรียกหนี้ทั้งหมดได้ทันที ส่งผลให้เริ่มนับอายุความตั้งแต่วันถัดไป •การกำหนดดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญา ต้องไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และต้องชัดเจนในเงื่อนไข
IRAC Analysis Issue (ประเด็น) ฟ้องเรียกหนี้จากสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนที่ไม่มีการกำหนดจำนวนงวดผ่อนคืนทุน ขาดอายุความหรือไม่ และจำเลยต้องชำระหนี้ตามจำนวนใด Rule (กฎหมายที่ใช้บังคับ) •ป.พ.พ. มาตรา 193/30 อายุความทั่วไป 10 ปี •ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) อายุความ 5 ปี ใช้กับการผ่อนทุนคืนเป็นงวด •ป.พ.พ. มาตรา 193/12 การเริ่มนับอายุความ •หลักการคิดดอกเบี้ยตามสัญญาและดอกเบี้ยผิดนัด Application (การปรับใช้) •เนื่องจากสัญญานี้ไม่มีการกำหนดจำนวนงวด จึงไม่ใช่การผ่อนทุนคืนเป็นงวดตามมาตรา 193/33 (2) •ต้องใช้อายุความทั่วไป 10 ปีตามมาตรา 193/30 •การเริ่มนับอายุความเกิดขึ้นเมื่อผู้กู้ผิดนัดและเจ้าหนี้มีสิทธิบังคับหนี้ทั้งหมด •การคิดดอกเบี้ยต้องเป็นไปตามอัตราที่กำหนดในสัญญาและไม่ขัดต่อกฎหมาย Conclusion (ข้อสรุป) ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยต้องชำระหนี้ 62,212 บาท พร้อมดอกเบี้ย 15% ต่อปี ของเงินต้นตามที่กำหนดในสัญญา
ข้อคิดทางกฎหมาย •สัญญาสินเชื่อหมุนเวียนที่ไม่กำหนดจำนวนงวดผ่อนทุนคืน จะใช้อายุความทั่วไป 10 ปี •ผู้ประกอบธุรกิจควรบันทึกวันผิดนัดและวันเริ่มนับอายุความอย่างชัดเจน เพื่อไม่เสียสิทธิ •การโอนสิทธิเรียกร้องต้องมีหนังสือบอกกล่าวแก่ลูกหนี้ มิฉะนั้นอาจมีข้อโต้แย้งในภายหลัง •การกำหนดดอกเบี้ยผิดนัดควรระบุให้ชัดและไม่เกินอัตรากฎหมาย เพื่อให้บังคับได้จริงในศาล
สรุปภาษาอังกฤษ The Supreme Court Decision No. 6568/2567 ruled that a revolving credit agreement without fixed repayment installments is not subject to the 5-year statute of limitations under Section 193/33(2) of the Civil and Commercial Code, but instead falls under the 10-year general statute of limitations in Section 193/30. The Court clarified that the limitation period starts when the creditor can demand full repayment after default. The defendant was ordered to pay 62,212 THB plus contractual interest.
สรุปย่อฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนกับบริษัทเจ้าหนี้ วงเงิน 58,700 บาท ดอกเบี้ย 15% ต่อปี และชำระขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 8% หรือ 400 บาทต่อเดือน หากผิดนัดงวดใดเรียกหนี้ทั้งหมดได้ทันที จำเลยชำระครั้งสุดท้ายวันที่ 4 เมษายน 2556 โจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องและฟ้องเมื่อ 19 ตุลาคม 2565 ศาลเห็นว่าสัญญานี้ไม่มีการกำหนดจำนวนงวดผ่อนคืน จึงไม่ใช่อายุความ 5 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33(2) แต่ใช้อายุความทั่วไป 10 ปีตามมาตรา 193/30 การฟ้องจึงไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชำระ 62,212 บาท พร้อมดอกเบี้ย 15% ต่อปีของเงินต้น 53,926.11 บาท นับจาก 23 พฤศจิกายน 2562 และค่าทนายความ 3,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6568/2567 ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียน ได้ความว่า สัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียน เป็นกรณีที่ผู้ให้กู้อนุมัติวงเงินสินเชื่อ และมอบบัตรกดเงินสดให้ผู้กู้ โดยผู้กู้สามารถใช้บัตรกดเงินสดนั้นเบิกถอนเงินกู้ได้ และผู้กู้ตกลงชำระหนี้เป็นงวดรายเดือนไม่น้อยกว่าจำนวนเงินขั้นต่ำซึ่งกำหนดไว้ไม่เกินอัตราร้อยละ 8 ของเงินต้นคงค้าง หรือไม่ต่ำกว่า 400 บาท หรือจำนวนดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินคงค้างในแต่ละเดือน แล้วแต่จำนวนใดที่สูงกว่า โดยชำระทุกวันที่ 27 ของเดือน ข้อตกลงในการชำระเงินกู้ของผู้กู้ดังกล่าว แสดงว่าผู้กู้จะเลือกชําระคืนเงินต้นเต็มจำนวนที่ใช้บัตรกดเงินสดเบิกเงินกู้ไปแต่ละเดือนพร้อมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม หรือผู้กู้จะเลือกชำระจำนวนเงินขั้นต่ำที่ผู้ให้กู้กำหนดไว้ไม่เกินอัตราร้อยละ 8 ของเงินต้นคงค้าง หรือไม่ต่ำกว่า 400 บาท หรือจำนวนดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินคงค้างในแต่ละเดือน แล้วแต่จำนวนใดที่สูงกว่าก็ได้ และสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียนดังกล่าวไม่ได้กําหนดว่า กรณีผู้กู้เลือกผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนนั้น ผู้กู้ต้องผ่อนชำระเป็นเวลากี่งวด สัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียนตามฟ้องจึงไม่มีลักษณะผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ และไม่ใช่สิทธิเรียกร้องที่มีกําหนดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) แต่สิทธิเรียกร้องตามสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียนตามฟ้องเช่นนี้ กฎหมายไม่ได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 85,703.10 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินต้น 53,926.11 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ โจทก์ฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 จำเลยทำสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียน กับบริษัท อ. วงเงินกู้ 58,700 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอัตราร้อยละ 10.92 ต่อปี กำหนดชำระหนี้เป็นงวดรายเดือนไม่น้อยกว่าจำนวนเงินขั้นต่ำอัตราร้อยละ 8 ของเงินต้นคงค้าง หรือไม่ต่ำกว่า 400 บาท หรือจำนวนดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินคงค้างในแต่ละเดือน แล้วแต่จำนวนใดที่สูงกว่า โดยชำระทุกวันที่ 27 ของเดือน หากจำเลยไม่ชำระงวดใดงวดหนึ่ง จำเลยยอมให้คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 28 ต่อปี กับค่าติดตามทวงถาม 200 บาท จำเลยเบิกถอนเงินสดตามสัญญาแล้ว แต่จำเลยชำระหนี้เพียงบางส่วน โดยชำระครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2556 เป็นเงิน 800 บาท บริษัท ท. ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทโจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องตามบัญชีลูกหนี้ซึ่งรวมถึงมูลหนี้ของจำเลยด้วย มาจากบริษัท อ. โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องและทวงถามให้จำเลยชำระหนี้แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระหนี้แก่โจทก์
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฎีกามีว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ตามสำเนาสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียน ข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียน ได้ความว่า สัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียน เป็นกรณีที่ผู้ให้กู้อนุมัติวงเงินสินเชื่อ และมอบบัตรกดเงินสดให้ผู้กู้ โดยผู้กู้สามารถใช้บัตรกดเงินสดนั้นเบิกถอนเงินกู้ได้ และผู้กู้ตกลงชำระหนี้เป็นงวดรายเดือนไม่น้อยกว่าจำนวนเงินขั้นต่ำซึ่งกำหนดไว้ไม่เกินอัตราร้อยละ 8 ของเงินต้นคงค้าง หรือไม่ต่ำกว่า 400 บาท หรือจำนวนดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินคงค้างในแต่ละเดือน แล้วแต่จำนวนใดที่สูงกว่า โดยชำระทุกวันที่ 27 ของเดือน ข้อตกลงในการชำระเงินกู้ของผู้กู้ดังกล่าว แสดงว่าผู้กู้จะเลือกชําระคืนเงินต้นเต็มจำนวนที่ใช้บัตรกดเงินสดเบิกเงินกู้ไปแต่ละเดือนพร้อมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม หรือผู้กู้จะเลือกชำระจำนวนเงินขั้นต่ำที่ผู้ให้กู้กำหนดไว้ไม่เกินอัตราร้อยละ 8 ของเงินต้นคงค้าง หรือไม่ต่ำกว่า 400 บาท หรือจำนวนดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินคงค้างในแต่ละเดือน แล้วแต่จำนวนใดที่สูงกว่าก็ได้ และสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียนดังกล่าวไม่ได้กําหนดว่า กรณีผู้กู้เลือกผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนนั้น ผู้กู้ต้องผ่อนชำระเป็นเวลากี่งวด สัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียนตามฟ้องจึงไม่มีลักษณะผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ และไม่ใช่สิทธิเรียกร้องที่มีกําหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย แต่สิทธิเรียกร้องตามสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียนตามฟ้องเช่นนี้ กฎหมายไม่ได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 และเนื่องจากอายุความให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปตามบทบัญญัติมาตรา 193/12 ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามที่คู่ความแถลงรับกันว่าจำเลยชำระหนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2556 เรียกให้จำเลยชำระหนี้ทั้งหมดได้ทันที และตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียน ดังกล่าวข้างต้นระบุว่า หากผู้กู้ผิดนัดชำระงวดใดงวดหนึ่ง ผู้ให้กู้เรียกให้ผู้กู้ชำระหนี้ทั้งหมดได้ทันที โจทก์จึงอาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2556 เป็นต้นไป โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ไม่เกินกว่า 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
ปัญหาต่อไปจึงมีว่า จำเลยต้องรับผิดชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์เพียงใด ซึ่งศาลล่างทั้งสองยังไม่ได้วินิจฉัย แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหานี้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย เห็นว่า ตามคำฟ้องและบัญชีลูกหนี้แนบท้ายสำเนาหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ปรากฏว่า วันที่ 15 ตุลาคม 2562 จำเลยค้างชำระหนี้เงินต้น 53,926.11 บาท กับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวมเป็นเงิน 62,212 บาท ซึ่งจำเลยให้การรับข้อเท็จจริงนั้นแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำฟ้องและและบัญชีลูกหนี้แนบท้ายสำเนาหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าว จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้เป็นเงิน 62,212 บาท พร้อมดอกเบี้ยของเงินต้น 53,926.11 บาท ส่วนที่โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยผิดนัดอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ซึ่งเท่ากับอัตราดอกเบี้ยปกติที่ระบุในสัญญาสินเชื่อเงินสด/สินเชื่อหมุนเวียนตามฟ้อง น้อยกว่าที่โจทก์จะได้รับ จึงให้ตามขอ พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 62,212 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินต้น 53,926.11 บาท นับแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 23,491.10 บาท กับให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
|