ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




(ฎีกา 1174/2568) คดีบัตรเครดิตหรือเงินกู้ & อายุความ 5 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกา 1174/2568, คดีบัตรเครดิตสินเชื่อ, คดีผู้บริโภคอายุความ 5 ปี, วิเคราะห์ฎีกาอายุความเงินกู้, ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2), การโอนสิทธิเรียกร้องหนี้, คดีแพ่งผู้บริโภค, แนววินิจฉัยศาลฎีกา, คดีหนี้บัตรเครดิตหรือกู้ยืม, คดีหนี้สินเชื่อเงินสด, แนวทางฟ้องคดีหนี้, กฎหมายอายุความคดีแพ่ง

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ 

บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทเรื่องหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสด โดยจำเลยอ้างว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตที่มีอายุความ 2 ปี ขณะที่โจทก์เห็นว่าเป็นหนี้เงินกู้ยืมต้องผ่อนชำระรายเดือน ซึ่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ศาลฎีกาจึงต้องวินิจฉัยว่าหนี้ดังกล่าวเข้าลักษณะใด และการฟ้องร้องโจทก์อยู่ภายในกำหนดอายุความหรือไม่


ข้อเท็จจริงของคดี

1. การสมัครและใช้บัตร – จำเลยสมัครบัตรสมาชิกจากบริษัท จ. เมื่อปี 2549 และนำไปซื้อสินค้า ต่อมาปี 2555 จำเลยสมัครขอรับสินเชื่อเงินสดจำนวน 40,000 บาท โดยกำหนดผ่อนชำระงวดละ 2,748 บาท รวม 24 งวด

2. การผิดนัดชำระหนี้ – จำเลยชำระหนี้ไม่ต่อเนื่อง โดยมีการค้างชำระตามใบแจ้งหนี้ครั้งสุดท้ายวันที่ 11 ธันวาคม 2558

3. การโอนสิทธิเรียกร้อง – บริษัท จ. โอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 306 ซึ่งศาลเห็นว่าแม้ลงลายมือชื่อฝ่ายโอนฝ่ายเดียวก็สมบูรณ์แล้ว

4. การฟ้องคดี – โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 เรียกเงิน 52,269.32 บาท พร้อมดอกเบี้ย 15% ต่อปี


คำวินิจฉัยของศาล

ศาลชั้นต้น – ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ – กลับคำพิพากษา ให้จำเลยชำระหนี้และดอกเบี้ย

ศาลฎีกา – เห็นว่า หนี้สินเชื่อตามสัญญาเข้าลักษณะ หนี้กู้ยืมเงินแบบผ่อนรายงวด ใช้อายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2)

ศาลพิจารณาว่า แม้โจทก์อ้างว่ามีการชำระเงินครั้งสุดท้าย 1,000 บาท ในปี 2560 ซึ่งจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง แต่หลักฐานไม่ชัดเจนและมีข้อพิรุธ ไม่อาจรับฟังได้

เมื่อคดีฟ้องเกิน 5 ปี นับจากวันที่จำเลยผิดนัด (11 ธันวาคม 2558) ถึงวันฟ้อง (11 มีนาคม 2564) จึงถือว่าคดี ขาดอายุความ


การวิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

1. การโอนสิทธิเรียกร้อง

ป.พ.พ. มาตรา 306 กำหนดว่าการโอนสิทธิเรียกร้องต้องทำเป็นหนังสือ แม้จะลงชื่อผู้โอนฝ่ายเดียวก็มีผลสมบูรณ์

ดังนั้น โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลย

2. อายุความของหนี้

หากเป็นหนี้บัตรเครดิต – อายุความ 2 ปี (การใช้บัตรซื้อสินค้า/ถอนเงินสด)

หากเป็นหนี้เงินกู้ผ่อนรายงวด – อายุความ 5 ปี (มาตรา 193/33 (2))

ศาลวินิจฉัยว่าเป็นลักษณะหนี้เงินกู้แบบงวด จึงใช้อายุความ 5 ปี

3. ภาระการพิสูจน์

ฝ่ายโจทก์ต้องพิสูจน์ว่ามีการชำระหนี้ครั้งสุดท้ายเพื่อหยุดอายุความ

แต่เมื่อหลักฐานมีข้อสงสัย ศาลไม่รับฟัง


IRAC Analysis

Issue (ประเด็น): หนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสดเป็นหนี้ที่มีกำหนดอายุความกี่ปี และโจทก์ฟ้องภายในกำหนดหรือไม่

