ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




การถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน, ความผิดฐานฟ้องเท็จ, มูลหนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย

 เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

 

 

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

การถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน, ความผิดฐานฟ้องเท็จ, มูลหนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย

*ศาลฎีกายืนคำพิพากษาลงโทษจำเลยคดีเช็คเด้ง 1.2 ล้านบาท

แม้เช็คพิพาทใช้ถอนฟ้องคดีอาญา แต่ถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย มูลหนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย จำเลยไม่ได้ชำระหนี้หรือบรรเทาผลเสียหาย ศาลล่างลงโทษไม่รอการลงโทษจำคุก เหมาะสมแล้ว*

*แม้จำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อให้ถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดิน แต่การถอนฟ้องเป็นสิทธิของโจทก์ร่วมที่สามารถกระทำได้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคหนึ่ง โดยกฎหมายไม่ห้ามการถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดิน การที่โจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทแล้วถอนฟ้องคดีฐานฟ้องเท็จจึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย มูลหนี้ดังกล่าวไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและไม่ตกเป็นโมฆะ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า:

1.ประเด็นความผิดตามคำพิพากษาศาลล่าง:

แม้จำเลยออกเช็คเพื่อให้โจทก์ร่วมถอนฟ้องในคดีอาญา แต่การถอนฟ้องเป็นสิทธิตามกฎหมายที่โจทก์ร่วมสามารถกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคหนึ่ง มูลหนี้จากเช็คจึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และไม่ตกเป็นโมฆะ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

2.ประเด็นการลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ:

จำเลยออกเช็คมูลค่า 1,200,000 บาท แต่ไม่เคยชำระหนี้หรือบรรเทาผลร้ายต่อโจทก์ร่วม ทำให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหายร้ายแรง ข้ออ้างเรื่องอายุ โรคประจำตัว และพฤติกรรมที่ดี ไม่เพียงพอต่อการรอการลงโทษ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษโดยไม่รอการลงโทษเป็นการเหมาะสมแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2620/2567

แม้จำเลยจะออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อให้โจทก์ร่วมถอนฟ้องจำเลยในคดีที่โจทก์ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดอาญาแผ่นดินก็ตาม แต่การที่โจทก์ร่วมจะถอนฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่ ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ร่วมอันพึงกระทำได้ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคหนึ่ง โดยกฎหมายมิได้ห้ามโจทก์ซึ่งฟ้องคดีความผิดอาญาแผ่นดินไว้แล้วจะถอนฟ้องไม่ได้ การที่โจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทจากจำเลยแล้วถอนฟ้องในคดีที่โจทก์ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จ ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ย่อมเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย มูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อย จึงไม่ตกเป็นโมฆะ

***โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4

ระหว่างพิจารณา นายอุดม ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 (1) (2) จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

*จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

*ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า จำเลยออกเช็คธนาคาร ธ. เลขที่ 1028xxxx ลงวันที่ 1 เมษายน 2563 สั่งจ่ายเงิน 1,200,000 บาท มอบให้แก่โจทก์ร่วม เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์ร่วมนำเช็คไปเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคาร แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 โดยให้เหตุผลว่า "เงินในบัญชีไม่พอจ่าย"

*มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยจะออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อให้โจทก์ร่วมถอนฟ้องจำเลยในคดีที่โจทก์ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดอาญาแผ่นดินก็ตาม แต่การที่โจทก์ร่วมจะถอนฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่นั้น ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ร่วมอันพึงกระทำได้ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคหนึ่ง โดยกฎหมายมิได้ห้ามโจทก์ซึ่งฟ้องคดีความผิดอาญาแผ่นดินไว้แล้วจะถอนฟ้องไม่ได้เสียเลย การที่โจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทจากจำเลยแล้วถอนฟ้องในคดีที่โจทก์ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จ ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ย่อมเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย มูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่ตกเป็นโมฆะ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

*มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า มีเหตุสมควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกจำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเป็นเงินสูงถึง 1,200,000 บาท โดยจำเลยไม่เคยพยายามบรรเทาผลร้ายด้วยการชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วมเลย ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่โจทก์ร่วม ที่จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยอายุมากแล้ว มีโรคประจำตัวหลายโรค ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ชอบช่วยเหลืองานสังคมและสาธารณะมาโดยตลอด ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษจำคุกนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

•  คำพิพากษาศาลฎีกา 2620/2567

•  กฎหมายการใช้เช็ค พ.ศ. 2534

•  การถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน

•  เช็คไม่มีเงินในบัญชี

•  มูลหนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย

•  สิทธิของโจทก์ในการถอนฟ้อง

•  ความผิดฐานฟ้องเท็จ

•  รอการลงโทษจำคุก

•  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35

•  ความผิดเกี่ยวกับการใช้เช็ค

**สรุปคำพิพากษา

โจทก์ฟ้องจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ระหว่างพิจารณา นายอุดม ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพก่อนสืบพยาน

