

คดีเช่าซื้อรถตู้, ยักยอกรถตู้, ฟ้องร้องเกินกำหนด 3 เดือน, คดีขาดอายุความ, ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ คดีเช่าซื้อรถตู้, ยักยอกรถตู้, ฟ้องร้องเกินกำหนด 3 เดือน, คดีขาดอายุความ, *คดีขาดอายุความ! ผู้เสียหายร้องทุกข์เกินกำหนด 3 เดือน หลังรู้เรื่องยักยอกรถตู้ ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิฟ้องระงับ คำขอส่วนแพ่งตกไปด้วย* *ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัท ว. ผู้เสียหาย เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถตู้เมื่อปี 2558 โดยชำระเงินดาวน์และออกเช็คธนาคาร ท. จำนวน 60 ฉบับ ชำระรายเดือน ต่อมาเช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน และผู้เสียหายไม่สามารถติดตามตัวจำเลยหรือรถตู้ได้ *คดีมีปัญหาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โดยความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และมาตรา 356 เป็นความผิดที่ยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับจากรู้เรื่องความผิด ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้เสียหายทราบเรื่องเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2560 แต่ร้องทุกข์เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ซึ่งเกินระยะเวลา 3 เดือน คดีจึงขาดอายุความ ตามมาตรา 96 และสิทธิของโจทก์ในการฟ้องระงับไปตามมาตรา 39 (6) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2567 ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดว่าจำเลยมีเจตนายักยอกเอารถตู้ของกลางคันที่เช่าซื้อมาเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตไป จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่สามารถส่งมอบรถตู้คันที่เช่าซื้อคืนให้แก่บริษัท ต. นับตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2560 อายุความร้องทุกข์ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2560 เมื่อผู้เสียหายมอบอำนาจให้ น. ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 จึงเกินกำหนดสามเดือน นับแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ตาม ป.อ. มาตรา 96 สิทธิของโจทก์ที่นำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6) พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 ทำให้คำขอส่วนแพ่งของพนักงานอัยการโจทก์ตกไปด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคารถยนต์ 1,336,680 บาท แก่ผู้เสียหาย จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 จำคุก 2 ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคารถยนต์ 1,336,680 บาท แก่ผู้เสียหาย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง (ที่ถูก และให้ยกคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย) โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า บริษัท ว. ผู้เสียหาย เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2558 จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถตู้จากผู้เสียหาย ชำระเงินดาวน์ 189,750 บาท ตกลงชำระค่าเช่าซื้อรวม 60 งวด งวดละ 22,311 บาท ทุกวันที่ 5 ของทุกเดือนจนกว่าจะครบ เริ่มชำระงวดแรกวันที่ 5 พฤษภาคม 2558 โดยจำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคาร ท. ฉบับละ 22,311 บาท จำนวน 60 ฉบับ เจ้าพนักงานตำรวจแจ้งข้อหาแก่จำเลยฐานยักยอก ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เป็นความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 356 ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับตั้งแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ว่า ผู้เสียหายเช่าซื้อรถตู้ของกลางมาจากบริษัท ต. จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถตู้ของกลางต่อจากผู้เสียหาย โดยจำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคาร ท. ฉบับละ 22,311 บาท 60 ฉบับ เพื่อชำระค่าเช่าซื้อล่วงหน้ารวม 60 งวด เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระเงิน ผู้เสียหายนำเช็คไปเรียกเก็บเงินแล้วแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน หลังจากจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อ ผู้เสียหายไม่เคยได้รับชำระหนี้ค่าเช่าซื้อจากจำเลยทั้งไม่สามารถติดตามตัวจำเลยได้และไม่ทราบว่ารถตู้ของกลางอยู่ที่ใด จนเป็นเหตุให้บริษัท ต. ฟ้องผู้เสียหายเป็นจำเลยให้ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อแล้วมีการตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2560 แสดงว่าผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดว่าจำเลยมีเจตนายักยอกเอารถตู้ของกลางคันที่เช่าซื้อมาเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตไป จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่สามารถส่งมอบรถตู้คันที่เช่าซื้อคืนให้แก่บริษัท ต. นับแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2560 อายุความร้องทุกข์ต้องเริ่มนับแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2560 เมื่อผู้เสียหายมอบอำนาจให้นางนภัสสร ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 จึงเกินกำหนดสามเดือนนับแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 สิทธิของโจทก์ที่นำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ทำให้คำขอส่วนแพ่งของพนักงานอัยการโจทก์ตกไปด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้องโจทก์และยกคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายมานั้น ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
|