ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




สมคบเพื่อการค้ายาเสพติด มีโทษอย่างไร

 ท นาย อาสา ฟรี

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ 

•  คำพิพากษาศาลฎีกา ยาเสพติด

•  ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145

•  ฎีกาคดียาเสพติด 2567

•  สมคบเพื่อการค้ายาเสพติด มีโทษอย่างไร

•  จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน โทษสูงสุด

สรุป คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446-1447/2567

ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 โดยจำเลยไม่ได้ยื่นอุทธรณ์แสดงว่าพอใจกับคำตัดสิน ต่อมาศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษายืนยันว่าได้กระทำความจริง จึงเป็นเรื่องที่คดียุติแล้วที่จำเลยจะฎีกาขอให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาจึงไม่รับฎีกาในประเด็นนี้

ในประเด็นการตีความมาตรา 145 แห่ง พ.ร.บ. ยาเสพติด ศาลพิจารณาว่าโทษหนักขึ้นตามมาตรา 145 จะใช้กับการกระทำที่มีพฤติการณ์รุนแรงเท่านั้น ในคดีนี้ การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด (40.045 กรัม) โดยการล่อซื้อไม่ถือเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างกว้างขวางตามมาตรา 145 วรรคสาม (2) แต่เป็นการจำหน่ายเพื่อการค้า ซึ่งเข้าข่ายมาตรา 145 วรรคสอง (1) ศาลฎีกาจึงแก้คำพิพากษาให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานความผิดนี้

ศาลฎีกาพิพากษาแก้ไขโทษจำเลยที่ 2 เป็นจำคุก 16 ปี ปรับ 600,000 บาท ตามมาตรา 90 และ 145 วรรคสอง (1)

*เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทของคำพิพากษาศาลฎีกานี้ได้ดียิ่งขึ้น คำอธิบายของหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามบทบัญญัติที่กล่าวถึงในคำพิพากษามีดังนี้:

1. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง

มาตรานี้ระบุว่าศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาของศาลล่างได้ หากเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือประโยชน์สาธารณะ แม้จะไม่มีการยกขึ้นมาว่ากล่าวกันในศาลชั้นต้นหรือชั้นอุทธรณ์ก็ตาม โดยการแก้ไขนี้มักจะทำในกรณีที่มีข้อกฎหมายที่สำคัญและอาจกระทบต่อการตีความกฎหมายหรือผลประโยชน์สาธารณะ

2. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225

มาตรานี้กำหนดให้ศาลฎีกามีอำนาจในการพิจารณาแก้ไขข้อเท็จจริงที่รับฟังแล้ว แต่ต้องอยู่ในกรอบของข้อกฎหมายที่ถูกต้อง โดยมุ่งเน้นการรักษาความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับคดี ทั้งนี้หากมีการตีความที่ไม่ชัดเจน ศาลฎีกาอาจเข้ามาแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ได้เช่นกัน

3. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง

กำหนดให้ศาลพิจารณาเฉพาะในประเด็นที่ยังไม่มีการยุติเท่านั้น หากเป็นประเด็นที่ยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจะไม่พิจารณาอีก เพื่อป้องกันการยื่นฎีกาในประเด็นที่เคยถูกวินิจฉัยไปแล้ว

4. ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90

มาตรานี้กล่าวถึงโทษและการลงโทษผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยมีบทลงโทษที่ครอบคลุมถึงการครอบครอง จำหน่าย และผลิตยาเสพติด และการสมคบเพื่อกระทำความผิด ในที่นี้หากมีการตกลงสมคบกันแล้วมีการกระทำความผิดจริงจะถูกพิจารณาว่าเป็นการกระทำผิดร้ายแรง

5. ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145

มาตรา 145 กำหนดโทษตามลำดับความร้ายแรงของพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยในวรรคหนึ่งให้ลงโทษเบื้องต้น หากไม่มีพฤติการณ์ร้ายแรง ส่วนในวรรคสองและสามจะเพิ่มโทษในกรณีที่ผู้กระทำมีบทบาทสำคัญหรือพฤติการณ์ที่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่น การจำหน่ายที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในวงกว้าง หรือกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งจะมีโทษสูงถึงขั้นประหารชีวิต

6. พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3

กำหนดให้มีการพิจารณาคดีอย่างเร่งด่วนและกระชับสำหรับคดียาเสพติด ซึ่งถือเป็นคดีสำคัญ เนื่องจากการพิจารณาคดีล่าช้าอาจทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่ทันการณ์ และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวมได้

7. พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 16

กำหนดให้ส่งคดีไปยังศาลอุทธรณ์ในกรณีที่จำเลยไม่อุทธรณ์ในคดียาเสพติด โดยศาลอุทธรณ์สามารถพิจารณาในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพิ่มเติมได้ ซึ่งแตกต่างจากคดีทั่วไปที่อาจจะไม่ต้องพิจารณาในกรณีที่ไม่มีการยื่นอุทธรณ์

หลักกฎหมายเหล่านี้มีความสำคัญในคดีนี้เพราะช่วยให้เข้าใจว่า ศาลฎีกามีขอบเขตการวินิจฉัยในประเด็นที่เป็นข้อกฎหมายใหม่และเกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะอย่างไร

 

คำพิพากษาศาลฎีกา ยาเสพติด, ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145, ฎีกาคดียาเสพติด 2567, สมคบเพื่อการค้ายาเสพติด มีโทษอย่างไร, จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน โทษสูงสุด,

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446 - 1447/2567

เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าจำเลยที่ 2 พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 16 แล้ววินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดจริงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ประเด็นว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่จึงยุติแล้ว การที่จำเลยที่ 2 กลับมาฎีกาอีกว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ขอให้ยกฟ้องนั้น จึงเป็นฎีกาในประเด็นที่ยุติไปแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ปัญหาว่าการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 กับพวกจะเป็นความผิดตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคใด นั้น ป.ยาเสพติด มาตรา 145 ได้บัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นโดยถือเอาพฤติการณ์ในการกระทำความผิดหรือบทบาทหน้าที่ในการกระทำความผิดเป็นสำคัญตามลำดับความร้ายแรง หากผู้กระทำความผิดไม่มีพฤติการณ์หรือบทบาทหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.ยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสองหรือวรรคสาม ศาลย่อมไม่อาจปรับบทกำหนดโทษตามมาตรา 145 วรรคสองหรือวรรคสาม ได้ คงปรับบทกำหนดโทษได้เพียงมาตรา 145 วรรคหนึ่ง เมื่อ ป.ยาเสพติดกำหนดโทษสำหรับผู้กระทำความผิดโดยถือเอาพฤติการณ์ในการกระทำความผิดหรือบทบาทหน้าที่ในการกระทำความผิดเป็นสำคัญตามลำดับความร้ายแรง ดังนั้น การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) จึงจะต้องเป็นการกระทำที่ก่ออันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงเป็นวงกว้าง อันเป็นการเพิ่มกระจายความรุนแรงของยาเสพติดและทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง กฎหมายจึงต้องกำหนดโทษไว้สูงถึงประหารชีวิตทำนองเดียวกับทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) แต่ข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความเพียงว่า เจ้าพนักงานตำรวจให้สายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 2 จำนวน 400 เม็ด ในราคา 14,000 บาท เมื่อจับกุม ข. ที่นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งแล้ว ข. พาไปยึดเมทแอมเฟตามีนได้อีก 3,600 เม็ด รวม 4,000 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 40.045 กรัม ซึ่งไม่ถึงขนาดที่ก่ออันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงเป็นวงกว้างได้ จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) แต่ปรากฏพฤติการณ์ว่าก่อนเกิดเหตุคดีนี้จำเลยที่ 2 เคยร่วมกับพวกจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในลักษณะเช่นเดียวกันนี้มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเป็นการขายเมทแอมเฟตามีนเพื่อแสวงหากำไรเป็นปกติถือได้ว่าเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพื่อการค้าตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสอง (1) ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกโจทก์ทั้งสองสำนวนว่า โจทก์ เรียกจำเลยในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 และเรียกจำเลยในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 2