คำพิพากษาศาลชั้นต้น:

จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็คฯ มาตรา 4 (1) (2) จำคุก 1 ปี ลดโทษเหลือ 6 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ

ศาลอุทธรณ์:

พิพากษายืน

ศาลฎีกา:

วินิจฉัยดังนี้:

กรณีมูลหนี้ตามเช็ค:

เช็คพิพาทมีมูลหนี้ถูกต้องตามกฎหมาย แม้จำเลยออกเช็คเพื่อให้โจทก์ร่วมถอนฟ้องในคดีอาญา แต่การถอนฟ้องเป็นสิทธิตามกฎหมาย ไม่ทำให้มูลหนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย จึงไม่เป็นโมฆะ

การรอการลงโทษ:

จำเลยออกเช็คมูลค่า 1,200,000 บาท โดยไม่ชำระหนี้หรือบรรเทาผลร้ายต่อโจทก์ร่วม การอ้างเหตุผลเรื่องอายุ โรคประจำตัว และประวัติส่วนตัว ไม่เพียงพอที่จะรอการลงโทษ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษโดยไม่รอการลงโทษเป็นการเหมาะสมแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกา:

พิพากษายืน

*อธิบายหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคหนึ่ง

กฎหมายนี้กำหนดให้ โจทก์ในคดีอาญาแผ่นดิน สามารถถอนฟ้องได้ในระหว่างที่คดียังไม่ได้มีคำพิพากษาจากศาลชั้นต้น โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากจำเลย การถอนฟ้องดังกล่าวถือเป็นสิทธิของโจทก์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย กรณีที่บทความกล่าวถึงนั้น โจทก์ร่วมถอนฟ้องคดีฐานฟ้องเท็จ ซึ่งเป็นคดีอาญาแผ่นดิน จึงถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามที่กฎหมายอนุญาต และไม่ขัดต่อระเบียบแห่งความสงบเรียบร้อยของประชาชน

*พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4

มาตรานี้บัญญัติถึงกรณีที่บุคคลออกเช็คโดยรู้ว่าไม่มีเงินในบัญชีหรือเงินในบัญชีไม่เพียงพอ และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน กฎหมายถือว่าผู้ออกเช็คมีความผิด โดยมีเจตนาในการใช้เช็คเพื่อชำระหนี้หรือหลอกลวงบุคคลอื่น กรณีในบทความ จำเลยออกเช็คมูลค่า 1,200,000 บาทให้แก่โจทก์ร่วม แต่เช็คถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเนื่องจากเงินในบัญชีไม่พอ การกระทำนี้จึงเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 4 (1) และ (2) ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้

สรุปความเชื่อมโยง

มาตรา 35 วรรคหนึ่ง: ยืนยันสิทธิของโจทก์ร่วมในการถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย

พ.ร.บ.เช็คฯ มาตรา 4: กำหนดความผิดของการออกเช็คโดยไม่มีเงินเพียงพอในบัญชี ซึ่งเป็นฐานความผิดที่นำไปสู่การฟ้องร้องในคดีนี้

การทำความเข้าใจกฎหมายทั้งสองช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพชัดเจนว่ากฎหมายอนุญาตให้ฝ่ายโจทก์ร่วมถอนฟ้องได้โดยชอบธรรม และจำเลยยังคงมีความผิดฐานออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชีตามที่ศาลชั้นต้นและศาลฎีกาได้วินิจฉัยแล้ว

***กฎหมายไม่ห้ามการถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดิน

บทนำ

การฟ้องร้องคดีอาญาแผ่นดินเป็นกระบวนการที่สำคัญในระบบยุติธรรมเพื่อคุ้มครองสังคมและผู้เสียหายจากการกระทำผิดอาญา อย่างไรก็ตาม การถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดินเป็นสิ่งที่กฎหมายไม่ได้ห้าม และยังเปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องสามารถกระทำได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงสิทธิในการถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน หลักเกณฑ์ตามกฎหมาย และกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

หลักกฎหมายเกี่ยวกับการถอนฟ้อง

1.ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคหนึ่ง

กฎหมายกำหนดให้ผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ในคดีอาญาแผ่นดินสามารถถอนฟ้องได้ ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษา โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากจำเลย การถอนฟ้องนี้สะท้อนหลักการที่ว่าโจทก์ผู้เสียหายมีสิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับคดีที่ตนเองยื่นฟ้อง

ตัวอย่างเช่น หากโจทก์พิจารณาแล้วว่ามีเหตุผลที่สมควร เช่น การยอมความหรือการบรรลุข้อตกลงกับจำเลย กฎหมายก็ไม่ได้ปิดกั้นสิทธิในการถอนฟ้องนี้

