ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




รายงานสืบเสาะและพินิจ, ข้อมูลลับในคดีอาญา, พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร มาตรา 15

  

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

รายงานสืบเสาะและพินิจ, ข้อมูลลับในคดีอาญา, พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร มาตรา 15

"รายงานการสืบเสาะและพินิจ: ข้อมูลลับสำคัญต่อการพิจารณาโทษ ศาลยืนยันไม่อนุญาตให้เปิดเผยเพื่อคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล"

*พนักงานคุมประพฤติจัดทำรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยตามคำสั่งศาลเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับจำเลย รายงานนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียของจำเลย เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และ พ.ร.บ.คุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 30 ซึ่งกำหนดให้ข้อมูลในรายงานดังกล่าวเป็นความลับ และการเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีโทษตามมาตรา 46 นอกจากนี้ รายงานนี้ยังได้รับการยกเว้นจากการเปิดเผยตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15 โดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์คัดถ่ายรายงานดังกล่าว ซึ่งถือว่าชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2996/2567

พนักงานคุมประพฤติจัดทำรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยตามคำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งเป็นผู้พิจารณาพิพากษาคดีโดยได้ดำเนินการแสวงหาและรวบรวมข้อเท็จจริง การวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ถูกสืบเสาะและพินิจแล้วจัดทำรายงานและเสนอความเห็นต่อศาล ซึ่งข้อมูลที่พนักงานคุมประพฤติแสวงหามาได้มีทั้งผลดีและผลร้ายต่อจำเลยเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาพิพากษาหรือดุลพินิจในการกำหนดโทษเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางอาญาของจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 56 และ พ.ร.บ.คุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 30 ข้อเท็จจริงในชั้นพนักงานคุมประพฤติเป็นข้อมูลที่เป็นความลับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.คุมประพฤติ พ.ศ. 2559 ได้กำหนดโทษผู้นำความลับนั้นไปเปิดเผย รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยจึงเป็นข้อมูลที่เป็นความลับและเป็นข้อมูลข่าวสารที่ไม่ต้องเปิดเผยตามมาตรา 15 (2) (3) (4) และ (6) แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์คัดถ่ายรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยจึงชอบแล้ว

*คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 43, 54, 148, 157 ระหว่างพิจารณา นางสาวอุมากร ผู้เสียหาย โดยนายกิตติ บิดาผู้แทนโดยชอบธรรม ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติดำเนินการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้วทำรายงานพร้อมความเห็นเสนอต่อศาล

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4), 54 วรรคหนึ่ง, 148, 157 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี และปรับ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา อันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติของจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง กับให้จำเลยทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่โรงพยาบาลหรือมูลนิธิกู้ภัยตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอคัดถ่ายคำพิพากษาของศาลและรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยเพื่อประกอบการพิจารณาทำความเห็นและคำสั่งในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้คัดถ่ายเฉพาะคำพิพากษา ส่วนรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลย ไม่อนุญาต

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์คัดถ่ายรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยชอบหรือไม่ เห็นว่า พนักงานคุมประพฤติจัดทำรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยตามคำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งเป็นผู้พิจารณาพิพากษาคดีโดยได้ดำเนินการแสวงหาและรวบรวมข้อเท็จจริง การวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ถูกสืบเสาะและพินิจแล้วจัดทำรายงานและเสนอความเห็นต่อศาล ซึ่งข้อมูลที่พนักงานคุมประพฤติแสวงหามาได้มีทั้งผลดีและผลร้ายต่อจำเลยเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาพิพากษาหรือดุลพินิจในการกำหนดโทษเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางอาญาของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 30 ข้อเท็จจริงในชั้นพนักงานคุมประพฤติเป็นข้อมูลที่เป็นความลับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 ได้กำหนดโทษผู้นำความลับนั้นไปเปิดเผย รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยจึงเป็นข้อมูลที่เป็นความลับและเป็นข้อมูลข่าวสารที่ไม่ต้องเปิดเผยตามมาตรา 15 (2) (3) (4) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์คัดถ่ายรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

