ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




พยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย

ทนายความโทร0859604258

พยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย

ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนของกลางอย่างไร เพราะเมทแอมเฟตามีนของกลางตามข้อเท็จจริงยึดได้ในห้องพักของจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเชื่อมโยงแน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 3  แม้จะปรากฏในบันทึกการจับกุมว่าจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ก็ต้องห้ามมิให้รับฟัง ส่วนในชั้นสอบสวนปรากฏว่า ครั้งแรกจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ต่อมาสอบสวนเพิ่มเติมให้การปฏิเสธ อ่านถ้อยคำให้การโดยรวมแล้วเหมือนจำเลยที่ 3 ให้ถ้อยคำรับสารภาพไม่ชัดแจ้งว่าเป็นการกระทำเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีนี้หรือเป็นการกระทำก่อนเกิดเหตุ  ทั้งจำเลยที่ 1 ก็มาเบิกความว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้เกี่ยวข้อง ดังนั้น พยานหลักฐานหลักของโจทก์จึงมีแต่คำซัดทอดของผู้ต้องหาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 3 และคำพยานบอกเล่าชั้นสอบสวนมีน้ำหนักน้อยไม่มีพยานหลักฐานประกอบอื่นมาสนับสนุนให้รับฟังได้มั่นคงสิ้นสงสัย ต้องยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 3 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2108/2562

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดและมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 106 ทวิ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท ต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มี พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 ออกใช้บังคับ และให้ยกเลิก พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 แต่ พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 มาตรา 4, 16 วรรคหนึ่ง, 88 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดคงบัญญัติให้การกระทำความผิดตามฟ้องเป็นความผิดอยู่ โดยมีกำหนดโทษตามมาตรา 118 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงสองล้านบาท โทษจำคุกตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดจึงเป็นคุณแก่จำเลยที่ 3 มากกว่า พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด ไม่ว่าในทางใด ตาม ป.อ. มาตรา 3

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 100/2 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 7, 8, 14 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 4, 5, 6, 13 ทวิ, 62, 89, 106 ทวิ, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 83, 91 ริบของกลาง และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 771/2555 ของศาลจังหวัดนครราชสีมา เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพข้อหามีคีตามีนเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้ไว้ในครอบครองเพื่อขาย ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงจำคุกตลอดชีวิต เมื่อศาลลงโทษดังกล่าวแล้วจึงไม่อาจบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 771/2555 ของศาลจังหวัดนครราชสีมา เข้ากับโทษในคดีนี้ได้ คำขอและข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 ทวิ ฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด จำคุก 5 ปี จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ริบเมทแอมเฟตามีน (ที่ถูก ริบคีตามีนด้วย) และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยที่ 1 หมายเลข 08 0627 xxxx และ 09 8304 xxxx ส่วนที่โจทก์ขอให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 นอกจากหมายเลขดังกล่าวให้ยก

โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามที่สมคบกัน เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง และจำเลยที่ 1 ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจจึงลงโทษจำเลยที่ 1 สถานเบาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 25 ปี และปรับ 2,000,000 บาท กับจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละตลอดชีวิต และปรับคนละ 4,000,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 12 ปี 6 เดือน และปรับ 1,000,000 บาท บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 771/2555 ของศาลจังหวัดนครราชสีมา เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้รวมเป็นจำคุก 12 ปี 10 เดือน และปรับ 1,000,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 2,666,666.67 บาท เฉพาะจำเลยที่ 3 เมื่อบวกโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น 2 ปี 6 เดือน แล้วเป็นจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 35 ปี 10 เดือน และปรับ 2,666,666.67 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (ที่แก้ไขใหม่) การกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี ริบของกลางทั้งหมด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 3 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติเบื้องต้นว่า ตามวันและเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง ก่อนมีการจับกุมจำเลยทั้งสาม เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้คนหนึ่งชื่อนายธนาวุฒิ พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลางคดีนั้น 100 เม็ด นายธนาวุฒิให้การว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาจากจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานตำรวจให้นายธนาวุฒิใช้โทรศัพท์ติดต่อล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 จำนวน 200 เม็ด จนนำไปสู่การจับกุมจำเลยที่ 1 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยที่ 1 ในเบื้องต้น 200 เม็ด และให้จำเลยที่ 1 นำไปยึดได้จากห้องเช่าของจำเลยที่ 1 ที่คอนโดลุมพินีหรืออาคารชุดลุมพินีเมกะซิตี้ บางนาอีก 36,000 เม็ด แล้วทำการสอบสวนขยายผลตามไปจับจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับยึดคีตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ของกลาง 2 ขวด ได้จากในห้องพักของจำเลยที่ 3 ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง คดีสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 และจำเลยที่ 3 เฉพาะข้อหามีคีตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่มีฝ่ายใดฎีกา เป็นอันยุติ

คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า จำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์หรือไม่ ได้ความจากพยานโจทก์ผู้จับกุมปากดาบตำรวจธนาชัย และดาบตำรวจชัยวุฒิ ว่าเหตุที่มีการจับกุมจำเลยที่ 3 เกิดจากคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 ว่าได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 สั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาเพื่อจำหน่าย โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงนอกเหนือจากนี้ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนของกลางอย่างไร เพราะเมทแอมเฟตามีนของกลางตามข้อเท็จจริงยึดได้ในห้องพักของจำเลยที่ 1 ซึ่งดาบตำรวจธนาชัยเองก็เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยที่ 3 ยอมรับว่าไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่าจำเลยที่ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เก็บซุกซ่อนไว้ในห้องพักของจำเลยที่ 1 หลักฐานอย่างอื่นเช่นข้อความการพูดคุยตามโปรแกรมไลน์ก็ดี ในสมุดบันทึกที่ยึดได้จากจำเลยที่ 1 ก็ดี หรือตามข้อมูลการใช้โทรศัพท์ก็ดี ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเชื่อมโยงแน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 3 กระทำการเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนของกลางอย่างไร แม้จะปรากฏในบันทึกการจับกุมว่าจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ก็ต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 84 วรรคท้าย ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 ส่วนในชั้นสอบสวนปรากฏว่า ครั้งแรกจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ต่อมาสอบสวนเพิ่มเติมให้การปฏิเสธ อ่านถ้อยคำให้การโดยรวมแล้วเหมือนจำเลยที่ 3 ให้ถ้อยคำรับสารภาพไม่ชัดแจ้งว่าเป็นการกระทำเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีนี้หรือเป็นการกระทำก่อนเกิดเหตุ เจือสมกับที่จำเลยที่ 3 นำสืบชั้นพิจารณาว่าเป็นการให้การเกี่ยวกับการกระทำความผิดครั้งก่อนไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ทั้งจำเลยที่ 1 ก็มาเบิกความว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้เกี่ยวข้อง ดังนั้น พยานหลักฐานหลักของโจทก์จึงมีแต่คำซัดทอดของผู้ต้องหาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 3 และคำพยานบอกเล่าชั้นสอบสวนมีน้ำหนักน้อยไม่มีพยานหลักฐานประกอบอื่นมาสนับสนุนให้รับฟังได้มั่นคงสิ้นสงสัย ต้องยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 3 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษข้อหานี้แก่จำเลยที่ 3 นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา และเมื่อโจทก์ไม่มีพยานนำสืบให้เห็นว่า จำเลยที่ 3 ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 08 0305 xxxx และ 09 3304 xxxx ที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3 ติดต่อซื้อขายและส่งมอบยาเสพติดในคดีนี้อย่างใด โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางดังกล่าวจึงมิใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่จำเลยที่ 3 ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด จึงไม่อาจริบได้

อนึ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดและมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 106 ทวิ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท ต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 ออกใช้บังคับและให้ยกเลิกพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 แต่พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 มาตรา 4, 16 วรรคหนึ่ง, 88 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดยังคงบัญญัติให้การกระทำความผิดตามฟ้องเป็นความผิดอยู่ โดยมีกำหนดโทษตามมาตรา 118 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สี่แสนถึงสองล้านบาท โทษจำคุกตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดจึงเป็นคุณแก่จำเลยที่ 3 มากกว่าพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด ไม่ว่าในทางใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ส่วนโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดมานั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 มาตรา 16 วรรคหนึ่ง, 118 ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และไม่ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 08 0305 xxxx และ 09 3304 xxxx ของกลาง โดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

 




คดียาเสพติดให้โทษ

บทลงโทษผู้เสพยาเสพติด, เพิ่มโทษจำคุกหนึ่งในสามตามมาตรา 92, รอการลงโทษจำคุกตามมาตรา 56,
การกำหนดโทษใหม่ในคดียาเสพติด, เปิดบัญชีรับเงินค่ายาเสพติด, ความผิดฐานสมคบ
โทษประหารชีวิตยาเสพติด - การลงโทษที่ศาลพิจารณาให้ประหารชีวิตในคดียาเสพติด
คดีถึงที่สุดแล้วเรือนจำเป็นภูมิลำเนาของจำเลย, ภูมิลำเนาผู้ต้องขัง, การส่งสำเนาอุทธรณ์ผิดที่
มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นหลายกรรม
สมคบเพื่อการค้ายาเสพติด มีโทษอย่างไร
เหตุอันสมควรเป็นการเฉพาะรายลงโทษน้อยกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้
ธนบัตรที่นำไปล่อซื้อยาเสพติดไม่ใช่สาระสำคัญถึงกับมีข้อสงสัยยกฟ้อง
คำว่า จำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย | ผิดกรรมเดียว
รับฝากยาบ้า 4.013 เม็ด ถูกจำคุก 22 ปี
ริบทรัพย์สินเกี่ยวกับยาเสพติด
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ เมทแอมเฟตามีน 75 เม็ด
ครอบครองยาบ้า 584 เม็ด รับสารภาพจำคุก 25 ปี
ยาเสพติดให้โทษ 600 เม็ด จำคุก 20 ปี
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษ 750 เม็ด โทษ 20 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 778 เม็ด จำคุก 25 ปี article
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 1,200 เม็ด จำคุก 18 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 2,374 เม็ด
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) 3,017 เม็ด
เมทแอมเฟตามีน 5,290 เม็ด จำคุก 20 ปี
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า 12,000 เม็ด จำคุก 33 ปี 9 เดือน
ให้บัญชีธนาคารคนอื่นใช้โอนเงินค่ายาเสพติดโทษเท่ากันกับตัวการ
ขอลดโทษคดียาเสพติดตามมาตรา 100/2
การกำหนดโทษใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง
ยาบ้า 279 เม็ด โทษจำคุก 7 ปี ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย
ข้อมูลเป็นประโยชน์ตามมาตรา 100/2
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า 27 เม็ด
การสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า เมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ นำเข้า 22 เม็ด
นำยาเสพติดเข้าในราชอาณาจักรโทษประหาร
การยื่นฎีกาเกี่ยวกับคดียาเสพติด
ผู้ใหญ่บ้านถูกจับยาบ้ามีโทษจำคุก 3 เท่า