สำนักงานพีศิริ ทนายความ ตั้งอยู่เลขที่ 34/159 หมู่ 8 ซอยบางมดแลนด์ แยก 13 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 ติดต่อทนายความ 085-9604258 สำหรับแผนที่การเดินทาง กรุณาคลิ๊กที่ "ที่ตั้งสำนักงาน" ด้านบนสุด ทนายความ ทนาย สำนักงานกฎหมาย สำนักงานทนายความ ปรึกษากฎหมายกับทนายความลีนนท์ โทรเลย ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาทนายความ

ลดมาตราส่วนโทษในความผิดต้องห้ามฎีกา -ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258 -ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (5) ID line : (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3) @peesirilaw หรือ (4) peesirilaw (5) leenont -Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย QR CODE
แม้ในความผิดที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ แต่ในความผิดที่ไม่ต้องห้ามฎีกาและจำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น ศาลมีอำนาจลดมาตราส่วนโทษในความผิดฐานที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ด้วย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2552 การใช้ดุลพินิจลดมาตราส่วนโทษโดยคำนึงถึงความรู้สึกผิดชอบของจำเลยที่ 3 เป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน เมื่อศาลฎีกาลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานที่ไม่ต้องห้าม ฎีกาแล้ว ก็มีอำนาจลดมาตราส่วนโทษในความผิดฐานที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ด้วย
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 277 วรรคสาม, 317 วรรคสาม อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความ ผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงและเด็กหญิงนั้นไม่ยินยอม จำคุกคนละตลอดชีวิตฐานร่วมกับพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร จำคุกคนละ 8 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทา โทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกคนละ 29 ปี จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร จำคุกคนละ 5 ปี ลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกรวมคนละ 27 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 3 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 3 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษ ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อข้อหาความผิดฐานร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่ เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานนี้ไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่าสมควรลงโทษจำเลยที่ 3 ในข้อหาความผิดฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน สิบห้าปีโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงและเด็กหญิงนั้นไม่ยินยอมสถานเบากว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 3 กระทำความผิดใน ขณะที่มีอายุเพียง 18 ปีเศษเท่านั้น จำเลยที่ 3 น่าจะยังมีความรู้สึกผิดชอบไม่มากนัก ทั้งยังปรากฏหลักฐานตามบันทึกการเจรจาตกลงเกี่ยวกับการชดใช้ทางแพ่งเอกสารหมาย จ.4 ว่ามารดาของจำเลยที่ 3 ได้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 60,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสองไปแล้ว จึงเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แม้ข้อหา ความผิดฐานร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่การใช้ดุลพินิจลดมาตราส่วนโทษในความ ผิดตามฟ้องทั้งสองข้อหาโดยคำนึงถึงความรู้สึกผิดชอบของจำเลยที่ 3 เป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและลดมาตราส่วนโทษในความผิดฐานร่วมกันพรากเด็ก อายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารให้จำเลยที่ 3 ได้ด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า ลดมาตราส่วนโทษที่จะลงแก่จำเลยที่ 3 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 (เดิม) วางโทษจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้า ปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร จำคุก 3 ปี 4 เดือน ความผิดฐานร่วมกันกระทำชำระเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง และเด็กหญิงนั้นไม่ยินยอม จำคุก 33 ปี 4 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 36 ปี 8 เดือน ลดโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 18 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1. ( พิทยา บุญชู - สิทธิชัย พรหมศร - พิษณุ ดำรงเกียรติวัฒนา )
|