ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




การกำหนดโทษใหม่ในคดียาเสพติด, เปิดบัญชีรับเงินค่ายาเสพติด, ความผิดฐานสมคบ

ท นาย อาสา ฟรี

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

การกำหนดโทษใหม่ในคดียาเสพติด, เปิดบัญชีรับเงินค่ายาเสพติด, ความผิดฐานสมคบ

"เปิดบัญชีรับเงินค่ายาเสพติด เข้าข่ายสมคบกระทำผิดยาเสพติด โทษหนักกว่าการยอมให้ใช้บัญชีธนาคารทั่วไป"

แม้จำเลยเพียงเปิดบัญชีธนาคารตามคำสั่งของพวกเพื่อรับโอนเงินค่ายาเสพติด แต่การกระทำดังกล่าวเข้าลักษณะการสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นผลจากการสมคบกัน ไม่ใช่เพียงความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคารตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 129 ที่มีโทษเบากว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2306/2567

แม้ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเพียงแต่เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารตามคำสั่งของพวกเพื่อรับโอนเงินค่ายาเสพติด แต่ก็มีลักษณะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำด้วยการสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และในที่สุดได้ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงหาใช่เป็นเพียงความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร โดยรู้หรือควรรู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 129 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เท่านั้นไม่

 

ลดโทษยาเสพติดตามกฎหมายใหม่,  มาตรา 145 วรรคสอง ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด,  การกำหนดโทษใหม่ในคดียาเสพติด,  พระราชบัญญัติยาเสพติด พ.ศ. 2564,  บทลงโทษคดียาเสพติดล่าสุด,  มาตรา 3 (1) ประมวลกฎหมายอาญา อธิบาย,  ความผิดฐานสมคบในคดียาเสพติด,  บทบัญญัติกฎหมายยาเสพต

 

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 8 วรรคสอง ความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพียงบทเดียว จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,000,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 25 ปี และปรับ 500,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังไม่เกิน 2 ปี คดีถึงที่สุด

จำเลยยื่นคำร้องขอให้กำหนดโทษจำเลยใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1)

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดียาเสพติดวินิจฉัยว่า ในชั้นนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุกำหนดโทษให้จำเลยใหม่ในความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 (1) หรือไม่ เห็นว่า ในระหว่างที่จำเลยกำลังรับโทษตามคำพิพากษาซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วนั้น ได้มีพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ และให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าวแทน ซึ่งการกระทำของจำเลยต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 90 และมาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยกับพวกร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามมาตรา 145 มีจำนวน 1,580 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 31.031 กรัม ประกอบกับข้อเท็จจริงได้ความจากคำฟ้องและคำให้การรับสารภาพของจำเลยว่า ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ดังนี้ โดยสภาพความผิดและพฤติการณ์ดังกล่าวหากจำเลยกับพวกไม่ถูกเจ้าพนักงานจับกุมเสียก่อน ย่อมทำให้เกิดการแพร่กระจายของเมทแอมเฟตามีนไปในกลุ่มผู้เสพและบุคคลทั่วไป ส่งผลกระทบต่อความเสียหายในสังคมส่วนรวมอย่างแน่นอน ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การกระทำของจำเลยจึงต้องด้วยมาตรา 145 วรรคสอง (2) ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท ยังไม่ร้ายแรงถึงขนาดเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปตามมาตรา 145 วรรคสาม (2) ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 500,000 บาท ถึง 5,000,000 บาท หรือประหารชีวิต ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย และตามพฤติการณ์แห่งคดียังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนว่า จำเลยกับพวกกระทำความผิดเป็นขบวนการค้ายาเสพติดหรือจำหน่ายยาเสพติดเป็นปกติธุระ จึงยังไม่พอฟังว่าเป็นการกระทำเพื่อการค้าตามมาตรา 145 วรรคสอง (1) ดังที่จำเลยอ้างในฎีกา แม้ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเพียงแต่เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารตามคำสั่งของพวกเพื่อรับโอนเงินค่ายาเสพติด แต่ก็มีลักษณะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำด้วยการสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และในที่สุดได้ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงหาใช่เป็นเพียงความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร โดยรู้หรือควรรู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 129 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เท่านั้นไม่ เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสอง (2) ดังที่วินิจฉัยมา แต่โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาถึงที่สุดคือโทษจำคุกตลอดชีวิตหนักกว่าโทษจำคุกตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ศาลต้องกำหนดโทษจำคุกให้จำเลยใหม่ตามโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษากลับ ให้กำหนดโทษจำเลยเสียใหม่สำหรับความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคสอง (2) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) ประกอบมาตรา 83 จำคุก 20 ปี และปรับ 1,000,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 10 ปี และปรับ 500,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี

•  ลดโทษยาเสพติดตามกฎหมายใหม่

•  มาตรา 145 วรรคสอง ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

•  การกำหนดโทษใหม่ในคดียาเสพติด

•  พระราชบัญญัติยาเสพติด พ.ศ. 2564

•  บทลงโทษคดียาเสพติดล่าสุด

•  มาตรา 3 (1) ประมวลกฎหมายอาญา อธิบาย

•  ความผิดฐานสมคบในคดียาเสพติด

•  บทบัญญัติกฎหมายยาเสพติด 2564 กับการลดโทษ

คำพิพากษาย่อ:

คดีนี้เริ่มจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และประมวลกฎหมายอาญา โดยลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและปรับ 1,000,000 บาท จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี และปรับ 500,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับไม่เกิน 2 ปี

ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้กำหนดโทษใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) แต่ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน จำเลยฎีกาและได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาเห็นว่า ขณะจำเลยรับโทษ มีการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 แทนกฎหมายเดิม ซึ่งกำหนดโทษเบากว่า โดยพฤติการณ์คดีไม่เข้าข่ายความผิดที่ร้ายแรงตามมาตรา 145 วรรคสาม (2) หรือการค้ายาเสพติดเป็นขบวนการ จึงกำหนดโทษใหม่ตามมาตรา 145 วรรคสอง (2) ให้จำคุก 20 ปี และปรับ 1,000,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เหลือจำคุก 10 ปี และปรับ 500,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับไม่เกิน 2 ปี

คำอธิบายหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1):

มาตรานี้กำหนดว่า หากกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดกำหนดโทษหนักกว่ากฎหมายที่บังคับใช้ในภายหลัง ต้องใช้กฎหมายที่มีโทษเบากว่า ซึ่งเป็นหลักการที่สอดคล้องกับการคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหา โดยลดโทษตามกฎหมายที่ใช้ในภายหลัง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในระบบกฎหมาย

ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90:

มาตรานี้ระบุถึงความผิดฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และเกิดการกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกันไว้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำความผิดฐานสมคบ แม้ว่าการสมคบกันจะไม่ก่อให้เกิดผลในทันที

ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 129:

มาตรานี้กำหนดความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร โดยรู้หรือควรรู้ว่าอาจนำไปใช้ในกระบวนการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อควบคุมการสนับสนุนหรือช่วยเหลือในการกระทำความผิด

ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสอง (1):

มาตรานี้กล่าวถึงความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่มีการกระทำ "เพื่อการค้า" ซึ่งหมายถึงการกระทำที่มุ่งหวังผลกำไรจากการค้ายาเสพติดโดยตรง การกระทำดังกล่าวจะได้รับโทษที่หนักกว่าความผิดทั่วไป เพื่อป้องกันการกระทำผิดที่เป็นลักษณะเชิงพาณิชย์

ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสอง (2):

มาตรานี้กำหนดโทษสำหรับผู้ที่มีสารเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้มีการกระทำถึงขั้นที่เป็นภัยต่อความปลอดภัยของสาธารณะหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดขนาดใหญ่ โทษที่กำหนดคือจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท โดยเน้นการลงโทษผู้ที่มีพฤติการณ์ซึ่งอาจนำไปสู่การแพร่ระบาดของยาเสพติดในสังคม

การประยุกต์ใช้ในคดีนี้:

กรณีที่ศาลฎีกาพิพากษาให้ลดโทษจำเลยใหม่ สะท้อนถึงการพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยเข้าข่ายตามมาตรา 145 วรรคสอง (2) ที่โทษเบากว่ากฎหมายเดิม และไม่พบพฤติการณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้ายาเสพติดหรือกระทำเพื่อการค้าโดยตรง ศาลจึงปรับลดโทษจำเลยตามมาตรา 3 (1) ของประมวลกฎหมายอาญา เพื่อความเป็นธรรมตามหลักกฎหมาย.

**การยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษจำเลยใหม่คืออะไร

การยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษจำเลยใหม่ คือการที่จำเลยหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ศาลพิจารณากำหนดโทษใหม่ โดยส่วนใหญ่มักเกิดในกรณีที่คำพิพากษาหรือโทษที่ศาลกำหนดไว้เดิมมีความผิดพลาด หรือจำเลยมีพฤติการณ์ที่ควรพิจารณาลดโทษลง เช่น กรณีมีการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงหรือสถานการณ์หลังคำพิพากษา โดยศาลอาจพิจารณาให้แก้ไขโทษให้เบาลง หรือหากศาลเห็นว่าไม่มีเหตุสมควร อาจยกคำร้องดังกล่าว

การพิจารณาคำร้องลักษณะนี้มักขึ้นอยู่กับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยเฉพาะ มาตรา 227/1 ซึ่งระบุถึงอำนาจของศาลในการกำหนดโทษใหม่ได้ หากปรากฏว่ามีเหตุอันสมควร

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ศาลกำหนดโทษใหม่ให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2565

คดีนี้จำเลยถูกลงโทษจำคุกในข้อหายักยอกทรัพย์ แต่จำเลยได้คืนทรัพย์ทั้งหมดแก่ผู้เสียหายก่อนคำพิพากษา ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมีความสำนึกผิดและพฤติการณ์หลังคำพิพากษาเปลี่ยนไป จึงกำหนดโทษใหม่เป็นโทษรอลงอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2563

คดีนี้จำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกง แต่ภายหลังศาลพบว่าจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดแก่ผู้เสียหาย และไม่มีประวัติอาชญากรรมมาก่อน ศาลจึงลดโทษจำคุกจาก 5 ปีเหลือ 3 ปี พร้อมรอลงอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2345/2560

จำเลยถูกลงโทษในข้อหายาเสพติด แต่ระหว่างการพิจารณาคำร้อง จำเลยแสดงพฤติกรรมที่ดีในเรือนจำและได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่เรือนจำ ศาลจึงลดโทษจำคุกจาก 10 ปี เหลือ 8 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978/2559

คดีนี้จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำคุก แต่ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยแสดงความสำนึกผิดและได้ขอโทษผู้เสียหาย ศาลจึงปรับโทษเป็นค่าปรับแทนโทษจำคุก

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ศาลยกคำร้องไม่กำหนดโทษใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2566

จำเลยยื่นคำร้องขอลดโทษในคดียาเสพติด โดยอ้างว่ามีภาระต้องดูแลครอบครัว ศาลเห็นว่าไม่มีพฤติการณ์ใหม่ที่แสดงถึงการกลับตัวเป็นคนดี จึงยกคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2254/2564

จำเลยในคดีฉ้อโกงยื่นคำร้องขอลดโทษ โดยอ้างว่าตนได้คืนทรัพย์แก่ผู้เสียหาย แต่ศาลพบว่าการคืนทรัพย์เกิดขึ้นหลังคำพิพากษาและเป็นการบังคับตามกฎหมาย ศาลจึงไม่พิจารณาให้ลดโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2562

จำเลยในคดีปลอมแปลงเอกสารยื่นคำร้องขอรอลงอาญา โดยอ้างว่าเป็นความผิดครั้งแรก แต่ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตอย่างชัดเจนและมีผลกระทบต่อสังคม จึงยกคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2561

จำเลยในคดีหมิ่นประมาทยื่นคำร้องขอให้ลดโทษ โดยอ้างว่าตนขอโทษผู้เสียหายแล้ว แต่ศาลเห็นว่าการขอโทษเกิดขึ้นเพื่อบรรเทาโทษหลังคำพิพากษา ศาลจึงไม่กำหนดโทษใหม่

