ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567 การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการเพิกถอนมติที่ประชุม

 ทนาย ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์


บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จัดขึ้นโดยไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทกำหนด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1172 ซึ่งกำหนดให้การเรียกประชุมวิสามัญต้องผ่านการประชุมของคณะกรรมการก่อน ศาลวินิจฉัยให้เพิกถอนการประชุมและมติผู้ถือหุ้นดังกล่าว พร้อมวิเคราะห์ถึงหลักเกณฑ์การประชุมที่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ประกอบธุรกิจและนักกฎหมาย


สรุปข้อเท็จจริง

•บริษัท จ. มีผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสองเป็นกรรมการ และถือหุ้นรวมกันครบทั้งหมด 50,000 หุ้น

•วันที่ 15 มกราคม 2563 ผู้คัดค้านที่ 1 ส่งหนังสือให้กรรมการลงมติว่าจะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นหรือไม่ โดยไม่ได้มีการนัดประชุมกรรมการจริง

•วันที่ 23 มกราคม 2563 ผู้คัดค้านทั้งสองลงมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563

•วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 มีการประชุม และมีมติถอดถอนผู้ร้องออกจากตำแหน่งกรรมการ

•ผู้ร้องยื่นคำร้องเพิกถอนการประชุมและมติผู้ถือหุ้น ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาเพิกถอน ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา


คำวินิจฉัยของศาล

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

•แม้กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทมิได้กำหนดรูปแบบการประชุมกรรมการเพื่อพิจารณาเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น แต่ต้องมีการประชุมหารือร่วมกันก่อนเสมอ

•การส่งหนังสือให้ลงมติทางเอกสารโดยไม่มีการนัดประชุมกรรมการ ไม่ถือว่าเป็นการประชุมกรรมการที่ชอบด้วยกฎหมาย

•การอ้างว่ามีการประชุมกรรมการทุกวันที่ 23 ของเดือนเป็นเพียงการกำหนดไว้ล่วงหน้าและอาจเลื่อนหรือยกเลิกได้ ไม่อาจนับรวมเป็นการประชุมเพื่อมติเรียกประชุมวิสามัญ

•มติเรียกประชุมวิสามัญครั้งนี้ไม่ชอบ การประชุมและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นจึงเป็นโมฆะ และให้เพิกถอนทั้งหมด


วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

1.หลักเกณฑ์การเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น

oตาม ป.พ.พ. มาตรา 1172 และข้อบังคับบริษัท กรรมการมีอำนาจเรียกประชุมวิสามัญได้ แต่ต้องผ่านมติจากการประชุมคณะกรรมการที่ชอบด้วยกฎหมาย

oการใช้วิธีส่งหนังสือให้ลงมติโดยไม่จัดการประชุมกรรมการ ถือว่าขาดขั้นตอนสำคัญที่กฎหมายต้องการ

2.ความสำคัญของกระบวนการประชุมกรรมการ

oมาตรา 1161 และ 1162 กำหนดให้การตัดสินใจของคณะกรรมการต้องเกิดจากการประชุมร่วมกันและใช้เสียงข้างมาก

oการปรึกษาหารือร่วมกันเป็นสาระสำคัญ เพื่อให้กรรมการทุกฝ่ายมีโอกาสเสนอความเห็นและปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้น

3.ผลของการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

oเมื่อมติเรียกประชุมวิสามัญไม่ชอบ การประชุมและมติของผู้ถือหุ้นที่ตามมาจะเป็นโมฆะตามหลักกฎหมายบริษัท

oศาลสามารถเพิกถอนการประชุมและมติได้เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้นที่เสียหาย


ข้อคิดทางกฎหมาย

•ผู้บริหารและกรรมการบริษัทควรปฏิบัติตามขั้นตอนการประชุมอย่างเคร่งครัด ไม่ควรข้ามขั้นตอนแม้เพื่อความรวดเร็ว

•ควรบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นหลักฐานว่าการตัดสินใจเป็นไปตามกฎหมาย

•การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนอาจนำไปสู่การเพิกถอนมติและความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท


IRAC Analysis

Issue (ประเด็นปัญหา)

การเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นโดยไม่มีการประชุมคณะกรรมการตามขั้นตอน ถือว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

Rule (บทกฎหมายที่ใช้บังคับ)

•ป.พ.พ. มาตรา 1172: กรรมการอาจเรียกประชุมวิสามัญได้ แต่หมายถึงคณะกรรมการต้องมีมติร่วมกัน

•มาตรา 1161 และ 1162: มติคณะกรรมการต้องได้จากการประชุมร่วมกันและใช้เสียงข้างมาก

Application (การวิเคราะห์ข้อเท็จจริง)

ในคดีนี้ ไม่มีการนัดประชุมคณะกรรมการจริงก่อนเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น แต่ใช้วิธีส่งหนังสือให้ลงมติแทน ซึ่งขัดกับหลักการประชุมกรรมการและกฎหมายที่กำหนดว่าต้องมีการหารือร่วมกัน มติเรียกประชุมจึงไม่ชอบ การประชุมผู้ถือหุ้นและมติที่ตามมาจึงเป็นโมฆะ

Conclusion (ข้อสรุป)

มติเรียกประชุมวิสามัญและการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจึงมีคำสั่งเพิกถอนทั้งหมด


สรุปภาษาอังกฤษ 

The Supreme Court Decision No. 6555/2567 concerns the invalidity of an extraordinary shareholders' meeting called without following the proper legal procedure under Section 1172 of the Civil and Commercial Code. The Court held that the board must first hold a formal meeting to resolve on calling an extraordinary meeting. Since this procedure was not followed, the meeting and all resolutions made were void and ordered to be revoked.


สรุปย่อฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัท จ. มีผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสองเป็นกรรมการร่วมกัน การเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 ผู้คัดค้านที่ 1 ส่งหนังสือให้ลงมติทางเอกสารโดยไม่มีการนัดประชุมคณะกรรมการเพื่อหารือร่วมกัน ซึ่งขัดต่อหลักตาม ป.พ.พ. มาตรา 1172, 1161 และ 1162 ที่กำหนดให้ต้องมีการประชุมคณะกรรมการและใช้เสียงข้างมาก การประชุมกรรมการที่กำหนดไว้ทุกวันที่ 23 ของเดือนเป็นเพียงการประชุมบริหารทั่วไป ไม่ใช่การประชุมเพื่อมติเรียกประชุมวิสามัญ มติเรียกประชุมครั้งนี้จึงไม่ชอบ การประชุมและมติผู้ถือหุ้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นโมฆะ ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้เพิกถอน


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567

แม้ ป.พ.พ. มาตรา 1172 วรรคหนึ่ง และข้อบังคับของบริษัทมิได้กำหนดรูปแบบในการประชุมของคณะกรรมการเพื่อมีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นไว้ แต่เมื่อต้องมีการประชุมย่อมต้องหมายความว่า เป็นกรณีที่กรรมการของบริษัทต้องร่วมกันในการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับเรื่องที่จะประชุมก่อนลงมติว่าจะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นหรือไม่ ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านที่ 1 มีหนังสือลงวันที่ 15 มกราคม 2563 แจ้งให้คณะกรรมการบริษัทลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 และให้แจ้งกลับไปภายในวันที่ 22 มกราคม 2563 เพื่อสรุปผลการลงมติคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 มกราคม 2563 ซึ่งใช้เกณฑ์นับคะแนนในการลงมติ 1 เสียง ต่อกรรมการ 1 คน โดยหนังสือดังกล่าวไม่ได้ระบุให้มีการนัดเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อขอมติที่ประชุมคณะกรรมการเสียงข้างมากให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันดังกล่าวด้วย กรณีจึงมิใช่เป็นการนัดเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อลงมติให้มีการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ทั้งไม่มีการประชุมปรึกษาของคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าว เช่นนี้ แม้ผู้ร้องจะได้รับหนังสือแจ้งให้ลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 และผู้คัดค้านทั้งสองจะเบิกความว่า มีการประชุมคณะกรรมการในวันที่ 23 มกราคม 2563 ด้วย ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการนัดเรียกประชุม การประชุม และการลงมติของคณะกรรมการให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 โดยชอบ ส่วนประกาศให้ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 ของทุกเดือน ประกาศกำหนดวันนัดดังกล่าวเป็นเพียงประมาณการวันนัดประชุมคณะกรรมการเท่านั้น เพราะยังอาจมีการเลื่อนหรืองดประชุมได้ ทั้งเป็นการประชุมเกี่ยวกับการบริหารงานทั่ว ๆ ไปของบริษัท ไม่อาจหมายความรวมถึงการประชุมคณะกรรมการเพื่อมีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 1172 วรรคหนึ่ง ด้วย ดังนั้น เมื่อมติคณะกรรมการเสียงข้างมากที่ให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทแล้ว ย่อมทำให้การนัดเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ตลอดจนการประชุมและการลงมติที่ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นการไม่ชอบด้วยเช่นกัน กรณีจึงมีเหตุให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ของบริษัท จ.

ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง (ที่ถูก มีคำสั่งให้ยกคำร้อง) ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ของบริษัท จ. ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา


ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า บริษัท จ. เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสองเป็นกรรมการบริษัท โดยผู้ร้องถือหุ้น 25,000 หุ้น ผู้คัดค้านที่ 1 ถือหุ้น 24,999 หุ้น และผู้คัดค้านที่ 2 ถือหุ้น 1 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 50,000 หุ้น วันที่ 15 มกราคม 2563 ผู้คัดค้านที่ 1 มีหนังสือแจ้งผู้ร้องซึ่งเป็นกรรมการบริษัทให้ลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 โดยให้กากบาทในช่องเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และส่งคืนผู้คัดค้านที่ 1 ภายในวันที่ 22 มกราคม 2563 เพื่อสรุปผลการลงมติคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 มกราคม 2563 ผู้ร้องได้รับหนังสือแล้วแต่ไม่ได้ตอบกลับ วันที่ 23 มกราคม 2563 ผู้คัดค้านทั้งสองในฐานะผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท จ. มีมติเสียงข้างมากสองในสามให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้คัดค้านที่ 1 มีหนังสือเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 กำหนดนัดประชุมในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 และประกาศหนังสือพิมพ์เพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบ ต่อมามีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ประชุมมีมติถอดถอนผู้ร้องออกจากการเป็นกรรมการบริษัท จ. คงเหลือผู้คัดค้านทั้งสองเป็นกรรมการบริษัท


คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองว่า มีเหตุให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ของบริษัท จ. หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1172 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า กรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็ได้สุดแต่จะเห็นสมควร และตามข้อบังคับของบริษัท จ. ข้อ 11 กำหนดว่า คณะกรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็สุดแต่จะเห็นสมควร ซึ่งคำว่า กรรมการ ตามบทบัญญัติดังกล่าวย่อมหมายถึง คณะกรรมการ และการจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญหรือไม่ กรรมการคนใดคนหนึ่งชอบที่จะนัดเรียกประชุมกรรมการเพื่อพิจารณากันในเบื้องต้นเสียก่อนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1162 มติของคณะกรรมการต้องถือเอาเสียงข้างมากเป็นใหญ่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1161 ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท จะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 จึงต้องมีการประชุมตกลงกันในระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทในขณะนั้นเสียก่อนว่า จะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นหรือไม่ แม้มาตรา 1172 วรรคหนึ่ง และข้อบังคับของบริษัทดังกล่าวมิได้กำหนดรูปแบบในการประชุมของคณะกรรมการเพื่อมีมติดังกล่าวไว้ แต่เมื่อต้องมีการประชุมย่อมต้องหมายความว่า เป็นกรณีที่กรรมการของบริษัทต้องร่วมกันในการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับเรื่องที่จะประชุมก่อนลงมติว่าจะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นหรือไม่ ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านที่ 1 มีหนังสือลงวันที่ 15 มกราคม 2563 แจ้งให้คณะกรรมการบริษัทลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ไปยังผู้คัดค้านที่ 2 และผู้ร้องให้ลงนามเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 และให้แจ้งกลับไปภายในวันที่ 22 มกราคม 2563 เพื่อสรุปผลการลงมติคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 มกราคม 2563 ซึ่งใช้เกณฑ์นับคะแนนในการลงมติ 1 เสียง ต่อกรรมการ 1 คน โดยหนังสือดังกล่าวไม่ได้ระบุให้มีการนัดเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อขอมติที่ประชุมคณะกรรมการเสียงข้างมากให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันดังกล่าวด้วย กรณีจึงมิใช่เป็นการนัดเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อลงมติให้มีการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ทั้งไม่มีการประชุมปรึกษาของคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าว เช่นนี้ แม้ผู้ร้องจะได้รับหนังสือแจ้งให้ลงมติเพื่อเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 และผู้คัดค้านทั้งสองจะเบิกความตอบทนายผู้ร้องถามค้านว่า มีการประชุมคณะกรรมการในวันที่ 23 มกราคม 2563 ด้วย ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการนัดเรียกประชุม การประชุม และการลงมติของคณะกรรมการให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 โดยชอบ ส่วนที่ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกาว่า วันที่ 23 มกราคม 2563 เป็นวันนัดประชุมคณะกรรมการบริษัทซึ่งมีการนัดประชุมทุกวันที่ 23 ของเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป จึงเป็นการแจ้งกำหนดนัดประชุมคณะกรรมการให้ผู้ร้องทราบแล้วนั้น ผู้คัดค้านที่ 1 ก็เบิกความตอบทนายผู้ร้องขออนุญาตศาลถามว่า การประชุมคณะกรรมการในวันที่ 23 ของทุกเดือนเป็นการประชุมเพื่อบริหารกิจการของบริษัทและการตัดสินใจต่าง ๆ ของบริษัท เห็นว่า ประกาศกำหนดวันนัดดังกล่าวเป็นเพียงประมาณการวันนัดประชุมคณะกรรมการเท่านั้น เพราะยังอาจมีการเลื่อนหรืองดประชุมได้ ทั้งเป็นการประชุมเกี่ยวกับการบริหารงานทั่ว ๆ ไปของบริษัท ไม่อาจหมายความรวมถึงการประชุมคณะกรรมการเพื่อมีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 1172 วรรคหนึ่ง ด้วย ดังนั้น เมื่อมติคณะกรรมการเสียงข้างมากที่ให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทแล้ว ย่อมทำให้การนัดเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ตลอดจนการประชุมและการลงมติที่ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นการไม่ชอบด้วยเช่นกัน กรณีจึงมีเหตุให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยให้เพิกถอนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