2.ข้อยกเว้นเกี่ยวกับการถอนฟ้องในคดีความผิดอาญาแผ่นดิน แม้การถอนฟ้องจะเป็นสิทธิ แต่กฎหมายยังมีข้อกำหนดบางประการที่ต้องคำนึงถึง เช่น การถอนฟ้องต้องกระทำโดยสุจริตและไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

กรณีศึกษา

หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนการใช้สิทธิถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดิน คือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2620/2567 ซึ่งโจทก์ร่วมถอนฟ้องจำเลยในคดีฐานฟ้องเท็จ โดยจำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อเป็นเงื่อนไขในการถอนฟ้อง กรณีนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การถอนฟ้องดังกล่าวเป็นสิทธิตามกฎหมายที่โจทก์ร่วมสามารถกระทำได้ และไม่ถือว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี มูลหนี้ที่เกี่ยวข้องจึงไม่ตกเป็นโมฆะ

ประเด็นที่น่าสนใจ

•สิทธิของโจทก์ในคดีอาญาแผ่นดิน

สิทธินี้มีความสำคัญเพราะช่วยลดภาระของระบบศาล และเปิดโอกาสให้คู่ความหาข้อยุติด้วยวิธีการอื่น เช่น การเจรจาประนีประนอม

•การใช้สิทธิโดยสุจริต

การถอนฟ้องต้องไม่กระทำโดยมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น เช่น การถอนฟ้องโดยแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สรุป

การถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดินเป็นสิทธิที่กฎหมายรับรองภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้โจทก์สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับคดีของตนเองได้อย่างอิสระ ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรม การทำความเข้าใจหลักกฎหมายนี้จะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม

***ในกรณีที่ พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ในคดีอาญาแผ่นดิน การถอนฟ้องย่อมต้องปฏิบัติตามหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยมีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่แตกต่างจากกรณีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์โดยตรง

หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1.ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35

oมาตรานี้กำหนดว่าในกรณีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ คดีอาญาแผ่นดินสามารถถอนฟ้องได้ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษา โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากจำเลย

oแต่สำหรับพนักงานอัยการ ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ดำเนินคดีในนามของรัฐ ไม่มีอำนาจถอนฟ้องโดยลำพัง จำเป็นต้องได้รับ คำสั่งจากผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อดำเนินการถอนฟ้อง

2.พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 21

oมาตรานี้กำหนดให้ อัยการสูงสุด หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจสูงสุดในการกำกับดูแลการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ รวมถึงการอนุญาตให้ถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดิน

oดังนั้น การถอนฟ้องของพนักงานอัยการต้องได้รับ ความเห็นชอบจากอัยการสูงสุด ก่อนเสมอ

3.หลักความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี

oแม้พนักงานอัยการจะได้รับอนุมัติให้ถอนฟ้องจากผู้มีอำนาจ การพิจารณาถอนฟ้องต้องไม่ขัดต่อ ความสงบเรียบร้อย หรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน เช่น การถอนฟ้องเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือเพราะถูกกดดันจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

4.พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 (กรณีคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง)

oในกรณีคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การถอนฟ้องต้องได้รับอนุญาตจากองค์กรอิสระหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ป.ป.ช. หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ

ข้อสรุป

•พนักงานอัยการสามารถถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดินได้ แต่ต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจ เช่น อัยการสูงสุด หรือผู้ได้รับมอบหมาย และต้องพิจารณาว่าการถอนฟ้องนั้นไม่ขัดต่อ ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน.

•การถอนฟ้องในกรณีนี้มีความซับซ้อนกว่าในกรณีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์โดยตรง เนื่องจากพนักงานอัยการทำหน้าที่แทนรัฐเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของสาธารณชน.

**พนักงานอัยการมีอำนาจถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดินได้ โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด 

อย่างไรก็ตาม การถอนฟ้องของพนักงานอัยการในคดีอาญาแผ่นดินอาจมีผลต่อสิทธิของผู้เสียหายในการดำเนินคดีต่อไป

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36 (1) การถอนฟ้องของพนักงานอัยการในคดีที่ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว ไม่ตัดสิทธิของผู้เสียหายที่จะยื่นฟ้องคดีนั้นใหม่ได้ 

นอกจากนี้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2539 ยังระบุว่า เมื่อผู้เสียหายฟ้องและถอนฟ้องจำเลยไปโดยไม่ระบุว่าจะขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ต่อมาผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการอีก แม้จะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมได้ แต่หากมีระยะเวลานานกว่า 10 เดือนหลังจากถอนฟ้อง แสดงว่าผู้เสียหายมีเจตนาถอนฟ้องจำเลยเด็ดขาดแล้ว 