Rule (กฎหมาย):

ป.พ.พ. มาตรา 306 ว่าด้วยการโอนสิทธิเรียกร้อง

ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) อายุความฟ้องร้องหนี้เงินกู้ยืมที่ต้องชำระเป็นงวด = 5 ปี

พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค มาตรา 26 ศาลมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของคำให้การ

Application (การปรับใช้):

แม้จำเลยอ้างว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต อายุความ 2 ปี แต่ข้อเท็จจริงชี้ว่าเป็นหนี้สินเชื่อเงินสดต้องผ่อนงวด ใช้อายุความ 5 ปี

โจทก์อ้างว่ามีการชำระหนี้ครั้งสุดท้ายปี 2560 แต่หลักฐานไม่น่าเชื่อถือ ศาลจึงไม่นับเป็นการหยุดอายุความ

คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องหลังเกิน 5 ปีนับจากวันที่ผิดนัด

Conclusion (ข้อสรุป): คดีโจทก์ ขาดอายุความ ศาลฎีกาพิพากษากลับ ยกฟ้อง


ข้อคิดทางกฎหมาย

1. การแยกแยะระหว่างหนี้บัตรเครดิต (2 ปี) และหนี้เงินกู้รายงวด (5 ปี) มีผลต่อการฟ้องคดีโดยตรง

2. โจทก์ต้องมีหลักฐานพิสูจน์การชำระหนี้ที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงอย่างชัดเจน มิฉะนั้นศาลจะไม่รับฟัง

3. การโอนสิทธิเรียกร้อง แม้ลงนามฝ่ายโอนฝ่ายเดียว ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย


✦ English Summary  The Supreme Court Decision No. 1174/2025 concerned whether a debt was a credit card obligation (2-year limit) or an installment loan (5-year limit). The Court ruled it was an installment loan under Section 193/33 (2). Since the lawsuit was filed over five years after default, the claim was time-barred and dismissed. ✦ สรุปคำแปลภาษาอังกฤษ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2568 วินิจฉัยว่าหนี้พิพาทเป็นหนี้เงินกู้แบบผ่อนงวด ไม่ใช่หนี้บัตรเครดิต อายุความ 5 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) การฟ้องเกิน 5 ปีจากวันผิดนัด คดีจึงขาดอายุความและถูกยกฟ้อง

English Summary 

The Supreme Court Decision No. 1174/2025 concerns a dispute over whether a debt was a credit card obligation (2-year limitation) or an installment loan (5-year limitation). The Court ruled it was an installment loan under Section 193/33 (2) of the Civil and Commercial Code. Since the lawsuit was filed more than five years after default, the claim was time-barred and dismissed.

สรุปความภาษาอังกฤษ 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2568 เป็นกรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับการพิจารณาว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้จากการใช้บัตรเครดิต ซึ่งมีกำหนดอายุความ 2 ปี หรือเป็นหนี้เงินกู้แบบผ่อนชำระเป็นงวด ซึ่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยว่า หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้เงินกู้ที่ต้องชำระเป็นงวดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) และเนื่องจากการฟ้องคดีดังกล่าวได้ยื่นฟ้องภายหลังจากจำเลยผิดนัดชำระหนี้เกินกว่า 5 ปี คดีจึงขาดอายุความและถูกยกฟ้อง

📚 15 คำศัพท์กฎหมายจากข้อความ

1. dispute – ข้อพิพาท, การโต้แย้ง

2. debt – หนี้สิน

3. credit card obligation – หนี้จากบัตรเครดิต

4. installment loan – เงินกู้แบบผ่อนชำระ

5. limitation – อายุความ

6. ruled – วินิจฉัย, พิพากษา

7. Section – มาตรา (ของกฎหมาย)

8. Civil and Commercial Code – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

9. lawsuit – คดีความ, การฟ้องร้อง

10. filed – การยื่นฟ้อง

11. default – การผิดนัดชำระหนี้

12. claim – สิทธิเรียกร้อง, คำฟ้อง

13. time-barred – ขาดอายุความ

14. dismissed – ถูกยกฟ้อง

15. Court – ศาล

1. dispute – ข้อพิพาท

The dispute between the neighbors grew serious,

because they could not agree on who owned the small piece of land.

