ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางอาคารชุด, สิทธิบุริมสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุด, การจัดลำดับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย

 

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางอาคารชุด, สิทธิบุริมสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุด, การจัดลำดับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย

"เจ้าหนี้บุริมสิทธิเรียกชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มจากการขายทอดตลาด แม้ค้างชำระเกิน 5 ปี ตาม พ.ร.บ.อาคารชุด และ ป.วิ.พ. กำหนดให้ชำระก่อนเจ้าหนี้จำนอง"

 

ผู้ร้องขอให้ผู้คัดค้านชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มตาม พ.ร.บ. อาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดห้องชุดทั้งสาม แม้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ค้างชำระจะเกิน 5 ปี ซึ่งขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (4) แต่สิทธิเรียกร้องดังกล่าวไม่ได้ระงับโดยสมบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/10 ทั้งนี้ การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจะทำได้เมื่อชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางครบตาม พ.ร.บ. อาคารชุด มาตรา 29 วรรคสอง

 

ป.วิ.พ. มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม) กำหนดให้เจ้าพนักงานกันเงินจากการขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนเจ้าหนี้จำนอง ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิตาม พ.ร.บ. อาคารชุด มาตรา 18 ย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้จำนองด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081/2567

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพื่อการออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้อันได้แก่ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง จากเงินที่ผู้คัดค้านได้รับจากการขายทอดตลาดห้องชุดพิพาททั้งสามห้องของจำเลย แม้หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางค้างชำระเป็นเงินค้างจ่ายซึ่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (4) ก็ตาม แต่หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์ที่ค้างชำระเกินเวลา 5 ปี ก็ยังไม่ระงับ เพราะสิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความนั้น มีผลให้ลูกหนี้มีสิทธิจะปฏิเสธการชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องนั้นได้เท่านั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/10 ประกอบกับในการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุด ผู้ร้องจะต้องได้รับชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางครบถ้วนแล้วตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 29 วรรคสอง อันเป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์คุ้มครองประชาชนที่ซื้อห้องชุดเพื่อการอยู่อาศัย บทบัญญัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม) ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงไม่อาจอ้างเหตุขาดอายุความเพื่อปฏิเสธการชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มส่วนที่ย้อนหลังเกิน 5 ปี ได้

ป.วิ.พ. มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม) บัญญัติให้กันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเพื่อชำระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้จำนอง ผู้ร้องแจ้งหนี้บุริมสิทธิอันเกิดจากค่าใช้จ่ายในการจัดการและดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 41 วรรคท้าย ย่อมทำให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิอยู่ในลำดับก่อนเจ้าหนี้จำนองด้วย

 

หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางอาคารชุด,  การขายทอดตลาดทรัพย์สินในคดีล้มละลาย,  สิทธิบุริมสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุด,  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา,  การเรียกเก็บเงินเพิ่มค้างชำระอาคารชุด,  พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18/1,  ขั้นตอนการก

 

คดีสืบเนื่องจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2553 และพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2554

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านนำเงินค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพื่อการออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด 1,316,316 บาท ชำระให้ผู้ร้องพร้อมค่าเสียหายอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ผู้คัดค้านครอบครองเงินดังกล่าวจนกว่าจะชำระเสร็จ

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง

ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้ร้องอุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตจากศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษากลับ ให้ผู้คัดค้านกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดห้องชุดเลขที่ 88/101, 88/103 และ 88/416 อาคารเลขที่ 1 ชื่ออาคารชุด ว. ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 156117 ของจำเลย ชำระค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพื่อการออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้แก่ผู้ร้องตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด นับแต่วันที่ห้องชุดแต่ละห้องมีค่าใช้จ่ายค้างชำระจนถึงวันขายทอดตลาด พร้อมเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี ของจำนวนเงินที่ค้างชำระเป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่คิดทบต้น ตามที่กำหนดในข้อบังคับของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

ผู้ร้องและผู้คัดค้านฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ผู้คัดค้านได้ยึดห้องชุดเลขที่ 88/101, 88/103 และ 88/416 อาคารเลขที่ 1 ชื่ออาคารชุด ว. ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 156117 ของจำเลย ซึ่งมีผู้ร้องเป็นนิติบุคคลอาคารชุด วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้คัดค้านขอให้ผู้ร้องตรวจสอบและแจ้งรายการหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ค้างชำระ ผู้ร้องได้แจ้งรายการหนี้ค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพื่อออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดเป็นเงิน 1,316,316 บาท ต่อมาห้องชุดเลขที่ 88/101 ขายได้วันที่ 4 สิงหาคม 2559 ในราคา 1,590,000 บาท ห้องชุดเลขที่ 88/103 ขายได้วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559 ในราคา 1,350,000 บาท และห้องชุดเลขที่ 88/416 ขายได้วันที่ 6 ตุลาคม 2559 ในราคา 1,100,000 บาท รวม 3 ห้อง ขายได้เป็นเงินทั้งสิ้น 4,040,000 บาท วันที่ 28 มีนาคม 2561 ผู้ร้องแจ้งหนี้บุริมสิทธิอันเกิดจากค่าใช้จ่ายในการจัดการและดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง แก่นางสาวกิตต์รวี นักวิชาการที่ดินปฏิบัติการ ต่อมาวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 ผู้คัดค้านกันเงินค่าใช้จ่ายส่วนกลาง พร้อมเงินเพิ่มร้อยละ 12 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อชำระหนี้ให้ผู้ร้องทั้งสิ้น 376,320 บาท

