ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




โทษประหารชีวิตยาเสพติด - การลงโทษที่ศาลพิจารณาให้ประหารชีวิตในคดียาเสพติด

 ท นาย อาสา ฟรี

 

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

 ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

 ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 ประหารชีวิต (ลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต) และลงโทษจำเลยที่ 2 และ 3 จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ปรับ ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมาย ป.ยาเสพติด มาตรา 152 และ ป.อ. มาตรา 52 (1)

1.ศาลฎีกาแผนกคดียาเสพติด - เกี่ยวกับการพิจารณาคดีความเกี่ยวกับยาเสพติดในศาลฎีกา

2.โทษประหารชีวิตยาเสพติด - การลงโทษที่ศาลพิจารณาให้ประหารชีวิตในคดียาเสพติด

3.ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 - กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการกระทำความผิดในคดีอาญา

4.นโยบายบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดในไทย - ข้อมูลเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายและนโยบายยาเสพติด

5.ศาลอุทธรณ์คดีสนับสนุนการกระทำความผิด - การพิจารณาของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคดีสนับสนุนการกระทำความผิด

คดีนี้เกี่ยวข้องกับจำเลยสามรายในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และประมวลกฎหมายอาญา โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 อย่างรุนแรงและให้นับโทษต่อเนื่องจากคดีอื่น รวมถึงขอให้เพิ่มโทษและนับโทษต่อกับจำเลยที่ 2 ด้วย จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพต่อการกระทำผิด ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยอมรับผิดเฉพาะข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและปฏิเสธข้อหาอื่น

การพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลได้ตัดสินว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามกฎหมายยาเสพติดและบทบัญญัติต่าง ๆ ของประมวลกฎหมายอาญา โดยพิจารณาให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วยโทษประหารชีวิตจากการครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตและถูกปรับคนละ 2,000,000 บาท ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิดและเสพเมทแอมเฟตามีน โทษของจำเลยที่ 2 ยังถูกเพิ่มขึ้นเนื่องจากประวัติการกระทำผิด ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาให้จำเลยที่ 1 ได้รับการลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 เนื่องจากการรับสารภาพและการให้การที่เป็นประโยชน์ โดยมีการระบุให้โทษของจำเลยที่ 1 และที่ 2 นับต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่นตามคำร้องของโจทก์ ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ริบของกลางและกำหนดให้จำเลยที่ 1 ต้องรับโทษต่อจากโทษเดิมในคดีอื่น

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องและตัดสินประหารชีวิตตามเดิม ขณะที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเช่นกัน แต่ศาลพิจารณาว่าโทษของจำเลยทั้งสองมีความสมควรโดยไม่ต้องเพิ่มโทษปรับ จึงไม่ลงโทษปรับเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนศาลให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 2 เดือน และเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามกฎหมาย

การพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดียาเสพติดวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในประเด็นเรื่องการสนับสนุนผู้อื่นกระทำผิด ซึ่งโจทก์เห็นว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ควรต้องรับโทษปรับเพิ่มเติม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการลงโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลงโทษปรับนั้นชอบแล้ว เพราะผู้สนับสนุนตามมาตรา 86 ต้องรับโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดสำหรับความผิดนั้น การลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจึงเพียงพอแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2682/2567

จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ที่กระทำความผิดตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 ซึ่งศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 ก่อนลดโทษให้ประหารชีวิต ดังนั้น โทษสองในสามส่วนของโทษประหารชีวิตจึงเท่ากับจำคุกตลอดชีวิต เทียบ ป.อ. มาตรา 52 (1) ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในความผิดฐานนี้ก่อนลดโทษ ให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลงโทษปรับ และมิได้เพิ่มโทษปรับจำเลยที่ 2 ด้วย จึงชอบแล้ว เพราะศาลอุทธรณ์ไม่ได้ลงโทษสองในสามส่วนของโทษจำคุกที่ต้องลงโทษปรับด้วยเสมอตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 152

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 97, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลาง เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามกฎหมาย และนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 1081/2563 ของศาลชั้นต้น กับนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1462/2560 ของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ และจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและนับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91 และมาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91 และมาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตลอดชีวิต และปรับคนละ 2,000,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 กระทงละกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อลงโทษจำเลยที่ 2 จำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้อีก คงเพิ่มโทษได้เฉพาะโทษปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต และปรับ 3,000,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 เดือน ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 3 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 เดือน 15 วัน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิตสถานเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) และปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 3,000,000 บาท ปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 2,000,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 1081/2563 ของศาลชั้นต้น และนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1462/2560 ของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ริบของกลาง

จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 16

จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 104, 145 วรรคสาม (2), 162 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 104, 145 วรรคสาม (2), 162 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐให้จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตลอดชีวิต ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 2 เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เมื่อลงโทษจำเลยที่ 2 จำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษในความผิดฐานนี้ได้อีก ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน เป็นจำคุก 2 เดือน 20 วัน ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 1 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 เดือน 10 วัน ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ คำให้การของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 33 ปี 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี 5 เดือน 10 วัน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 33 ปี 5 เดือน การนับโทษต่อและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

จำเลยที่ 1 และที่ 3 ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อนุญาต

ศาลฎีกาแผนกคดียาเสพติดวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 จำคุกตลอดชีวิต โดยไม่ลงโทษปรับและมิได้เพิ่มโทษปรับจำเลยที่ 2 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ผู้สนับสนุนการกระทำความผิดต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ซึ่งศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 ก่อนลดโทษให้ประหารชีวิต ดังนั้น โทษสองในสามส่วนของโทษประหารชีวิตจึงเท่ากับจำคุกตลอดชีวิต เทียบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 (1) ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในความผิดฐานนี้ก่อนลดโทษให้จำคุกตลอดชีวิต โดยไม่ลงโทษปรับและมิได้เพิ่มโทษปรับจำเลยที่ 2 ด้วย นั้น จึงชอบแล้ว เพราะศาลอุทธรณ์ไม่ได้ลงโทษสองในสามส่วนของโทษจำคุกที่ต้องลงโทษปรับด้วยเสมอตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 152 ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน


บทความ: โทษประหารชีวิตและการพิจารณาในคดียาเสพติด

1. โทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด

โทษประหารชีวิตถือเป็นโทษสูงสุดตามกฎหมายในประเทศไทย โดยมีการกำหนดให้ใช้ในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดร้ายแรง เช่น การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายยาเสพติดในปริมาณมาก โดยกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ยังคงบัญญัติให้โทษประหารชีวิตเป็นมาตรการที่สามารถนำมาใช้ได้หากจำเลยกระทำผิดในลักษณะร้ายแรงที่กระทบต่อสังคมและความสงบเรียบร้อยของประเทศ เช่น การกระทำผิดในลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม

2. การยกเลิกโทษประหารชีวิต

ปัจจุบันมีการถกเถียงถึงการยกเลิกโทษประหารชีวิตในประเทศไทย เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน หลายฝ่ายเห็นว่าโทษดังกล่าวอาจไม่เหมาะสมหรือไม่มีประสิทธิภาพในการลดปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะในคดียาเสพติด ขณะเดียวกันยังมีการโต้แย้งว่าโทษประหารชีวิตยังจำเป็นสำหรับกรณีที่ผู้กระทำผิดมีพฤติการณ์ร้ายแรงอย่างยิ่ง

3. บทกำหนดโทษคดียาเสพติดให้โทษ

กฎหมายยาเสพติดให้โทษกำหนดบทลงโทษหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของยาเสพติดและปริมาณที่เกี่ยวข้อง เช่น

โทษประหารชีวิต: สำหรับการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายยาเสพติดในปริมาณมาก

จำคุกตลอดชีวิต: สำหรับความผิดที่ร้ายแรงรองลงมา

จำคุก 10-20 ปี: สำหรับการครอบครองในปริมาณมาก

ปรับเงิน: ในกรณีความผิดที่มีลักษณะไม่ร้ายแรง

4. โทษสูงสุดในคดียาเสพติดให้โทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด (แก้ไขใหม่)

ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ที่ประกาศใช้ในปี 2564 ยังคงกำหนดโทษประหารชีวิตเป็นโทษสูงสุดในคดียาเสพติด โดยเฉพาะสำหรับการกระทำที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม อย่างไรก็ตาม ได้มีการพิจารณาเพิ่มทางเลือกในการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การลดโทษสำหรับผู้กระทำผิดที่ให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูล

5. โทษประหารชีวิตในประเทศไทยยังมีอยู่จริงมากน้อยเพียงใด

ประเทศไทยยังคงมีโทษประหารชีวิตในทางกฎหมาย แต่การบังคับใช้จริงเกิดขึ้นน้อยครั้ง โดยคดีที่มีการลงโทษประหารชีวิตในระยะหลังมักเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดร้ายแรงหรือคดีฆาตกรรม โดยในหลายกรณีศาลมีแนวโน้มที่จะลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต หากจำเลยแสดงความสำนึกผิดหรือให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2561

จำเลยถูกกล่าวหาว่าผลิตและจำหน่ายยาไอซ์ปริมาณมาก ศาลตัดสินลงโทษประหารชีวิต เนื่องจากเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรง

2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2560

คดีเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้ายาเสพติดประเภทเฮโรอีน ศาลชั้นต้นลงโทษประหารชีวิต แต่ศาลฎีกาเปลี่ยนโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2559

จำเลยถูกจับกุมพร้อมยาเสพติดประเภทแอมเฟตามีนจำนวนมาก ศาลลงโทษประหารชีวิต เนื่องจากจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงความสำนึกผิด

4. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2558

คดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในระดับองค์กร ศาลตัดสินลงโทษประหารชีวิต เนื่องจากเป็นการกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ

5. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2045/2557

ศาลพิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ลักลอบขนส่งยาเสพติดจำนวนมากเข้าประเทศ โดยเห็นว่าเป็นความผิดที่มีผลกระทบร้ายแรงต่อสังคม

6. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2556

จำเลยถูกลงโทษประหารชีวิตในคดีค้ายาเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนและจำเลยมีพฤติการณ์ที่ไม่แสดงความสำนึกผิด

สรุป

บทความนี้นำเสนอภาพรวมของโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในบทบัญญัติกฎหมายและแนวทางของศาลในการตัดสินคดี เพื่อให้เห็นความสำคัญของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในประเทศไทย

 




คดียาเสพติดให้โทษ

บทลงโทษผู้เสพยาเสพติด, เพิ่มโทษจำคุกหนึ่งในสามตามมาตรา 92, รอการลงโทษจำคุกตามมาตรา 56,
การกำหนดโทษใหม่ในคดียาเสพติด, เปิดบัญชีรับเงินค่ายาเสพติด, ความผิดฐานสมคบ
คดีถึงที่สุดแล้วเรือนจำเป็นภูมิลำเนาของจำเลย, ภูมิลำเนาผู้ต้องขัง, การส่งสำเนาอุทธรณ์ผิดที่
มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นหลายกรรม
สมคบเพื่อการค้ายาเสพติด มีโทษอย่างไร
เหตุอันสมควรเป็นการเฉพาะรายลงโทษน้อยกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้
ธนบัตรที่นำไปล่อซื้อยาเสพติดไม่ใช่สาระสำคัญถึงกับมีข้อสงสัยยกฟ้อง
คำว่า จำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย | ผิดกรรมเดียว
รับฝากยาบ้า 4.013 เม็ด ถูกจำคุก 22 ปี
ริบทรัพย์สินเกี่ยวกับยาเสพติด
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ เมทแอมเฟตามีน 75 เม็ด
ครอบครองยาบ้า 584 เม็ด รับสารภาพจำคุก 25 ปี
ยาเสพติดให้โทษ 600 เม็ด จำคุก 20 ปี
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษ 750 เม็ด โทษ 20 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 778 เม็ด จำคุก 25 ปี article
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 1,200 เม็ด จำคุก 18 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 2,374 เม็ด
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) 3,017 เม็ด
เมทแอมเฟตามีน 5,290 เม็ด จำคุก 20 ปี
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า 12,000 เม็ด จำคุก 33 ปี 9 เดือน
ให้บัญชีธนาคารคนอื่นใช้โอนเงินค่ายาเสพติดโทษเท่ากันกับตัวการ
ขอลดโทษคดียาเสพติดตามมาตรา 100/2
การกำหนดโทษใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง
พยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย
ยาบ้า 279 เม็ด โทษจำคุก 7 ปี ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย
ข้อมูลเป็นประโยชน์ตามมาตรา 100/2
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า 27 เม็ด
การสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า เมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ นำเข้า 22 เม็ด
นำยาเสพติดเข้าในราชอาณาจักรโทษประหาร
การยื่นฎีกาเกี่ยวกับคดียาเสพติด
ผู้ใหญ่บ้านถูกจับยาบ้ามีโทษจำคุก 3 เท่า