Literal: ข้อพิพาทระหว่างเพื่อนบ้านรุนแรงขึ้น

เพราะพวกเขาไม่สามารถตกลงกันได้ว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินผืนเล็ก

Natural: เพื่อนบ้านมีปัญหากันใหญ่

เพราะตกลงกันไม่ได้ว่าที่ดินเล็ก ๆ นั้นเป็นของใคร

 

2. debt – หนี้สิน

He worked two jobs to pay off his debt,

since the money he borrowed kept adding interest every month.

Literal: เขาทำงานสองที่เพื่อชำระหนี้สิน

เพราะเงินที่เขากู้มามีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกเดือน

Natural: เขาต้องทำงานสองที่

เพราะหนี้กู้มันมีดอกเบี้ยงอกทุกเดือน

 

3. credit card obligation – หนี้จากบัตรเครดิต

She fell into credit card obligation,

because she kept buying things she didn’t really need.

Literal: เธอตกอยู่ในหนี้จากบัตรเครดิต

เพราะเธอซื้อของที่ไม่จำเป็นอยู่เสมอ

Natural: เธอติดหนี้บัตรเครดิต

เพราะซื้อของฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็นเรื่อย ๆ

 

4. installment loan – เงินกู้แบบผ่อนชำระ

He took an installment loan for a motorcycle,

so he could pay little by little each month instead of all at once.

Literal: เขากู้เงินแบบผ่อนชำระเพื่อซื้อรถจักรยานยนต์

เพื่อที่จะสามารถจ่ายทีละน้อยทุกเดือนแทนการจ่ายทีเดียวทั้งหมด

Natural: เขากู้เงินผ่อนเพื่อซื้อมอเตอร์ไซค์

จะได้จ่ายเป็นงวด ๆ ไม่ต้องจ่ายก้อนเดียว

 

5. limitation – อายุความ

The lawyer explained the limitation of the case,

saying the right to sue ends after five years.

Literal: ทนายอธิบายเรื่องอายุความของคดี

โดยบอกว่าสิทธิในการฟ้องจะสิ้นสุดหลังจากห้าปี

Natural: ทนายบอกเรื่องอายุความ

สิทธิในการฟ้องมันหมดไปแล้วหลังจากห้าปี

 

6. ruled – วินิจฉัย, พิพากษา

The Court ruled in favor of the plaintiff,

because the evidence showed the defendant had broken the contract.

Literal: ศาลวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดี

เพราะหลักฐานแสดงว่าจำเลยผิดสัญญา

Natural: ศาลตัดสินให้โจทก์ชนะ

เพราะเห็นชัดว่าจำเลยทำผิดสัญญา

 

7. Section – มาตรา

The judge referred to Section 193/33,

which sets the time limit for debt repayment cases.

Literal: ผู้พิพากษาอ้างถึงมาตรา 193/33

ซึ่งกำหนดอายุความของคดีการชำระหนี้

Natural: ผู้พิพากษาอ้างมาตรา 193/33

ที่กำหนดเวลาฟ้องคดีหนี้

 

8. Civil and Commercial Code – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

The decision was based on the Civil and Commercial Code,

which provides rules on contracts, debts, and obligations.

Literal: คำพิพากษาอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ซึ่งบัญญัติกฎเกณฑ์เกี่ยวกับสัญญา หนี้ และหน้าที่ทางกฎหมาย

Natural: ศาลตัดสินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ที่กำหนดกฎเรื่องสัญญาและหนี้ต่าง ๆ

 

9. lawsuit – คดีความ, การฟ้องร้อง

The company filed a lawsuit against the customer,

because he failed to pay the installments for months.

Literal: บริษัทได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลกับลูกค้า

เพราะเขาไม่ชำระเงินผ่อนมาหลายเดือน

Natural: บริษัทฟ้องลูกค้า

เพราะค้างค่างวดมาหลายเดือน

 

10. filed – การยื่นฟ้อง

The lawyer filed the documents on time,

so the case could officially begin in Court.