เห็นควรวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านประการแรกก่อนว่า ผู้คัดค้านจะยกปัญหาอายุความขึ้นปฏิเสธการชำระหนี้ค่าใช้จ่ายที่ผู้ร้องได้แจ้งต่อผู้คัดค้าน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา (เดิม) แล้ว ได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า การขายทอดตลาดห้องชุดพิพาททั้งสามห้องของจำเลยในคดีล้มละลาย ผู้คัดค้านต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น โดยอนุโลมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14 โดยผู้คัดค้านในฐานะเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องบอกกล่าวให้ผู้ร้องแจ้งรายการหนี้ค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพื่อการออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดต่อผู้คัดค้านภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำบอกกล่าว เมื่อขายทอดตลาดแล้วให้ผู้คัดค้านกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไว้เพื่อชำระหนี้ที่ค้างชำระดังกล่าวจนถึงวันขายทอดตลาดแก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้จำนอง คดีนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพื่อการออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้อันได้แก่ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง จากเงินที่ผู้คัดค้านได้รับจากการขายทอดตลาดห้องชุดพิพาททั้งสามห้องของจำเลย แม้จะถือว่าหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางค้างชำระเป็นเงินค้างจ่ายซึ่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (4) ดังที่ผู้คัดค้านอ้างก็ตาม แต่หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์ที่ค้างชำระเกินเวลา 5 ปี ซึ่งขาดอายุความนั้น ก็ยังไม่ระงับ เพราะสิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความนั้นมีผลให้ลูกหนี้มีสิทธิจะปฏิเสธการชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องนั้นได้เท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/10 ประกอบกับในการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุด ผู้ร้องจะต้องได้รับชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางครบถ้วนแล้วตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 29 วรรคสอง อันเป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์คุ้มครองประชาชนที่ซื้อห้องชุดเพื่อการอยู่อาศัย บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม) เพียงแต่ยกเว้นให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาดโดยไม่ต้องใช้หนังสือรับรองการปลอดหนี้ เพราะผู้คัดค้านมีหน้าที่ต้องกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไว้เพื่อชำระหนี้ที่ค้างชำระดังกล่าวแก่ผู้ร้องจนครบถ้วนถึงวันขายทอดตลาดแล้ว ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงไม่อาจอ้างเหตุขาดอายุความขึ้นเพื่อปฏิเสธการชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มส่วนที่ย้อนหลังเกิน 5 ปีได้ ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยประเด็นนี้มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านและผู้ร้องประการต่อไปว่า ผู้คัดค้านต้องกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดห้องชุดพิพาททั้งสามห้องของจำเลยให้แก่ผู้ร้องเป็นจำนวนเท่าใด โดยผู้คัดค้านฎีกาว่า ตามคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 57/2561 ลงวันที่ 24 มกราคม 2561 เรื่องค่าใช้จ่ายส่วนกลางสำหรับห้องชุด ค่าบำรุงรักษาและการจัดการสาธารณูปโภคสำหรับที่ดินจัดสรร ข้อ 4 ได้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กันเงินที่ค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางในกรณีห้องชุดเฉพาะที่เป็นบุริมสิทธิเหนือห้องชุดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 41 (2) โดยคำนวณถึงวันขายทอดตลาด แต่ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ค้างชำระจนถึงวันที่เคาะไม้ขายต้องเป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี เพื่อจ่ายให้แก่นิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งผู้คัดค้านได้กันเงินค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มทั้งสามห้อง จำนวน 376,320 บาท ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนผู้ร้องฎีกาในประเด็นนี้ว่า เงินเพิ่มที่กำหนดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18/1 วรรคสอง เป็นค่าใช้จ่ายตามมาตรา 18 ด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยฎีกาของทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านไปพร้อมกัน โดยเห็นว่า เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการให้บริการส่วนรวมและค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดูแลรักษาและการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 ภายในเวลาที่กำหนด จำเลยต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี ของจำนวนเงินที่ค้างชำระโดยไม่คิดทบต้น ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในข้อบังคับของผู้ร้องตามมาตรา 18/1 วรรคหนึ่ง ซึ่งในวรรคท้ายของมาตรา 18/1 ได้บัญญัติอย่างชัดเจนว่าเฉพาะเงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นค่าใช้จ่ายตามมาตรา 18 ดังนั้น เงินเพิ่มตามมาตรา 18/1 วรรคสอง ซึ่งกำหนดให้เจ้าของร่วมที่ค้างชำระเงินตามมาตรา 18 ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 20 ต่อปี จึงไม่ถือเป็นค่าใช้จ่ายตามมาตรา 18 ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับการกันเงินจากการขายทอดตลาดเพื่อชำระค่าใช้จ่ายค้างชำระของห้องชุดพิพาททั้งสามห้องนับแต่วันที่ห้องชุดแต่ละห้องมีหนี้ค่าใช้จ่ายค้างชำระจนถึงวันขายทอดตลาด พร้อมกับเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี ของจำนวนเงินที่ค้างชำระโดยไม่คิดทบต้น ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในข้อบังคับของผู้ร้อง ผู้คัดค้านจึงมีหน้าที่ต้องกันเงินชำระหนี้ดังกล่าวแก่ผู้ร้องตามกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยและพิพากษาให้ผู้คัดค้านกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเพื่อชำระค่าใช้จ่ายค้างชำระของห้องชุดพิพาททั้งสามห้องนับแต่วันที่ห้องชุดแต่ละห้องมีหนี้ค่าใช้จ่ายค้างชำระจนถึงวันขายทอดตลาดแก่ผู้ร้อง พร้อมกับเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี ของจำนวนเงินที่ค้างชำระโดยจำกัดเป็นเวลาเพียง 6 เดือน โดยไม่คิดทบต้น ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในข้อบังคับของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วนเนื่องจากตามมาตรา 18/1 วรรคหนึ่ง ผู้ร้องมีสิทธิเรียกให้ผู้คัดค้านเสียเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี ของจำนวนเงินที่ค้างชำระโดยไม่คิดทบต้น ทั้งนี้ตามที่กำหนดในข้อบังคับจนถึงวันขายทอดตลาด ศาลฎีกาจึงเห็นควรพิพากษาแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนนี้ให้ถูกต้อง ฎีกาข้อนี้ของทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องอีกประการหนึ่งว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่ระบุให้ผู้คัดค้านกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดห้องชุด เพื่อชำระค่าใช้จ่ายตามคำร้องแก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้จำนองชอบหรือไม่ และสมควรกำหนดให้ผู้คัดค้านชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ร้องหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม) บัญญัติให้กันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเพื่อชำระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้จำนอง ซึ่งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษก็ได้วินิจฉัยรับรองสิทธิของผู้ร้องในข้อนี้ไว้แล้วว่า ผู้ร้องแจ้งหนี้บุริมสิทธิอันเกิดจากค่าใช้จ่ายในการจัดการและดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 41 วรรคท้าย ย่อมทำให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิอยู่ในลำดับก่อนเจ้าหนี้จำนองด้วย ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่ระบุผลแห่งคำวินิจฉัยดังกล่าวในคำพิพากษานั้น เป็นข้อผิดหลงเล็กน้อย จึงต้องแก้ไขให้ชัดเจน ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาขอให้สั่งให้ผู้คัดค้านชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ร้องด้วยนั้น ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้วินิจฉัยโดยชัดแจ้งและชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยซ้ำอีก ฎีกาข้อนี้ของผู้ร้องฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้คัดค้านกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดห้องชุดเลขที่ 88/101, 88/103 และ 88/416 อาคารเลขที่ 1 ชื่ออาคารชุด ว. ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 156117 แขวงตลาดบางเขน เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ของจำเลย ชำระหนี้ค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพื่อการออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้แก่ผู้ร้องตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 นับแต่วันที่ห้องชุดแต่ละห้องมีค่าใช้จ่ายค้างชำระจนถึงวันขายทอดตลาด พร้อมเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี ของจำนวนเงินที่ค้างชำระโดยไม่คิดทบต้น ตามที่กำหนดในข้อบังคับของผู้ร้อง ก่อนเจ้าหนี้จำนอง คำขออื่นให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ทั้งสามศาลให้เป็นพับ