1.รายงานสืบเสาะและพินิจ

2.ข้อมูลลับในคดีอาญา

3.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

4.พ.ร.บ.คุมประพฤติ มาตรา 30

5.พ.ร.บ.คุมประพฤติ มาตรา 46

6.พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร มาตรา 15

7.โทษรอการลงอาญา

8.คุมประพฤติในคดีอาญา

9.หลักกฎหมายข้อมูลลับ

10.คำพิพากษาศาลฎีกา 

สรุปย่อคำพิพากษา

คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 43, 54, 148, 157 โดยศาลชั้นต้นอนุญาตให้นางสาวอุมากร ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องเข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจก่อนมีคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 43 (4), 54 วรรคหนึ่ง, 148, 157 ศาลลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส (บทที่มีโทษหนักสุดตามมาตรา 90) จำคุก 1 ปี ปรับ 40,000 บาท แต่จำเลยรับสารภาพ ศาลลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ให้คุมประพฤติ 1 ปี ต้องรายงานตัว 4 ครั้ง และทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมงตามมาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับ ให้ดำเนินการตามมาตรา 29, 30

คำร้องคัดถ่ายรายงานการสืบเสาะและพินิจ

โจทก์ยื่นคำร้องขอคัดถ่ายคำพิพากษาและรายงานการสืบเสาะและพินิจ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้คัดถ่ายเฉพาะคำพิพากษา แต่ไม่อนุญาตคัดถ่ายรายงานดังกล่าว

ศาลอุทธรณ์ภาค 8

พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

คำวินิจฉัยศาลฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่ารายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยเป็นข้อมูลที่พนักงานคุมประพฤติจัดทำตามคำสั่งศาล ประกอบด้วยข้อมูลทั้งที่เป็นผลดีและผลเสียต่อจำเลย เพื่อใช้พิจารณาโทษตามมาตรา 56 และพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 30 โดยข้อมูลดังกล่าวถือเป็นความลับตามมาตรา 46 และไม่ต้องเปิดเผยตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15 ศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้คัดถ่ายรายงานดังกล่าวกระทำโดยชอบ ฎีกาของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกา

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

***อธิบายหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

มาตรา 56 ให้อำนาจศาลกำหนดโทษรอการลงโทษและคุมความประพฤติของจำเลยในคดีอาญา หากเห็นว่าจำเลยกระทำผิดโดยไม่ร้ายแรงและสมควรให้โอกาสกลับตัว ศาลสามารถสั่งให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไข เช่น รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ หรือทำงานบริการสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมของจำเลยแทนการลงโทษจำคุก

พระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 30

มาตรา 30 กำหนดให้พนักงานคุมประพฤติจัดทำรายงานสืบเสาะและพินิจเกี่ยวกับจำเลยเพื่อนำเสนอศาล รายงานนี้ต้องรวบรวมข้อมูลด้านพฤติกรรม ชีวิตความเป็นอยู่ ความคิดเห็นจากชุมชน และข้อเท็จจริงอื่น ๆ เพื่อให้ศาลมีข้อมูลครบถ้วนในการพิจารณาคดีหรือกำหนดโทษ รายงานดังกล่าวมีลักษณะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาคดีและมีความสำคัญต่อการตัดสินโทษที่เหมาะสม

พระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 46

มาตรา 46 กำหนดให้ข้อมูลในรายงานสืบเสาะและพินิจถือเป็นข้อมูลลับ การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตมีบทลงโทษทางกฎหมาย เนื่องจากข้อมูลนี้อาจกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของจำเลยหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง การคุ้มครองข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นการรักษาสมดุลระหว่างกระบวนการยุติธรรมและความเป็นส่วนตัว

พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15

มาตรา 15 ระบุข้อยกเว้นในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น ข้อมูลที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือสิทธิส่วนบุคคลของบุคคลอื่น ในกรณีนี้ รายงานการสืบเสาะและพินิจถือเป็นข้อมูลที่ได้รับการคุ้มครองตามข้อยกเว้นในมาตรา 15 (2), (3), (4), และ (6) เนื่องจากเป็นข้อมูลลับที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาและอาจกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของจำเลย

การประยุกต์ใช้ในบทความ

ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้ใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้คัดถ่ายรายงานสืบเสาะและพินิจ โดยอ้างอิงถึงมาตรา 46 ของ พ.ร.บ.คุมประพฤติ และมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ซึ่งระบุว่าเป็นข้อมูลลับที่ไม่ต้องเปิดเผย การตัดสินนี้สะท้อนถึงหลักการคุ้มครองข้อมูลลับในกระบวนการยุติธรรมและการคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของจำเลยควบคู่กับความยุติธรรมในกระบวนการพิจารณาคดี

***รายงานการสืบเสาะและพินิจ: ความสำคัญและกระบวนการ

ความหมายของรายงานการสืบเสาะและพินิจ

รายงานการสืบเสาะและพินิจเป็นเอกสารที่จัดทำโดยพนักงานคุมประพฤติภายใต้คำสั่งของศาล ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยในคดีอาญา รายงานนี้ประกอบด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรม สภาพชีวิต ความคิดเห็นของบุคคลในชุมชน และข้อมูลอื่น ๆ ที่ศาลเห็นว่าจำเป็นต่อการพิจารณาพิพากษาคดี โดยรายงานนี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการใช้ดุลพินิจของศาลในการกำหนดโทษหรือเงื่อนไขการคุมประพฤติ

กระบวนการจัดทำรายงานการสืบเสาะและพินิจ

1.คำสั่งศาล ศาลจะออกคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติทำการสืบเสาะและพินิจจำเลยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อการพิจารณาคดี โดยเฉพาะในกรณีที่ศาลพิจารณาระงับโทษหรือกำหนดโทษรอการลงโทษ

2.การเก็บรวบรวมข้อมูล พนักงานคุมประพฤติจะดำเนินการสัมภาษณ์จำเลย ครอบครัว และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการตรวจสอบเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ เช่น ประวัติการทำงาน ประวัติการศึกษา และพฤติกรรมทางสังคม

3.การวิเคราะห์และประเมินผล ข้อมูลที่รวบรวมได้จะถูกวิเคราะห์เพื่อประเมินความเสี่ยง ความเหมาะสมของการคุมประพฤติ และแนวทางการปรับปรุงพฤติกรรมของจำเลย ข้อมูลนี้จะถูกนำเสนอในรูปแบบรายงานที่มีความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อศาล

4.การส่งรายงานต่อศาล รายงานการสืบเสาะและพินิจจะถูกส่งให้ศาลเพื่อประกอบการพิจารณา โดยข้อมูลในรายงานนี้จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียของจำเลย ซึ่งช่วยให้ศาลสามารถพิจารณาโทษที่เหมาะสมได้อย่างรอบคอบ

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มาตรา 56 ให้อำนาจศาลสั่งรอการลงโทษหรือกำหนดเงื่อนไขการคุมประพฤติแก่จำเลย โดยรายงานการสืบเสาะและพินิจมีบทบาทสำคัญในการประกอบการตัดสินใจของศาล

2.พระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 30 กำหนดให้พนักงานคุมประพฤติจัดทำรายงานการสืบเสาะและพินิจเพื่อสนับสนุนการพิจารณาของศาล โดยต้องรวบรวมข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะที่เหมาะสม

3.พระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 46 กำหนดให้ข้อมูลในรายงานการสืบเสาะและพินิจถือเป็นความลับ และห้ามเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของจำเลย

ความสำคัญของรายงานการสืบเสาะและพินิจ

1.ช่วยในการกำหนดโทษที่เหมาะสม รายงานนี้ช่วยให้ศาลมีข้อมูลที่ครบถ้วนในการพิจารณาว่าจำเลยควรได้รับโทษในลักษณะใด เช่น การรอการลงโทษ การคุมประพฤติ หรือการกำหนดโทษอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์

2.ส่งเสริมการแก้ไขพฤติกรรม รายงานนี้มีข้อมูลที่ช่วยให้ศาลพิจารณามาตรการปรับปรุงพฤติกรรมของจำเลย เช่น การกำหนดให้จำเลยทำงานบริการสังคม หรือการเข้ารับการบำบัดรักษา

3.ปกป้องสิทธิของจำเลย การกำหนดให้ข้อมูลในรายงานนี้เป็นความลับช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวของจำเลยถูกนำไปใช้ในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย

บทสรุป

รายงานการสืบเสาะและพินิจเป็นเครื่องมือสำคัญที่สนับสนุนการพิจารณาคดีในกระบวนการยุติธรรม โดยช่วยให้ศาลมีข้อมูลครบถ้วนและสามารถตัดสินโทษได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การจัดทำรายงานนี้ยังต้องคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและสิทธิของจำเลย เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างความยุติธรรมและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน




คดีเกี่ยวกับจราจรทางบก

จอดรถกีดขวางทางจราจร
ความประมาทที่ไม่ร้ายแรงรอการลงโทษจำคุก
ขับขี่รถโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อน
ความผิดจราจรทางบก รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย
ฟ้องจอดรถโดยประมาท
ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ,ไม่มีใบอนุญาตขับขี่,โทษ
ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย รับสารภาพจำคุก 1 ปี
การขับรถโดยประมาท จอดรถริมถนน
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูแลรักษาผู้ป่วยเรียกได้หรือไม่?
เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเมา โทษของเมาแล้วขับหนักเบาอย่างไร?