ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ฎีกาที่ 4837/2567: สิทธิเรียกคืนสินสมรสและทรัพย์มรดกจากการโอนโดยมิชอบ พร้อมข้อวินิจฉัยเรื่องอาวุธปืนเป็นสินสมรส

1.โลโก้สำนักงานพีศิริ ทนายความ พร้อมชื่อและข้อมูลการติดต่อ – ภาพโลโก้สำนักงานพีศิริ ทนายความ พร้อมที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และชื่อทนาย 2.หัวข้อบทความคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4837/2567 เรื่องสิทธิเรียกคืนสินสมรสและทรัพย์มรดก – ข้อความหัวเรื่องที่ระบุหมายเลขคำพิพากษาและประเด็นสิทธิเรียกคืนสินสมรสและมรดก 3.คำอธิบายสั้นเกี่ยวกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4837/2567 และประเด็นอาวุธปืนเป็นสินสมรส – ข้อความย่อที่อธิบาย

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ


บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสิทธิของคู่สมรสในการเรียกคืนสินสมรสและทรัพย์มรดกที่ผู้ตายโอนให้บุคคลอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม รวมถึงการวินิจฉัยว่าอาวุธปืนที่ได้มาในระหว่างสมรสถือเป็นสินสมรสหรือไม่ โดยศาลได้วิเคราะห์ทั้งในประเด็นการเพิกถอนนิติกรรม การติดตามทรัพย์คืน และการตีความข้อสันนิษฐานสินสมรสตามกฎหมาย


สรุปข้อเท็จจริง

โจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้ตายโอนรถยนต์สองคัน (สินสมรส) ให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตร โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์

โจทก์ฟ้องขอคืนรถยนต์ เงินฝาก และอาวุธปืนบางรายการ อ้างสิทธิในฐานะสินสมรสและมรดก

จำเลยให้การว่าได้รับโอนโดยเสน่หาก่อนผู้ตายเสียชีวิต และบางรายการเป็นสินส่วนตัว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยให้แบ่งรถยนต์ อาวุธปืนบางรายการ และเงินฝากให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง

จำเลยฎีกาในประเด็นอายุความเพิกถอนนิติกรรม และสถานะอาวุธปืนเป็นสินสมรส


คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

1. ประเด็นรถยนต์สองคัน

o ศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังยุติว่ารถทั้งสองคันเป็นสินสมรส จึงเป็นกรรมสิทธิ์รวม ผู้ตายมีสิทธิโอนเพียงส่วนของตน ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน โจทก์มีสิทธิติดตามคืนครึ่งหนึ่ง

o ประเด็นอายุความเพิกถอนนิติกรรมไม่อยู่ในประเด็นพิจารณา เนื่องจากจำเลยมิได้ยกในศาลชั้นต้น

2. ประเด็นอาวุธปืน

o อ้างมาตรา 7 พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ว่าใบอนุญาตเป็นสิทธิเฉพาะตัว แต่ไม่ทำให้ปืนเป็นสินส่วนตัว

o ปืนลูกซองและปืนยาวได้มาในระหว่างสมรส และไม่ใช่ของใช้ส่วนตัว จึงเข้าข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 1474 วรรคสอง ว่าเป็นสินสมรส โจทก์มีสิทธิครึ่งหนึ่ง

3. ค่าทนายความและค่าฤชาธรรมเนียม

o ศาลฎีกาปรับค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้ถูกต้องตามอัตรากฎหมาย และคืนค่าขึ้นศาลส่วนฟ้องแย้งบางส่วนให้จำเลย


การวิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

1. การโอนสินสมรสโดยมิชอบ (มาตรา 1480)

สินสมรสที่ผู้ตายโอนให้บุคคลอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่าย อาจถูกเพิกถอนได้

แต่หากคู่ความไม่ยกเรื่องอายุความเพิกถอนนิติกรรมในศาลชั้นต้น จะไม่สามารถหยิบยกในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ (ป.วิ.พ. มาตรา 177)

2. หลักกรรมสิทธิ์รวมในสินสมรส

เมื่อเป็นสินสมรส กรรมสิทธิ์ถือครึ่งต่อครึ่ง การโอนทำได้เฉพาะส่วนของตน

ผู้รับโอนย่อมได้สิทธิเพียงเท่าที่ผู้โอนมีสิทธิ

3. สถานะอาวุธปืนในระหว่างสมรส

แม้ใบอนุญาตมีชื่อผู้ตาย แต่ทรัพย์ (ปืน) ที่ได้มาในระหว่างสมรสยังอยู่ภายใต้ข้อสันนิษฐานว่าเป็นสินสมรส เว้นแต่นำสืบได้ว่าเป็นสินส่วนตัว