•  หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางอาคารชุด

•  การขายทอดตลาดทรัพย์สินในคดีล้มละลาย

•  สิทธิบุริมสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุด

•  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา

•  การเรียกเก็บเงินเพิ่มค้างชำระอาคารชุด

•  พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18/1

•  ขั้นตอนการกันเงินจากการขายทอดตลาด

•  การจัดลำดับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย

สรุป

คดีนี้เกิดขึ้นจากคำสั่งศาลล้มละลายกลางให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2553 และพิพากษาให้ล้มละลายเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 โดยผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่ม 1,316,316 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดห้องชุดทั้งสามห้อง ผู้คัดค้านคัดค้านคำร้องดังกล่าว

คำพิพากษาของศาล

1.ศาลล้มละลายกลาง

oมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

2.ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

oพิพากษากลับ ให้ผู้คัดค้านชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ค่าใช้จ่ายค้างชำระจนถึงวันขายทอดตลาด โดยไม่คิดทบต้น และค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

3.ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลาย

oพิจารณาว่า ผู้คัดค้านในฐานะเจ้าพนักงานบังคับคดีมีหน้าที่กันเงินจากการขายทอดตลาดห้องชุดเพื่อชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางให้ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม) ซึ่งกำหนดให้หนี้ดังกล่าวต้องได้รับชำระก่อนเจ้าหนี้จำนอง

oหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ขาดอายุความเกิน 5 ปี ไม่ระงับโดยสมบูรณ์ เพราะผู้ร้องยังคงมีสิทธิเรียกร้องในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ

oผู้คัดค้านต้องชำระเฉพาะเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปีตามที่กำหนดในข้อบังคับของผู้ร้อง ส่วนเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 20 ไม่ถือเป็นค่าใช้จ่ายตามมาตรา 18

4.คำพิพากษาแก้ไข

oให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปีจากการขายทอดตลาดห้องชุดทั้งสามห้อง ก่อนเจ้าหนี้จำนอง ส่วนคำขออื่นให้ยก และค่าฤชาธรรมเนียมในสามศาลให้เป็นพับ

คำพิพากษานี้เน้นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดและการจัดลำดับเจ้าหนี้ โดยศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขคำพิพากษาให้ชัดเจนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของผู้ร้อง

อธิบายหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 193/10

บัญญัติว่า "สิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความแล้ว ลูกหนี้มีสิทธิปฏิเสธการชำระหนี้ได้"

หมายความว่า การขาดอายุความไม่ได้ทำให้สิทธิเรียกร้องระงับโดยเด็ดขาด แต่เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ยกขึ้นปฏิเสธการชำระหนี้ได้ หากลูกหนี้ไม่ได้ยกข้อนี้ขึ้น ศาลสามารถพิจารณาให้ชำระหนี้ได้

มาตรา 193/33 (4)

กำหนดว่า หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางของอาคารชุดที่เกิดขึ้นจากการดูแลรักษาส่วนกลาง มีอายุความ 5 ปี

ข้อบัญญัตินี้ใช้ควบคุมหนี้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการจัดการส่วนกลาง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าบำรุงรักษาส่วนกลาง

2. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม)

กำหนดว่า เมื่อมีการขายทอดตลาดทรัพย์สิน เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องกันเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินไว้เพื่อชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ค้างชำระก่อนที่จะชำระหนี้ให้เจ้าหนี้จำนอง

บทบัญญัตินี้ออกแบบมาเพื่อปกป้องสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุดที่มีหน้าที่ดูแลและบำรุงรักษาส่วนกลางให้ได้รับการชำระหนี้ก่อน

3. พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542

มาตรา 14

ระบุว่า ให้บังคับใช้บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเกี่ยวกับการบังคับคดีโดยอนุโลม เว้นแต่มีบทบัญญัติเฉพาะในกฎหมายนี้

การอ้างมาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม) ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในคดีล้มละลายเป็นไปตามหลักการนี้

4. พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483

มาตรา 95 และ 96 (3)

มาตรา 95 กำหนดว่าหนี้สินที่เกิดขึ้นก่อนมีคำสั่งล้มละลาย ถือเป็นหนี้ที่ต้องดำเนินการชำระในกระบวนการล้มละลาย

มาตรา 96 (3) ระบุว่า หนี้ที่เกิดจากการดูแลและจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ล้มละลายเป็นหนี้บุริมสิทธิ

มาตรา 97

บัญญัติว่าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องจัดสรรเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินของลูกหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามลำดับบุริมสิทธิ

5. พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522

มาตรา 18 และ 18/1

มาตรา 18 กำหนดให้เจ้าของร่วมต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางเพื่อดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลาง และหากมีการค้างชำระจะต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี

มาตรา 18/1 ระบุเพิ่มเติมว่า หากค้างชำระเกิน 6 เดือน นิติบุคคลอาคารชุดสามารถเรียกเก็บเงินเพิ่มได้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 20 ต่อปี

มาตรา 29 วรรคสอง

ระบุว่า การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดจะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อเจ้าของร่วมชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางครบถ้วนแล้ว

บทบัญญัตินี้ป้องกันไม่ให้มีการโอนกรรมสิทธิ์โดยเลี่ยงการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

มาตรา 43 วรรคท้าย

ระบุว่า นิติบุคคลอาคารชุดมีสิทธิเรียกร้องให้ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนการชำระหนี้ให้เจ้าหนี้จำนอง

บทบัญญัตินี้เสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของนิติบุคคลอาคารชุด

สรุปการนำไปใช้ในคดีนี้

กฎหมายเหล่านี้เน้นย้ำถึงหน้าที่ของผู้คัดค้านในการกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด เพื่อชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนหนี้อื่น ๆ รวมถึงสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุดที่ได้รับการคุ้มครองให้มีสิทธิบุริมสิทธิเหนือเจ้าหนี้จำนองและความสำคัญของการชำระเงินค่าใช้จ่ายส่วนกลางในการดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนรวม

****เจ้าหนี้บุริมสิทธิเรียกชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มจากการขายทอดตลาด แม้ค้างชำระเกิน 5 ปี ตาม พ.ร.บ.อาคารชุด และ ป.วิ.พ. กำหนดให้ชำระก่อนเจ้าหนี้จำนอง หมายความว่าอย่างไร

บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางในกรณีขายทอดตลาดห้องชุด ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการทรัพย์สินส่วนกลาง โดยเฉพาะเมื่อห้องชุดนั้นมีการค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางเป็นเวลานาน รวมถึงเงินเพิ่มที่กำหนดโดยกฎหมาย แม้ว่าอายุความของการเรียกชำระหนี้ดังกล่าวจะเกิน 5 ปีแล้วก็ตาม บทความนี้จะอธิบายความหมายและความสำคัญของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้:

1. เจ้าหนี้บุริมสิทธิในกรณีค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 ระบุว่า เจ้าของร่วมในอาคารชุดต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่เกิดจากการดูแลและบำรุงรักษาทรัพย์ส่วนกลาง หากมีการค้างชำระนิติบุคคลอาคารชุดสามารถเรียกเก็บเงินเพิ่มในอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะ มาตรา 18/1 กำหนดให้เงินเพิ่มที่ค้างชำระเกิน 6 เดือน มีอัตราไม่เกินร้อยละ 20 ต่อปี ซึ่งกฎหมายถือว่าค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มเป็น "หนี้บุริมสิทธิ" ทำให้มีสิทธิได้รับการชำระก่อนเจ้าหนี้รายอื่น เช่น เจ้าหนี้จำนอง

2. การขายทอดตลาดและการกันเงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม) กำหนดว่า หากมีการขายทอดตลาดทรัพย์สิน เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องกันเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินนั้น เพื่อชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนที่จะจ่ายให้แก่เจ้าหนี้จำนองหรือเจ้าหนี้รายอื่น บทบัญญัตินี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทรัพย์ส่วนกลางในอาคารชุดสามารถดูแลรักษาและให้บริการแก่เจ้าของร่วมรายอื่นได้อย่างต่อเนื่อง

3. อายุความของหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (4) หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางมีอายุความ 5 ปี อย่างไรก็ตาม มาตรา 193/10 ระบุว่า การขาดอายุความไม่ได้ทำให้สิทธิเรียกร้องระงับโดยเด็ดขาด ลูกหนี้เพียงแต่มีสิทธิยกขึ้นเพื่อปฏิเสธการชำระหนี้เท่านั้น ดังนั้น ในกรณีที่นิติบุคคลอาคารชุดเป็นผู้แจ้งหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนการขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงยังคงมีหน้าที่กันเงินเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว

4. การปกป้องสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุด

พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 29 วรรคสอง กำหนดว่า การโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดจะดำเนินการได้ต่อเมื่อชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางครบถ้วนแล้ว กฎหมายนี้ป้องกันไม่ให้เจ้าของห้องชุดหลีกเลี่ยงการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางเมื่อขายทรัพย์สินให้บุคคลอื่น

5. ความหมายที่สำคัญในเชิงปฏิบัติ

กฎหมายเหล่านี้สะท้อนถึงความสำคัญของการปกป้องสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งต้องรับผิดชอบในการดูแลทรัพย์ส่วนกลางที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของร่วมทุกคน แม้หนี้ดังกล่าวจะค้างชำระเกิน 5 ปีและขาดอายุความ แต่ผู้คัดค้านหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สามารถใช้เหตุผลนี้ในการปฏิเสธการชำระได้ สิ่งนี้เป็นไปเพื่อให้การจัดการทรัพย์ส่วนกลางดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน

สรุป

การเรียกชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มที่เกิดจากการขายทอดตลาด แม้จะเกิน 5 ปีและขาดอายุความ แต่ยังคงต้องชำระตามกฎหมาย ทั้งนี้ เจ้าหนี้บุริมสิทธิ เช่น นิติบุคคลอาคารชุด มีสิทธิได้รับการชำระก่อนเจ้าหนี้จำนอง เพื่อรักษาสิทธิในการบริหารทรัพย์ส่วนกลางตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย.

**หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางอาคารชุดคืออะไร

ในบริบทของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาคารชุด หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เป็นแนวคิดสำคัญที่เจ้าของร่วมทุกคนต้องเข้าใจ เนื่องจากเป็นหน้าที่ทางกฎหมายที่ส่งผลต่อการดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลาง และยังส่งผลต่อการบริหารจัดการอาคารชุดในระยะยาว บทความนี้จะอธิบายว่า หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางคืออะไร ใครมีหน้าที่รับผิดชอบ และผลกระทบที่เกิดขึ้นหากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด

1. ความหมายของค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดูแล บำรุงรักษา และบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุด เช่น

•ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าส่วนกลาง

•ค่าซ่อมบำรุงลิฟต์

•ค่าดูแลรักษาความปลอดภัย

•ค่าจ้างเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด

ทรัพย์ส่วนกลางเหล่านี้รวมถึงพื้นที่ที่เจ้าของร่วมใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น ทางเดิน ลิฟต์ สระว่ายน้ำ และสวน

2. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18

•ระบุว่า เจ้าของร่วมมีหน้าที่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางตามสัดส่วนของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนกลาง หากเจ้าของร่วมไม่ชำระจะต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี

•หากการค้างชำระเกิน 6 เดือน อัตราเงินเพิ่มอาจเพิ่มสูงถึงไม่เกินร้อยละ 20 ต่อปี ตามที่ระบุใน มาตรา 18/1

มาตรา 29 วรรคสอง

•กำหนดว่า การโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเจ้าของร่วมชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางครบถ้วน

3. ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

1.เจ้าของร่วม

ทุกคนที่เป็นเจ้าของห้องชุดในอาคารมีหน้าที่ร่วมกันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางตามสัดส่วนกรรมสิทธิ์ของตน

2.นิติบุคคลอาคารชุด

เป็นผู้รวบรวมค่าใช้จ่ายส่วนกลางและนำไปใช้ในการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลาง เพื่อประโยชน์ของเจ้าของร่วมทุกคน

4. ผลกระทบหากไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

•เสียเงินเพิ่ม: หากไม่ชำระตามกำหนด เจ้าของร่วมต้องเสียเงินเพิ่มตามอัตราที่กฎหมายกำหนด

•กระทบการโอนกรรมสิทธิ์: กฎหมายกำหนดว่าผู้ที่ค้างชำระไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้

•การบังคับคดี: หากมีการขายทอดตลาดทรัพย์สิน กฎหมายระบุให้กันเงินจากการขายไว้เพื่อชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนเจ้าหนี้จำนอง

5. ความสำคัญของการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

การชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางอย่างต่อเนื่องช่วยให้ทรัพย์ส่วนกลางได้รับการดูแลและซ่อมบำรุงอย่างเหมาะสม ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและมูลค่าของทรัพย์สินในอาคารชุด

สรุป

หนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางเป็นภาระผูกพันทางกฎหมายที่เจ้าของร่วมทุกคนต้องรับผิดชอบ การละเลยอาจส่งผลเสียหายต่อทั้งตัวเจ้าของร่วมและทรัพย์ส่วนกลาง การปฏิบัติตามกฎหมายและการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางอย่างเคร่งครัดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการอาคารชุดให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืน.

