ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว

ได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วผู้ขายไม่ต้องมีหลักฐานซื้อขายเป็นหนังสือ

ซื้อสินค้าและได้รับสินค้าแล้ว ถือได้ว่าการซื้อขายสินค้ารายนี้ผู้ขายได้ชำระหนี้ให้แก่ผู้ซื้อแล้ว ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือและมีลายมือชื่อของฝ่ายผู้ต้องรับผิดมาแสดง การซื้อขายชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคสองและวรรคสาม ผู้ซื้อต้องชำระค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ขาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7735/2555      
  
            ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคสองและวรรคสาม นอกจะบัญญัติให้การซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ จึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีกันได้แล้ว ยังได้บัญญัติอีกว่า “...หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว...” ก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีได้เช่นกัน คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในการซื้อขายต้นอ้อย โจทก์และจำเลยไม่ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายหรือมีหลักฐานการซื้อขายเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อฝ่ายโจทก์หรือจำเลยผู้ต้องรับผิดไว้เป็นสำคัญ แต่ในวันที่ตกลงซื้อขายกัน โจทก์ได้ส่งมอบกรรมสิทธิ์ต้นอ้อยให้แก่จำเลยและจำเลยเข้าไปตัดต้นอ้อยของโจทก์ไปขายให้แก่โรงงานน้ำตาล อันถือได้ว่าโจทก์ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายคือส่งมอบต้นอ้อยให้จำเลยแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับให้จำเลยชำระราคาต้นอ้อยได้ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
 
      โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 115,195 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 112,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
          จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

          ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 112,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันที่ 31 มีนาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 2,695 บาท ตามที่โจทก์ขอ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท

          จำเลยอุทธรณ์
          ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

          จำเลยฎีกา
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของต้นอ้อยซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินเนื้อที่ 15 ไร่ ตำบลโนนคูณ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ จำเลยตกลงซื้อต้นอ้อยจากโจทก์ในราคาไร่ละ 7,500 บาท รวมเป็นเงิน 112,500 บาท จำเลยตกลงชำระราคาให้แก่โจทก์ครบถ้วน โดยมิได้ทำสัญญาซื้อขายกันไว้ หลังจากตกลงกันจำเลยก็เข้าไปตัดต้นอ้อยของโจทก์ไปขายให้แก่โรงงานน้ำตาล แต่เมื่อถึงกำหนดชำระเงิน จำเลยไม่ชำระ โจทก์ทวงถามแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย

          มีปัญหาข้อกฎหมายวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับให้จำเลยชำระค่าต้นอ้อยให้แก่โจทก์หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า การซื้อขายต้นอ้อยระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่มีราคากว่าสองหมื่นบาทโดยมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของจำเลยผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญและจำเลยไม่ได้วางประจำหรือชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์ โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีจำเลยได้ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง และวรรคสาม นอกจากจะบัญญัติให้การซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาท หรือกว่านั้นขึ้นไป ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีกันได้แล้ว ยังได้บัญญัติไว้อีกว่า “...หรือได้วางประจำไว้  หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว...” ก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีได้เช่นกัน คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในการซื้อขายต้นอ้อยกันโจทก์และจำเลยไม่ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขาย หรือได้มีหลักฐานการซื้อขายเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายโจทก์หรือจำเลยผู้ต้องรับผิดไว้เป็นสำคัญ แต่ในวันที่ตกลงซื้อขายกัน โจทก์ได้ส่งมอบกรรมสิทธิ์ต้นอ้อยให้แก่จำเลยและจำเลยเข้าไปตัดต้นอ้อยของโจทก์ไปขายให้แก่โรงงานน้ำตาล อันถือได้ว่าโจทก์ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายคือส่งมอบต้นอ้อยให้จำเลยแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับให้จำเลยชำระราคาต้นอ้อยได้ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
 
          พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ
 
มาตรา 456  การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย
สัญญาจะขายหรือจะซื้อ หรือคำมั่นในการซื้อขายทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับถึงสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาท หรือกว่านั้นขึ้นไปด้วย
 
