ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระทำโดยพลาด

ทนายความ ฟ้องหย่า lawyer

ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระทำโดยพลาด

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า มิได้บรรยายฟ้องว่าเป็นการกระทำโดยพลาดมาด้วย ถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องหรือไม่???
แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยพลาดมาด้วย ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง อันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  4166/2550

 พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้ว      โจทก์

  การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ส. กระสุนปืนถูก ส. และยังพลาดไปถูก อ. ด้วยนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า ส. และฐานพยายามฆ่า อ. โดยพลาด แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำโดยพลาดมาด้วย ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง อันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 และการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

  โจทก์ฟ้องว่า จำเลยโดยมีเจตนาฆ่า ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นเป็นอาวุธยิงนายแสงอรุณ ไทยกลาง และเด็กชายอดิศักดิ์ โพธิกะ ผู้เสียหาย 1 นัด จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย หลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานยึดหมอนกระสุนปืนลูกซอง 1 หมอน ไว้เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 33 และริบของกลาง

          จำเลยให้การปฏิเสธ
          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ให้ลงโทษจำคุก 10 ปี ริบของกลาง

          จำเลยอุทธรณ์
          ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

          จำเลยฎีกา

   ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “...พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นได้ว่า ขณะเกิดเหตุนายแสงอรุณ ไทยกลาง นายสุริยา รักท้วม พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทโกลเด้นวัลเล่ย์ จำกัด หรือโรงแรมบีบี ได้ชวนนายสมนึก ทวีกุล พนักงานในบริษัทเดียวกันไปพบจ่าสิบเอกอนุรักษ์ โพธิกะ หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทดังกล่าวที่บริเวณหน้าห้องพักคนงานที่เกิดเหตุ มีนางชูศรี สุนทรารักษ์ กับเด็กชายอดิศักดิ์ โพธิกะ ภริยาและบุตรของจ่าสิบเอกอนุรักษ์นั่งอยู่ใกล้ ๆ ด้วย ได้มีการโต้เถียงกัน นายแสงอรุณผลักจ่าสิบเอกอนุรักษ์เซไปชนนายสุริยา ขณะนั้นจำเลยซึ่งเป็นยามเฝ้าวัสดุก่อสร้างของบริษัทโชคทวีวิศวกิจ จำกัด ที่รับประมูลก่อสร้างให้บริษัทโกลเด้นวัลเล่ย์ จำกัด อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุด้วย จำเลยเดินเข้ามาและมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด กระสุนปืนลูกซองถูกนายแสงอรุณที่แขนซ้าย 3 นัด ที่มือ 1 นัด กระสุนปืนฝังในและกระสุนปืนยังพลาดไปถูกเด็กชายอดิศักดิ์ที่ต้นขาซ้าย 1 นัด กระสุนปืนฝังในเช่นกัน พนักงานสอบสวนตรวจสถานที่เกิดเหตุพบหมอนกระสุนปืนลูกซอง 1 หมอน ยึดเป็นของกลางและออกหมายจับจำเลยไว้ ต่อมาวันที่ 18 สิงหาคม 2543 เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยเป็นคนร้ายกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนางชูศรี สุนทรารักษ์ เป็นประจักษ์พยานเบิกความว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุพยานนั่งพันสายไฟอยู่กับเด็กชายอดิศักดิ์หน้าห้องพักในที่เกิดเหตุ ส่วนนายแสงอรุณและนายสุริยานั่งพูดคุยอยู่กับจ่าสิบเอกอนุรักษ์สามีพยาน สักครู่หนึ่งมีเสียงพูดโต้ตอบกันดังขึ้น นายแสงอรุณดึงกระบองจะตีจ่าสิบเอกอนุรักษ์ พยานได้เข้าไปจับแขนนายแสงอรุณและร้องห้าม ขณะนั้นมีจำเลยเข้ามายังที่เกิดเหตุชักอาวุธปืนลูกซองสั้นจากเสื้อแจกเกตสีดำและยิงไปที่นายแสงอรุณ ปรากฏว่า กระสุนปืนถูกนายแสงอรุณที่บริเวณฝ่ามือและกระสุนปืนยังถูกเด็กชายอดิศักดิ์ที่ขาข้างซ้ายด้วย ขณะเกิดเหตุพยานอยู่ห่างจากจำเลยเพียงประมาณ 3 เมตร และมีแสงสว่างจากดวงไฟฟ้านีออนภายในและหน้าห้องพัก พยานมองเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจน เห็นว่า พยานปากนี้ไม่ปรากฏว่ามีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยอันควรจะสงสัยว่าจะกลั่นแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลย เชื่อว่าพยานเบิกความตามที่รู้เห็นจริง กับมีคำให้การของเด็กชายอดิศักดิ์ที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนไว้หลังเกิดเหตุเพียงประมาณ 6 วันว่า จำเลยเป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงในที่เกิดเหตุตามบันทึกคำให้การพยานของศาลจังหวัดบัวใหญ่ ประกอบกับจำเลยก็เบิกความรับว่า ในขณะเกิดเหตุจำเลยได้เข้าไปในที่เกิดเหตุจริง พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสังสัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายแสงอรุณได้รับอันตรายแก่กายและกระสุนปืนยังพลาดไปถูกเด็กชายอดิศักดิ์ได้รับอันตรายแก่กายอีกคนหนึ่งด้วย ที่จำเลยอ้างในฎีกาของจำเลยว่าเด็กชายอดิศักดิ์และนางชูศรีอยู่ในเหตุการณ์ชุลมุนที่จ่าสิบเอกอนุรักษ์ซึ่งเป็นบิดาและสามีถูกทำร้ายอยู่ ไม่น่าที่จะได้ทันสังเกตเห็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงชัดเจนนั้น เห็นว่า ตามที่ปรากฏในแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดหตุของศาลจังหวัดบัวใหญ่ ขณะเกิดเหตุนางชูศรีและเด็กชายอดิศักดิ์อยู่ทางด้านหน้าของนายแสงอรุณที่ได้โต้เถียงและจะเข้าไปทำร้ายจ่าสิบเอกอนุรักษ์ บุคคลทั้งสองก็ย่อมต้องให้ความสนใจหันหน้าไปมองดูทางนายแสงอรุณ ดังนั้น เหตุการณ์ที่คนร้ายเดินเข้ามาทางด้านหลังของนายแสงอรุณแล้วชักอาวุธปืนลูกซองสั้นออกมายิงจึงอยู่ในวิสัยที่บุคคลทั้งสองจะมองเห็นได้ประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากดวงไฟฟ้าทั้งในและหน้าห้องพักคนงานส่องสว่างอยู่ เชื่อว่านางชูศรีและเด็กชายอดิศักดิ์มองเห็นและจำได้ชัดเจนว่าคนร้ายที่เข้ามาใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงในที่เกิดเหตุคือจำเลย ส่วนข้ออ้างอื่น ๆ ในฎีกาของจำเลยไม่เป็นผลให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