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองสำนวนเป็นใจความขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 3, 4, 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 66 วรรคสองและวรรคสาม พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 7, 8 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 และ 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต และปรับคนละ 1,000,000 บาท ฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนกับฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 7 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต และปรับคนละ 1,400,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

จำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 16

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคสาม (2), 127 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป เพียงบทเดียว จำคุก 30 ปี และปรับ 600,000 บาท ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยที่ 2 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดียาเสพติดวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้เป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา จับกุมนายขวัญชัย พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด และของกลางอื่นอีกหลายรายการตามบัญชีของกลางคดีอาญา ต่อมาจับกุมนายอดิศรหรือวาย ได้ นายขวัญชัยและนายอดิศรถูกฟ้องคดีต่อศาลและให้การรับสารภาพ ศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 39/2563 และ ย 534/2563 ของศาลชั้นต้น ตามลำดับ จำเลยทั้งสองทำงานอยู่ที่สาธารณรัฐเกาหลี และเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจึงถูกจับกุมเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 และวันที่ 7 ตุลาคม 2563 ตามลำดับ ได้แจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสองว่า สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ เมทแอมเฟตามีนของกลางคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 40.045 กรัม ของกลางทั้งหมดศาลมีคำพิพากษาให้ริบแล้วในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 39/2563 ของศาลชั้นต้น

คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำความผิดกับนายขวัญชัยและนายอดิศรหรือไม่ เห็นว่า แม้นายขวัญชัยจะให้การรับสารภาพต่อร้อยตำรวจเอกเบ็ญจางค์ว่า เมื่อลูกค้าโอนเงินค่าเมทแอมเฟตามีนเข้าบัญชีของนายขวัญชัยแล้ว จำเลยที่ 1 จะใช้เว็บเพจ ภ. โทรศัพท์ให้นายขวัญชัยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ธ. หมายเลขบัญชี 233605xxxx ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของบัญชี แต่ก็เป็นพยานบอกเล่าโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาแสดงยืนยัน จึงไม่มีน้ำหนักรับฟัง ทั้งการติดต่อซื้อขายและรับสั่งเมทแอมเฟตามีนโดยใช้เว็บเพจ ภ. โทรศัพท์ผ่านโปรแกรมเมสเซนเจอร์เป็นเสียงผู้ชาย ซึ่งพยานโจทก์ยืนยันว่าเป็นจำเลยที่ 2 จึงไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่เป็นผู้หญิง ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็ให้การปฏิเสธตลอดมา โดยนำสืบว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 แยกทางกัน เว็บเพจ ภ. ดังกล่าวจำเลยที่ 2 เป็นคนใช้คนเดียว แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นผู้เปิดเว็บเพจ ภ. และเป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ธ. หมายเลขบัญชีดังกล่าวก็ตาม แต่พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมาเพียงเท่านี้ยังไม่มีน้ำหนักรับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