Literal: ทนายได้ยื่นเอกสารฟ้องภายในเวลาที่กำหนด

เพื่อให้คดีสามารถเริ่มต้นในศาลได้อย่างเป็นทางการ

Natural: ทนายรีบยื่นฟ้องทันเวลา

คดีเลยเริ่มดำเนินในศาลได้

 

11. default – การผิดนัดชำระหนี้

The borrower was in default,

because he had not paid any money for six months.

Literal: ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้

เพราะเขาไม่ได้จ่ายเงินมาเป็นเวลาหกเดือน

Natural: ลูกหนี้ผิดนัด

ไม่ได้จ่ายเลยตั้งหกเดือน

 

12. claim – สิทธิเรียกร้อง, คำฟ้อง

The plaintiff made a claim for damages,

arguing that the contract had been unfairly broken.

Literal: โจทก์ได้ยื่นคำฟ้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย

โดยอ้างว่าสัญญาถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม

Natural: โจทก์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย

เพราะบอกว่าสัญญาถูกทำผิดไปอย่างไม่ยุติธรรม

 

13. time-barred – ขาดอายุความ

The Court found the case was time-barred,

since it was filed after the legal time limit had passed.

Literal: ศาลเห็นว่าคดีขาดอายุความ

เนื่องจากถูกยื่นหลังจากเวลาที่กฎหมายกำหนด

Natural: ศาลบอกว่าคดีนี้หมดอายุความแล้ว

เพราะยื่นช้าเกินไป

 

14. dismissed – ถูกยกฟ้อง

The case was dismissed,

because the evidence was too weak to support the claim.

Literal: คดีถูกยกฟ้อง

เพราะหลักฐานอ่อนเกินไปที่จะสนับสนุนคำฟ้อง

Natural: ศาลยกฟ้อง

เพราะหลักฐานไม่พอที่จะเอาผิด

 

15. Court – ศาล

The Court listened carefully to both sides,

before making a final judgment.

Literal: ศาลรับฟังทั้งสองฝ่ายอย่างรอบคอบ

ก่อนที่จะมีคำพิพากษาสุดท้าย

Natural: ศาลฟังทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียด

 

แล้วค่อยตัดสินคดี


1.อายุความ 5 ปี – ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) 2.หนี้เงินกู้ผ่อนงวด vs. หนี้บัตรเครดิต 3.คดีผู้บริโภค – ศาลตรวจสอบคำให้การ 4.การโอนสิทธิเรียกร้อง – ป.พ.พ. มาตรา 306 5.คดีขาดอายุความ – ศาลฎีกายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2568

ตามใบคำขอรับสินเชื่อจำเลยระบุว่าสมัครด้วยบัตรเครดิต ไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงรับสินเชื่อซื้อสินค้าและรับสินเชื่อเป็นเงินสด ตามคำฟ้องเป็นการใช้บัตรเครดิตชำระราคาสินค้าและเบิกถอนเงินสด แม้จำเลยสามารถเบิกถอนเงินสินเชื่อที่ได้รับโดยใช้บัตรที่บริษัท จ. ออกให้จำเลย แต่สิทธิเรียกร้องในหนี้ตามฟ้องไม่ได้เกิดจากจำเลยใช้บัตรเครดิตของจำเลยซื้อสินค้าและเบิกถอนเงินสดแล้วบริษัทออกเงินทดรองจ่ายไปก่อนซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามที่จำเลยอ้าง ทั้งการที่จำเลยสมัครขอรับสินเชื่อเงินสดตามคำฟ้องเป็นกรณีที่จำเลยกู้ยืมเงินจากบริษัท จ. โดยมีข้อตกลงให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแก่บริษัทเป็นงวดรายเดือน เดือนละ 2,748 บาท มีกำหนด 24 เดือน จึงเป็นการชำระเงินผ่อนคืนทุนเป็นงวด ๆ ซึ่งมีอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) เมื่อจำเลยให้การแล้วว่าหนี้ตามฟ้องขาดอายุความเมื่อใด โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเมื่อใด นับแต่วันใดถึงวันฟ้องขาดอายุความไปแล้ว คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ แม้จำเลยให้การต่อสู้ว่าหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้บัตรเครดิตตามความเข้าใจของจำเลยมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ ไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. 193/33 (2) ก็ตาม แต่เป็นหน้าที่ศาลที่จะปรับบทกฎหมายว่ากรณีต้องด้วยบทกฎหมายมาตราใด ประกอบกับ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลตรวจสอบคำให้การของจำเลย หากศาลเห็นว่าคำให้การไม่ถูกต้องหรือขาดสาระสำคัญบางเรื่อง ศาลอาจมีคำสั่งให้จำเลยแก้ไขคำให้การในส่วนนั้นให้ถูกต้องหรือชัดเจนขึ้นก็ได้ คดีจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า หนี้สินเชื่อกู้ยืมตามฟ้องขาดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) หรือไม่


โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 52,269.32 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 27,325.32 บาท นับถัดจากวันที่ 11 มีนาคม 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 36,760.69 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 27,325.32 บาท นับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2560 จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 11 มีนาคม 2564) ต้องไม่เกิน 15,508.63 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา


ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้ฟังเป็นยุติได้ว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 จำเลยสมัครขอรับสินเชื่อจากบริษัท จ. ซึ่งตกลงรับจำเลยเป็นสมาชิกโดยออกบัตรสมาชิกหมายเลข 1133 0505 5811 xxxx ให้แก่จำเลย เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 จำเลยนำบัตรสมาชิกดังกล่าวไปใช้ซื้อสินค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่จากบริษัท จ. ในวงเงิน 12,290 บาท และวันที่ 9 เมษายน 2555 จำเลยสมัครขอรับสินเชื่อเงินสด ระบุจำนวนเงิน 40,000 บาท ส่วนเงื่อนไขการรับเงินในช่องที่ระบุว่าธนาคารที่ต้องการให้โอนเงินเข้าบัญชี ไม่ได้ระบุว่าธนาคารใด ระบุเพียงสาขาห้วยยอด ประเภทบัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 327226xxxx โดยมีสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ธ. สาขาห้วยยอด ชื่อบัญชีจำเลย เลขที่บัญชี 327-2-26xxx-x แนบประกอบ ซึ่งตรงกับเลขที่บัญชีและสาขาที่ระบุในใบสมัครขอสินเชื่อเงินสดดังกล่าว และจำเลยยังลงลายมือชื่อในใบสมัครขอสินเชื่อเงินสดพร้อมกับแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของจำเลยและสำเนาบัตรระบุหมายเลขสมาชิกของจำเลย โจทก์รับโอนสินเชื่อของจำเลยจากบริษัท จ.


คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ฎีกาประการแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ เห็นว่า การโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 วรรคหนึ่ง บัญญัติเพียงว่า ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือจะไม่สมบูรณ์ และการโอนนั้นจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้ยินยอมด้วยในการโอนโดยทำคำบอกกล่าวหรือความยินยอมเป็นหนังสือ ไม่ได้บัญญัติว่าการโอนนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้โอนกับผู้รับโอน ดังนั้น เมื่อบริษัท จ. โอนสิทธิเรียกร้องสินเชื่อให้แก่โจทก์ โดยทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนฝ่ายเดียวก็สมบูรณ์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น


ปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ฎีกาประการที่สองว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ตามใบคำขอรับสินเชื่อจำเลยระบุในใบคำขอดังกล่าวว่าสมัครด้วยบัตรเครดิต ไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงรับสินเชื่อซื้อสินค้าและรับสินเชื่อเป็นเงินสดตามคำฟ้องเป็นการใช้บัตรเครดิตชำระราคาสินค้าและเบิกถอนเงินสด แม้จำเลยสามารถเบิกถอนเงินสินเชื่อที่ได้รับโดยใช้บัตรที่บริษัท จ. ออกให้จำเลย แต่สิทธิเรียกร้องในหนี้ตามฟ้องไม่ได้เกิดจากจำเลยใช้บัตรเครดิตของจำเลยซื้อสินค้าและเบิกถอนเงินสดแล้วบริษัท จ. ออกเงินทดรองจ่ายไปก่อนซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามที่จำเลยอ้าง ทั้งการที่จำเลยสมัครขอรับสินเชื่อเงินสดตามคำฟ้องเป็นกรณีที่จำเลยกู้ยืมเงินจากบริษัท จ. โดยมีข้อตกลงให้จำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนแก่บริษัทดังกล่าวเป็นงวดรายเดือน เดือนละ 2,748 บาท มีกำหนด 24 เดือน จึงเป็นการชำระเงินผ่อนคืนทุนเป็นงวด ๆ ซึ่งมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) เมื่อจำเลยให้การแล้วว่า หนี้ตามฟ้องขาดอายุความเมื่อใด โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเมื่อใด นับแต่วันใดถึงวันฟ้องขาดอายุความไปแล้ว คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ แม้จำเลยให้การต่อสู้ว่าหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้บัตรเครดิตตามความเข้าใจของจำเลยมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ ไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) ก็ตาม แต่เป็นหน้าที่ศาลที่จะปรับบทกฎหมายว่ากรณีต้องด้วยบทกฎหมายมาตราใด ประกอบกับพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลตรวจคำให้การของจำเลย หากศาลเห็นว่าคำให้การไม่ถูกต้องหรือขาดสาระสำคัญบางเรื่อง ศาลอาจมีคำสั่งให้จำเลยแก้ไขคำให้การในส่วนนั้นให้ถูกต้องหรือชัดเจนขึ้นก็ได้ คดีจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า หนี้สินเชื่อกู้ยืมเงินตามฟ้องขาดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) หรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์นำสืบว่า จำเลยชำระหนี้มาโดยตลอดนับแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2557 ถึงวันที่ 11 กันยายน 2558 โดยยอดหนี้ลดลงมาตลอดจากต้นเงิน 50,000 บาท ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2558 เหลือ 27,325.32 บาท หลังจากนั้นจำเลยไม่ชำระหนี้ดังกล่าว ต่อมาจำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ครั้งสุดท้ายวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 จำนวน 1,000 บาท เมื่อนำไปหักชำระหนี้ที่ค้างชำระในส่วนของค่าธรรมเนียมอื่นแล้วจำเลยยังต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ 36,760.69 บาท ส่วนจำเลยให้การและนำสืบว่า จำเลยไม่เคยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ 1,000 บาท เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ว่าจำเลยชำระหนี้ดังกล่าว ได้ความจากว่าที่ร้อยตรีหญิงณัฐยา ผู้รับมอบอำนาจช่วงจากโจทก์ว่า ใบแจ้งยอดบัญชีฉบับสุดท้ายที่ส่งให้แก่จำเลยลงวันที่ 11 ธันวาคม 2558 แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้จึงไม่ได้ส่งใบแจ้งหนี้ให้แก่จำเลยอีก โดยมีข้อมูลการรับเงินครั้งสุดท้ายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 จำนวน 1,000 บาท แต่ไม่ทราบว่าใครจ่ายเงิน 1,000 บาท ดังนั้น เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามใบแจ้งยอดหนี้วันที่ 11 ธันวาคม 2558 เป็นต้นมา แต่หลังจากโจทก์รับโอนหนี้ของจำเลยมาจากการรับโอนกิจการบัตรสินเชื่อเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 โจทก์อ้างว่ามีการจ่ายเงิน 1,000 บาท เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ชำระหนี้ของจำเลย โดยไม่ทราบว่าใครจ่ายเงินดังกล่าว จึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยที่จำเลยซึ่งผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้ครั้งสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2558 ซึ่งเป็นเวลานานแล้ว แต่หลังจากโจทก์รับโอนหนี้ของจำเลยมาแล้ว กลับมีการจ่ายเงินเพียง 1,000 บาท เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ชำระหนี้ของจำเลย และโจทก์นำไปหักชำระค่าธรรมเนียมอื่นที่ค้างชำระ โดยโจทก์เป็นผู้จัดทำเอกสารดังกล่าวขึ้นมาเอง เมื่อโจทก์มีภาระการพิสูจน์ แต่พยานหลักฐานของโจทก์ยังมีข้อพิรุธน่าสงสัยและไม่สมเหตุผล จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยจ่ายเงิน 1,000 บาท ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้วันที่ 11 ธันวาคม 2558 โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องวันที่ 11 มีนาคม 2564 เกิน 5 ปี นับแต่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ



1.การโอนสิทธิเรียกร้อง – ป.พ.พ. มาตรา 306 แม้ลงชื่อผู้โอนฝ่ายเดียวก็สมบูรณ์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง 2.อายุความของหนี้ – บัตรเครดิต 2 ปี, เงินกู้ผ่อนงวด 5 ปี ศาลชี้เป็นหนี้เงินกู้ ใช้อายุความ 5 ปี 3.ภาระการพิสูจน์ – โจทก์ต้องพิสูจน์การชำระหนี้หยุดอายุความ แต่หลักฐานไม่น่าเชื่อถือ ศาลไม่รับฟัง
 



อายุความฟ้องร้องคดี

(ฎีกา 2140/2568)คดีทุจริต ป.ป.ช. & อายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกา 1685/2568 – สัญญาประนีประนอม & อายุความ 10 ปี
(ฎีกาที่ 1856/2568) ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ & อายุความ 10 ปี
(ฎีกาที่ 3329/2567) ว่าด้วยการชำระหนี้เป็นงวด อายุความ และการรับสภาพหนี้, ป.พ.พ. มาตรา 193/30,
(ฎีกาที่ 3376/2567): ความรับผิดค่ารักษาพยาบาลและอายุความ 2 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (11)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5660/2567: อายุความเรียกร้องค่าสินค้าและค่าว่าจ้างถมทราย พร้อมวิเคราะห์ประเด็นข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5783/2567 กรณีซื้อขายที่ดิน ข้อตกลงคืนเงินเมื่อที่ดินขาด อายุความฟ้องเรียกคืน 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6568/2567 : อายุความฟ้องเรียกหนี้บัตรกดเงินสด และการนับระยะเวลาตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกา 1174/2568 เกี่ยวกับหนี้สินเชื่อ “อายุความ 2  ปี หรือ 5  ปี” วิเคราะห์ครบถ้วน
ฟ้องเพิกถอนการโอนที่ดินมรดกขาดอายุความ
สิทธิฟ้องเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินสินสมรส อายุความ ฟ้องซ้ำ ฟ้องซ้อน
อายุความมูลละเมิด, ฟ้องทายาทผู้ทำละเมิดที่ตายแล้ว, มรดกและความรับผิดของทายาท, การขุดดินและความเสียหายทางสาธารณะ,
คดีเช่าซื้อรถตู้, ยักยอกรถตู้, ฟ้องร้องเกินกำหนด 3 เดือน, คดีขาดอายุความ,
สิทธิในการฟ้องคดีมรดก, อายุความมรดก, การครอบครองที่ดินโดยมิได้จดทะเบียนสมรส
อายุความค่าจ้างว่าความ, อายุความสะดุดลง, ดอกเบี้ยผิดนัด, สัญญาจ้างทำของ,
อายุความ 5 ปี หนี้ตามสัญญา, หนี้ที่ต้องชำระเป็นงวดๆ อายุความ, ฟ้องคดีขาดอายุความ หนี้เงินกู้
การชำระหนี้ซึ่งขาดอายุความแล้วจะเรียกคืนไม่ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้อายุความมูลหนี้เดิมสะดุดหยุดลง
อายุความฟ้องเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงชู้
สิทธิฟ้องเรียกเงินคืนผิดสัญญาจะซื้อขาย
อายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่
สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง
ฟ้องผิดตัวอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลง-อำนาจฟ้อง
อายุความรับผิดในฐานะตัวแทนไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ
อายุความตามสัญญาให้บริการทางการแพทย์อันเป็นเอกเทศสัญญา
อายุความคดีความผิดฐานฉ้อโกง ร้องทุกข์เกิน 3 เดือน
วันวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคหนึ่ง
อายุความสะดุดหยุดลงย่อมเป็นคุณเฉพาะแก่ฝ่ายโจทก์
รับสภาพความรับผิดโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ผู้ค้ำประกันยกข้อต่อสู้เรื่องขาดอายุความ
ฟ้องเรียกให้ชำระหนี้เงินกู้อย่างเจ้าหนี้สามัญ
ไม่ได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความ
ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนในหนี้ที่ห้างได้ก่อให้เกิดขึ้น
กำหนดหนึ่งเดือนในการเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ไม่ใช่อายุความ