          อนึ่ง การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายแสงอรุณ กระสุนปืนถูกนายแสงอรุณและยังพลาดไปถูกเด็กชายอดิศักดิ์ด้วยนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่านายแสงอรุณและฐานพยายามฆ่าเด็กชายอดิศักดิ์โดยพลาด แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำโดยพลาดมาด้วย ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง อันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 และการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ศาลล่างทั้งสองมิได้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”

          พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และมาตรา 288, 80 ประกอบมาตรา 60 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งแต่ละบทมีระวางโทษเท่ากันให้ลงโทษตามมาตรา 288, 80 เพียงบทเดียวตามมาตรา 90 ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

มาตรา 158 ฟ้องต้องทำเป็นหนังสือ และมี
(1) ชื่อศาลและวันเดือนปี
(2) คดีระหว่างผู้ใดโจทก์ ผู้ใดจำเลย และฐานความผิด
(3) ตำแหน่งพนักงานอัยการผู้เป็นโจทก์ ถ้าราษฎรเป็นโจทก์ ให้ใส่ชื่อตัว นามสกุล อายุ ที่อยู่ ชาติและบังคับ
(4) ชื่อตัว นามสกุล ที่อยู่ ชาติและบังคับของจำเลย
(5) การกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริง และรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลย เข้าใจข้อหาได้ดี
ในคดีหมิ่นประมาท ถ้อยคำพูด หนังสือ ภาพขีดเขียนหรือสิ่งอื่น อันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาท ให้กล่าวไว้โดยบริบูรณ์หรือติดมาท้ายฟ้อง
(6) อ้าง มาตรา กฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น ความผิด
(7) ลายมือชื่อโจทก์ ผู้เรียง ผู้เขียนหรือพิมพ์ฟ้อง

มาตรา 192 ห้ามมิให้พิพากษา หรือสั่ง เกินคำขอหรือที่มิได้กล่าว ในฟ้อง

ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่าง กับข้อเท็จจริงดั่งที่กล่าวในฟ้อง ให้ศาลยกฟ้องคดีนั้น เว้นแต่ข้อ แตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลจะ ลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นก็ได้

