ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




อำนาจฟ้อง, คู่ความในคดี, ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย,

 ท นาย อาสา ฟรี

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

อำนาจฟ้อง, คู่ความในคดี, ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย, 

 เดิมโจทก์ใช้ชื่อกลุ่มออมทรัพย์ฯ เป็นโจทก์ต่อมาแก้ฟ้องเป็นชื่อบุคคลที่เป็นกรรมการกลุ่มออมทรัพย์ฯ อย่างไรก็ตาม กลุ่มออมทรัพย์ฯ ไม่ถือเป็นนิติบุคคลจึงไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีได้ และกรรมการ ก็ไม่สามารถฟ้องแทนในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะผู้รับมอบอำนาจได้

เมื่อโจทก์ทั้งสามไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีได้ตามกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาดังกล่าวถือเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง และมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2567

เดิมโจทก์ใช้ชื่อกลุ่มออมทรัพย์ฯ เป็นชื่อคู่ความ ต่อมาแก้ฟ้องใช้ชื่อ ส. กับพวก ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจดำเนินการแทนกลุ่มออมทรัพย์ฯ เป็นคู่ความแทน เมื่อกลุ่มออมทรัพย์ฯ ไม่เป็นบุคคลตาม ป.พ.พ. จึงไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีได้ ดังนั้น ส. กับพวก ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจดำเนินการแทนกลุ่มออมทรัพย์ฯ จึงไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีนี้ได้ แม้ ส. กับ จ. จะเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ฯ ดังกล่าว แต่ก็มิได้ฟ้องคดีในฐานะส่วนตัว จึงไม่สามารถมอบอำนาจให้ ภ. ดำเนินคดีแทนได้ เมื่อ ส. กับพวกไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีได้ตามกฎหมายย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2567, อำนาจฟ้องตามกฎหมาย, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 350, ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย, ศาลฎีกายกฟ้องเพราะไม่มีอำนาจฟ้อง, การฟ้องในนามกลุ่มออมทรัพย์, การพิจารณาคดีโดยศาลฎีกา มาตรา 195 วรรคสอง, บทบาทศาลในการพิจารณาข้อกฎหมาย,

 

****โจทก์ทั้งสามฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 350

*ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง

*จำเลยให้การปฏิเสธ

*ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี

*จำเลยอุทธรณ์

*ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

*โจทก์ทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

*ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่าโจทก์ทั้งสามมีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องจากที่เดิมระบุชื่อโจทก์ว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านคลองกรูด เป็นนายสังเกตกับนางจีรนันท์และนางสาวขวัญสุดาก็ตาม แต่ตามคำเบิกความของนางสาวสุภาวดี ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้งสามปรากฏว่า นายสังเกตกับนางจีรนันท์และนางสาวขวัญสุดา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจดำเนินการแทนกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านคลองกรูด ซึ่งกลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าวไม่เป็นบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีได้ นายสังเกตกับนางจีรนันท์และนางสาวขวัญสุดา ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจดำเนินการแทนกลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าวจึงไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีนี้ได้ ตามคำฟ้องของโจทก์ประกอบเอกสารท้ายคำฟ้องที่ระบุว่า นายสังเกตและนางจีรนันท์ โจทก์ที่ 1 และที่ 2 เป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าวด้วย ก็ไม่ปรากฏว่านายสังเกตและนางจีรนันท์ โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ฟ้องคดีในฐานะส่วนตัว โจทก์ทั้งสามจึงมอบอำนาจให้นางสาวสุภาวดี ดำเนินคดีนี้แทนไม่ได้เช่นกัน นอกจากนี้ นางสาวสุภาวดี ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้งสาม ซึ่งตามคำฟ้องของโจทก์ประกอบเอกสารท้ายคำฟ้อง ระบุว่าเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าวด้วย ก็ไม่ได้ฟ้องคดีในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากสมาชิกทั้งหมดของกลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าว เมื่อโจทก์ทั้งสามไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีนี้ได้ตามกฎหมายย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้อง นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ทั้งสามอีกต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป

*พิพากษายืน

•  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2567

•  อำนาจฟ้องตามกฎหมาย

•  ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 350

•  ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย

•  ศาลฎีกายกฟ้องเพราะไม่มีอำนาจฟ้อง

•  การฟ้องในนามกลุ่มออมทรัพย์

•  การพิจารณาคดีโดยศาลฎีกา มาตรา 195 วรรคสอง

•  บทบาทศาลในการพิจารณาข้อกฎหมาย

*คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2567 (ย่อ)

