ReadyPlanet.com
dot
สำนักงานทนายความ
dot
bulletทนายความฟ้องหย่า
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
dot
พระราชบัญญัติ
dot
bulletพระราชบัญญัติ
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
dot
บทความเฉพาะเรื่อง
dot
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletสัญญายอมความ
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletกรมบังคับคดี
dot
ลิงค์ต่าง ๆ
dot
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletอำนาจปกครองบุตร




พิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง

-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258

-ติดต่อทางอีเมล  : leenont0859604258@yahoo.co.th

-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์  (5) ID line  :

         (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3)  @peesirilaw  หรือ (4) peesirilaw   (5)   leenont

-Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย  QR CODE

QR CODE             

พิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง

 โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถโดยสารประจำทางมาถึงบริเวณสี่แยกฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยขับเฉี่ยวชนกับรถยนต์ของโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่ได้ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง แต่จำเลยขับรถโดยสารแล่นเข้าไปในสี่แยกที่เกิดเหตุด้วยความเร็วโดยมิได้ลดความเร็วลง เป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้เกิดเฉี่ยวชนกับรถยนต์ของโจทก์ร่วม ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการพิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้องและโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำโดยประมาทตามที่กล่าวไว้ในคำฟ้องแล้ว ลงโทษจำเลยได้

     คำพิพากษาศาลฎีกาที่  3012/2553

                      พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดพล          โจทก์
 
          โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยสารประจำทางมาถึงบริเวณสี่แยกถนนมิตรภาพตัดกับถนนแจ้งสนิท จำเลยควรใช้ความระมัดระวังโดยลดความเร็วของรถลงเพื่อความปลอดภัยและหยุดรถเพื่อให้รถในช่องทางที่ได้รับสัญญาณจราจรไฟสีเขียวแล่นผ่านไป แต่จำเลยไม่ใช้ความระมัดระวังขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วสูงและฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยขับเฉี่ยวชนกับรถยนต์ที่ ถ. ขับผ่านสี่แยกดังกล่าวขณะได้รับสัญญาณจราจรไฟสีเขียว แม้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง แต่จำเลยขับรถโดยสารแล่นเข้าไปในสี่แยกที่เกิดเหตุด้วยความเร็วโดยมิได้ลดความเร็วลง เป็นการขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์อันเป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้เกิดเฉี่ยวชนกับรถยนต์ของโจทก์ร่วม จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำโดยประมาทตามที่กล่าวไว้ในคำฟ้องแล้ว ศาลชั้นต้นจึงลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 และ ป.อ. มาตรา 300 ได้

          โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 22, 152, 43 (4), 157
          จำเลยให้การปฏิเสธ

          ระหว่างพิจารณา นายถวิล ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต (ที่ถูก เฉพาะข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300)

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
          จำเลยอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
          โจทก์ฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายในชั้นฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยขับรถโดยสารประจำทางเข้าไปในสี่แยกที่เกิดเหตุโดยไม่ลดความเร็วของรถอันเป็นการกระทำโดยประมาท เป็นการพิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้องและโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษตามคำพิพากษามาศาลอุทธรณ์ภาค 4 หรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถโดยสารประจำทางมาถึงบริเวณสี่แยกถนนมิตรภาพตัดกับถนนแจ้งสนิทจำเลยควรใช้ความระมัดระวังโดยลดความเร็วของรถลงเพื่อความปลอดภัยและหยุดรถเพื่อให้รถในช่องทางที่ได้รับสัญญาณไฟจราจรสีเขียวแล่นผ่านไป แต่จำเลยไม่ใช้ความระมัดระวังขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วสูงและฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยขับเฉี่ยวชนกับรถยนต์ที่นายถวิลขับผ่านสี่แยกดังกล่าวขณะได้รับสัญญาณจราจรไฟสีเขียว แม้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่ได้ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง แต่จำเลยขับรถโดยสารแล่นเข้าไปในสี่แยกที่เกิดเหตุด้วยความเร็วโดยมิได้ลดความเร็วลง เป็นการขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์อันเป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้เกิดเฉี่ยวชนกับรถยนต์ของโจทก์ร่วม จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำโดยประมาทตามที่กล่าวไว้ในคำฟ้องแล้ว ศาลชั้นต้นจึงลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้องและโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่งและวรรคสี่ และพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นแต่เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยังมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ ซึ่งผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 4 อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิการฎีกาของคู่ความ ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาพิพากษาปัญหาดังกล่าวเสียก่อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบด้วยมาตรา 225
          พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
( เกษม วีรวงศ์ - อร่าม แย้มสอาด - สิงห์พล ละอองมณี )
ศาลจังหวัดพล - นายสมิต ประสมทอง
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 - นายจตุรงค์ นาสมใจ