 คำพิพากษาศาลฎีกาที่  7188/2551
  
        จำเลยสั่งซื้อสินค้าและได้รับสินค้าจากโจทก์แล้ว ถือได้ว่า การซื้อขายสินค้ารายนี้โจทก์ผู้ขายได้ชำระหนี้ให้แก่จำเลยผู้ซื้อแล้ว โจทก์ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือและมีลายมือชื่อของจำเลยมาแสดง การซื้อขายชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคสองและวรรคสาม จำเลยต้องชำระค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง
 
          จำเลยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เพื่อนำไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าอันเป็นการประกอบธุรกิจของจำเลย การที่โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้า จึงเป็นกรณีที่โจทก์ผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรมใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินค้าจากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ที่สั่งซื้อมาเพื่อนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจของจำเลยอีกต่อหนึ่ง เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง จึงอยู่ในบังคับ ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) สิทธิเรียกร้องตามฟ้องโจทก์จึงมีอายุความ 5 ปี มิใช่อายุความ 2 ปี ตามมาตรา 193/34 (1) เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ยังไม่เกินกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ได้ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
 
          โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 326,959.38 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 252,505 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
          จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
 
          ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
          โจทก์อุทธรณ์
 
          ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้เงิน 326,959.38 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 252,505 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 18 กรกฎาคม 2545) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลตกเป็นพับ
          จำเลยฎีกา
 
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “...พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์และจะต้องชำระค่าสินค้าตามฟ้องให้โจทก์หรือไม่ โจทก์มีนายพรเทพ นายพีรศักดิ์ และนายชูเกียรติ เบิกความประกอบกันว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ในนามร้าน เอส. พี.ซัพพลาย หลายครั้ง รวมเป็นเงิน 252,505 บาท ตามรายการสั่งซื้อ โจทก์ให้บริษัทบางกอกลำปางขนส่ง จำกัด เป็นผู้ส่งสินค้าให้จำเลยที่จังหวัดลำปางหลังจากจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าสินค้าให้โจทก์นายพรเทพได้ติดตามทวงถามจำเลยหลายครั้งจำเลยรับว่าเป็นหนี้ค่าสินค้าจริงแต่ไม่มีเงินชำระ ส่วนจำเลยมีตัวจำเลยเบิกความว่าจำเลยไม่เคยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์โดยใช้ชื่อร้าน เอส.พี.ซัพพลาย และจำเลยไม่เคยรับสินค้าจากโจทก์ เห็นว่า นายพีรศักดิ์พยานโจทก์ซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทบางกอกลำปางขนส่ง จำกัด มีหน้าที่ตรวจสอบสินค้าที่นำส่งเบิกความยืนยันว่าทางบริษัทบางกอกลำปางขนส่ง จำกัด ได้จัดส่งสินค้าให้แก่ ร้าน เอส.พี.ซัพพลาย เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานการเซ็นต์รับสินค้ามาแสดงเพราะทางบริษัทฯ ทำลายเอกสารดังกล่าวแล้วเนื่องจากเกิน 1 ปี นับแต่วันส่งสินค้า นายพีรศักดิ์พยานโจทก์ปากนี้เป็นคนกลางไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในผลแห่งคดี คำเบิกความของนายพีรศักดิ์จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ จำเลยเบิกความอ้างว่า ร้าน เอส.พี.ซัพพลาย เป็นของภริยาจำเลยแต่จำเลยยอมรับว่า จำเลยเคยไปติดต่อขายสินค้าของร้าน เอส.พี.ซัพพลายให้แก่การไฟฟ้าอำเภอแม่เมาะ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับภริยาร่วมกันดำเนินกิจการค้าของร้าน เอส.พี.ซัพพลาย ตามรายการซื้อสินค้า ในเดือนมีนาคม พฤษภาคมและ กรกฎาคม 2541 ปรากฏว่ามีโทรสารจากร้าน เอส.พี.ซัพพลาย สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์โดยจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งซื้อพร้อมประทับตราชื่อร้าน เอส.พี.ซัพพลายกำกับ จำเลยก็มิได้โต้แย้งถึงความถูกต้องแท้จริงของเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งจำเลยเบิกความยอมรับว่า จำเลยเป็นคนสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ตามใบสั่งซื้อสินค้าฉบับลงวันที่ 21 เมษายน 2541 จริง แต่จำเลยเบิกความบ่ายเบี่ยงว่า จำเลยไม่ได้รับสินค้าตามใบสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจากโจทก์โดยไม่มีเหตุผลมาอ้างอิง พยานหลักฐานโจทก์สอดคล้องต้องกันมีน้ำหนักในการรับฟังมากกว่าพยานหลักฐานของจำเลยข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้าและได้รับสินค้าจากโจทก์แล้วถือได้ว่าการซื้อสินค้ารายนี้โจทก์ผู้ขายได้ชำระหนี้ให้แก่จำเลยผู้ซื้อแล้ว โจทก์ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือและมีลายมือชื่อของจำเลยมาแสดง การซื้อขายชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสองและวรรคสาม จำเลยจึงต้องชำระค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
 
          ปัญหาต่อไปมีว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกว่า 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระค่าสินค้าคดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 195/34 (1) เห็นว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เพื่อนำไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าอันเป็นการประกอบธุรกิจของจำเลย การที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าจึงเป็นกรณีที่โจทก์ผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรมใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินค้าจากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ที่สั่งซื้อมาเพื่อนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจของจำเลยอีกต่อหนึ่ง เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั่นเอง จึงอยู่ในบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) สิทธิเรียกร้องตามฟ้องโจทก์จึงมีอายุความ 5 ปี มิใช่อายุความ 2 ปี ตามมาตรา 193/34 (1) เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ยังไม่เกินกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ได้ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
 
          พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกา จึงไม่กำหนดค่าทนายความให้
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5522/2550

โจทก์ได้ส่งมอบสินค้าอะไหล่รถยนต์จึงเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายแล้ว

ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า การซื้อขายระหว่างโจทก์และจำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญหรือได้วางประจำไว้หรือได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยนั้น เห็นว่า สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์และจำเลยทำกันก่อนมีการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ฉบับใหม่ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เดิมก่อนมีการแก้ไข เมื่อสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาห้าร้อยบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป ดังนั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายสินค้าอะไหล่รถยนต์ให้แก่จำเลยได้ส่งมอบสินค้าอะไหล่รถยนต์แก่จำเลยตามสัญญาซื้อขาย จึงเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยรับผิดตามสัญญาซื้อขายได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง ประกอบวรรคสาม (เดิม)
 