ดังนั้น การถอนฟ้องในคดีอาญาแผ่นดินโดยพนักงานอัยการมีผลต่อสิทธิของผู้เสียหายในการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งต้องพิจารณาตามกฎหมายและคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง

 




เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความอาญา

โจทก์ร่วมในคดีอาญา, การใช้สิทธิผู้เสียหายแทนโจทก์ร่วมเดิม, การสืบสิทธิในคดีอาญา,
แก้ไขฟ้องคดีอาญา ป.วิ.อ. มาตรา 163, อำนาจพนักงานอัยการในคดีทุจริต, บทบาทอัยการสูงสุดตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการ
ศาลลงโทษปรับต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด, อุทธรณ์คำพิพากษา, ขอให้เพิ่มโทษ,
อำนาจฟ้อง, คู่ความในคดี, ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย,
การพิจารณาคดีไต่สวนมูลฟ้อง, คำสั่งศาลที่เด็ดขาด,
ถ้อยคำรับสารภาพว่าตนได้กระทำความผิดห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
ข้อห้ามฎีกาคดีอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง, การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง, คดีอาวุธปืนและอาวุธเถื่อน,
การกระทำโดยบันดาลโทสะ, โทษสถานเบาและการรอการลงโทษ, สิทธิยกประเด็นในชั้นอุทธรณ์
ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอค่าสินไหมทดแทนตาม มาตรา 44/1
ฎีกาขอให้ลดมาตราส่วนโทษเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม
แก้ไขโทษของความผิดถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยห้ามฎีกา
ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
อำนาจสอบสวนของกองปราบปราม
คำให้การชั้นสอบสวนแทนการสืบพยานในชั้นพิจารณา
ลดมาตราส่วนโทษในความผิดต้องห้ามฎีกา
ฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิด
คำรับสารภาพมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
อำนาจฟ้องในข้อหาความผิดตามมาตรา 157
พยานหลักฐานชนิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ
การกระทำหลายอย่างแต่ละอย่างเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง
ฟ้องร้องคดีในลักษณะสมยอมสิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับ
ผู้เสียหายไม่มาเบิกความเป็นพยานในศาล
ผู้แทนโดยชอบธรรมมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เสียหาย(บุตร)
ความรับผิดในทางแพ่ง-ผู้เสียหายโดยนิตินัย
การบรรยายฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด
กรณีไม่ปรากฏลายมือชื่อผู้เรียง-พิมพ์คำฟ้องโจทก์
คดีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญายื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้
ศาลชั้นต้นยกอายุความมายกคำร้อง ม.44/1 ไม่ชอบ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา | เรียกค่าเสียหาย
นายแพทย์กระทำอนาจารคนไข้อายุกว่า 15 ปี จำคุก 3 ปี ปรับ 20,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษใหม่แทนการยื่นอุทธรณ์
ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ ยกคำร้อง ผู้ต้องหาอุทธรณ์
โจทก์ขอให้ลงโทษตามกฎหมายเดิมซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว
หลอกลวงผู้เสียหายให้ขายดาวน์รถยนต์
ผู้เช่าซื้อมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกได้
ไม่มีเจตนาเล่นการพนันด้วยจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
บุคคลล้มละลายมีอำนาจฟ้องคดีอาญา
พนักงานสอบสวนมิได้ขอฝากขังต่อศาลภายในกำหนด
ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระทำโดยพลาด
ฟ้องคดีสมยอมสิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แก้ไขคำพิพากษาที่อ่านแล้ว
จำคุกไม่เกิน5ปีห้ามคู่ความฎีกาข้อเท็จจริง
ความผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์
จำเลยให้การรับสารภาพแต่ศาลอุทธรณ์ศาลฎีกายกฟ้อง
ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาห้ามอุทธรณ์
การกระทำอันเป็นความผิดรวมอยู่ในฟ้อง
ฟ้องที่บรรยายไม่ครบองค์ประกอบของความผิด
พิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง
เพื่อการอนาจารเป็นเจตนาพิเศษ | การบรรยายฟ้อง
ของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดไว้ | คดีถึงที่สุด
ไม่สามารถนำผู้เสียหายมาเบิกความต่อศาล
ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า
คำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวห้ามอุทธรณ์
มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
อำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์-ฎีกา
ฎีกาไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์-ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องที่ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คดีขาดอายุความจึงชอบที่ศาลจะยกฟ้อง
คดีถึงที่สุดเมื่อครบกำหนดยื่นฎีกา
การพิจารณาคดีลับหลังจำเลย
ต้องห้ามฎีกาเพราะไม่ได้อุทธรณ์ไว้
ขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แก้ไขเล็กน้อย-จำคุกไม่เกินห้าปีห้ามฎีกา
กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
เป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
โจทก์ฟ้องผิดวันจำเลยหลงต่อสู้
โต้แย้งดุลพิจนิจในการรับฟังพยานหลักฐาน