การตีความนี้ช่วยคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินของคู่สมรส


IRAC

Issue (ประเด็น)

คู่สมรสมีสิทธิเรียกคืนสินสมรสและมรดกจากการโอนทรัพย์โดยมิชอบหรือไม่

อาวุธปืนที่ได้มาในระหว่างสมรสถือเป็นสินสมรสหรือไม่

Rule (กฎหมายที่ใช้บังคับ)

ป.พ.พ. มาตรา 1474 วรรคสอง (ข้อสันนิษฐานสินสมรส)

ป.พ.พ. มาตรา 1480 วรรคหนึ่ง–สอง (การจัดการสินสมรสโดยมิชอบและอายุความเพิกถอน)

ป.พ.พ. มาตรา 1629, 1635 (สิทธิในมรดกของคู่สมรส)

ป.วิ.พ. มาตรา 177 (การยกข้อสู้คดีต้องทำในศาลชั้นต้น)

พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7

Application (การปรับใช้ข้อกฎหมาย)

รถยนต์ทั้งสองเป็นสินสมรส ผู้ตายมีสิทธิโอนเพียงครึ่งหนึ่ง การโอนเกินสิทธิทำให้โจทก์มีสิทธิติดตามคืน

จำเลยมิได้ยกประเด็นอายุความเพิกถอนนิติกรรมในศาลชั้นต้น จึงไม่อยู่ในขอบเขตฎีกา

อาวุธปืนได้มาในระหว่างสมรส ไม่ใช่สินส่วนตัว จึงอยู่ภายใต้ข้อสันนิษฐานสินสมรส

Conclusion (ข้อสรุป)

โจทก์มีสิทธิได้รับคืนครึ่งหนึ่งของรถยนต์ทั้งสองและอาวุธปืนทั้งสองกระบอกจากจำเลย

ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น


สรุปข้อคิดทางกฎหมาย

การต่อสู้คดีต้องยกข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในศาลชั้นต้น มิฉะนั้นจะไม่สามารถหยิบยกในชั้นสูงกว่าได้

ข้อสันนิษฐานสินสมรสครอบคลุมทรัพย์สินทุกประเภทที่ได้มาในระหว่างสมรส เว้นแต่นำสืบหักล้างได้

การโอนทรัพย์สินในสินสมรสต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่าย


English Summary 

The Supreme Court Judgment No. 4837/2567 addresses a spouse’s right to reclaim marital property and inheritance when the deceased unlawfully transferred assets without consent. The Court ruled that the two cars in dispute were marital property, and the widow was entitled to half. It also held that firearms acquired during the marriage were presumed marital property, regardless of firearm licenses being personal to the deceased. The defendants’ appeal failed as they did not raise certain defenses at trial.


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4837/2567


สภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องโจทก์ คือ โจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้ตายโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสองคันซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายให้แก่จำเลยทั้งสองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ส่วนนี้จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างว่าผู้ตายจัดการสินสมรสไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 1480 วรรคหนึ่ง ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสองคืนทรัพย์สินในส่วนที่เป็นของโจทก์ และเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว โจทก์ในฐานะคู่สมรสซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย จึงมีสิทธิในทรัพย์มรดกอีก 1 ใน 4 ส่วน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629 ประกอบมาตรา 1635 อันเป็นการเรียกทรัพย์คืนฐานที่เป็นสินสมรสส่วนหนึ่งและฐานที่เป็นทรัพย์มรดกอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อจำเลยทั้งสองจะให้การต่อสู้ก็ต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ส่วนนี้จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้แต่เพียงว่า ผู้ตายจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งสองคันให้จำเลยทั้งสองโดยเสน่หาก่อนถึงแก่ความตาย รถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวจึงไม่ใช่สินสมรสและไม่ใช่มรดกของผู้ตาย โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง แต่ฟ้องคดีเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้ตายถึงแก่ความตาย ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความเรียกร้องมรดก โดยมิได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธว่า โจทก์ฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการให้ทรัพย์อันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายที่ผู้ตายโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยทั้งสองเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความการฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมตามมาตรา 1480 วรรคหนึ่ง ซึ่งเมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้ยกเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นข้อต่อสู้ในคำให้การ เพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยให้ก็ไม่ถูกต้อง และไม่ก่อให้จำเลยทั้งสองมีสิทธิฎีกาในประเด็นนี้


โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 คืนเงิน 1,273,061.25 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น กับให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเบนซ์ ออกขายทอดตลาดและนำเงินมาชำระแก่โจทก์ 312,500 บาท และให้จำเลยที่ 2 คืนเงิน 187,500 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น กับให้จำเลยที่ 2 นำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้ออีซูซุ ออกขายทอดตลาดและนำเงินมาชำระแก่โจทก์ 474,375 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันนำอาวุธปืนทั้งสามกระบอกออกขายทอดตลาดและนำเงินมาชำระแก่โจทก์ 81,250 บาท


จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้อง และโจทก์นำเครื่องพารามอเตอร์พร้อมอุปกรณ์ซึ่งเป็นสินส่วนตัวและทรัพย์มรดกของผู้ตายที่อยู่ในความครอบครองของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายไปขายให้บุคคลภายนอกโดยไม่ได้แจ้งทายาทอื่นของผู้ตายทราบและไม่นำเงินมาแบ่งปันแก่ทายาท ถือว่าโจทก์ยักย้ายทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉล โจทก์จึงต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกของผู้ตาย ซึ่งจำเลยทั้งสองได้แจ้งความดำเนินคดีแก่โจทก์แล้ว เครื่องพารามอเตอร์พร้อมอุปกรณ์มีราคาไม่น้อยกว่า 30,000 บาท ขอให้บังคับโจทก์ชดใช้ราคาทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงิน 30,000 บาท แก่จำเลยทั้งสอง พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง


ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 แบ่งเงินในบัญชีธนาคาร ก. เลขที่ 986-4-75xxx-x ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง คิดเป็นเงิน 2,660.825 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้ตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งตราขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละสองต่อปี แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่โจทก์ขอ ให้จำเลยที่ 1 แบ่งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเบนซ์ ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง ให้จำเลยที่ 2 แบ่งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้ออีซูซุ ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งอาวุธปืนเดี่ยวลูกซอง ขนาด 12 (5 นัด) และอาวุธปืนยาวเดี่ยวลูกกรด ขนาด .22 ซีแซด ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง หากไม่สามารถแบ่งทรัพย์สินดังกล่าวได้ ให้เอาทรัพย์สินดังกล่าวออกประมูลระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง หากไม่สามารถประมูลกันระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองได้ ให้เอาทรัพย์ดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งปันให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ ให้ยกฟ้องแย้งจำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท

จำเลยทั้งสองฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา


ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยทั้งสองไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของร้อยตำรวจเอกสมบัติ กับภริยาเก่าที่จดทะเบียนหย่ากันแล้ว โจทก์จดทะเบียนสมรสกับร้อยตำรวจเอกสมบัติ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2549 ระหว่างสมรส โจทก์และร้อยตำรวจเอกสมบัติได้มาซึ่งทรัพย์สินหลายรายการ เดิมร้อยตำรวจเอกสมบัติรับราชการอยู่ที่จังหวัดชลบุรี แต่ต่อมาถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2190/2560 ของศาลจังหวัดชลบุรี จึงได้ลาออกจากราชการแล้วย้ายกลับมาอาศัยที่ภูมิลำเนาเดิมที่จังหวัดสงขลา ร้อยตำรวจเอกสมบัติถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ต่อมาศาลจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งตั้งให้โจทก์กับนางสมปอง มารดาของผู้ตาย ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดก ในส่วนที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินฝากในบัญชีธนาคาร ก. 2 บัญชี จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตาย ให้จำเลยที่ 2 แบ่งเงินในบัญชีธนาคาร ก. เลขที่ 986-4-75xxx-x ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง เป็นเงิน 2,660.825 บาท ส่วนบัญชีธนาคาร ก. เลขที่ 986-4-83xxx-x ไม่มีเงินเหลือในบัญชีแล้ว จำเลยทั้งสองจึงไม่มีหน้าที่ต้องคืนแก่โจทก์ โจทก์และจำเลยทั้งสองไม่อุทธรณ์ ส่วนอาวุธปืนสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .357 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ตายได้อาวุธปืนกระบอกนี้มาก่อนสมรสกับโจทก์ จึงเป็นสินส่วนตัวของผู้ตาย และฟ้องโจทก์ที่ขอให้จำเลยทั้งสองแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ขาดอายุความ โจทก์ไม่อุทธรณ์โต้แย้ง จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเบนซ์ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้ออีซูซุ ทรัพย์สินทั้งสองรายการนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยว่าเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตาย จำเลยทั้งสองไม่ฎีกาโต้แย้ง ข้อเท็จจริงส่วนนี้จึงยุติ และคดีในส่วนฟ้องแย้งที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากเห็นว่าทุนทรัพย์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยทั้งสองไม่ฎีกา จึงยุติเช่นกัน


