ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ผู้แทนโดยชอบธรรมมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหาย(บุตร)

ทนายความ ฟ้องหย่า lawyer

ผู้แทนโดยชอบธรรมมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหาย(บุตร)

ผู้แทนโดยชอบธรรมมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายในคดีอาญาซึ่งมีผู้เยาว์เป็นผู้เสียหาย แต่ปรากฏว่าผู้แทนโดยชอบธรรมมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหาย ญาติหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องร้องต่อศาลขอให้ตั้งเขาเป็นผู้แทนเฉพาะคดีได้และเมื่อศาลมีคำสั่งตั้งบุคคลใดเป็นผู้แทนเฉพาะคดีแล้ว ผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายได้อีกและไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์

การที่ผู้คัดค้าน(มารดาผู้เยาว์)มีหนังสือถึงพนักงานอัยการขอให้สอบผู้เสียหายเพิ่มเติม เนื่องจากผู้เสียหายบอกต่อผู้คัดค้านว่าจำเลยไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ขณะเกิดเหตุผู้คัดค้านและจำเลยเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายต่อมาได้จดทะเบียนหย่าขาดกัน ภายหลังจดทะเบียนหย่าไม่ถึงหนึ่งเดือนผู้คัดค้านได้ส่งหนังสือขอรับความเป็นธรรมถึงพนักงานอัยการ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบคำให้การผู้เสียหายเพิ่มเติมและนำจดหมายที่ผู้เสียหายเป็นผู้เขียนว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดส่งมอบแก่พนักงานอัยการ ทำให้เชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหายในคดีนี้จริง ประกอบกับโจทก์(พนักงานอัยการ) แถลงคัดค้านคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้คัดค้าน โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการเป็นปฏิปักษ์กับโจทก์ อาจทำให้คดีของโจทก์เสียหาย ศาลวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย และไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการแทนผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4536/2565

ความผิดฐานกระทำอนาจาร พยายามกระทำชำเรา และกระทำชำเรา ผู้เสียหายเท่านั้นเป็นบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดดังกล่าว มารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้คัดค้านจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายได้ และมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการแทนผู้เสียหาย แต่ขณะเกิดเหตุผู้คัดค้านและจำเลยเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน 1 คน จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันระหว่างผู้คัดค้านกับจำเลย แม้ภายหลังจะจดทะเบียนหย่ากัน แต่ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน อีกทั้งโจทก์คัดค้านคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้คัดค้าน เพราะมีพฤติการณ์กระทำการเป็นปฏิปักษ์กับโจทก์ อาจทำให้คดีของโจทก์เสียหาย เชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหาย เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องซึ่งเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นผู้แทนเฉพาะคดีเพราะเป็นประโยชน์แก่ตัวผู้เสียหาย จึงทำให้ผู้คัดค้านไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายและไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการแทนผู้เสียหาย

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจาร พยายามกระทำชำเรา และกระทำชำเราเด็กหญิง ช. ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเด็กอายุ 9 ปีเศษ โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ก่อนวันนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐาน ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้เสียหาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับคำร้อง สำเนาให้จำเลย รอสอบคำให้การส่วนแพ่งจำเลยในวันนัด ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบิดาจึงมีฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหาย ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รอสั่งวันนัด ครั้นถึงวันนัดผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เสียหาย เนื่องจากผู้คัดค้านซึ่งเป็นมารดาและผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เสียหาย มีพฤติการณ์ประพฤติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้เสียหาย หากศาลอนุญาตให้ผู้คัดค้านเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการและมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายแล้ว ผู้ร้องเกรงว่าจะเป็นผลร้ายแก่ผู้เสียหาย ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6 ในวันเดียวกันผู้คัดค้านแถลงคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้มีอำนาจปกครองผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียว และยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดี มีอำนาจดำเนินคดีแทนผู้เสียหาย ให้ยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้คัดค้าน และอนุญาตให้ผู้เสียหายโดยผู้ร้องในฐานะผู้แทนเฉพาะคดีเข้าร่วมเป็นโจทก์

ผู้คัดค้านอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน

ผู้คัดค้านฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า เด็กหญิง ช. ผู้เสียหาย เกิดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องและผู้คัดค้าน ต่อมาวันที่ 7 กันยายน 2558 ผู้ร้องและผู้คัดค้านจดทะเบียนหย่า โดยมีข้อตกลงให้ผู้คัดค้านเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงอยู่ในความดูแลของผู้คัดค้าน ต่อมาผู้คัดค้านจดทะเบียนสมรสกับจำเลย มีบุตรด้วยกัน 1 คน และหลังโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ผู้คัดค้านจดทะเบียนหย่ากับจำเลย ในเบื้องต้นเห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่า ผู้คัดค้านซึ่งเป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เสียหายเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ดังที่ผู้คัดค้านฎีกาหรือไม่ เห็นว่า เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจาร พยายามกระทำชำเรา และกระทำชำเราผู้เสียหาย ผู้เสียหายเท่านั้นเป็นบุคคลที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) ผู้คัดค้านจึงไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้คัดค้านในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 (1) และมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3 (2) จึงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านต่อไปว่า การที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องในฐานะผู้แทนเฉพาะคดีเข้าร่วมเป็นโจทก์แทนผู้เสียหาย และให้ยกคำร้องของผู้คัดค้านที่ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์แทนผู้เสียหายชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ในคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์นั้น แม้ผู้แทนโดยชอบธรรมจะมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายดังกล่าวมาข้างต้น แต่หากปรากฏว่าผู้แทนโดยชอบธรรมมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหาย ญาติของผู้นั้น หรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องอาจร้องต่อศาลขอให้ตั้งเขาเป็นผู้แทนเฉพาะคดีก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6 วรรคหนึ่ง ซึ่งการที่ศาลจะตั้งผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้แทนเฉพาะคดีตามบทบัญญัติดังกล่าวก็โดยคำนึงถึงประโยชน์เฉพาะตัวของผู้เสียหายเท่านั้น และหากศาลมีคำสั่งตั้งบุคคลใดเป็นผู้แทนเฉพาะคดีแล้ว ผู้แทนโดยชอบธรรมก็ย่อมไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 (1) และไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3 (2) อีกต่อไป ดังนั้น การวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านดังกล่าว จึงต้องพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีหรือไม่ ในข้อนี้ผู้คัดค้านฎีกาอ้างว่า ผู้คัดค้านไม่มีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหาย การที่ผู้คัดค้านมีหนังสือถึงพนักงานอัยการขอให้สอบผู้เสียหายเพิ่มเติม เนื่องจากผู้เสียหายบอกต่อผู้คัดค้านว่าจำเลยไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย กับนำจดหมายที่ผู้เสียหายเป็นผู้เขียนว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดส่งมอบแก่พนักงานอัยการ และทำหนังสือพร้อมส่งมอบคลิปวิดีโอแก่พนักงานอัยการ เพราะต้องการพิสูจน์ว่าผู้เสียหายได้รับความเสียหายหรือไม่ อันเป็นการกระทำเพื่อรักษาเกียรติยศชื่อเสียงของผู้เสียหาย ส่วนการพิสูจน์ความผิดของจำเลยเป็นอีกส่วนที่ต้องว่ากล่าวกันต่อไปนั้น เห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวนอกจากจะไม่สมเหตุผลและขัดแย้งกับพฤติการณ์ของผู้คัดค้านที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าไม่ติดใจให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยตามกฎหมายจนถึงที่สุด เนื่องจากเป็นการแย่งสิทธิการปกครองผู้เสียหายแล้ว ยังเป็นการพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของความเห็นแพทย์ผู้ตรวจร่างกายผู้เสียหายที่ระบุว่าผู้เสียหายอาจจะผ่านการร่วมประเวณี อันมีผลเป็นการช่วยเหลือจำเลยในการต่อสู้คดีด้วย ครั้นเมื่อนำไปพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางไต่สวนว่า ขณะเกิดเหตุผู้คัดค้านและจำเลยเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน 1 คน และจำเลยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของทุกคนในครอบครัวรวมถึงค่าใช้จ่ายของผู้เสียหาย อันแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างผู้คัดค้านกับจำเลยและความจำเป็นที่ผู้คัดค้านต้องพึ่งพาอาศัยจำเลยในการดำรงชีพแล้ว ย่อมมีความเป็นไปได้ที่ผู้คัดค้านจะช่วยเหลือจำเลยในการต่อสู้คดี ทั้งนี้ แม้ผู้คัดค้านจะเบิกความปฏิเสธว่า ผู้คัดค้านกับจำเลยจดทะเบียนหย่ากันแล้ว เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 แต่การกระทำดังกล่าวก็ไม่อาจยืนยันความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างผู้คัดค้านกับจำเลยได้ เนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฏว่า ภายหลังจดทะเบียนหย่าไม่ถึงหนึ่งเดือนผู้คัดค้านได้ส่งหนังสือขอรับความเป็นธรรมฉบับลงวันที่ 24 สิงหาคม 2563 ถึงพนักงานอัยการ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบคำให้การผู้เสียหายเพิ่มเติม กับให้ขอผลตรวจร่างกายผู้เสียหายจากโรงพยาบาล ซึ่งผู้คัดค้านเป็นผู้พาผู้เสียหายไปตรวจในภายหลัง และขอให้สอบสวนแพทย์ผู้ตรวจร่างกายผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้คัดค้านยังส่งหนังสือถึงพนักงานอัยการเพื่อยืนยันขอให้สอบผู้เสียหายเพิ่มเติม กับนำจดหมายที่ผู้เสียหายเป็นผู้เขียนว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดส่งมอบแก่พนักงานอัยการ และทำหนังสือพร้อมส่งมอบคลิปวิดีโอแก่พนักงานอัยการ ทำให้น่าเชื่อว่าภายหลังจดทะเบียนหย่าผู้คัดค้านและจำเลยยังคงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มิฉะนั้นผู้คัดค้านคงไม่กระทำการที่มีผลเป็นการช่วยเหลือจำเลยในการต่อสู้คดีเช่นนี้ ส่วนที่ผู้คัดค้านเบิกความต่อไปว่า ภายหลังจดทะเบียนหย่าผู้คัดค้านต้องดูแลรับผิดชอบครอบครัวของตนเองนั้น ก็ไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน จึงเป็นคำเบิกความลอย ๆ ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้น เมื่อประมวลข้อเท็จจริงที่ได้จากทางไต่สวนและพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ได้วินิจฉัยมาเข้าด้วยกันแล้ว ประกอบกับโจทก์แถลงคัดค้านคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้คัดค้าน โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการเป็นปฏิปักษ์กับโจทก์ อาจทำให้คดีของโจทก์เสียหายตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ทำให้เชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหายในคดีนี้จริง กรณีจึงมีความจำเป็นต้องตั้งผู้แทนเฉพาะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6 การที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งตั้งผู้ร้องซึ่งเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นผู้แทนเฉพาะคดีถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ตัวผู้เสียหาย และเมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว จึงมีผลทำให้ผู้คัดค้านไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 (1) และไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3 (2) อีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องในฐานะผู้แทนเฉพาะคดีเข้าร่วมเป็นโจทก์แทนผู้เสียหาย และให้ยกคำร้องของผู้คัดค้านที่ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์แทนผู้เสียหายมานั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น สำหรับฎีกาของผู้คัดค้านในข้ออื่นเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อยไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง จึงไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

 




เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความอาญา

การถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน, ความผิดฐานฟ้องเท็จ, มูลหนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
โจทก์ร่วมในคดีอาญา, การใช้สิทธิผู้เสียหายแทนโจทก์ร่วมเดิม, การสืบสิทธิในคดีอาญา,
แก้ไขฟ้องคดีอาญา ป.วิ.อ. มาตรา 163, อำนาจพนักงานอัยการในคดีทุจริต, บทบาทอัยการสูงสุดตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการ
ศาลลงโทษปรับต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด, อุทธรณ์คำพิพากษา, ขอให้เพิ่มโทษ,
อำนาจฟ้อง, คู่ความในคดี, ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย,
การพิจารณาคดีไต่สวนมูลฟ้อง, คำสั่งศาลที่เด็ดขาด,
ถ้อยคำรับสารภาพว่าตนได้กระทำความผิดห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
ข้อห้ามฎีกาคดีอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง, การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง, คดีอาวุธปืนและอาวุธเถื่อน,
การกระทำโดยบันดาลโทสะ, โทษสถานเบาและการรอการลงโทษ, สิทธิยกประเด็นในชั้นอุทธรณ์
ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอค่าสินไหมทดแทนตาม มาตรา 44/1
ฎีกาขอให้ลดมาตราส่วนโทษเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม
แก้ไขโทษของความผิดถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยห้ามฎีกา
ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
อำนาจสอบสวนของกองปราบปราม
คำให้การชั้นสอบสวนแทนการสืบพยานในชั้นพิจารณา
ลดมาตราส่วนโทษในความผิดต้องห้ามฎีกา
ฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิด
คำรับสารภาพมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
อำนาจฟ้องในข้อหาความผิดตามมาตรา 157
พยานหลักฐานชนิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ
การกระทำหลายอย่างแต่ละอย่างเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง
ฟ้องร้องคดีในลักษณะสมยอมสิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับ
ผู้เสียหายไม่มาเบิกความเป็นพยานในศาล
ความรับผิดในทางแพ่ง-ผู้เสียหายโดยนิตินัย
การบรรยายฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด
กรณีไม่ปรากฏลายมือชื่อผู้เรียง-พิมพ์คำฟ้องโจทก์
คดีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญายื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้
ศาลชั้นต้นยกอายุความมายกคำร้อง ม.44/1 ไม่ชอบ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา | เรียกค่าเสียหาย
นายแพทย์กระทำอนาจารคนไข้อายุกว่า 15 ปี จำคุก 3 ปี ปรับ 20,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษใหม่แทนการยื่นอุทธรณ์
ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ ยกคำร้อง ผู้ต้องหาอุทธรณ์
โจทก์ขอให้ลงโทษตามกฎหมายเดิมซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว
หลอกลวงผู้เสียหายให้ขายดาวน์รถยนต์
ผู้เช่าซื้อมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกได้
ไม่มีเจตนาเล่นการพนันด้วยจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
บุคคลล้มละลายมีอำนาจฟ้องคดีอาญา
พนักงานสอบสวนมิได้ขอฝากขังต่อศาลภายในกำหนด
ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระทำโดยพลาด
ฟ้องคดีสมยอมสิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แก้ไขคำพิพากษาที่อ่านแล้ว
จำคุกไม่เกิน5ปีห้ามคู่ความฎีกาข้อเท็จจริง
ความผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์
จำเลยให้การรับสารภาพแต่ศาลอุทธรณ์ศาลฎีกายกฟ้อง
ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาห้ามอุทธรณ์
การกระทำอันเป็นความผิดรวมอยู่ในฟ้อง
ฟ้องที่บรรยายไม่ครบองค์ประกอบของความผิด
พิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง
เพื่อการอนาจารเป็นเจตนาพิเศษ | การบรรยายฟ้อง
ของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดไว้ | คดีถึงที่สุด
ไม่สามารถนำผู้เสียหายมาเบิกความต่อศาล
ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า
คำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวห้ามอุทธรณ์
มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
อำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์-ฎีกา
ฎีกาไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์-ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องที่ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คดีขาดอายุความจึงชอบที่ศาลจะยกฟ้อง
คดีถึงที่สุดเมื่อครบกำหนดยื่นฎีกา
การพิจารณาคดีลับหลังจำเลย
ต้องห้ามฎีกาเพราะไม่ได้อุทธรณ์ไว้
ขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แก้ไขเล็กน้อย-จำคุกไม่เกินห้าปีห้ามฎีกา
กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
เป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
โจทก์ฟ้องผิดวันจำเลยหลงต่อสู้
โต้แย้งดุลพิจนิจในการรับฟังพยานหลักฐาน