**การขายทอดตลาดทรัพย์สินในคดีล้มละลายแตกต่างกับการขายทอดตลาดทรัพย์สินในคดีแพ่งอย่างไร

การขายทอดตลาดทรัพย์สินในคดีล้มละลายและคดีแพ่งเป็นกระบวนการที่มีเป้าหมายในการจัดสรรทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเภทของคดีนี้มีความแตกต่างกันในหลายแง่มุม เช่น วัตถุประสงค์ กระบวนการ และการจัดลำดับชำระหนี้ รวมถึงผู้ที่ทำหน้าที่ในการขายทอดตลาด บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดและความแตกต่างดังนี้:

1. ความแตกต่างในวัตถุประสงค์

•คดีล้มละลาย

วัตถุประสงค์หลักคือการรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนี้เพื่อชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ทุกรายอย่างเป็นธรรมและตามลำดับที่กฎหมายกำหนด โดยเน้นการกระจายทรัพย์สินในลักษณะรวม

•คดีแพ่ง

วัตถุประสงค์คือการบังคับคดีเพื่อชำระหนี้ให้เจ้าหนี้รายเดียวที่เป็นผู้ยื่นฟ้องในคดี โดยการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นกระบวนการที่ใช้จัดการหนี้รายนั้น

2. กระบวนการขายทอดตลาด

•คดีล้มละลาย

การขายทอดตลาดดำเนินการตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 โดยพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมบังคับคดี) จะทำหน้าที่ขายทอดตลาด และจัดการเงินที่ได้เพื่อชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ตามลำดับที่กำหนดไว้ในกฎหมาย เช่น หนี้ที่มีบุริมสิทธิ (เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนกลางของอาคารชุด) จะได้รับการชำระก่อนหนี้ประเภทอื่น

•คดีแพ่ง

การขายทอดตลาดดำเนินการตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีจะจัดการขายทรัพย์สิน และชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ผู้ฟ้องตามคำพิพากษา

3. การจัดลำดับการชำระหนี้

•คดีล้มละลาย

มีการจัดลำดับเจ้าหนี้ตามที่กำหนดใน พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 96 เช่น

oเจ้าหนี้บุริมสิทธิ (เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนกลางตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ. 2522)

oเจ้าหนี้มีหลักประกัน

oเจ้าหนี้ทั่วไป

โดยเจ้าหนี้แต่ละประเภทจะได้รับการชำระตามลำดับและสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด

•คดีแพ่ง

ทรัพย์สินของลูกหนี้จะถูกนำไปขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ผู้ฟ้องรายเดียวตามคำพิพากษา หากมีเจ้าหนี้รายอื่นต้องดำเนินการฟ้องแยกต่างหาก

4. เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ขายทอดตลาด

•คดีล้มละลาย

พนักงานพิทักษ์ทรัพย์จากกรมบังคับคดีทำหน้าที่ขายทอดตลาดและจัดการเงินที่ได้

•คดีแพ่ง

เจ้าพนักงานบังคับคดีจากกรมบังคับคดีทำหน้าที่ขายทอดตลาด

5. ความเหมือนและความแตกต่างในการชำระหนี้

•ความเหมือน

ทั้งในคดีล้มละลายและคดีแพ่ง การขายทอดตลาดทรัพย์สินมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เงินที่ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้

•ความแตกต่าง

oคดีล้มละลายมีการจัดลำดับชำระหนี้ตามกฎหมายล้มละลาย โดยมุ่งให้เจ้าหนี้ทุกคนได้รับการชำระอย่างเป็นธรรม

oคดีแพ่งเน้นการชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ผู้ฟ้องรายเดียว

สรุป

การขายทอดตลาดในคดีล้มละลายและคดีแพ่งมีความแตกต่างกันทั้งในด้านวัตถุประสงค์ กระบวนการ และการจัดลำดับการชำระหนี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทั้งสองกรณีก็มีบทบาทแตกต่างกันโดยเฉพาะในแง่ของหน้าที่และเป้าหมายการจัดการทรัพย์สิน ความเข้าใจในความแตกต่างนี้ช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม.

*****บุริมสิทธิคืออะไร มีกี่ประเภท มีความเกี่ยวข้องกับใครบ้าง และคำว่าหนี้บุริมสิทธิคืออะไร

ในระบบกฎหมายแพ่ง บุริมสิทธิเป็นหลักการสำคัญที่กำหนดลำดับการชำระหนี้ของลูกหนี้ให้เป็นไปอย่างยุติธรรม โดยให้สิทธิแก่เจ้าหนี้บางรายได้รับการชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นในกรณีที่ลูกหนี้มีทรัพย์สินไม่เพียงพอ บทความนี้จะอธิบายความหมาย ประเภทของบุริมสิทธิ ความเกี่ยวข้องกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และความหมายของคำว่าหนี้บุริมสิทธิ ดังนี้:

1. บุริมสิทธิคืออะไร

บุริมสิทธิ หมายถึง สิทธิที่กฎหมายกำหนดให้เจ้าหนี้บางประเภทมีลำดับก่อนเจ้าหนี้รายอื่นในการได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักประกันหรือคำตกลงเพิ่มเติม เช่น หนี้ที่เกิดจากค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือหนี้ค่าแรงงานของลูกจ้าง

2. ประเภทของบุริมสิทธิ

บุริมสิทธิมี 2 ประเภทหลัก คือ

1.บุริมสิทธิทั่วไป

oใช้บังคับกับทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งหมด ไม่ได้จำกัดที่ทรัพย์สินเฉพาะรายการใด เช่น

ค่าแรงงานของลูกจ้าง

เงินค่าเลี้ยงชีพ

2.บุริมสิทธิพิเศษ

oใช้บังคับกับทรัพย์สินเฉพาะประเภทหรือเฉพาะรายการ เช่น

บุริมสิทธิในทรัพย์สินที่ได้รับการซ่อมแซม: ช่างมีสิทธิยึดรถยนต์ไว้จนกว่าจะได้รับชำระค่าซ่อม

บุริมสิทธิในผลผลิตทางการเกษตร: เจ้าของที่ดินมีสิทธิยึดผลผลิตไว้จนกว่าจะได้รับค่าเช่า

3. ความเกี่ยวข้องกับใครบ้าง

บุริมสิทธิเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย ดังนี้:

1.เจ้าหนี้

oเจ้าหนี้ที่มีบุริมสิทธิจะได้รับการชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น

2.ลูกหนี้

oลูกหนี้ต้องยอมให้ทรัพย์สินบางส่วนถูกจัดสรรให้เจ้าหนี้บุริมสิทธิเป็นลำดับแรก

3.เจ้าพนักงานบังคับคดี

oมีหน้าที่กันทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้บุริมสิทธิก่อน