สำหรับฎีกาของจำเลยที่ 2 นั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าจำเลยที่ 2 พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 16 แล้ววินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดจริงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ประเด็นว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ จึงยุติแล้ว การที่จำเลยที่ 2 กลับมาฎีกาอีกว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดขอให้ยกฟ้องนั้น จึงเป็นฎีกาในประเด็นที่ยุติไปแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แต่ที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทความผิดจำเลยที่ 2 ว่าเป็นความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคสาม (2) มานั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 ได้บัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นโดยถือเอาพฤติการณ์ในการกระทำความผิดหรือบทบาทหน้าที่ในการกระทำความผิดเป็นสำคัญตามลำดับความร้ายแรง หากผู้กระทำความผิดไม่มีพฤติการณ์หรือบทบาทหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสองหรือวรรคสาม ศาลย่อมไม่อาจปรับบทกำหนดโทษตามมาตรา 145 วรรคสองหรือวรรคสาม ได้ คงปรับบทกำหนดโทษได้เพียงมาตรา 145 วรรคหนึ่ง เมื่อประมวลกฎหมายยาเสพติดกำหนดโทษสำหรับผู้กระทำความผิดโดยถือเอาพฤติการณ์ในการกระทำความผิดหรือบทบาทหน้าที่ในการกระทำความผิดเป็นสำคัญตามลำดับความร้ายแรง ดังนั้น การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) จึงจะต้องเป็นการกระทำที่ก่ออันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงเป็นวงกว้าง อันเป็นการเพิ่มกระจายความรุนแรงของยาเสพติดและทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง กฎหมายจึงต้องกำหนดโทษไว้สูงถึงประหารชีวิตทำนองเดียวกับทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) แต่ข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความเพียงว่า เจ้าพนักงานตำรวจให้สายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 2 จำนวน 400 เม็ด ในราคา 14,000 บาท เมื่อจับกุมนายขวัญชัยที่นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งแล้วนายขวัญชัยพาไปยึดเมทแอมเฟตามีนได้อีก 3,600 เม็ด รวม 4,000 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 40.045 กรัม ซึ่งไม่ถึงขนาดที่ก่ออันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงเป็นวงกว้างได้ จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคสาม (2) แต่ปรากฏพฤติการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้จำเลยที่ 2 เคยร่วมกับพวกจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในลักษณะเช่นเดียวกันนี้มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเป็นการขายเมทแอมเฟตามีนเพื่อแสวงหากำไรเป็นปกติถือได้ว่าเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพื่อการค้าตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคสอง (1) กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3 และสมควรแก้ไขโทษเพื่อให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีและกฎหมายที่แก้ไข

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคสอง (1), 127 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน กับฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพื่อการค้า เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพื่อการค้า จำคุก 16 ปี และปรับ 600,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์




คดียาเสพติดให้โทษ

บทลงโทษผู้เสพยาเสพติด, เพิ่มโทษจำคุกหนึ่งในสามตามมาตรา 92, รอการลงโทษจำคุกตามมาตรา 56,
การกำหนดโทษใหม่ในคดียาเสพติด, เปิดบัญชีรับเงินค่ายาเสพติด, ความผิดฐานสมคบ
โทษประหารชีวิตยาเสพติด - การลงโทษที่ศาลพิจารณาให้ประหารชีวิตในคดียาเสพติด
คดีถึงที่สุดแล้วเรือนจำเป็นภูมิลำเนาของจำเลย, ภูมิลำเนาผู้ต้องขัง, การส่งสำเนาอุทธรณ์ผิดที่
มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นหลายกรรม
เหตุอันสมควรเป็นการเฉพาะรายลงโทษน้อยกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้
ธนบัตรที่นำไปล่อซื้อยาเสพติดไม่ใช่สาระสำคัญถึงกับมีข้อสงสัยยกฟ้อง
คำว่า จำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย | ผิดกรรมเดียว
รับฝากยาบ้า 4.013 เม็ด ถูกจำคุก 22 ปี
ริบทรัพย์สินเกี่ยวกับยาเสพติด
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ เมทแอมเฟตามีน 75 เม็ด
ครอบครองยาบ้า 584 เม็ด รับสารภาพจำคุก 25 ปี
ยาเสพติดให้โทษ 600 เม็ด จำคุก 20 ปี
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษ 750 เม็ด โทษ 20 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 778 เม็ด จำคุก 25 ปี article
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 1,200 เม็ด จำคุก 18 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 2,374 เม็ด
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) 3,017 เม็ด
เมทแอมเฟตามีน 5,290 เม็ด จำคุก 20 ปี
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า 12,000 เม็ด จำคุก 33 ปี 9 เดือน
ให้บัญชีธนาคารคนอื่นใช้โอนเงินค่ายาเสพติดโทษเท่ากันกับตัวการ
ขอลดโทษคดียาเสพติดตามมาตรา 100/2
การกำหนดโทษใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง
พยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย
ยาบ้า 279 เม็ด โทษจำคุก 7 ปี ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย
ข้อมูลเป็นประโยชน์ตามมาตรา 100/2
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า 27 เม็ด
การสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า เมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ นำเข้า 22 เม็ด
นำยาเสพติดเข้าในราชอาณาจักรโทษประหาร
การยื่นฎีกาเกี่ยวกับคดียาเสพติด
ผู้ใหญ่บ้านถูกจับยาบ้ามีโทษจำคุก 3 เท่า