โจทก์เดิมใช้ชื่อกลุ่มออมทรัพย์ฯ เป็นคู่ความ ต่อมาแก้ฟ้องเป็นชื่อบุคคลที่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแทนกลุ่มออมทรัพย์ฯ อย่างไรก็ตาม กลุ่มออมทรัพย์ฯ ไม่ถือเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีได้ และกรรมการผู้มีอำนาจดำเนินการแทนกลุ่มออมทรัพย์ฯ ก็ไม่สามารถฟ้องแทนในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะผู้รับมอบอำนาจได้

โจทก์ทั้งสามไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีนี้ได้ตามกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาดังกล่าวถือเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีการฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง และมาตรา 225

ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย เนื่องจากไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป

***หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2567

1.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 (ความผิดฐานฉ้อโกง)

oเนื้อหา: บุคคลใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงที่ควรบอกให้แจ้ง แล้วทำให้ผู้ถูกหลอกลวงยินยอมให้ทรัพย์สินแก่ตนหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงเสียทรัพย์ ถือเป็นการฉ้อโกง

oสาระสำคัญ:

การกระทำต้องมี "การหลอกลวง" ซึ่งรวมถึงการใช้ข้อความเท็จหรือปกปิดความจริง

มีเจตนาทุจริต

ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวง

oการนำมาใช้ในคดีนี้: โจทก์กล่าวหาจำเลยว่ากระทำการฉ้อโกงตามมาตรานี้ แต่คดีนี้ไม่ได้วินิจฉัยในส่วนนี้ เนื่องจากปัญหาเรื่องสถานะคู่ความที่ฟ้องไม่ถูกต้อง

2.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 (ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน)

oเนื้อหา: บุคคลใดกระทำการฉ้อโกงประชาชนด้วยวิธีการใด ๆ เช่น การโฆษณาหรือการหลอกลวงประชาชนในวงกว้าง ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

oสาระสำคัญ:

ต้องเป็นการหลอกลวงประชาชนในลักษณะวงกว้าง

มีเจตนาทุจริตและเกิดความเสียหาย

oการนำมาใช้ในคดีนี้: แม้ข้อหานี้จะถูกฟ้องในคดี แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีมูลในข้อหานี้ จึงยกฟ้อง

3.ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง

oเนื้อหา: กำหนดให้ศาลฎีกามีอำนาจยกประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยขึ้นวินิจฉัยได้เอง แม้คู่ความจะไม่ได้ฎีกาประเด็นนั้น

oสาระสำคัญ:

ประเด็นที่ศาลฎีกายกขึ้นต้องเป็น "ข้อกฎหมาย" และต้องเกี่ยวกับ "ความสงบเรียบร้อย"

ข้อนี้สะท้อนถึงบทบาทศาลฎีกาในการรักษาหลักกฎหมายที่ถูกต้องในคดีที่ส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม

oการนำมาใช้ในคดีนี้: ศาลฎีกาใช้มาตรานี้เพื่อพิจารณาประเด็นว่าผู้ฟ้องมีอำนาจฟ้องหรือไม่ แม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาประเด็นนี้

4.ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225

oเนื้อหา: กำหนดว่าในกรณีที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคู่ความไม่มีอำนาจฟ้องหรือการดำเนินคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลสามารถยกฟ้องโดยไม่ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงอื่นต่อไป

oสาระสำคัญ:

ศาลสามารถยุติการพิจารณาคดีหากพบว่าการฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เป็นมาตราที่เน้นการคุ้มครองกระบวนการยุติธรรมจากการดำเนินคดีที่ไม่ถูกต้อง

oการนำมาใช้ในคดีนี้: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้ฟ้องไม่มีอำนาจฟ้องตามกฎหมาย จึงยกฟ้องโดยไม่ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

*การเชื่อมโยงหลักกฎหมายกับคดี

ในคดีนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้ฟ้องไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีได้ เนื่องจากกลุ่มออมทรัพย์ฯ ไม่ถือเป็นนิติบุคคล และกรรมการผู้มีอำนาจก็ไม่ได้ฟ้องในฐานะส่วนตัวหรือฐานะที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้ผู้ฟ้องไม่มีอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกาก็สามารถยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามมาตรา 195 วรรคสอง และพิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ที่ยกฟ้องคดี


***คุณสมบัติในการเป็นคู่ความในการฟ้องคดี

การเป็นคู่ความในคดี หมายถึง การมีสิทธิหรือสถานะตามกฎหมายที่จะดำเนินคดีหรือถูกดำเนินคดีในชั้นศาล การจะเป็นคู่ความได้นั้น บุคคลต้องมีคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง หากขาดคุณสมบัติดังกล่าว คดีอาจถูกยกฟ้องเนื่องจาก "ไม่มีอำนาจฟ้อง"

คุณสมบัติของคู่ความในการฟ้องคดี

1.สถานะบุคคลหรือนิติบุคคลที่ชอบด้วยกฎหมาย

oต้องเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่จัดตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือสมาคม

oกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล เช่น ชุมชน กลุ่มออมทรัพย์ ไม่สามารถเป็นคู่ความได้ เว้นแต่ดำเนินการผ่านผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมาย

2.ความสามารถทางกฎหมาย (Legal Capacity)

oต้องมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมาย เช่น บุคคลที่เป็นผู้เยาว์จะต้องดำเนินการผ่านผู้แทนโดยชอบธรรม

3.การฟ้องในฐานะที่ชอบด้วยกฎหมาย

oหากฟ้องในนามกลุ่ม หรือองค์กร ต้องมีมติหรืออำนาจตามกฎหมายที่ระบุไว้ เช่น ผู้ถือหุ้นฟ้องแทนบริษัท ต้องแสดงว่าได้รับมอบหมายหรือมีอำนาจตามกฎหมาย

กรณีที่ไม่มีคุณสมบัติในการเป็นคู่ความ

1.สถานะบุคคลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

oเช่น กลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล หรือองค์กรที่ไม่ได้รับการรับรองจากกฎหมาย

2.การฟ้องในฐานะที่ไม่ถูกต้อง

oเช่น การฟ้องในนามส่วนรวมโดยไม่มีมติหรืออำนาจจากส่วนรวม

3.ไม่มีความสามารถทางกฎหมาย

oเช่น ผู้เยาว์หรือคนไร้ความสามารถที่ฟ้องโดยไม่ผ่านผู้แทน

4.คดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณา

oเช่น การฟ้องโดยไม่มีผู้รับมอบอำนาจที่ถูกต้อง

บทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง

1.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 96

บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่จัดตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่สามารถมีสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายได้

oหลักกฎหมาย: หากคู่ความไม่ใช่นิติบุคคล เช่น กลุ่มคนธรรมดา หรือสมาคมที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมาย บุคคลเหล่านั้นไม่มีสถานะเป็นคู่ความ

2.ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง

ศาลมีอำนาจยกประเด็นเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยขึ้นพิจารณาได้ แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา

oหลักกฎหมาย: หากศาลพบว่าคู่ความไม่มีอำนาจฟ้อง คดีจะถูกยกฟ้องทันที

3.ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

การฟ้องคดีในนามกลุ่มต้องมีตัวแทนที่ได้รับมอบหมายโดยถูกต้อง

oหลักกฎหมาย: หากตัวแทนฟ้องในนามกลุ่มโดยไม่มีมติหรือการมอบหมายจากกลุ่ม คดีอาจถูกยกฟ้อง

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2567

oข้อเท็จจริง: กลุ่มออมทรัพย์ฟ้องในนามตัวเอง ต่อมาแก้ฟ้องโดยระบุกรรมการผู้มีอำนาจแทนกลุ่ม แต่กลุ่มออมทรัพย์ไม่ถือเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย และกรรมการไม่ได้ฟ้องในฐานะส่วนตัว

oศาลวินิจฉัย: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีฎีกา ศาลฎีกายกฟ้อง

2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5097/2563

oข้อเท็จจริง: สมาคมแห่งหนึ่งฟ้องคดีโดยไม่ผ่านมติที่ประชุมใหญ่ของสมาคม

oศาลวินิจฉัย: สมาคมไม่มีอำนาจฟ้อง คดีถือว่าดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2557

oข้อเท็จจริง: กลุ่มชุมชนยื่นฟ้องในฐานะกลุ่มบุคคลโดยไม่มีสถานะนิติบุคคล

oศาลวินิจฉัย: กลุ่มชุมชนไม่ถือเป็นคู่ความตามกฎหมาย ฟ้องคดีไม่ได้

4.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2550

oข้อเท็จจริง: การฟ้องในนามบริษัทโดยผู้ที่ไม่มีอำนาจตามข้อบังคับบริษัท

oศาลวินิจฉัย: ฟ้องคดีในนามบริษัทโดยไม่ผ่านมติหรืออำนาจที่ชอบด้วยกฎหมาย คดีถือว่าไม่มีอำนาจฟ้อง

5.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2537

oข้อเท็จจริง: การฟ้องในนามของบุคคลไร้ความสามารถโดยไม่ผ่านผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมาย

oศาลวินิจฉัย: คดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผู้ฟ้องไม่มีความสามารถทางกฎหมาย

สรุปการเปรียบเทียบ

•ทุกกรณี ศาลยกฟ้องเนื่องจากคู่ความไม่มีสถานะหรืออำนาจฟ้องตามกฎหมาย โดยพิจารณาจากสถานะทางกฎหมาย การมอบหมายอำนาจ และการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา

•ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจยกข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยขึ้นพิจารณาเองได้ เพื่อป้องกันการดำเนินคดีที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

บทความนี้แสดงให้เห็นว่าการฟ้องคดีต้องดำเนินการโดยบุคคลที่มีสถานะและคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย มิฉะนั้นศาลจะยกฟ้องในทันที




เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความอาญา

การถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน, ความผิดฐานฟ้องเท็จ, มูลหนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
โจทก์ร่วมในคดีอาญา, การใช้สิทธิผู้เสียหายแทนโจทก์ร่วมเดิม, การสืบสิทธิในคดีอาญา,
แก้ไขฟ้องคดีอาญา ป.วิ.อ. มาตรา 163, อำนาจพนักงานอัยการในคดีทุจริต, บทบาทอัยการสูงสุดตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการ
ศาลลงโทษปรับต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด, อุทธรณ์คำพิพากษา, ขอให้เพิ่มโทษ,
การพิจารณาคดีไต่สวนมูลฟ้อง, คำสั่งศาลที่เด็ดขาด,
ถ้อยคำรับสารภาพว่าตนได้กระทำความผิดห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
ข้อห้ามฎีกาคดีอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง, การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง, คดีอาวุธปืนและอาวุธเถื่อน,
การกระทำโดยบันดาลโทสะ, โทษสถานเบาและการรอการลงโทษ, สิทธิยกประเด็นในชั้นอุทธรณ์
ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอค่าสินไหมทดแทนตาม มาตรา 44/1
ฎีกาขอให้ลดมาตราส่วนโทษเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม
แก้ไขโทษของความผิดถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยห้ามฎีกา
ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
อำนาจสอบสวนของกองปราบปราม
คำให้การชั้นสอบสวนแทนการสืบพยานในชั้นพิจารณา
ลดมาตราส่วนโทษในความผิดต้องห้ามฎีกา
ฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิด
คำรับสารภาพมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
อำนาจฟ้องในข้อหาความผิดตามมาตรา 157
พยานหลักฐานชนิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ
การกระทำหลายอย่างแต่ละอย่างเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง
ฟ้องร้องคดีในลักษณะสมยอมสิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับ
ผู้เสียหายไม่มาเบิกความเป็นพยานในศาล
ผู้แทนโดยชอบธรรมมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหาย(บุตร)
ความรับผิดในทางแพ่ง-ผู้เสียหายโดยนิตินัย
การบรรยายฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด
กรณีไม่ปรากฏลายมือชื่อผู้เรียง-พิมพ์คำฟ้องโจทก์
คดีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญายื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้
ศาลชั้นต้นยกอายุความมายกคำร้อง ม.44/1 ไม่ชอบ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา | เรียกค่าเสียหาย
นายแพทย์กระทำอนาจารคนไข้อายุกว่า 15 ปี จำคุก 3 ปี ปรับ 20,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษใหม่แทนการยื่นอุทธรณ์
ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ ยกคำร้อง ผู้ต้องหาอุทธรณ์
โจทก์ขอให้ลงโทษตามกฎหมายเดิมซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว
หลอกลวงผู้เสียหายให้ขายดาวน์รถยนต์
ผู้เช่าซื้อมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกได้
ไม่มีเจตนาเล่นการพนันด้วยจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
บุคคลล้มละลายมีอำนาจฟ้องคดีอาญา
พนักงานสอบสวนมิได้ขอฝากขังต่อศาลภายในกำหนด
ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระทำโดยพลาด
ฟ้องคดีสมยอมสิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แก้ไขคำพิพากษาที่อ่านแล้ว
จำคุกไม่เกิน5ปีห้ามคู่ความฎีกาข้อเท็จจริง
ความผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์
จำเลยให้การรับสารภาพแต่ศาลอุทธรณ์ศาลฎีกายกฟ้อง
ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาห้ามอุทธรณ์
การกระทำอันเป็นความผิดรวมอยู่ในฟ้อง
ฟ้องที่บรรยายไม่ครบองค์ประกอบของความผิด
พิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง
เพื่อการอนาจารเป็นเจตนาพิเศษ | การบรรยายฟ้อง
ของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดไว้ | คดีถึงที่สุด
ไม่สามารถนำผู้เสียหายมาเบิกความต่อศาล
ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า
คำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวห้ามอุทธรณ์
มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
อำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์-ฎีกา
ฎีกาไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์-ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องที่ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คดีขาดอายุความจึงชอบที่ศาลจะยกฟ้อง
คดีถึงที่สุดเมื่อครบกำหนดยื่นฎีกา
การพิจารณาคดีลับหลังจำเลย
ต้องห้ามฎีกาเพราะไม่ได้อุทธรณ์ไว้
ขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แก้ไขเล็กน้อย-จำคุกไม่เกินห้าปีห้ามฎีกา
กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
เป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
โจทก์ฟ้องผิดวันจำเลยหลงต่อสู้
โต้แย้งดุลพิจนิจในการรับฟังพยานหลักฐาน