4. หนี้บุริมสิทธิคืออะไร

หนี้บุริมสิทธิ หมายถึง หนี้ที่กฎหมายกำหนดให้มีลำดับก่อนในการชำระ โดยไม่ต้องมีหลักประกันเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น:

•ค่าใช้จ่ายส่วนกลางในอาคารชุด

ตาม พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง ค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ค้างชำระถือเป็นหนี้บุริมสิทธิ เจ้าหนี้นิติบุคคลอาคารชุดมีสิทธิได้รับการชำระก่อนเจ้าหนี้จำนอง

•ค่าแรงงาน

ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253 ค่าแรงของลูกจ้างถือเป็นหนี้บุริมสิทธิ และลูกจ้างมีสิทธิได้รับชำระก่อนเจ้าหนี้รายอื่น

5. ตัวอย่างการใช้บุริมสิทธิในทางปฏิบัติ

ตัวอย่างสำคัญของบุริมสิทธิในชีวิตประจำวัน ได้แก่:

•การขายทอดตลาดห้องชุด: เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องกันเงินไว้เพื่อชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนชำระหนี้ให้เจ้าหนี้จำนอง

•การยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้บุริมสิทธิ เช่น ค่าแรงงาน หรือค่าใช้จ่ายในการจัดการทรัพย์สิน จะได้รับการชำระก่อน

สรุป

บุริมสิทธิเป็นกลไกทางกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองเจ้าหนี้บางประเภท โดยจัดลำดับการชำระหนี้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในกรณีที่ทรัพย์สินของลูกหนี้มีมูลค่าไม่เพียงพอ หนี้บุริมสิทธิมีบทบาทสำคัญในหลายกรณี เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนกลางในอาคารชุด หรือค่าแรงงานของลูกจ้าง ความเข้าใจในหลักการบุริมสิทธิจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ในกระบวนการทางกฎหมาย.

*****การเรียกเก็บเงินเพิ่มค้างชำระอาคารชุดคืออะไร

การเรียกเก็บเงินเพิ่มค้างชำระอาคารชุดเป็นกระบวนการที่นิติบุคคลอาคารชุดใช้เพื่อจัดการกับกรณีที่เจ้าของร่วมในอาคารชุดไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางตามกำหนดเวลา โดยการเรียกเก็บเงินเพิ่มเป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อเป็นมาตรการจูงใจให้เจ้าของร่วมปฏิบัติตามหน้าที่และลดความล่าช้าในการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลาง บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินเพิ่มค้างชำระในอาคารชุด รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

1. การเรียกเก็บเงินเพิ่มค้างชำระคืออะไร

เงินเพิ่มค้างชำระ หมายถึง ดอกเบี้ยหรือค่าปรับที่เรียกเก็บเพิ่มเติมจากเจ้าของร่วมที่ไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางภายในเวลาที่กำหนด การเรียกเก็บเงินเพิ่มนี้เป็นสิทธิของนิติบุคคลอาคารชุดที่กำหนดขึ้นตาม พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522

2. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บเงินเพิ่ม

1.พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง

oระบุว่า หากเจ้าของร่วมไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางภายในเวลาที่กำหนด นิติบุคคลอาคารชุดมีสิทธิเรียกเก็บเงินเพิ่มในอัตราไม่เกิน ร้อยละ 12 ต่อปี โดยเงินเพิ่มนี้ต้องคำนวณจากยอดหนี้ค้างชำระ

2.มาตรา 18/1

oหากการค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางเกิน 6 เดือน นิติบุคคลสามารถเรียกเก็บเงินเพิ่มในอัตราสูงสุดไม่เกิน ร้อยละ 20 ต่อปี ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของอาคารชุด

3.มาตรา 29 วรรคสอง

oการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเจ้าของร่วมชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มครบถ้วน

3. วัตถุประสงค์ของการเรียกเก็บเงินเพิ่ม

•จูงใจให้ชำระหนี้ตรงเวลา

การเรียกเก็บเงินเพิ่มช่วยสร้างแรงจูงใจให้เจ้าของร่วมชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางภายในเวลาที่กำหนด

•ลดผลกระทบต่อทรัพย์ส่วนกลาง

การไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางอาจส่งผลต่อการดูแลรักษาและบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลาง การเรียกเก็บเงินเพิ่มช่วยลดความเสี่ยงนี้

•สร้างความเท่าเทียมในหมู่เจ้าของร่วม

เจ้าของร่วมที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดไม่ต้องรับภาระเพิ่มเติมจากการไม่ชำระเงินของผู้อื่น

4. ผลกระทบของการไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่ม

•เสียสิทธิในการโอนกรรมสิทธิ์

เจ้าของร่วมที่ค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินเพิ่มจะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้

•การบังคับคดี

นิติบุคคลอาคารชุดสามารถฟ้องร้องเพื่อเรียกชำระหนี้ได้ หากมีการขายทอดตลาดทรัพย์สิน กฎหมายกำหนดให้กันเงินที่ได้จากการขายไว้เพื่อชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนเจ้าหนี้จำนอง

5. ตัวอย่างในทางปฏิบัติ

หากเจ้าของห้องชุดค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางจำนวน 10,000 บาท เป็นเวลา 1 ปี นิติบุคคลอาคารชุดสามารถเรียกเก็บเงินเพิ่มได้ดังนี้:

•อัตราร้อยละ 12 ต่อปี: คิดเงินเพิ่ม 1,200 บาท รวมยอดเงินที่ต้องชำระ 11,200 บาท

•หากเกิน 6 เดือน อัตราเงินเพิ่มอาจปรับเพิ่มสูงสุดไม่เกิน ร้อยละ 20 ต่อปี

6. แนวทางการป้องกันการค้างชำระ

•การแจ้งเตือน

นิติบุคคลควรแจ้งเตือนเจ้าของร่วมก่อนกำหนดชำระ

•การกำหนดบทลงโทษที่เหมาะสม

การกำหนดเงินเพิ่มในอัตราที่เหมาะสมช่วยลดปัญหาการค้างชำระ

•การจัดประชุมเจ้าของร่วม

เพื่อสร้างความเข้าใจในความสำคัญของการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

สรุป

การเรียกเก็บเงินเพิ่มค้างชำระอาคารชุดเป็นมาตรการที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อรักษาความเป็นธรรมและสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางอย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าของร่วมควรปฏิบัติตามข้อกำหนดในการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการละเลยหน้าที่นี้.

*****ขั้นตอนการกันเงินจากการขายทอดตลาด มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

การกันเงินจากการขายทอดตลาดเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการบังคับคดี โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่มีสิทธิเรียกร้อง เช่น เจ้าหนี้บุริมสิทธิหรือเจ้าหนี้จำนอง บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนการกันเงินจากการขายทอดตลาดให้เข้าใจง่าย พร้อมทั้งอธิบายกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1. ความหมายของการกันเงินจากการขายทอดตลาด

การกันเงินจากการขายทอดตลาด คือ การจัดสรรเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ โดยจัดลำดับความสำคัญตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด เช่น เจ้าหนี้บุริมสิทธิได้รับชำระก่อนเจ้าหนี้จำนอง

2. ขั้นตอนการกันเงินจากการขายทอดตลาด

การกันเงินดำเนินการโดยเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งมีกระบวนการดังนี้:

2.1 การตรวจสอบทรัพย์สินและสิทธิ

•เจ้าพนักงานบังคับคดี ตรวจสอบทรัพย์สินที่ถูกนำมาขายทอดตลาด เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์

•ตรวจสอบว่าทรัพย์สินดังกล่าวมีเจ้าหนี้ที่มีสิทธิบุริมสิทธิหรือเจ้าหนี้จำนองหรือไม่

2.2 การขายทอดตลาด

•ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามระเบียบของ กรมบังคับคดี และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา

•เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศวันและเวลาในการขายทรัพย์สินให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบ

2.3 การจัดสรรเงินตามลำดับเจ้าหนี้

•เจ้าหนี้บุริมสิทธิ: เช่น นิติบุคคลอาคารชุดในกรณีค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง จะได้รับเงินชำระก่อน

•เจ้าหนี้จำนอง: หากไม่มีเจ้าหนี้บุริมสิทธิ เงินจะถูกใช้ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้จำนอง

•เจ้าหนี้ทั่วไป: เงินที่เหลือจากการชำระหนี้บุริมสิทธิและหนี้จำนองจะถูกแจกจ่ายให้เจ้าหนี้รายอื่น

2.4 การกันเงินเพื่อการชำระ

•เจ้าพนักงานบังคับคดีทำหน้าที่ กันเงิน ที่ได้จากการขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ตามลำดับ

•หากมีการเรียกร้องจากหลายฝ่าย เจ้าพนักงานต้องจัดสรรเงินอย่างถูกต้องและเป็นธรรม

2.5 การส่งมอบเงิน

•เงินที่กันไว้จะถูกส่งให้เจ้าหนี้ตามที่กำหนดในคำพิพากษาหรือคำสั่งศาล

•หากมีข้อพิพาท เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องรายงานต่อศาลเพื่อขอคำสั่งเพิ่มเติม

3. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

•ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จัตวา วรรคสอง (เดิม)

ระบุว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้บุริมสิทธิ เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนกลางของอาคารชุด ก่อนเจ้าหนี้จำนอง

•พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 96

กำหนดลำดับการชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เช่น การชำระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาทรัพย์สินก่อนเจ้าหนี้รายอื่น

4. ตัวอย่างในทางปฏิบัติ

กรณีที่มีการขายทอดตลาดห้องชุดของลูกหนี้ในคดีแพ่ง:

•ห้องชุดขายได้ในราคา 3 ล้านบาท

•ค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 100,000 บาท

•มีเจ้าหนี้จำนองเรียกร้องสิทธิ 2 ล้านบาท

การจัดสรรเงินจะเป็นดังนี้:

1.กันเงิน 100,000 บาทเพื่อชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อน

2.ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้จำนอง 2 ล้านบาท

3.เงินที่เหลือ 900,000 บาทใช้ชำระให้เจ้าหนี้รายอื่น

5. ความสำคัญของการกันเงินจากการขายทอดตลาด

•รักษาสิทธิของเจ้าหนี้: ช่วยให้เจ้าหนี้ได้รับการชำระหนี้อย่างถูกต้องตามลำดับสิทธิ

•ลดข้อพิพาท: กระบวนการกันเงินช่วยลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหนี้

•ส่งเสริมความยุติธรรม: เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย

สรุป

การกันเงินจากการขายทอดตลาดเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เป็นไปตามลำดับสิทธิที่กฎหมายกำหนด เจ้าหนี้บุริมสิทธิ เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนกลางในอาคารชุด หรือเจ้าหนี้จำนองมีลำดับความสำคัญสูงกว่าเจ้าหนี้ทั่วไป เจ้าพนักงานบังคับคดีมีบทบาทสำคัญในการจัดสรรเงินให้ถูกต้องและเป็นธรรมเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย.

****การจัดลำดับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย มีหลักเกณฑ์อย่างไร

ในกระบวนการล้มละลาย การจัดลำดับเจ้าหนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่กฎหมายกำหนดขึ้นเพื่อให้การชำระหนี้ของลูกหนี้เป็นไปอย่างยุติธรรมและสอดคล้องกับสิทธิที่กฎหมายบัญญัติ เจ้าหนี้แต่ละประเภทจะได้รับการชำระหนี้ตามลำดับที่กฎหมายกำหนด หากทรัพย์สินของลูกหนี้ไม่เพียงพอในการชำระหนี้ทั้งหมด บทความนี้จะอธิบายหลักเกณฑ์และลำดับของเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายดังนี้:

1. หลักเกณฑ์การจัดลำดับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย

การจัดลำดับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายเป็นไปตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งกำหนดให้เจ้าหนี้ได้รับการชำระหนี้ตามลำดับดังนี้:

1.หนี้ค่าใช้จ่ายในการบริหารและรักษาทรัพย์สินของลูกหนี้

oค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพื่อจัดการทรัพย์สิน เช่น ค่าจ้างพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ค่าดำเนินการขายทอดตลาด หรือค่ารักษาทรัพย์สิน

oหนี้นี้ได้รับการจัดลำดับเป็นลำดับแรกเพราะเกี่ยวข้องกับการดำเนินกระบวนการล้มละลาย

2.หนี้บุริมสิทธิ

ตาม มาตรา 96 (3) กำหนดให้หนี้บุริมสิทธิได้รับการชำระก่อนหนี้ประเภทอื่น โดยมีตัวอย่างหนี้บุริมสิทธิที่สำคัญ เช่น:

oค่าแรงของลูกจ้าง

oค่าใช้จ่ายส่วนกลางของนิติบุคคลอาคารชุด

3.หนี้มีหลักประกัน

เจ้าหนี้ที่มีทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นหลักประกัน เช่น เจ้าหนี้จำนองหรือเจ้าหนี้ที่มีสิทธิยึดทรัพย์สิน จะได้รับการชำระจากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันนั้น

4.หนี้ทั่วไป (หนี้ไม่มีหลักประกัน)

เจ้าหนี้ที่ไม่ได้มีสิทธิบุริมสิทธิหรือหลักประกัน จะได้รับการชำระจากทรัพย์สินที่เหลือหลังจากชำระหนี้ประเภทอื่น ๆ แล้ว