 

1.ภาพโลโก้สำนักงานพีสิริ ทนายความ alt=สำนักงานพีสิริ ทนายความ ให้บริการปรึกษากฎหมายและคดีความ  2.ภาพหัวบทความ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567 alt=คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567 การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการเพิกถอนมติที่ประชุม 3.ภาพย่อหน้าบทนำคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567 alt=บทนำคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567 อธิบายการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1172 และข้อบังคับบริษัท พร้อมวิเคราะห์หลักเกณฑ์ทางกฎหมาย 4.ภาพสรุปข้อเท็จจริงคดีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567 alt=สรุปข้อเท็จจริงคดีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567 การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น บริษัท จ. วันที่ 15 มกราคม 2563 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2563 การเพิกถอนมติถอดถอนกรรมการ

 

1.ภาพโลโก้สำนักงานพีสิริ ทนายความ alt=โลโก้สำนักงานพีสิริ ทนายความ ให้บริการปรึกษากฎหมายและคดีความ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567 การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ป.พ.พ. มาตรา 1172 และข้อบังคับบริษัท 2.ภาพหัวข้อบทความพร้อมคำสำคัญ alt=หัวข้อบทความคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2567 การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ป.พ.พ. มาตรา 1172 ข้อบังคับบริษัท เพิกถอนมติประชุม คดีพาณิชย์ วิเคราะห์คดี ขั้นตอนประชุมกรรมการ สิทธิของผู้ถือหุ้น

 



เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน บริษัท

(ฎีกาที่ 3118/2567) การเลิกจ้างครูโรงเรียนเอกชน ผู้รับใบอนุญาตไม่ต้องร่วมรับผิดส่วนตัว, ค่าชดเชยเลิกจ้าง, ครูเอกชน, คดีแรงงาน,
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4295/2567 การเลิกบริษัทและการชำระบัญชีในคดีผู้บริโภค
ผู้จัดการมรดกและการจัดการหุ้นมรดก, การเพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น, การเปลี่ยนแปลงสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น, สิทธิของผู้จัดการมรดกในการประชุมผู้ถือหุ้น
หลักเกณฑ์การนัดประชุมสมาคม, กฎข้อบังคับสมาคมและการเพิกถอนมติ,
ผู้ถือหุ้นฟ้องร้องกรรมการบริษัท
กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคลไม่ผูกพันรับผิดเป็นส่วนตัว
กิจการของสามีภริยาซึ่งได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด
ทนายความมีอำนาจดำเนินคดีแม้เลิกบริษัทแล้ว
หนี้เงินค่าหุ้นที่ยังไม่ได้ส่งใช้ของผู้ถือหุ้นที่ถึงแก่ความตายแล้ว
อำนาจกระทำการของผู้แทนนิติบุคคล
เป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลจึงไม่ผูกพันบริษัท