

การแก้ไขคำขอรับชำระหนี้, เจ้าหนี้มีประกันและไม่มีประกัน
ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ • คำพิพากษาศาลฎีกาคดีล้มละลาย • เจ้าหนี้มีประกันและไม่มีประกัน • สิทธิเหนือทรัพย์หลักประกัน • มาตรา 95 พ.ร.บ.ล้มละลาย • การแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ • การอุทธรณ์คำสั่งศาลล้มละลาย • กฎหมายล้มละลายไทย มาตรา 97 สรุป คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2567 (ย่อ) ผู้ร้องยื่นคำร้องเพื่อขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันโดยเพิ่มหลักประกันที่ดินเลขที่ 12446 แต่ผู้ร้องไม่ได้แจ้งสถานะเจ้าหนี้มีประกันนี้ตั้งแต่แรก และอ้างว่าเกิดจากการละเว้นโดยพลั้งเผลอ ซึ่งต้องตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 97 อย่างไรก็ตาม ศาลล้มละลายกลางสั่งยกคำร้องโดยพิจารณาว่าการละเว้นไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากการพลั้งเผลอ คำสั่งศาลนี้ผูกพันตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายฯ มาตรา 14 ส่งผลให้ผู้ร้องต้องคืนทรัพย์สินและสิทธิเหนือหลักประกันถูกยกเลิก ผู้ร้องยังยื่นคำร้องให้ผู้คัดค้านยึดทรัพย์จำนองที่ดินดังกล่าวขายทอดตลาด แต่ศาลล้มละลายกลางยกคำร้อง และศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่อนุญาตให้อุทธรณ์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 95 เนื่องจากไม่ได้เป็นเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 96(3) จึงไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้ สรุป: ศาลฎีกาพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องได้ดียิ่งขึ้น มาดูหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกันดังนี้: 1. พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 มาตรานี้กล่าวถึงเจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน (ไม่มีทรัพย์สินที่เป็นประกัน) เจ้าหนี้ในกรณีนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ 2. พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 มาตรานี้ระบุถึงเจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน (ทรัพย์สินที่ค้ำประกันหนี้) สามารถขอใช้สิทธิเหนือทรัพย์สินนั้นในการชำระหนี้ได้ หากผู้ร้องมีหลักประกันที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะสามารถขอให้ศาลอนุมัติการขายทอดตลาดเพื่อรับชำระหนี้จากหลักประกันได้ 3. พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 96 (3) มาตรานี้กล่าวถึงสิทธิของเจ้าหนี้ที่เลือกใช้สถานะเจ้าหนี้มีประกันในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ โดยต้องระบุรายละเอียดของหลักประกัน เพื่อให้ศาลรับทราบสถานะที่แท้จริง 4. พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 97 ระบุถึงกรณีการละเว้นหรือการผิดพลาดในการแจ้งสถานะของเจ้าหนี้ว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันหรือต้องการเพิ่มหลักประกัน หากการละเว้นเกิดขึ้นเพราะความพลั้งเผลอจริง ศาลอาจพิจารณาให้แก้ไขคำขอได้ แต่หากพิสูจน์ได้ว่าการละเว้นนั้นไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากความพลั้งเผลอ การขอแก้ไขจะถูกยกเลิก 5. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง มาตรานี้ระบุถึงผลผูกพันของคำสั่งศาล เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งใด ๆ แล้ว ถือว่าคำสั่งนั้นผูกพันคู่ความทั้งหมด ไม่มีสิทธิที่จะนำไปโต้แย้งใหม่ในเรื่องเดียวกัน เว้นแต่จะมีข้อยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด 6. พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14 มาตรานี้ระบุว่าสิทธิและอำนาจของศาลในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายมีผลผูกพันในลักษณะเดียวกับคำพิพากษาทั่วไป 7. พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 25 มาตรานี้กำหนดกรณีที่คำสั่งของศาลล้มละลายไม่สามารถอุทธรณ์ได้ ซึ่งโดยปกติคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิเหนือหลักประกันของเจ้าหนี้นั้นไม่สามารถอุทธรณ์ได้ เว้นแต่มีกฎหมายเฉพาะที่อนุญาต 8. พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 26 มาตรานี้กำหนดว่า หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งที่ได้มีขึ้นตาม พ.ร.บ. นี้ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีเหตุผลที่สมควรอนุญาตให้อุทธรณ์ คำสั่งนั้นจะถือเป็นที่สุด ผู้ร้องจึงไม่สามารถโต้แย้งได้อีก สรุป: ในกรณีนี้ ผู้ร้องไม่สามารถแก้ไขคำขอเป็นเจ้าหนี้มีประกันได้ เพราะศาลเห็นว่าไม่ใช่การละเว้นโดยพลั้งเผลอ คำสั่งศาลล้มละลายมีผลผูกพันตามกฎหมาย ทำให้ผู้ร้องไม่มีสิทธิโต้แย้งในชั้นศาลฎีกา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2567 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันโดยขอเพิ่มเติมหลักประกันที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง อันเป็นการกล่าวอ้างว่าผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้เป็นเจ้าหนี้มีประกันเหนือที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 ของจำเลยด้วย แต่ผู้ร้องไม่ได้แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันเหนือที่ดินดังกล่าวโดยการละเว้นนั้นเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอ กรณีต้องตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 97 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่าการละเว้นนั้นไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากการพลั้งเผลอและคดีถึงที่สุดแล้ว คำสั่งศาลล้มละลายกลางดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันผู้ร้อง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14 