5.ดอกเบี้ยและค่าปรับของเจ้าหนี้

กรณีที่ทรัพย์สินยังเหลือหลังจากการชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว จึงจะนำมาชำระดอกเบี้ยหรือค่าปรับให้แก่เจ้าหนี้

2. หลักการที่ใช้ในการจัดลำดับเจ้าหนี้

1.ความยุติธรรมและเท่าเทียมกัน

กฎหมายล้มละลายกำหนดให้การชำระหนี้ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมต่อเจ้าหนี้ทุกกลุ่ม โดยจัดลำดับตามสิทธิที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

2.การคุ้มครองสิทธิบุริมสิทธิ

เจ้าหนี้ที่มีสิทธิบุริมสิทธิ เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนกลางในอาคารชุดหรือค่าแรงลูกจ้าง ได้รับการคุ้มครองให้ได้รับการชำระก่อนเจ้าหนี้รายอื่น

3.การบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

พนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินและดำเนินการตามลำดับเจ้าหนี้ที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้การล้มละลายเป็นไปอย่างราบรื่น

3. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

•พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 96 และมาตรา 97

กำหนดลำดับการชำระหนี้ โดยระบุเจ้าหนี้ที่ได้รับสิทธิในการชำระก่อน เช่น หนี้บุริมสิทธิและหนี้มีหลักประกัน

•ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253 และมาตรา 259

ระบุหนี้ที่ถือเป็นบุริมสิทธิ เช่น ค่าแรงงาน ค่าเช่าที่ดิน และค่าดูแลทรัพย์สิน

4. ตัวอย่างการจัดลำดับเจ้าหนี้ในทางปฏิบัติ

กรณีลูกหนี้มีทรัพย์สิน 10 ล้านบาท และมีเจ้าหนี้ดังนี้:

•ค่าใช้จ่ายในการบริหารทรัพย์สิน 1 ล้านบาท

•หนี้บุริมสิทธิ (ค่าแรงลูกจ้างและค่าใช้จ่ายส่วนกลาง) 2 ล้านบาท

•เจ้าหนี้จำนอง 5 ล้านบาท

•เจ้าหนี้ทั่วไป 3 ล้านบาท

การจัดลำดับการชำระหนี้จะเป็นดังนี้:

1.ชำระค่าใช้จ่ายในการบริหารทรัพย์สิน 1 ล้านบาท

2.ชำระหนี้บุริมสิทธิ 2 ล้านบาท

3.ชำระเจ้าหนี้จำนอง 5 ล้านบาท

4.เงินที่เหลือ 2 ล้านบาท ชำระให้เจ้าหนี้ทั่วไป

5. ข้อควรระวังในการจัดลำดับเจ้าหนี้

•หากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับลำดับการชำระ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องขอคำสั่งจากศาล

•เจ้าหนี้ที่ไม่ได้แจ้งสิทธิของตนในกระบวนการล้มละลายอาจเสียสิทธิในการได้รับการชำระหนี้

สรุป

การจัดลำดับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายเป็นกระบวนการที่กำหนดโดยกฎหมายเพื่อให้การชำระหนี้เป็นไปอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ เจ้าหนี้แต่ละประเภทมีลำดับความสำคัญที่แตกต่างกัน โดยเจ้าหนี้บุริมสิทธิและเจ้าหนี้ที่มีหลักประกันได้รับการชำระก่อนเจ้าหนี้ทั่วไป การเข้าใจหลักเกณฑ์เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ในกระบวนการล้มละลาย. 

 

มาตรา 193/33  สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความห้าปี (1) ดอกเบี้ยค้างชำระ (2) เงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ (3) ค่าเช่าทรัพย์สินค้างชำระ เว้นแต่ค่าเช่าสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 193/34(6) (4) เงินค้างจ่าย คือ เงินเดือน เงินปี เงินบำนาญ ค่าอุปการะเลี้ยงดูและเงินอื่น ๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา (5) สิทธิเรียกร้องตามมาตรา 193/34 (1) (2) และ (5) ที่ไม่อยู่ในบังคับอายุความสองปี




เกี่ยวกับคดีล้มละลาย

ขาดนัดพิจารณา ผลทางกฎหมาย, ศาลล้มละลาย พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด, การพิจารณาคดีล้มละลายผ่านอิเล็กทรอนิกส์
สิทธิตามสัญญาที่ลูกหนี้จะพึงได้รับมีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้
หนี้สินล้นพ้นตัว, ฟ้องล้มละลายบุคคลธรรมดาหนี้สองล้านบาท, คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด,
การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย, ขั้นตอนการพิสูจน์หนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
คดีล้มละลายยื่นคำขอรับชำระหนี้ล่าช้า, เหตุสุดวิสัยในการยื่นคำร้อง, การขยายเวลายื่นคำขอของเจ้าหนี้
การฟื้นฟูกิจการ, แผนฟื้นฟูกิจการล้มละลาย, การยกเลิกฟื้นฟูกิจการ,
เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีแพ่งก่อน, การพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็กขาด
การแก้ไขคำขอรับชำระหนี้, เจ้าหนี้มีประกันและไม่มีประกัน
ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดที่ดินในคดีล้มละลาย, ข้อกำหนดการตรวจสอบทรัพย์สินก่อนประมูล
ความผิดทางกฎหมายในการปกปิดสถานะล้มละลายห,ข้อกำหนดการแจ้งสถานะล้มละลายก่อนขอสินเชื่อ
อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อเจ้าหนี้ได้ฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้อง
มิได้มุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น
สิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน
ลูกหนี้ซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์ถูกฟ้องให้ส่งมอบรถยนต์
เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ลูกหนี้ก่อนเจ้าหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์
การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
สิทธิได้รับชำระหนี้ของเจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย
ผลของการปลดจากล้มล้มละลาย | หนี้สินก่อนล้มละลาย
ผลของการประนอมหนี้ในคดีล้มละลาย
ลูกหนี้โอนทรัพย์สิน | ได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น
การปฏิบัติงานบังคับคดีล้มละลายของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
สั่งจ่ายเช็คหลังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์มีผลอย่างไร?
การฟ้องคดีล้มละลาย จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว
นำมูลหนี้เดิมมาฟ้องล้มละลายใหม่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยได้รับการปลดจากล้มละลายแล้วหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวง
ลูกหนี้ไม่หลุดพ้นจากหนี้สินทั้งปวง
หน้าที่เสียภาษีเงินได้จากการขายทอดตลาด
คำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
หลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระได้
คำฟ้องโจทก์ในคดีล้มละลายไม่ชอบ
เจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย
ขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกัน | เจ้าหนี้มีประกัน
กองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย