ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




อายุความสินเชื่อ 10 ปี & สิทธิเรียกร้อง, ปรับโครงสร้าง, ม.193/30 (ฎีกา 2542/2567) article

คำพิพากษาศาลฎีกา 2542/2567, อายุความสินเชื่อ, สิทธิเรียกร้องหนี้, สินเชื่อส่วนบุคคล, ปรับโครงสร้างหนี้, ประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 193/30, มาตรา 193/33, แนววินิจฉัยศาล, เทคนิคฟ้องหนี้, คดีผู้บริโภค, วินิจฉัยอายุความ, บทวิเคราะห์กฎหมาย 

  ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

บทนำ 

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ กรณีสินเชื่อส่วนบุคคลที่จำเลยค้างชำระตามหนังสือปรับโครงสร้างหนี้ โดยศาลวินิจฉัยว่า หนังสือปรับโครงสร้างดังกล่าวไม่มีลักษณะผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ ดังนั้นจึงไม่เข้าข้อยกเว้นอายุความ 5 ปีตาม มาตรา 193/33 (2) ของประมวลกฎหมายแพ่ง แต่สิทธิเรียกร้องนี้ไม่มีบทบัญญัติอายุความเฉพาะ จึงใช้ อายุความ 10 ปีตาม มาตรา 193/30 ได้ และเมื่อโจทก์ฟ้องภายในระยะเวลาดังกล่าว คดีจึงไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับให้บังคับตามศาลชั้นต้น โดยให้จำเลยชำระยอดหนี้พร้อมดอกเบี้ย และกำหนดค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์และฎีกา

ข้อเท็จจริงของคดี

จำเลยเป็นลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลกับบริษัท A

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2555 จำเลยค้างชำระ

จำเลยกับบริษัท A ทำหนังสือปรับโครงสร้างหนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 โดยยอดหนี้ที่ต้องชำระคือ 46,797 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี

ข้อตกลงให้ผ่อนชำระเป็นงวดขั้นต่ำเดือนละ 1,300 บาท ทุกวันที่ 2 ของเดือน

ในกรณีผิดนัดให้จำเลยชำระค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใด ๆ ตามตกลง

ไม่มีข้อตกลงกำหนดให้ผ่อนชำระทุนคืนเป็นงวด ๆ

โจทก์เป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาจากบริษัท A

โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ขอให้จำเลยชำระ 65,435.49 บาท (ต้นเงิน + ดอกเบี้ย)

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระ พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ยื่นฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับอนุญาตให้ฎีกา

ปัญหาที่ศาลต้องวินิจฉัย

ปัญหาสำคัญคือ คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่?

โดยเฉพาะว่า สิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ในหนังสือปรับโครงสร้างหนี้นั้น ใช้อายุความ 5 ปีตาม มาตรา 193/33 (2) หรือใช้อายุความ 10 ปีตาม มาตรา 193/30

หลักกฎหมาย (Rule)

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 — ถ้ากฎหมายมิได้กำหนดอายุความเฉพาะไว้ ให้ใช้ “สิบปี”

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) — สำหรับ “สิทธิเรียกร้องที่ผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ” กำหนดอายุความ 5 ปี

หากข้อตกลงในหนังสือปรับโครงสร้างหนี้มีลักษณะ “ผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ” จะเข้าสู่ข้อจำกัดตาม มาตรา 193/33 (2)

แต่ถ้าไม่มีลักษณะนั้น และไม่มีบทบัญญัติอายุความเฉพาะ ก็ให้ใช้อายุความ 10 ปีตาม มาตรา 193/30

หลัก “นับวันผิดนัด” (default) — เมื่อจำเลยผิดนัดชำระงวดใด ให้เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องเรียกร้องยอดคงเหลือทั้งหมดได้ในทันที

การใช้กฎหมายกับกรณี (Application)

ข้อตกลงว่าให้จำเลยผ่อนชำระขั้นต่ำเดือนละ 1,300 บาท แม้ว่ายอดชำระบางส่วนอาจถูกหักเป็นต้นเงินและดอกเบี้ย แต่ ไม่มีข้อตกลงกำหนดว่าเป็นการผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ

ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ไม่เข้าลักษณะตาม ม.193/33 (2)

เพราะไม่มีบทบัญญัติอายุความเฉพาะสำหรับสิทธิเรียกร้องนี้ จึงใช้ อายุความ 10 ปีตาม ม.193/30

จำเลยผิดนัดตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2555 เป็นต้นมา — ถือว่าเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องยอดหนี้ทั้งหมด ณ วันผิดนัดนั้น

โจทก์ฟ้องในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งอยู่ในกรอบ 10 ปี (นับจากวันผิดนัด) — คดีจึงไม่ขาดอายุความ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องนั้นขัดหลักกฎหมายที่ว่ามา

คำวินิจฉัยศาลฎีกา

ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

ศาลพิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ให้จำเลยชำระเงินตามยอด 65,435.49 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามอัตราร้อยละ 15 ต่อปี

ให้จำเลยรับภาระค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา รวม 6,000 บาท

ค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้จำเลยชดใช้แทนโจทก์

ประเด็นเพิ่มเติม & การขยายความกฎหมาย

การแยกแยะ “ข้อตกลงผ่อนคืนเป็นงวด ๆ” กับ “ข้อตกลงผ่อนขั้นต่ำแต่ไม่กำหนดจำนวนงวด” เป็นประเด็นสำคัญ

ถ้าฝ่ายคู่สัญญาอ้างว่าเป็นการผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ จะต้องพิสูจน์ว่าในข้อตกลงมีเงื่อนไขผ่อนเป็นงวด – หากไม่พิสูจน์จะถูกวินิจฉัยตามมาตรา 193/30

หลักนับอายุความ: นับจากวันผิดนัด ไม่ใช่จากวันที่ครบกำหนด

แนววินิจฉัยนี้อาจใช้ได้กับสินเชื่อ / การปรับโครงสร้างหนี้ รูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่มีบทบัญญัติคุ้มครองเฉพาะ

สรุปข้อคิดทางกฎหมาย

ข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ที่ไม่มีลักษณะผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ จะไม่เข้าสู่อายุความ 5 ปีตาม ม.193/33 (2)

เมื่อไม่มีบทบัญญัติอายุความเฉพาะ สิทธิเรียกร้องใช้ได้ 10 ปีตาม ม.193/30

เจ้าหนี้ควรร้องฟ้องภายใน 10 ปีนับจากวันผิดนัด

คู่สัญญาฝ่ายลูกหนี้ ถ้าต้องการจำกัดอายุความ ควรระบุเงื่อนไขในสัญญาให้ชัดเจน

การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย


⚖️ ประเด็นกฎหมายสำคัญที่สุดของคดี

คดีนี้ใช้การตีความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 และ มาตรา 193/33 (2)

โดยมี ประเด็นหลักในการวินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ในกรณี “หนังสือปรับโครงสร้างหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล” ควรใช้อายุความ 5 ปี หรือ 10 ปี

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

หนังสือปรับโครงสร้างหนี้ที่ให้ลูกหนี้ชำระขั้นต่ำรายเดือน แต่ ไม่กำหนดจำนวนงวดผ่อนคืนทุน ไม่ถือว่าเป็น “สิทธิเรียกร้องที่ผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ”

ดังนั้น สิทธิเรียกร้องนี้จึงไม่อยู่ในข่ายของมาตรา 193/33 (2) ที่กำหนดอายุความ 5 ปี

แต่ต้องใช้หลักทั่วไปตาม มาตรา 193/30 ซึ่งให้อายุความ 10 ปี สำหรับสิทธิเรียกร้องทั่วไปที่กฎหมายมิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ


🔑 5 Keywords ที่เป็นแก่นของคดี พร้อมคำอธิบายสั้น ๆ

1. มาตรา 193/30 – อายุความ 10 ปี

ใช้กับสิทธิเรียกร้องที่กฎหมายไม่ได้กำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ เช่น สิทธิเรียกร้องตามหนังสือปรับโครงสร้างหนี้ที่ไม่มีการผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ

💬 ศาลถือว่าคดีนี้เข้าข่ายอายุความ 10 ปี เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติพิเศษกำหนดไว้


2. มาตรา 193/33 (2) – อายุความ 5 ปี

ใช้กับสิทธิเรียกร้องที่ “ผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ” เช่น สัญญากู้หรือเช่าซื้อที่กำหนดจำนวนงวดชำระชัดเจน

💬 แต่ในคดีนี้ไม่เข้าข่าย เพราะไม่มีการระบุจำนวนงวดหรือกำหนดเวลาผ่อนคืนทุน


3. หนังสือปรับโครงสร้างหนี้ (Debt Restructuring Agreement)

เป็นข้อตกลงที่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ใหม่ เช่น ลดดอกเบี้ย หรือผ่อนชำระขั้นต่ำ แต่หากไม่กำหนดงวดคืนทุน จะไม่ถือว่าเป็นการผ่อนทุนคืนตามมาตรา 193/33 (2)

💬 ลักษณะของข้อตกลงเป็นประเด็นชี้ขาดว่าอายุความจะเป็น 5 ปี หรือ 10 ปี


4. วันผิดนัดชำระหนี้ (Default Date)

เป็นวันที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลง ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นนับอายุความของเจ้าหนี้

💬 ในคดีนี้จำเลยผิดนัดวันที่ 2 สิงหาคม 2555 ศาลถือว่านับจากวันดังกล่าวเป็นต้นไป


5. สิทธิเรียกร้อง (Right of Claim)

สิทธิที่เจ้าหนี้มีต่อการเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ซึ่งหากไม่มีบทบัญญัติอายุความเฉพาะ ก็จะอยู่ภายใต้อายุความ 10 ปีตามมาตรา 193/30

💬 สิทธิเรียกร้องของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ เพราะยื่นฟ้องภายใน 10 ปีหลังวันผิดนัด


✅ สรุปใจความสำคัญ:

คดีนี้วางหลักว่า หากหนังสือปรับโครงสร้างหนี้ไม่กำหนดงวดคืนทุนอย่างชัดเจน สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จะมีอายุความ 10 ปีตามมาตรา 193/30 ไม่ใช่ 5 ปีตามมาตรา 193/33 (2) และให้นับอายุความตั้งแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระครั้งแรก


 IRAC แบบขยาย (Issue – Rule – Application – Conclusion)

ประเด็นปัญหา (Issue)

ประเด็นสำคัญในคดีนี้คือ

“สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามหนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นสิทธิเรียกร้องที่มีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) หรือมีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 193/30 และเมื่อพิจารณาวันที่จำเลยผิดนัดกับวันที่โจทก์ยื่นฟ้อง คดีนี้ขาดอายุความหรือไม่”


กฎเกณฑ์ทางกฎหมาย (Rule)

1. มาตรา 193/33 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

กำหนดอายุความ 5 ปี สำหรับ “สิทธิเรียกร้องที่ผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ” เช่น สัญญากู้หรือเช่าซื้อที่ระบุชัดเจนว่าต้องชำระคืนเป็นงวดรายเดือนจนกว่าจะครบจำนวนเงินต้น

2. มาตรา 193/30 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

กำหนดว่า “เมื่อกฎหมายมิได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ ให้ถือว่ามีอายุความ 10 ปี”

3. หลักการนับอายุความในกรณีผิดนัด

อายุความเริ่มนับตั้งแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ (ไม่ใช่วันที่ครบกำหนดสุดท้ายของสัญญา)

4. หากข้อตกลงในสัญญาหรือหนังสือปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีลักษณะการผ่อนชำระคืนเป็นงวด ๆ ของเงินต้น ย่อมไม่อยู่ภายใต้มาตรา 193/33 (2) แต่ต้องใช้หลักทั่วไปตามมาตรา 193/30 ซึ่งมีอายุความ 10 ปีแทน


การวินิจฉัยข้อเท็จจริงและการปรับใช้กฎหมาย (Application)

หนังสือปรับโครงสร้างหนี้ในคดีนี้ระบุเพียงว่า จำเลยต้องชำระ “ขั้นต่ำเดือนละ 1,300 บาท” แต่ ไม่ได้กำหนดจำนวนงวด หรือระยะเวลาที่ต้องชำระคืนเงินต้นให้ครบถ้วน

ลักษณะดังกล่าวไม่ใช่การ “ผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ” ตามที่มาตรา 193/33 (2) กำหนด

เมื่อไม่มีบทบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับอายุความสำหรับสินเชื่อประเภทนี้ จึงต้องใช้ อายุความ 10 ปีตามมาตรา 193/30

จำเลยผิดนัดตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2555 (พ.ศ. 2555)

โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 (พ.ศ. 2565) ซึ่งยังอยู่ภายในระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันผิดนัด

ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ ยังไม่ขาดอายุความ

การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องโจทก์ ถือเป็นการใช้กฎหมายไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 193/30


ข้อสรุป (Conclusion)

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

สิทธิเรียกร้องของโจทก์ ไม่ขาดอายุความ

หนังสือปรับโครงสร้างหนี้ไม่มีลักษณะการผ่อนคืนทุนเป็นงวด ๆ จึงอยู่ภายใต้อายุความ 10 ปีตามมาตรา 193/30

พิพากษากลับตามศาลชั้นต้น ให้จำเลยชำระหนี้ตามยอดเรียกร้อง พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี

ให้จำเลยรับผิดชำระค่าธรรมเนียมและค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา รวมเป็นจำนวน 6,000 บาท

สรุป: คดีนี้เป็นแนววินิจฉัยสำคัญเกี่ยวกับ “อายุความของสิทธิเรียกร้องในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล” ซึ่งศาลฎีกาได้ยืนยันหลักว่าหากสัญญาไม่มีการผ่อนคืนทุนเป็นงวด ๆ ตามนิยามกฎหมาย ย่อมต้องใช้อายุความ 10 ปี

แนวคำถาม-และคำตอบ

⚖️ ประเด็นที่ 1: อายุความของสิทธิเรียกร้องจากการปรับโครงสร้างหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล

คำถาม:

กรณีลูกหนี้ค้างชำระสินเชื่อส่วนบุคคลตามหนังสือปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีข้อตกลงให้ผ่อนชำระขั้นต่ำรายเดือน แต่ไม่มีการกำหนดจำนวนงวดหรือระยะเวลาชำระคืนเงินต้น จะต้องใช้อายุความ 5 ปีหรือ 10 ปีในการฟ้องร้อง?

คำตอบ:

หนังสือปรับโครงสร้างหนี้ที่ระบุให้ลูกหนี้ชำระขั้นต่ำรายเดือนโดย ไม่มีการกำหนดจำนวนงวดหรือระยะเวลาผ่อนคืนทุน ไม่ถือว่าเป็น “สิทธิเรียกร้องที่ผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ” ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2)

เมื่อไม่มีบทบัญญัติพิเศษกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ ต้องถือว่าใช้ อายุความ 10 ปีตามมาตรา 193/30

ดังนั้น โจทก์ซึ่งยื่นฟ้องภายใน 10 ปีนับแต่วันที่จำเลยผิดนัด ย่อมไม่ขาดอายุความ


⚖️ ประเด็นที่ 2: วันเริ่มนับอายุความในกรณีลูกหนี้ผิดนัดชำระ

คำถาม:

ในกรณีสินเชื่อที่ลูกหนี้ค้างชำระเป็นรายเดือน วันเริ่มนับอายุความควรนับตั้งแต่วันครบกำหนดชำระงวดสุดท้าย หรือวันผิดนัดชำระงวดแรก?

คำตอบ:

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลย ผิดนัดชำระหนี้ในงวดวันที่ 2 สิงหาคม 2555 เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ทั้งหมดได้ทันที นับแต่วันผิดนัดนั้นเป็นต้นไป

ดังนั้น การนับอายุความเริ่มจากวันผิดนัดครั้งแรก ไม่ใช่วันครบกำหนดสุดท้ายของสัญญา และเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ยังอยู่ภายในระยะเวลา 10 ปี คดีจึงไม่ขาดอายุความ


⚖️ ประเด็นกฎหมายสำคัญที่สุดของคดี คดีนี้ใช้การตีความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 และ มาตรา 193/33 (2) โดยมี ประเด็นหลักในการวินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ในกรณี “หนังสือปรับโครงสร้างหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล” ควรใช้อายุความ 5 ปี หรือ 10 ปี