ขายฝาก/เช่า/เช่าซื้อ/ซื้อขาย

ค่าเสียหายเพื่อการลงโทษในคดีผู้บริโภค, คืนเงินผู้บริโภคจากการเลิกสัญญาซื้อขาย, โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคืน,
หน้าที่ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อในสภาพพร้อมใช้งาน, สัญญาเช่าซื้อก,
รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายไปโดยไม่ใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อรถยนต์
สัญญาขายฝากได้ทำไปโดยสำคัญผิดในเรื่องจำนวนเงินในราคาขายฝาก
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) สัญญาเช่าซื้อเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้
ผู้เช่ารายใหม่ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้อยู่ในตึกพิพาทก่อนตน
ค่าเช่าซื้อเครื่องรับโทรทัศน์อายุความ 2 ปี
การบอกเลิกสัญญา | สัญญาจ้างรักษาความปลอดภัยไม่มีกำหนดเวลา
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดเท่าจำนวนเงินดาวน์
เช่าที่ดินปากเปล่าไม่มีสัญญาเช่า
การบอกเลิกสัญญาเช่าโดยมิชอบ
ลักษณะของสัญญาซื้อขาย การโอนกรรมสิทธิ์
สัญญาซื้อขาย | สัญญาตัวแทน | ตัวแทนเชิด
สัญญาให้รับผิดในหนี้ที่ไม่มีหนี้อยู่จริง
ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน สัญญาซื้อขาย
สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน
ใครมีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขาย
ความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่อง
สัญญาซื้อขาย หรือสัญญาจ้างทำของ
ประเมินการเสียภาษีผิดประเภทการค้า
นิติกรรมมีข้อความไม่ชัดแจ้งตีความได้หลายนัย
สิ้นกำหนดเช่าช่วงชำระค่าเช่าตลอดมาถือว่าได้ต่อสัญญาเช่า
ข้อตกลงในการประกวดราคาเพื่อซื้อขาย
การซื้อขายสิทธิการเช่าโทรศัพท์
สัญญาซื้อขายแบบเหมา
การซื้อขายทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์รวม
สัญญาซื้อขายที่มีหลักประกันเพื่อปฏิบัติตามสัญญา
คำว่า"ขาย" ตามประมวลรัษฎากร
สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาหลายฝ่าย
ผู้เยาว์ทำสัญญาจะซื้อจะขาย
สัญญาซื้อขายมีวัตถุประสงค์ฝ่าฝืนกฎหมายตกเป็นโมฆะ
สัญญาซื้อขายอาจบังคับได้ตามบทกฎหมายว่าด้วยตัวแทน
สัญญาซื้อขายเป็นพ้นวิสัยจากภัยพิบัติ
สัญญาซื้อขายที่ไม่มีการโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์เฉพาะสิ่ง
สัญญาประนีประนอมระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ค่าซ่อมแซมทรัพย์สินที่เช่าผู้เช่าต้องบำรุงรักษา-ซ่อมแซมเล็กน้อย
คำมั่นเกี่ยวกับสัญญาเช่าทรัพย์
แบบนิติกรรมสัญญาประเภทต่าง ๆ แบบฟอร์มสัญญา แบบพิมพ์สัญญา
สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขาย
นำรถไฟแนนซ์ไปจอดกู้เงินผู้รับจำนำเอาไปขายต่อแจ้งความได้ไหม
บอกเลิกสัญญาเช่าต้องบอกกล่าวให้รู้ตัวก่อน
สัญญาเช่า คำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับการเช่า
แบบฟอร์มสัญญาซื้อขาย
อายุความเรียกราคาส่วนต่างและค่าขาดประโยชน์กรณีผู้เช่าซื้อผิดสัญญาหรือตาย
สัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข
สัญญาขายฝากไม่มีเหตุผลต้องผ่อนชำระดอกเบี้ยแก่กัน
กฎหมายมิได้กำหนดให้การขายฝากสามารถเรียกดอกเบี้ยต่อกันได้
บันทึกข้อตกลงให้ผู้เช่ามีสิทธิซื้อทรัพย์สินที่เช่าทั้งหมดได้
ยายทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนไม่ผูกพันผู้เยาว์
สัญญาจะซื้อจะขายและวางมัดจำถูกกลฉ้อฉลนำชี้ทำเลที่ตั้งที่ดินผิด
ฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการขายฝากที่ดินกลับคืนสู่กองมรดก
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นไม่ต้องรับผิด
เงินค่าสิทธิการเช่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า
ยกทรัพย์มรดกตีใช้หนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ข้อตกลงซื้อขายที่ดินมือเปล่า (น.ส. 3ก)เจ้าของที่ดินจึงมีเพียงสิทธิครอบครอง
สัญญาขายฝากที่ดินไม่ได้กำหนดค่าสินไถ่ไว้
สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินโดยมีเงื่อนไข สัญญาแลกเปลี่ยนที่ดินเสร็จเด็ดขาด
เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้
สัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด
คำว่า "ได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว" ใช้บังคับแก่คู่สัญญาทั้งฝ่ายผู้ขายและผู้ซื้อ
การซื้อขายมิได้มีการชำระราคากันจริงถือเป็นการให้โดยเสน่หา
บอกล้างสัญญาค้ำประกัน ขอให้เพิกถอนสัญญาค้ำประกัน การจัดการสินสมรส
สิทธิยึดหน่วงที่ดินไว้จนกว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์, ชำระเงินครบถ้วนแล้ว
การตั้งตัวแทนหรือมอบอำนาจทำสัญญาจะซื้อจะขาย
ขายดาวน์รถยนต์ที่เช่าซื้อมีผลอย่างไร?
ข้อยกเว้นเจ้าของทรัพย์สินเท่านั้นจะเป็นผู้ให้เช่าซื้อได้
จำนำได้ต้องเป็นสังหาริมทรัพย์
รถยนต์ที่เช่าซื้อถูกลักไปประกันภัยจ่ายค่าสินไหมให้ไฟแนนซ์แล้ว
ผู้ให้เช่าซื้อมิได้ยึดถือเอาข้อสัญญาเป็นสาระสำคัญ-ค้างชำระค่าเช่าซื้อ
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) สิทธิเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ
สัญญาเช่าซื้อต้องลงชื่อคู่สัญญาสองฝ่ายไม่ทำตามแบบเป็นโมฆะ
สัญญาเช่าซื้อกับสัญญาเช่าแบบลิสซิ่ง
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) สิทธิเรียกค่าใช้ทรัพย์สินและค่าเสียหาย
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) ตกลงค่าเบี้ยปรับสูงเกินส่วน
(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) โอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