ปรึกษากฎหมาย  ปรึกษาทนายความ ลีนนท์  สำนักงานกฎหมายพีศิริ ทนายความ โทร 0859604258




เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความอาญา

กรณีไม่ปรากฏลายมือชื่อผู้เรียงและผู้เขียนหรือพิมพ์คำฟ้องโจทก์
คดีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญายื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้
ศาลชั้นต้นยกอายุความมายกคำร้อง ม.44/1 ไม่ชอบ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา | เรียกค่าเสียหาย
นายแพทย์กระทำอนาจารคนไข้อายุกว่า 15 ปี จำคุก 3 ปี ปรับ 20,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษใหม่แทนการยื่นอุทธรณ์
ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ ยกคำร้อง ผู้ต้องหาอุทธรณ์
การนำสืบพยานเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
โจทก์ขอให้ลงโทษตามกฎหมายเดิมซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว
หลอกลวงผู้เสียหายให้ขายดาวน์รถยนต์
ผู้เช่าซื้อมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกได้
ไม่มีเจตนาเล่นการพนันด้วยจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
บุคคลล้มละลายมีอำนาจฟ้องคดีอาญา
พนักงานสอบสวนมิได้ขอฝากขังต่อศาลภายในกำหนด
ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระทำโดยพลาด
ฟ้องคดีสมยอมสิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แก้ไขคำพิพากษาที่อ่านแล้ว
จำคุกไม่เกิน5ปีห้ามคู่ความฎีกาข้อเท็จจริง
ความผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์
จำเลยให้การรับสารภาพแต่ศาลอุทธรณ์ศาลฎีกายกฟ้อง
ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาห้ามอุทธรณ์
การกระทำอันเป็นความผิดรวมอยู่ในฟ้อง
ฟ้องที่บรรยายไม่ครบองค์ประกอบของความผิด
เพื่อการอนาจารเป็นเจตนาพิเศษ | การบรรยายฟ้อง
ของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดไว้ | คดีถึงที่สุด
ไม่สามารถนำผู้เสียหายมาเบิกความต่อศาลยังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำความผิดให้ยกฟ้อง
ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า
คำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวห้ามอุทธรณ์
มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
อำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์-ฎีกา
ฎีกาไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์-ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องที่ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คดีขาดอายุความจึงชอบที่ศาลจะยกฟ้อง
คดีถึงที่สุดเมื่อครบกำหนดยื่นฎีกา
การพิจารณาคดีลับหลังจำเลย
ต้องห้ามฎีกาเพราะไม่ได้อุทธรณ์ไว้
ขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แก้ไขเล็กน้อย-จำคุกไม่เกินห้าปีห้ามฎีกา
กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
เป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
โจทก์ฟ้องผิดวันจำเลยหลงต่อสู้
โต้แย้งดุลพิจนิจในการรับฟังพยานหลักฐาน
ฎีกาขอให้ลดมาตราส่วนโทษเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม
แก้ไขโทษของความผิดถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยห้ามฎีกา
ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
อำนาจสอบสวนของกองปราบปราม
คำให้การชั้นสอบสวนแทนการสืบพยานในชั้นพิจารณา
ลดมาตราส่วนโทษในความผิดต้องห้ามฎีกา
ฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิด
คำรับสารภาพมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
อำนาจฟ้องในข้อหาความผิดตามมาตรา 157
การกระทำหลายอย่างแต่ละอย่างเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง
พยานหลักฐานชนิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ
พยานหลักฐาน
ผู้เสียหายไม่มาเบิกความเป็นพยานในศาล
ฟ้องร้องคดีในลักษณะสมยอมสิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับ
เบิกความอันเป็นเท็จ