สำหรับปัญหาว่า จำเลยทั้งสองต้องคืนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเบนซ์ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้ออีซูซุแก่โจทก์ครึ่งหนึ่งหรือไม่ ที่จำเลยทั้งสองคงฎีกาในทำนองว่า ฟ้องโจทก์ที่ขอเรียกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสองคันที่ผู้ตายจดทะเบียนโอนยกให้จำเลยทั้งสองโดยเสน่หาคืนครึ่งหนึ่งนั้น เป็นการที่โจทก์กล่าวอ้างว่าผู้ตายจัดการสินสมรสไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1476 (5) ซึ่งโจทก์ต้องใช้สิทธิเพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวภายใต้บังคับแห่งอายุความหนึ่งปีตามมาตรา 1480 วรรคสอง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ปรับบทโดยนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 มาใช้บังคับโดยวินิจฉัยว่าเป็นการที่โจทก์ใช้สิทธิติดตามทรัพย์คืนซึ่งไม่มีอายุความ จึงไม่ถูกต้อง นั้น เห็นว่า สภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องโจทก์ คือ โจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้ตายโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสองคันซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายให้แก่จำเลยทั้งสองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ส่วนนี้จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างว่าผู้ตายจัดการสินสมรสไม่ชอบด้วยมาตรา 1480 วรรคหนึ่ง ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสองคืนทรัพย์สินในส่วนที่เป็นของโจทก์ และเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว โจทก์ในฐานะคู่สมรสซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย จึงมีสิทธิในทรัพย์มรดกอีก 1 ใน 4 ส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 ประกอบมาตรา 1635 อันเป็นการเรียกทรัพย์คืนฐานที่เป็นสินสมรสส่วนหนึ่งและฐานที่เป็นทรัพย์มรดกอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อจำเลยทั้งสองจะให้การต่อสู้ก็ต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ส่วนนี้จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้แต่เพียงว่า ผู้ตายจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งสองคันให้จำเลยทั้งสองโดยเสน่หาก่อนถึงแก่ความตาย รถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวจึงไม่ใช่สินสมรสและไม่ใช่มรดกของผู้ตาย โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง แต่ฟ้องคดีเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้ตายถึงแก่ความตาย ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความเรียกร้องมรดก โดยมิได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธว่า โจทก์ฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการให้ทรัพย์อันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายที่ผู้ตายโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยทั้งสองเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความการฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมตามมาตรา 1480 วรรคหนึ่ง ซึ่งเมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้ยกเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นข้อต่อสู้ในคำให้การ เพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยให้ก็ไม่ถูกต้อง และไม่ก่อให้จำเลยทั้งสองมีสิทธิฎีกาในประเด็นนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติว่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสองคันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตาย จึงเป็นกรณีเข้าลักษณะกรรมสิทธิ์รวม แม้ก่อนถึงแก่ความตายผู้ตายจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยทั้งสอง ก็มีสิทธิโอนเพียงเฉพาะส่วนที่ตนมีกรรมสิทธิ์อยู่เท่านั้น และกรณีต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน จำเลยทั้งสองจึงมีสิทธิในรถยนต์ทั้งสองคันเพียงส่วนที่ผู้ตายมีสิทธิเท่านั้น โจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมมีสิทธิเรียกร้องติดตามส่วนของตนคืนจากจำเลยทั้งสองได้ครึ่งหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น


ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประการต่อมามีว่า อาวุธปืนเดี่ยวลูกซอง ขนาด 12 (5 นัด) และอาวุธปืนยาวเดี่ยวลูกกรด ขนาด .22 เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายหรือไม่ และจำเลยทั้งสองต้องร่วมกันแบ่งคืนแก่โจทก์หรือไม่ จำเลยทั้งสองฎีกาว่า อาวุธปืนทั้งสองกระบอกดังกล่าวโดยสภาพและลักษณะตามใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เป็นเรื่องเฉพาะตัวผู้ตายเท่านั้น จึงเป็นสินส่วนตัว เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7 ห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ดังนั้น ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จึงเป็นเอกสารหลักฐานที่แสดงว่าทางราชการโดยนายทะเบียนท้องที่อนุญาตให้ผู้ตายมีและใช้อาวุธปืนทั้งสองกระบอกตลอดเวลาที่เป็นเจ้าของอาวุธปืน อันเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ตายที่จะมีและใช้ได้ แต่ไม่เกี่ยวกับตัวทรัพย์และไม่มีผลทำให้อาวุธปืนทั้งสองกระบอกเป็นทรัพย์เฉพาะตัวหรือเป็นสินส่วนตัวของผู้ตายแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากอาวุธปืนทั้งสองกระบอกนี้แล้ว ผู้ตายยังมีอาวุธปืนสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .357 อีกหนึ่งกระบอกที่เป็นอาวุธปืนประจำกายสำหรับใช้ในราชการตำรวจ ขณะที่อาวุธปืนทั้งสองกระบอกนี้เป็นอาวุธปืนเดี่ยวลูกซอง ขนาด 12 (5 นัด) และอาวุธปืนยาวเดี่ยวลูกกรด ขนาด .22 โดยสภาพ ลักษณะ และประเภทของปืน เห็นได้ว่าไม่อาจนำมาใช้ได้อย่างเป็นของใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน ทั้งจำเลยทั้งสองก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าผู้ตายใช้สอยอาวุธปืนทั้งสองกระบอกอย่างไร เมื่อผู้ตายได้อาวุธปืนทั้งสองกระบอกมาระหว่างสมรสกับโจทก์ โจทก์จึงได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 วรรคสอง ข้อฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า อาวุธปืนทั้งสองกระบอกเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตาย โจทก์จึงมีสิทธิเรียกคืนจากจำเลยทั้งสองครึ่งหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน


อนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่ได้สั่งค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้ถูกต้อง และคดีนี้มีทุนทรัพย์ส่วนฟ้องเดิมในชั้นอุทธรณ์ 270,000 บาท ซึ่งตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติให้ศาลกำหนดค่าทนายความอัตราขั้นสูงในศาลอุทธรณ์ได้ร้อยละ 3 ของทุนทรัพย์ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 กำหนดค่าทนายความให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้แทนโจทก์ 15,000 บาท จึงเกินกว่าอัตราค่าทนายความที่กฎหมายกำหนด แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาย่อมกำหนดใหม่ให้ถูกต้องได้

พิพากษายืน ให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนฟ้องแย้งในชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสอง600 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 6,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

 




สินสมรส

สินสมรส & ดอกผล มาตรา 148, คุ้มครองชั่วคราว,(ฎีกา 10361/2557)
(ฎีกาที่ 1319/2568)การแบ่งสินสมรส บ้านและที่ดินหลังหย่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4977/2565 : ผลของการสิ้นสุดการสมรสด้วยความตายต่อคดีหย่าและสิทธิเรียกค่าทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6063/2567 การแบ่งสินสมรสตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และขั้นตอนบังคับคดีตามมาตรา 1364
อำนาจผู้จัดการมรดก, อำนาจสามีขายสินสมรสโดยลำพัง
เงินประกันชีวิตระหว่างสมรสเป็นสินสมรส ต้องคืนส่วนครึ่งหนึ่งให้อดีตคู่สมรส
การตีความหนังสือแบ่งทรัพย์สินตามเจตนาที่แท้จริง ป.พ.พ. มาตรา 171
สิทธิแบ่งสินสมรสกรณีถือกรรมสิทธิ์แทนผู้อื่นหลังวันฟ้องหย่า
บันทึกท้ายทะเบียนการหย่าเรื่องแบ่งสินสมรส, การแบ่งสินสมรสในการหย่า, ส่วนควบ
ข้อตกลงตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่าให้คู่หย่าฝ่ายชายจัดการสินสมรสและภาระหนี้สิน
ภริยายินยอมให้ใส่ชื่อสามีฝ่ายเดียวในที่ดินสินสมรสเป็นการให้ความยินยอมไว้ล่วงหน้า
สามีโจทก์ได้สมยอมแกล้งเป็นหนี้พี่สาวแล้วทำสัญญายอมความยึดสินสมรส
ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส
ทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ประกอบอาชีพเพียงอย่างเดียวเป็นสินสมรส
ข้อตกลงเรื่องการหย่าและข้อตกลงเรื่องการแบ่งทรัพย์สิน(สินสมรส)
ฟ้องแบ่งที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างสินสมรสระหว่างคนไทยและคนต่างด้าว
ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสมีชื่อภรรยาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์คนเดียว
ขณะทำพินัยกรรมจดทะเบียนหย่ากันแล้วพินัยกรรมไม่เป็นโมฆะ
จัดการสินสมรสเป็นที่เสียหายถึงขนาด-เหตุแยกสินสมรส