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2542/2567

สินเชื่อส่วนบุคคลที่จำเลยค้างชำระตามหนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระบุยอดหนี้ที่จำเลยต้องชำระ 46,797 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนขั้นต่ำ 1,300 บาท ทุกวันที่ 2 ของเดือน โดยกำหนดให้จำเลยชำระเพียงจำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องชำระ แม้จะนำไปหักชำระเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยบางส่วนก็ตาม แต่หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้และภายในเวลาที่กำหนด จำเลยจะต้องชำระค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ อันเป็นข้อตกลงว่า จำเลยอาจชำระหนี้ในอัตราขั้นสูงเพียงใดก็ได้ และมิได้มีข้อตกลงกำหนดให้จำเลยต้องผ่อนชำระทุนคืนเป็นเวลากี่งวด หนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าวไม่มีลักษณะผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ จึงมิใช่สิทธิเรียกร้องที่มีกำหนดอายุความห้าปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) แต่สิทธิเรียกร้องของโจทก์เช่นนี้กฎหมายไม่ได้บัญญัติอายุความไว้ จึงมีอายุความสิบปี ตามมาตรา 193/30


โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 65,435.49 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 45,631 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง


ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 65,435.49 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 45,631 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท กับค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี 600 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และค่าส่งคำคู่ความแก่จำเลยรวม 1,908 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระแก่บริษัท อ. เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2555 จำเลยทำหนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับบริษัท อ. โดยได้รับอนุมัติให้เหลือยอดเงินที่ต้องชำระ 46,797 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนขั้นต่ำ 1,300 บาท ทุกวันที่ 2 ของเดือน ตามหนังสือแสดงเจตนาและให้ความยินยอมเพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 โจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้คดีนี้มาจากบริษัท อ.


คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า บริษัท อ. ได้รับอนุญาตให้ประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน และกฎหมายมิได้กำหนดอายุความสินเชื่อดังกล่าวไว้ ตามหนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าว ไม่มีลักษณะเป็นการผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) ซึ่งมีอายุความห้าปี แต่มีอายุความสิบปีตามมาตรา 193/30 และโจทก์นำสืบว่าจำเลยชำระหนี้ครั้งสุดท้ายวันที่ 3 กรกฎาคม 2555 จำนวน 1,300 บาท หลังจากนั้นไม่ชำระอีกเลย โดยเหลือยอดหนี้ค้างชำระ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นเงิน 45,631 บาท ดอกเบี้ย 4,378 บาท ค่าธรรมเนียม 4,100 บาท รวมเป็นเงิน 54,109 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 45,631 บาท นับแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2563 จนถึงวันฟ้อง เป็นดอกเบี้ย 11,326.49 บาท รวมเป็นเงิน 65,435.49 บาท ส่วนจำเลยแก้ฎีกาโดยไม่โต้แย้งยอดหนี้ดังกล่าว เห็นว่า สินเชื่อส่วนบุคคลที่จำเลยค้างชำระตามหนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าวระบุยอดหนี้ที่จำเลยต้องชำระ 46,797 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนขั้นต่ำ 1,300 บาท ทุกวันที่ 2 ของเดือน โดยกำหนดให้จำเลยชำระเพียงจำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องชำระ แม้จะนำไปหักชำระเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยบางส่วนก็ตาม แต่หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้และภายในเวลาที่กำหนด จำเลยจะต้องชำระค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ อันเป็นข้อตกลงว่า จำเลยอาจชำระหนี้ในอัตราขั้นสูงเพียงใดก็ได้ และมิได้มีข้อตกลงกำหนดให้จำเลยต้องผ่อนชำระทุนคืนเป็นเวลากี่งวด หนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าวไม่มีลักษณะผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ จึงมิใช่สิทธิเรียกร้องที่มีกำหนดอายุความห้าปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) แต่สิทธิเรียกร้องของโจทก์เช่นนี้กฎหมายไม่ได้บัญญัติอายุความไว้ จึงมีอายุความสิบปีตามมาตรา 193/30 จำเลยผิดนัดชำระหนี้ในงวดที่ถึงกำหนดชำระวันที่ 2 สิงหาคม 2555 เป็นต้นมา บริษัท อ. ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ทั้งหมดได้ทันทีนับแต่จำเลยผิดนัดดังกล่าว เมื่อโจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ดังกล่าวและฟ้องคดีนี้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

 

พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีการวม 6,000 บาท

 




อายุความฟ้องร้องคดี

(ฎีกา 1174/2568) คดีบัตรเครดิตหรือเงินกู้ & อายุความ 5 ปี
(ฎีกา 2140/2568)คดีทุจริต ป.ป.ช. & อายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกา 1685/2568 – สัญญาประนีประนอม & อายุความ 10 ปี
(ฎีกาที่ 1856/2568) ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ & อายุความ 10 ปี
(ฎีกาที่ 3329/2567) ว่าด้วยการชำระหนี้เป็นงวด อายุความ และการรับสภาพหนี้, ป.พ.พ. มาตรา 193/30,
(ฎีกาที่ 3376/2567): ความรับผิดค่ารักษาพยาบาลและอายุความ 2 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (11)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5660/2567: อายุความเรียกร้องค่าสินค้าและค่าว่าจ้างถมทราย พร้อมวิเคราะห์ประเด็นข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5783/2567 กรณีซื้อขายที่ดิน ข้อตกลงคืนเงินเมื่อที่ดินขาด อายุความฟ้องเรียกคืน 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6568/2567 : อายุความฟ้องเรียกหนี้บัตรกดเงินสด และการนับระยะเวลาตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกา 1174/2568 เกี่ยวกับหนี้สินเชื่อ “อายุความ 2  ปี หรือ 5  ปี” วิเคราะห์ครบถ้วน
ฟ้องเพิกถอนการโอนที่ดินมรดกขาดอายุความ
สิทธิฟ้องเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินสินสมรส อายุความ ฟ้องซ้ำ ฟ้องซ้อน
อายุความมูลละเมิด, ฟ้องทายาทผู้ทำละเมิดที่ตายแล้ว, มรดกและความรับผิดของทายาท, การขุดดินและความเสียหายทางสาธารณะ,
คดีเช่าซื้อรถตู้, ยักยอกรถตู้, ฟ้องร้องเกินกำหนด 3 เดือน, คดีขาดอายุความ,
สิทธิในการฟ้องคดีมรดก, อายุความมรดก, การครอบครองที่ดินโดยมิได้จดทะเบียนสมรส
อายุความค่าจ้างว่าความ, อายุความสะดุดลง, ดอกเบี้ยผิดนัด, สัญญาจ้างทำของ,
อายุความ 5 ปี หนี้ตามสัญญา, หนี้ที่ต้องชำระเป็นงวดๆ อายุความ, ฟ้องคดีขาดอายุความ หนี้เงินกู้
การชำระหนี้ซึ่งขาดอายุความแล้วจะเรียกคืนไม่ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้อายุความมูลหนี้เดิมสะดุดหยุดลง
อายุความฟ้องเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงชู้
สิทธิฟ้องเรียกเงินคืนผิดสัญญาจะซื้อขาย
อายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่
สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง
ฟ้องผิดตัวอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลง-อำนาจฟ้อง
อายุความรับผิดในฐานะตัวแทนไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ
อายุความตามสัญญาให้บริการทางการแพทย์อันเป็นเอกเทศสัญญา
อายุความคดีความผิดฐานฉ้อโกง ร้องทุกข์เกิน 3 เดือน
วันวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคหนึ่ง
อายุความสะดุดหยุดลงย่อมเป็นคุณเฉพาะแก่ฝ่ายโจทก์
รับสภาพความรับผิดโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ผู้ค้ำประกันยกข้อต่อสู้เรื่องขาดอายุความ
ฟ้องเรียกให้ชำระหนี้เงินกู้อย่างเจ้าหนี้สามัญ
ไม่ได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความ
ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนในหนี้ที่ห้างได้ก่อให้เกิดขึ้น
กำหนดหนึ่งเดือนในการเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ไม่ใช่อายุความ