ReadyPlanet.com
dot
สำนักงานทนายความ
dot
bulletทนายความฟ้องหย่า
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
dot
พระราชบัญญัติ
dot
bulletพระราชบัญญัติ
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
dot
บทความเฉพาะเรื่อง
dot
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletสัญญายอมความ
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletกรมบังคับคดี
dot
ลิงค์ต่าง ๆ
dot
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletอำนาจปกครองบุตร




ไม่มีเจตนาเล่นการพนันด้วยจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย

-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258

-ติดต่อทางอีเมล  : leenont0859604258@yahoo.co.th

-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์  (5) ID line  :

         (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3)  @peesirilaw  หรือ (4) peesirilaw   (5)   leenont

-Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย  QR CODE

QR CODE 

ไม่มีเจตนาเล่นการพนันด้วยจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกร่วมกันใช้กลอุบายชักชวนโจทก์ร่วมให้นำเงินมาเข้าหุ้นกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกให้ครบ 6,000,000 บาท เพื่อใช้เล่นการพนัน โดยอ้างว่าสามารถร่วมกันเล่นโกงชนะจำเลยที่ 1 ซึ่งอ้างว่าเป็นถ้าแก่อีกคนหนึ่งอันเป็นความเท็จ ความจริงแล้วบุคคลที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 อ้างว่าเป็นเถ้าแก่ไม่มีความประสงค์จะซื้อเตาแก๊สของโจทก์ร่วม การตกลงซื้อขายเตาแก๊สกับโจทก์ร่วมเป็นเพียงกลอุบายให้โจทก์ร่วมไปกับจำเลยที่ 2 และไปพบจำเลยที่ 3 กับพวกแล้วใช้กลอุบายชักชวนให้เล่นการพนันโกงเพื่อเอาชนะจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกมิได้มีเจตนาจะเล่นการพนันเพื่อโกงเอาชนะจำเลยที่ 1 จริง การเล่นการพนันเป็นแผนการหรือกลอุบายอย่างหนึ่งที่จำเลยทั้งสามสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อจะหลอกลวงเอาเงินจากโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมก็มิได้มีเจตนาที่จะไปร่วมเล่นการพนันกับจำเลยทั้งสามมาแต่ต้น แต่เป็นการตกหลุมพรางที่จำเลยทั้งสามกับพวกวางกับดักเอาไว้ โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1335/2552
          จำเลยทั้งสามกับพวกมิได้มีเจตนาที่จะเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกัน แต่เป็นแผนการหรือกลอุบายอย่างหนึ่งที่จำเลยทั้งสามสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อจะหลอกลวงเอาเงินจากโจทก์ร่วม ทั้งโจทก์ร่วมมิได้มีเจตนาที่จะไปร่วมเล่นการพนันกับจำเลยทั้งสามมาแต่ต้น การที่โจทก์ร่วมมอบเงินให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกเพื่อเข้าหุ้นเล่นการพนันดังกล่าวเป็นการตกหลุมพรางที่วางกับดักเอาไว้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมเข้าร่วมเล่นการพนันกับจำเลยทั้งสามโดยไม่ได้รับอนุญาต อันจะเป็นการร่วมกับจำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานฉ้อโกง โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยในความผิดฐานฉ้อโกงเงินของโจทก์ร่วม
 
มาตรา 2  ในประมวลกฎหมายนี้
(1) “ศาล” หมายความถึงศาลยุติธรรมหรือผู้พิพากษา ซึ่งมีอำนาจทำการอันเกี่ยวกับคดีอาญา
(2) “ผู้ต้องหา” หมายความถึงบุคคลผู้ถูกหาว่าได้กระทำความผิด แต่ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล
(3) “จำเลย” หมายความถึงบุคคลซึ่งถูกฟ้องยังศาลแล้วโดยข้อหาว่าได้กระทำความผิด
(4) “ผู้เสียหาย”  หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้ ดั่งบัญญัติไว้ในมาตรา 4,5 และ 6
(5)...

 
          โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน 2548 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2548 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามกับพวกอีกหนึ่งคนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันวางแผนหลอกลวงนายนพรัตน์ผู้เสียหาย เป็นขั้นเป็นตอนและแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยทั้งสามทำทีมาติดต่อขอซื้อเตาแก๊สจากผู้เสียหาย โดยอ้างว่าพวกของจำเลยทั้งสามเป็นเถ้าแก่จะซื้อเตาแก๊สของผู้เสียหายและพาผู้เสียหายไปตกลงซื้อขายเตาแก๊สกันที่ห้องพักภายในโรงแรมไดมอนด์ แล้วจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกร่วมกันใช้กลอุบายชักชวนผู้เสียหายให้นำเงินมาเข้าหุ้นกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกให้ครบ 6,000,000 บาท เพื่อใช้เล่นการพนัน โดยอ้างว่าสามารถร่วมกันเล่นโกงเอาชนะจำเลยที่ 1 ซึ่งอ้างว่าเป็นเถ้าแก่อีกคนหนึ่งอันเป็นความเท็จความจริงแล้วบุคคลซึ่งจำเลยที่ 2 และที่ 3 อ้างว่าเป็นเถ้าแก่ไม่มีความประสงค์จะซื้อเตาแก๊สของผู้เสียหายแต่อย่างใด การตกลงซื้อขายเตาแก๊สกับผู้เสียหายเป็นเพียงกลอุบายให้ผู้เสียหายไปกับจำเลยที่ 2 และไปพบจำเลยที่ 3 กับพวกแล้วใช้กลอุบายชักชวนให้เล่นการพนันโกงเพื่อเอาชนะจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกมิได้มีเจตนาจะเล่นการพนันเพื่อโกงเอาชนะจำเลยที่ 1 จริง แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกหลอกลวงผู้เสียหายก็เพื่อให้ผู้เสียหายนำเงินมาเข้าหุ้นเล่นการพนันและจำเลยทั้งสามกับพวกจะได้สมคบกันเล่นโกงผู้เสียหายเพื่อให้แพ้พนันและจากการหลอกลวงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงิน 1,100,000 บาท ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกเพื่อเข้าหุ้นเล่นการพนันดังกล่าว แล้วจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกสมคบกันเล่นพนันโดยแกล้งเล่นแพ้พนัน ทำให้จำเลยทั้งสามกับพวกได้เงิน 1,100,000 บาท ของผู้เสียหายไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเงิน 1,100,000 บาท แก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4628/2548 ของศาลจังหวัดระนอง

          จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
          ระหว่างพิจารณา นายนพรัตน์ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

          โจทก์ร่วมและจำเลยที่ 1 ตกลงกันได้ โดยจำเลยที่ 1 จะผ่อนชำระเงินคืนให้โจกท์ร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวสำหรับจำเลยที่ 1

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 3 ปี จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน นับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4628/2548 ของศาลจังหวัดระนอง ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันคืนเงินจำนวน 1,100,000 บาท แก่โจทก์ร่วม
          จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
          ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์จำเลยที่ 2
          ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3

          โจทก์ฎีกา
          ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์จำเลยที่ 2

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 หรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติตามคำฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสามกับพวกอีกหนึ่งคนร่วมกันวางแผนหลอกลวงโจทก์ร่วมเป็นขั้นเป็นตอนและแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยทั้งสามทำทีมาติดต่อขอซื้อแก๊สจากโจทก์ร่วมอ้างว่าพวกของจำเลยทั้งสามเป็นเถ้าแก่จะซื้อเตาแก๊สของโจทก์ร่วม และพวกโจทก์ร่วมไปตกลงซื้อขายเตาแก๊สกันที่ห้องพักภายในโรงแรมไดมอนด์ แล้วจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกร่วมกันใช้กลอุบายชักชวนโจทก์ร่วมให้นำเงินมาเข้าหุ้นกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกให้ครบ 6,000,000 บาท เพื่อใช้เล่นการพนัน โดยอ้างว่าสามารถร่วมกันเล่นโกงชนะจำเลยที่ 1 ซึ่งอ้างว่าเป็นถ้าแก่อีกคนหนึ่งอันเป็นความเท็จ ความจริงแล้วบุคคลที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 อ้างว่าเป็นเถ้าแก่ไม่มีความประสงค์จะซื้อเตาแก๊สของโจทก์ร่วมแต่อย่างใด การตกลงซื้อขายเตาแก๊สของโจทก์ร่วมแต่อย่างใด การตกลงซื้อขายเตาแก๊สกับโจทก์ร่วมเป็นเพียงกลอุบายให้โจทก์ร่วมไปกับจำเลยที่ 2 และไปพบจำเลยที่ 3 กับพวกแล้วใช้กลอุบายชักชวนให้เล่นการพนันโกงเพื่อเอาชนะจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกมิได้มีเจตนาจะเล่นการพนันเพื่อโกงเอาชนะจำเลยที่ 1 จริง แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกหลอกลวงโจทก์ร่วมก็เพื่อให้โจทก์ร่วมนำเงินมาเข้าหุ้นเล่นการพนัน และจำเลยทั้งสามกับพวกจะได้สมคบกันเล่นโกงโจทก์ร่วมเพื่อให้แพ้พนัน และจากการหลอกลวงดังกล่าวทำให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อมอบเงิน 1,100,000 บาท ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกเพื่อเข้าหุ้นส่วนการพนันดังกล่าว แล้วจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกสมคบกันเล่นการพนันโดยแกล้งเล่นแพ้พนัน ทำให้จำเลยทั้งสามกับพวกได้เงิน 1,100,000 บาท ของโจทก์ร่วมไป เห็นว่า จำเลยทั้งสามกับพวกมิได้มีเจตนาที่จะเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกันแต่อย่างใด แต่การเล่นการพนันเป็นแผนการหรือกลอุบายอย่างหนึ่งที่จำเลยทั้งสามสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อจะหลอกลวงเอาเงินจากโจทก์ร่วม ทั้งโจทก์ร่วมก็มิได้มีเจตนาที่จะไปร่วมเล่นการพนันกับจำเลยทั้งสามมาแต่ต้น การที่โจทก์ร่วมมอบเงินให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกเพื่อเข้าหุ้นเล่นการพนันดังกล่าวเป็นการตกหลุมพรางที่จำเลยทั้งสามกับพวกวางกับดักเอาไว้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมเข้าร่วมเล่นการพนันกับจำเลยทั้งสามโดยไม่ได้รับอนุญาต อันจะเป็นการร่วมกับจำเลยทั้งสามกระทำความผิด โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์จำเลยที่ 2 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 2 ของโจทก์และโจทก์ร่วมย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2)

          อนึ่ง จำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินคืนให้โจทก์ร่วม 200,000 บาท แล้ว จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดใช้เงินคืนให้โจทก์ร่วมในส่วนนี้อีก”
          พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 3 ปี จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน นับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4628/2548 ของศาลจังหวัดระนอง ให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดคืนเงิน 900,000 บาท แก่โจทก์ร่วม จำหน่ายคดีในส่วนของจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
 
 
( ไชยยงค์ คงจันทร์ - นพวรรณ อินทรัมพรรย์ - ทัศนีย์ ธรรมเกณฑ์ )

 




เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความอาญา

กรณีไม่ปรากฏลายมือชื่อผู้เรียงและผู้เขียนหรือพิมพ์คำฟ้องโจทก์
คดีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญายื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้
ศาลชั้นต้นยกอายุความมายกคำร้อง ม.44/1 ไม่ชอบ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา | เรียกค่าเสียหาย
นายแพทย์กระทำอนาจารคนไข้อายุกว่า 15 ปี จำคุก 3 ปี ปรับ 20,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษใหม่แทนการยื่นอุทธรณ์
ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ ยกคำร้อง ผู้ต้องหาอุทธรณ์
การนำสืบพยานเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
โจทก์ขอให้ลงโทษตามกฎหมายเดิมซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว
หลอกลวงผู้เสียหายให้ขายดาวน์รถยนต์
ผู้เช่าซื้อมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกได้
บุคคลล้มละลายมีอำนาจฟ้องคดีอาญา
พนักงานสอบสวนมิได้ขอฝากขังต่อศาลภายในกำหนด
ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระทำโดยพลาด
ฟ้องคดีสมยอมสิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แก้ไขคำพิพากษาที่อ่านแล้ว
จำคุกไม่เกิน5ปีห้ามคู่ความฎีกาข้อเท็จจริง
ความผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์
จำเลยให้การรับสารภาพแต่ศาลอุทธรณ์ศาลฎีกายกฟ้อง
ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาห้ามอุทธรณ์
การกระทำอันเป็นความผิดรวมอยู่ในฟ้อง
ฟ้องที่บรรยายไม่ครบองค์ประกอบของความผิด
พิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง
เพื่อการอนาจารเป็นเจตนาพิเศษ | การบรรยายฟ้อง
ของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดไว้ | คดีถึงที่สุด
ไม่สามารถนำผู้เสียหายมาเบิกความต่อศาลยังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำความผิดให้ยกฟ้อง
ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า
คำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวห้ามอุทธรณ์
มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
อำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์-ฎีกา
ฎีกาไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์-ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องที่ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คดีขาดอายุความจึงชอบที่ศาลจะยกฟ้อง
คดีถึงที่สุดเมื่อครบกำหนดยื่นฎีกา
การพิจารณาคดีลับหลังจำเลย
ต้องห้ามฎีกาเพราะไม่ได้อุทธรณ์ไว้
ขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แก้ไขเล็กน้อย-จำคุกไม่เกินห้าปีห้ามฎีกา
กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
เป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
โจทก์ฟ้องผิดวันจำเลยหลงต่อสู้
โต้แย้งดุลพิจนิจในการรับฟังพยานหลักฐาน
ฎีกาขอให้ลดมาตราส่วนโทษเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม
แก้ไขโทษของความผิดถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยห้ามฎีกา
ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
อำนาจสอบสวนของกองปราบปราม
คำให้การชั้นสอบสวนแทนการสืบพยานในชั้นพิจารณา
ลดมาตราส่วนโทษในความผิดต้องห้ามฎีกา
ฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิด
คำรับสารภาพมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
อำนาจฟ้องในข้อหาความผิดตามมาตรา 157
การกระทำหลายอย่างแต่ละอย่างเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง
พยานหลักฐานชนิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ
พยานหลักฐาน
ผู้เสียหายไม่มาเบิกความเป็นพยานในศาล
ฟ้องร้องคดีในลักษณะสมยอมสิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับ
เบิกความอันเป็นเท็จ