ในกรณีที่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียด เช่น เกี่ยวกับ เวลาหรือสถานที่กระทำความผิดหรือต่างกันระหว่างการกระทำผิด ฐานลักทรัพย์ กรรโชกรีดเอาทรัพย์ ฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ยักยอก รับ ของโจร และทำให้เสียทรัพย์หรือต่างกันระหว่างการกระทำผิด โดยเจตนากับประมาท มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ ทั้งมิให้ ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคำขอหรือเป็นเรื่องที่ โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ เว้นแต่จะปรากฏแก่ศาลว่าการที่ ฟ้องผิดไปเป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ แต่ทั้งนี้ศาลจะลงโทษจำเลย เกินอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่โจทก์ฟ้องไม่ได้

ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงบางข้อดั่งกล่าวในฟ้อง และตามที่ปรากฏ ในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ห้ามมิให้ ศาลลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงนั้น ๆ

ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นโจทก์สืบสม แต่โจทก์อ้างฐาน ความผิดหรือบท มาตรา ผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐาน ความผิดที่ถูกต้องได้

ถ้าความผิดตามที่ฟ้องนั้นรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่าง อาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำผิด อย่างหนึ่งอย่างใดตามที่พิจารณาได้ความก็ได้

 




เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความอาญา

ถ้อยคำรับสารภาพว่าตนได้กระทำความผิดห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอค่าสินไหมทดแทนตาม มาตรา 44/1
ฎีกาขอให้ลดมาตราส่วนโทษเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม
แก้ไขโทษของความผิดถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยห้ามฎีกา
ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
อำนาจสอบสวนของกองปราบปราม
คำให้การชั้นสอบสวนแทนการสืบพยานในชั้นพิจารณา
ลดมาตราส่วนโทษในความผิดต้องห้ามฎีกา
ฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิด
คำรับสารภาพมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
อำนาจฟ้องในข้อหาความผิดตามมาตรา 157
พยานหลักฐานชนิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ
การกระทำหลายอย่างแต่ละอย่างเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง
ฟ้องร้องคดีในลักษณะสมยอมสิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับ
ผู้เสียหายไม่มาเบิกความเป็นพยานในศาล
ผู้แทนโดยชอบธรรมมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหาย(บุตร)
ความรับผิดในทางแพ่ง-ผู้เสียหายโดยนิตินัย
การบรรยายฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด
กรณีไม่ปรากฏลายมือชื่อผู้เรียง-พิมพ์คำฟ้องโจทก์
คดีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญายื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้
ศาลชั้นต้นยกอายุความมายกคำร้อง ม.44/1 ไม่ชอบ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา | เรียกค่าเสียหาย
นายแพทย์กระทำอนาจารคนไข้อายุกว่า 15 ปี จำคุก 3 ปี ปรับ 20,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษใหม่แทนการยื่นอุทธรณ์
ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ ยกคำร้อง ผู้ต้องหาอุทธรณ์
โจทก์ขอให้ลงโทษตามกฎหมายเดิมซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว
หลอกลวงผู้เสียหายให้ขายดาวน์รถยนต์
ผู้เช่าซื้อมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกได้
ไม่มีเจตนาเล่นการพนันด้วยจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
บุคคลล้มละลายมีอำนาจฟ้องคดีอาญา
พนักงานสอบสวนมิได้ขอฝากขังต่อศาลภายในกำหนด
ฟ้องคดีสมยอมสิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แก้ไขคำพิพากษาที่อ่านแล้ว
จำคุกไม่เกิน5ปีห้ามคู่ความฎีกาข้อเท็จจริง
ความผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์
จำเลยให้การรับสารภาพแต่ศาลอุทธรณ์ศาลฎีกายกฟ้อง
ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาห้ามอุทธรณ์
การกระทำอันเป็นความผิดรวมอยู่ในฟ้อง
ฟ้องที่บรรยายไม่ครบองค์ประกอบของความผิด
พิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง
เพื่อการอนาจารเป็นเจตนาพิเศษ | การบรรยายฟ้อง
ของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดไว้ | คดีถึงที่สุด
ไม่สามารถนำผู้เสียหายมาเบิกความต่อศาล
ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า
คำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวห้ามอุทธรณ์
มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
อำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์-ฎีกา
ฎีกาไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์-ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องที่ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คดีขาดอายุความจึงชอบที่ศาลจะยกฟ้อง
คดีถึงที่สุดเมื่อครบกำหนดยื่นฎีกา
การพิจารณาคดีลับหลังจำเลย
ต้องห้ามฎีกาเพราะไม่ได้อุทธรณ์ไว้
ขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แก้ไขเล็กน้อย-จำคุกไม่เกินห้าปีห้ามฎีกา
กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
เป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
โจทก์ฟ้องผิดวันจำเลยหลงต่อสู้
โต้แย้งดุลพิจนิจในการรับฟังพยานหลักฐาน