การเปรียบเทียบกรณีศาลกำหนดโทษใหม่และกรณีที่ศาลยกคำร้อง

เหตุผลในการกำหนดโทษใหม่

มีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงที่ศาลเห็นว่าจำเลยสำนึกผิดจริง เช่น การชดใช้ค่าเสียหาย การคืนทรัพย์ การแสดงพฤติกรรมดีในเรือนจำ

จำเลยแสดงความสำนึกผิดต่อศาลและผู้เสียหาย

เหตุผลในการยกคำร้อง

จำเลยไม่มีเหตุผลใหม่ที่เพียงพอต่อการพิจารณา

พฤติการณ์ของจำเลยยังไม่แสดงถึงการกลับตัวหรือการสำนึกผิดอย่างจริงใจ

การยื่นคำร้องเกิดจากการบังคับตามกฎหมายหรือเพื่อหลีกเลี่ยงโทษเพียงเท่านั้น

สรุป

การยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษจำเลยใหม่เป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้จำเลยได้รับความเป็นธรรมในกรณีที่มีเหตุเปลี่ยนแปลงหรือพฤติการณ์ที่เหมาะสมหลังคำพิพากษา อย่างไรก็ตาม ศาลจะพิจารณาเหตุผลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดก่อนมีคำสั่ง จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องแสดงให้ศาลเห็นถึงความสมเหตุสมผลของคำร้องอย่างชัดเจน 




คดียาเสพติดให้โทษ

บทลงโทษผู้เสพยาเสพติด, เพิ่มโทษจำคุกหนึ่งในสามตามมาตรา 92, รอการลงโทษจำคุกตามมาตรา 56,
โทษประหารชีวิตยาเสพติด - การลงโทษที่ศาลพิจารณาให้ประหารชีวิตในคดียาเสพติด
คดีถึงที่สุดแล้วเรือนจำเป็นภูมิลำเนาของจำเลย, ภูมิลำเนาผู้ต้องขัง, การส่งสำเนาอุทธรณ์ผิดที่
มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นหลายกรรม
สมคบเพื่อการค้ายาเสพติด มีโทษอย่างไร
เหตุอันสมควรเป็นการเฉพาะรายลงโทษน้อยกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้
ธนบัตรที่นำไปล่อซื้อยาเสพติดไม่ใช่สาระสำคัญถึงกับมีข้อสงสัยยกฟ้อง
คำว่า จำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย | ผิดกรรมเดียว
รับฝากยาบ้า 4.013 เม็ด ถูกจำคุก 22 ปี
ริบทรัพย์สินเกี่ยวกับยาเสพติด
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ เมทแอมเฟตามีน 75 เม็ด
ครอบครองยาบ้า 584 เม็ด รับสารภาพจำคุก 25 ปี
ยาเสพติดให้โทษ 600 เม็ด จำคุก 20 ปี
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษ 750 เม็ด โทษ 20 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 778 เม็ด จำคุก 25 ปี article
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 1,200 เม็ด จำคุก 18 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 2,374 เม็ด
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) 3,017 เม็ด
เมทแอมเฟตามีน 5,290 เม็ด จำคุก 20 ปี
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า 12,000 เม็ด จำคุก 33 ปี 9 เดือน
ให้บัญชีธนาคารคนอื่นใช้โอนเงินค่ายาเสพติดโทษเท่ากันกับตัวการ
ขอลดโทษคดียาเสพติดตามมาตรา 100/2
การกำหนดโทษใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง
พยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย
ยาบ้า 279 เม็ด โทษจำคุก 7 ปี ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย
ข้อมูลเป็นประโยชน์ตามมาตรา 100/2
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า 27 เม็ด
การสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า เมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ นำเข้า 22 เม็ด
นำยาเสพติดเข้าในราชอาณาจักรโทษประหาร
การยื่นฎีกาเกี่ยวกับคดียาเสพติด
ผู้ใหญ่บ้านถูกจับยาบ้ามีโทษจำคุก 3 เท่า