และมีผลให้ผู้ร้องจะต้องคืนทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันดังกล่าวแก่ผู้คัดค้านและสิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันนั้นเป็นอันระงับสิ้นไป ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 97 ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้มีประกันเหนือที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 ที่จะขอใช้สิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 ได้ คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2553 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่ผู้ร้องไม่เกินหนี้จำนองพร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระเป็นเวลา 5 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าหากผู้ร้องได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองตามสิทธิมาเพียงใดก็ให้สิทธิของผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้รายที่ 2 ที่ยื่นขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกันลดลงเพียงนั้น ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์พร้อมอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นว่า คำสั่งของศาลล้มละลายกลางชอบแล้ว และไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์ จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์ให้ยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้อง คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ ผู้ร้องฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ในเบื้องต้นว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2553 โจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 ต่อมาโจทก์โอนสิทธิเรียกร้องรวมถึงสิทธิรับจำนองที่มีต่อจำเลยให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแก้ไขรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 97 จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 96 (3) และขอเพิ่มเติมทรัพย์หลักประกันที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านขอใช้สิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 ตามมาตรา 95 ผู้คัดค้านมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอใช้สิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันในที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 ตามมาตรา 95 ได้ ให้ยกคำร้องผู้ร้อง จึงยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่อนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์ชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ภายหลังรับโอนสิทธิเรียกร้องแล้วผู้ร้องตรวจพบว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ยังมิได้มีการใช้สิทธิบังคับหลักประกันจึงยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันโดยขอเพิ่มเติมหลักประกันที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 ดังกล่าว อันเป็นการกล่าวอ้างว่าผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้เป็นเจ้าหนี้มีประกันเหนือที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 ของจำเลยด้วย แต่ผู้ร้องไม่ได้แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันเหนือที่ดินดังกล่าวโดยการละเว้นนั้นเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอ กรณีต้องตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 97 แต่เมื่อศาลล้มละลายกลางไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่าการละเว้นนั้นไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากการพลั้งเผลอและคดีถึงที่สุดแล้ว คำสั่งศาลล้มละลายกลางดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันผู้ร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14 ผู้ร้องจึงไม่อาจฎีกาโต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้อีก และมีผลให้ผู้ร้องจะต้องคืนทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันดังกล่าวแก่ผู้คัดค้านและสิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันนั้นเป็นอันระงับสิ้นไป ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 97 ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้มีประกันเหนือที่ดินโฉนดเลขที่ 12446 ที่จะขอใช้สิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันดังกล่าวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 ได้ และมิใช่กรณีที่ผู้ร้องเลือกใช้สิทธิในฐานะเจ้าหนี้มีประกันยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 96 (3) แต่ขอใช้สิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 ดังที่ผู้ร้องฎีกาแต่อย่างใด ทั้งคำสั่งศาลล้มละลายกลางที่ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอใช้สิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 มิใช่คำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดที่ยกเว้นให้อุทธรณ์ได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 25 อุทธรณ์ของผู้ร้องจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว ผู้ร้องจะอุทธรณ์ได้เมื่อยื่นคำร้องเพื่อขออนุญาตอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมาพร้อมกับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิจารณาอุทธรณ์และคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ของผู้ร้องแล้วเห็นว่า คำสั่งศาลล้มละลายกลางดังกล่าวชอบแล้ว ไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์และมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์ คำสั่งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษดังกล่าวจึงชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 26 แล้ว ฎีกาของผู้ร้องล้วนฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ |