ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




อายุความ 5 ปี หนี้ตามสัญญา, หนี้ที่ต้องชำระเป็นงวดๆ อายุความ, ฟ้องคดีขาดอายุความ หนี้เงินกู้

ท นาย อาสา ฟรี

 

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

อายุความ 5 ปี หนี้ตามสัญญา, หนี้ที่ต้องชำระเป็นงวดๆ อายุความ, ฟ้องคดีขาดอายุความ หนี้เงินกู้

หนี้ที่ชำระเป็นงวด ๆ จะเรียกร้องได้ตามงวดที่ถึงกำหนดเท่านั้น หนี้แต่ละงวดมีการนับอายุความแยกกัน หนี้งวดก่อนที่ครบ 5 ปีแล้วจะขาดอายุความ แต่ไม่กระทบหนี้งวดหลัง เนื่องจากสัญญาไม่ได้ระบุว่าผิดนัดงวดใดจะถือว่าผิดนัดทั้งหมด หนี้จึงไม่ได้ขาดอายุความพร้อมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3329/2567

*เมื่อสัญญากำหนดให้ลูกหนี้ต้องชำระหนี้เป็นงวด ๆ สิทธิของเจ้าหนี้ที่จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก็ต้องเป็นไปตามที่กำหนดคือเป็นงวด ๆ เช่นเดียวกัน เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ในงวดที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระก่อนย่อมไม่อาจทำได้ สิทธิเรียกร้องในหนี้แต่ละงวดซึ่งถึงกำหนดไม่พร้อมกัน ย่อมมีระยะเวลาครบกำหนดอายุความไม่พร้อมกัน หนี้ที่ถึงกำหนดชำระในงวดก่อน ย่อมครบกำหนด 5 ปี ก่อนหนี้ที่ถึงกำหนดทีหลังถัดกันไป ไม่ใช่ว่าหนี้งวดแรกซึ่งถึงกำหนดก่อนครบกำหนดอายุความแล้ว จะทำให้หนี้ทั้งหมดรวมถึงหนี้ในงวดหลัง ๆ ต้องครบกำหนดอายุความไปด้วยไม่ เนื่องจากสัญญาไม่ได้กำหนดไว้ว่า หากผิดนัดชำระหนี้งวดหนึ่งงวดใดแล้วก็ให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดทุกงวด ดังนั้นหนี้แต่ละจำนวนซึ่งถึงกำหนดชำระไม่พร้อมกัน จึงไม่ได้ขาดอายุความไปพร้อมกัน

*โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 825,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 600,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

*จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

*ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

*โจทก์อุทธรณ์

*ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับว่า ให้จำเลยชำระเงิน 390,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 7 มกราคม 2565 นับย้อนหลังไปเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 225,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 6,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ

*จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

*ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยลงลายมือชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้มอบให้โจทก์ไว้จริง คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการแรกว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า กรณีการชำระหนี้ที่กำหนดให้ชำระเป็นงวด ๆ เช่นนี้ สิทธิของเจ้าหนี้ที่จะมีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก็ต้องเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญา กล่าวคือ เมื่อสัญญากำหนดให้ลูกหนี้ต้องชำระหนี้เป็นงวด ๆ สิทธิของเจ้าหนี้ที่จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก็ต้องเป็นไปตามที่กำหนดคือเป็นงวด ๆ เช่นเดียวกัน เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ในงวดที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระก่อนก็ย่อมไม่อาจทำได้ ดังนั้นสิทธิเรียกร้องในหนี้แต่ละงวดซึ่งถึงกำหนดไม่พร้อมกัน ย่อมมีระยะเวลาครบกำหนดอายุความไม่พร้อมกันไปด้วย หนี้ที่ถึงกำหนดชำระในงวดก่อน ย่อมครบกำหนด 5 ปี ก่อนหนี้ที่ถึงกำหนดทีหลังถัดกันไป ไม่ใช่ว่าหนี้งวดแรกซึ่งถึงกำหนดก่อนครบกำหนดอายุความแล้ว จะทำให้หนี้ทั้งหมดรวมถึงหนี้ในงวดหลัง ๆ ต้องครบกำหนดอายุความไปด้วยไม่ เนื่องจากในสัญญาไม่ได้กำหนดไว้ว่า หากผิดนัดชำระหนี้งวดหนึ่งงวดใดแล้วก็ให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดทุกงวด ดังนั้นหนี้แต่ละจำนวนซึ่งถึงกำหนดชำระไม่พร้อมกัน จึงไม่ได้ขาดอายุความไปพร้อมกันดังที่จำเลยกล่าวอ้างในฎีกา เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 7 มกราคม 2565 โจทก์ย่อมเรียกร้องหนี้ที่จำเลยค้างชำระตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 มาจนถึงวันฟ้องได้เนื่องจากยังอยู่ในระยะเวลา 5 ปี ยังไม่ขาดอายุความ ส่วนหนี้ที่ถึงกำหนดก่อนหน้านั้นแล้วตั้งแต่ปี 2558 และปี 2559 ซึ่งเกินระยะเวลา 5 ปี แล้วนับแต่วันฟ้องย่อมขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยมาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

*ส่วนปัญหาสุดท้ายตามฎีกาของจำเลยที่อ้างว่า หนังสือรับสภาพหนี้เป็นเอกสารปลอมนั้น เห็นว่า จำเลยมีเพียงข้อกล่าวอ้างลอย ๆ ว่าเป็นเอกสารปลอมโดยจำเลยยอมรับว่าลงลายมือชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้จริง แต่ขณะนั้นเป็นเอกสารเปล่าไม่มีข้อความใด ๆ โจทก์นำเอกสารไปเติมข้อความเอาเองในภายหลัง โดยโจทก์หลอกให้จำเลยลงลายมือชื่อในเอกสาร ขณะที่นำเอกสารจำนวนมากมาให้จำเลยลงลายมือชื่อในเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดการมรดกของนายประหยัด ซึ่งมีทรัพย์สินเป็นที่ดินหลายแปลง จำเลยลงลายมือชื่อในเอกสารจำนวนมากให้โจทก์ไป โดยไม่ได้อ่านข้อความในเอกสารว่ามีเอกสารอะไรบ้าง จำเลยไม่เคยกู้ยืมเงินจากโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าว ส่วนโจทก์นอกจากมีพยานเอกสารคือหนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งจำเลยลงลายมือชื่อไว้จริงแล้ว ยังมีพยานบุคคลทั้งตัวโจทก์และนางสาวเวียง ภริยาโจทก์ ซึ่งเป็นประจักษ์พยานโดยตรง ยืนยันข้อเท็จจริงตรงกันว่า จำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์จริง โดยมีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเบิกเงินจากบัญชีธนาคารสนับสนุน โดยจำเลยไม่เคยชำระหนี้คืนให้แก่โจทก์ และภายหลังจำเลยจึงทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ โดยขอผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือน เดือนละ 10,000 บาท ตามการที่จำเลยมีแต่ข้อกล่าวอ้างลอย ๆ ส่วนโจทก์มีทั้งพยานบุคคลและเอกสารที่เกี่ยวข้องโดยตรงยืนยันเช่นนี้ พยานโจทก์ย่อมมีเหตุผลน่าเชื่อถือมากกว่า ทั้งเมื่อพิจารณาประกอบข้อเท็จจริงที่จำเลยเองก็ยอมรับว่า ทั้งโจทก์และจำเลยแบ่งฝ่ายกัน เนื่องจากมีข้อขัดแย้งกันในเรื่องการแบ่งทรัพย์มรดกของนายประหยัดจนถึงขนาดมีการฟ้องร้องคดีกันต่อศาล เช่นนี้ ที่จำเลยอ้างว่าลงลายมือชื่อในเอกสารเปล่าโดยไม่มีข้อความจึงไม่น่าเชื่อถือ บุคคลที่มีข้อขัดแย้งกันอยู่ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไปลงลายมือชื่อในเอกสารเปล่าให้กันเป็นแน่ แม้จะอ้างว่ามีเอกสารจำนวนมากก็เชื่อว่า จำเลยต้องตรวจดูก่อนลงชื่อในเอกสารทุกฉบับ ที่อ้างว่าลงชื่อโดยไม่ได้อ่านข้อความในเอกสารไม่มีเหตุผล ไม่น่าเชื่อถือ หรือที่อ้างว่าโจทก์ไม่ได้รีบฟ้องคดีทั้ง ๆ ที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้นานหลายปีแล้วจึงเป็นพิรุธนั้น เห็นว่า การที่โจทก์จะฟ้องร้องหรือไม่ เมื่อใด ล้วนเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของโจทก์เองทั้งสิ้น ไม่ได้มีกฎหมายใดบังคับให้โจทก์ต้องรีบใช้สิทธิฟ้องร้องคดีแต่อย่างใด หรือการที่โจทก์ไม่มีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยมานำสืบนั้น ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะรับฟังว่าจำเลยไม่ได้กู้ยืมเงินจากโจทก์ เนื่องจากนางสาวเวียงยืนยันว่า เงินที่ให้จำเลยยืมนั้น ส่วนหนึ่งเป็นรายได้จากการค้าขาย อีกส่วนหนึ่งเบิกมาจากบัญชีธนาคาร เงินที่ให้จำเลยกู้ยืมเป็นเงินสด จึงไม่มีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของจำเลย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด เห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีเหตุผล มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ สามารถรับฟังได้มากกว่าข้ออ้างลอย ๆ ของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้จริง และจำเลยเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ชำระหนี้ จำเลยจึงต้องรับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน

*อนึ่ง คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 390,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 7 มกราคม 2565 นับย้อนหลังไปเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 225,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาจึงคิดเป็นเงิน 536,250 บาท จำเลยจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 10,725 บาท แต่จำเลยเสียมา 12,300 บาท จึงให้คืนค่าขึ้นศาลที่ชำระเกินมา 1,575 บาท แก่จำเลย

*พิพากษายืน แต่ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่เสียเกินมา 1,575 บาท แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ


1.อายุความ 5 ปี หนี้ตามสัญญา

2.หนี้ที่ต้องชำระเป็นงวดๆ อายุความ

3.ฟ้องคดีขาดอายุความ หนี้เงินกู้

4.หลักกฎหมาย มาตรา 193/33 (2)

5.การชำระหนี้ตามสัญญา ข้อพิพาท

6.ฎีกาเรื่องอายุความหนี้เงินกู้

7.หนังสือรับสภาพหนี้ ปลอมหรือไม่

8.สิทธิเรียกร้องเจ้าหนี้ตามสัญญา

สรุปคำพิพากษาศาลฎีกา

โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระเงิน 825,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 600,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องจนถึงชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาให้จำเลยชำระ 390,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 7 มกราคม 2565 ย้อนหลังไม่เกิน 5 ปี แต่ดอกเบี้ยรวมไม่เกิน 225,000 บาท และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์

*จำเลยฎีกาโดยอ้างว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความและหนังสือรับสภาพหนี้เป็นเอกสารปลอม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การชำระหนี้ตามสัญญาซึ่งกำหนดเป็นงวดทำให้สิทธิเรียกร้องและอายุความของแต่ละงวดแยกจากกัน หนี้ที่ถึงกำหนดเกิน 5 ปีก่อนวันฟ้องขาดอายุความ แต่หนี้ที่ถึงกำหนดภายใน 5 ปียังฟ้องได้ ข้ออ้างของจำเลยเรื่องขาดอายุความจึงฟังไม่ขึ้น

*สำหรับข้ออ้างว่าเอกสารปลอม ศาลพิจารณาว่าจำเลยลงลายมือชื่อจริงและพยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากกว่า โดยโจทก์มีพยานบุคคลและเอกสารยืนยันว่าจำเลยกู้เงินและลงนามรับสภาพหนี้เอง ส่วนจำเลยไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างว่าถูกหลอกให้ลงชื่อในเอกสารเปล่า ข้ออ้างนี้จึงไม่น่าเชื่อถือ

*ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ภาค 6 ให้จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาเดิม และคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่จำเลยชำระเกินมา 1,575 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

**คำพิพากษาศาลฎีกา:** พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 6 แต่คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่ชำระเกินแก่จำเลย


**หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2)**

มาตรา 193/33 (2) ระบุว่า **สิทธิเรียกร้องเป็นอันระงับไปเมื่อพ้นอายุความ 5 ปี** สำหรับกรณีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับ **เงินที่จะต้องชำระเป็นระยะเวลาเป็นคราว ๆ** เช่น การชำระเงินตามสัญญากู้ยืมเงินที่กำหนดชำระเป็นงวด หรือการจ่ายเงินในลักษณะคล้ายคลึงกัน

*การประยุกต์ใช้ในคดีนี้**

1. **ข้อเท็จจริงในคดีนี้:**

   - จำเลยต้องชำระหนี้ตามสัญญาซึ่งกำหนดการชำระเป็นงวด ๆ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ทำให้โจทก์ฟ้องเรียกร้องหนี้ดังกล่าว

   - จำเลยยกข้อโต้แย้งว่าฟ้องคดีขาดอายุความ

2. **หลักการนับอายุความตามมาตรา 193/33 (2):**

   - หนี้ที่กำหนดชำระเป็นงวด ๆ จะนับอายุความแยกกันในแต่ละงวด ไม่ใช่นับรวมทั้งหมด

   - หากงวดใดถึงกำหนดเกินกว่า 5 ปีก่อนวันฟ้อง งวดนั้นจะขาดอายุความไป แต่หนี้ในงวดที่ยังไม่เกิน 5 ปียังคงอยู่ในระยะเวลาที่สามารถเรียกร้องได้

3. **คำวินิจฉัยของศาล:**

   - ศาลฎีกาเห็นว่า สิทธิเรียกร้องในหนี้ที่ถึงกำหนดชำระก่อน 5 ปีก่อนวันฟ้อง (ปี 2558 และ 2559) ได้ขาดอายุความไปแล้ว แต่หนี้ที่ถึงกำหนดตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 จนถึงวันฟ้อง (7 มกราคม 2565) ยังคงอยู่ในระยะเวลา 5 ปี จึงไม่ขาดอายุความ

4. **การอ้างมาตรา 193/33 (2):**

   - การชำระหนี้ตามงวดไม่ได้ระบุว่า หากผิดนัดชำระงวดใดงวดหนึ่ง หนี้ทุกงวดจะถึงกำหนดชำระพร้อมกัน ดังนั้น หนี้แต่ละงวดจึงแยกการนับอายุความอย่างชัดเจน

   - ข้อโต้แย้งของจำเลยที่กล่าวว่าอายุความของหนี้ทุกงวดครบกำหนดพร้อมกันจึงไม่มีมูลความจริง

### **ประโยชน์ของการอธิบายหลักกฎหมายนี้**

- **ช่วยให้เข้าใจการนับอายุความในกรณีหนี้ที่ชำระเป็นงวด ๆ:** ผู้อ่านจะเห็นความสำคัญของการกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญา และเข้าใจว่าการนับอายุความของหนี้ในแต่ละงวดเป็นอย่างไร

- **เสริมความชัดเจนในคดี:** ผู้อ่านจะเข้าใจว่าทำไมศาลจึงวินิจฉัยให้โจทก์สามารถเรียกร้องหนี้ในงวดที่ยังไม่ขาดอายุความได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องในส่วนที่ขาดอายุความไปแล้ว

- **เพิ่มความรู้ในทางปฏิบัติ:** ช่วยให้ผู้อ่านทราบถึงสิทธิและหน้าที่ในกรณีการชำระหนี้เป็นงวด ๆ รวมถึงผลกระทบหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญา

**สรุป:** หลักการในมาตรา 193/33 (2) เป็นหัวใจสำคัญในคดีนี้ในการพิจารณาอายุความของสิทธิเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินเป็นงวด ๆ โดยการนับอายุความจะต้องแยกกันในแต่ละงวด ไม่สามารถรวมทั้งหมดเป็นงวดเดียวได้


**บทความ: "หนี้ที่ต้องชำระเป็นงวดๆ มีกำหนดอายุความอย่างไร"

ในกฎหมายไทย **อายุความ** คือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้เจ้าหนี้สามารถเรียกร้องสิทธิของตนได้ หากพ้นระยะเวลานี้ไป สิทธิเรียกร้องจะเป็นอันระงับ หลักนี้มีความสำคัญในกรณีที่เกี่ยวข้องกับ **หนี้ที่ต้องชำระเป็นงวด ๆ** ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ **มาตรา 193/33 (2)** กำหนดว่า อายุความสำหรับเงินที่จะต้องชำระเป็นงวด ๆ มีระยะเวลา 5 ปี

*ลักษณะของหนี้ที่ต้องชำระเป็นงวด ๆ

หนี้ที่ต้องชำระเป็นงวด ๆ คือหนี้ที่มีการกำหนดระยะเวลาในการชำระในแต่ละงวด เช่น การผ่อนชำระเงินกู้ การชำระค่าเช่ารายเดือน หรือการจ่ายค่าบำรุงรักษา หนี้เหล่านี้มีลักษณะพิเศษคือ อายุความของหนี้ในแต่ละงวดจะนับแยกกัน ไม่รวมเป็นก้อนเดียว

**ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง**

1. **คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2536**

   - เจ้าหนี้ฟ้องเรียกร้องค่าเช่าค้างชำระ โดยศาลวินิจฉัยว่า ค่าเช่าที่ถึงกำหนดชำระในแต่ละเดือนถือว่าเป็นหนี้แยกจากกัน อายุความของแต่ละงวดจึงต้องนับแยกกัน หากค่างวดใดถึงกำหนดเกินกว่า 5 ปีก่อนฟ้อง จะถือว่าขาดอายุความ

2. **คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6620/2544**

   - ในกรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระค่าผ่อนส่งรายเดือน ศาลระบุว่าหนี้ที่ถึงกำหนดภายใน 5 ปีนับจากวันฟ้องยังสามารถเรียกร้องได้ แต่หนี้ที่ถึงกำหนดก่อนหน้านั้นจะขาดอายุความ

3. **คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4533/2554**

   - หนี้เงินกู้ที่มีการตกลงผ่อนชำระเป็นรายเดือน หากลูกหนี้ไม่ชำระงวดใดงวดหนึ่ง เจ้าหนี้สามารถฟ้องเฉพาะงวดที่ยังไม่ขาดอายุความได้ โดยไม่สามารถเรียกร้องเงินทั้งหมดในคราวเดียว

4. **คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2557**

   - การเรียกร้องดอกเบี้ยจากสัญญากู้ยืมเงินในลักษณะหนี้ที่ต้องชำระเป็นงวด ๆ จะต้องนับอายุความในแต่ละงวดแยกกัน หนี้ในงวดที่พ้น 5 ปีไปแล้วจะไม่สามารถเรียกร้องได้

5. **คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2308/2560**

   - ในกรณีที่มีหนังสือรับสภาพหนี้ ศาลชี้ว่า หนังสือดังกล่าวไม่สามารถยืดระยะเวลาอายุความของหนี้ในงวดที่ขาดอายุความไปแล้วได้ สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จำกัดอยู่เฉพาะงวดที่ยังไม่พ้นระยะเวลา 5 ปี

6. **คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2565**

   - หนี้เงินที่ต้องชำระเป็นงวด ๆ ในกรณีที่สัญญาไม่ระบุว่าการผิดนัดในงวดใดจะทำให้ทั้งสัญญาถึงกำหนดชำระพร้อมกัน ศาลวินิจฉัยว่า การนับอายุความจะต้องแยกตามงวดที่ถึงกำหนด ไม่สามารถนับรวมทั้งสัญญาเป็นหนี้ก้อนเดียวได้

**หลักการสำคัญที่ได้จากตัวอย่างคำพิพากษา**

1. **อายุความแยกตามงวด:** หนี้ที่ต้องชำระเป็นงวด ๆ จะนับอายุความแยกกันในแต่ละงวด

2. **การฟ้องร้องเป็นงวด ๆ:** เจ้าหนี้สามารถฟ้องเรียกร้องเฉพาะงวดที่ยังไม่ขาดอายุความได้

3. **เงื่อนไขในสัญญามีผลต่ออายุความ:** หากในสัญญามีเงื่อนไขระบุว่าการผิดนัดงวดใดทำให้ทั้งสัญญาถึงกำหนดชำระพร้อมกัน อายุความอาจนับรวมทั้งสัญญา

4. **หนังสือรับสภาพหนี้:** การมีหนังสือรับสภาพหนี้ไม่สามารถฟื้นสิทธิเรียกร้องในงวดที่ขาดอายุความไปแล้วได้

สรุป**

การนับอายุความในหนี้ที่ต้องชำระเป็นงวด ๆ มีความสำคัญต่อการปฏิบัติของทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ การไม่เข้าใจหลักกฎหมายนี้อาจทำให้เสียสิทธิหรือเกิดความยุ่งยากในคดี ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่นำมาประกอบช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าหนี้แต่ละงวดต้องแยกการนับอายุความ และการเรียกร้องสิทธิต้องกระทำภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

 



อายุความฟ้องร้องคดี

อายุความมูลละเมิด, ฟ้องทายาทผู้ทำละเมิดที่ตายแล้ว, มรดกและความรับผิดของทายาท, การขุดดินและความเสียหายทางสาธารณะ,
คดีเช่าซื้อรถตู้, ยักยอกรถตู้, ฟ้องร้องเกินกำหนด 3 เดือน, คดีขาดอายุความ,
สิทธิในการฟ้องคดีมรดก, อายุความมรดก, การครอบครองที่ดินโดยมิได้จดทะเบียนสมรส
เรื่องอายุความ 2 ปี มาตรา 193/34 (11), การนับอายุความในกรณีค่ารักษาพยาบาล
อายุความค่าจ้างว่าความ, อายุความสะดุดลง, ดอกเบี้ยผิดนัด, สัญญาจ้างทำของ,
การชำระหนี้ซึ่งขาดอายุความแล้วจะเรียกคืนไม่ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้อายุความมูลหนี้เดิมสะดุดหยุดลง
อายุความฟ้องเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงชู้
สิทธิฟ้องเรียกเงินคืนผิดสัญญาจะซื้อขาย
อายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่
สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง
ฟ้องผิดตัวอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลง-อำนาจฟ้อง
อายุความรับผิดในฐานะตัวแทนไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ
อายุความตามสัญญาให้บริการทางการแพทย์อันเป็นเอกเทศสัญญา
อายุความคดีความผิดฐานฉ้อโกง ร้องทุกข์เกิน 3 เดือน
วันวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคหนึ่ง
อายุความสะดุดหยุดลงย่อมเป็นคุณเฉพาะแก่ฝ่ายโจทก์
รับสภาพความรับผิดโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ผู้ค้ำประกันยกข้อต่อสู้เรื่องขาดอายุความ
ฟ้องเรียกให้ชำระหนี้เงินกู้อย่างเจ้าหนี้สามัญ
ไม่ได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความ
ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนในหนี้ที่ห้างได้ก่อให้เกิดขึ้น
กำหนดหนึ่งเดือนในการเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ไม่ใช่อายุความ