
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5650/2567: สิทธิขอรับเงินรางวัลทนายความในคดีที่มีโทษเพียงปรับ
บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสิทธิของทนายความขอแรงในการขอรับเงินรางวัลในคดีอาญาที่มีโทษเพียงปรับ โดยศาลวินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 มีเจตนารมณ์เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่จำเลยในคดีที่มีโทษประหารชีวิตหรือโทษจำคุกเท่านั้น คดีนี้ซึ่งมีโทษเพียงปรับไม่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งจ่ายเงินรางวัลให้แก่ทนายความ
สรุปข้อเท็จจริงของคดี •ข้อกล่าวหา: โจทก์ฟ้องจำเลยฐานกระทำผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 ซึ่งมีโทษปรับเพียงสถานเดียว •การแต่งตั้งทนายความ: ก่อนเริ่มพิจารณา จำเลยร้องขอให้ศาลตั้งทนายความ ศาลชั้นต้นแต่งตั้งผู้ร้องเป็นทนายความขอแรง •คำร้องขอเงินรางวัล: หลังศาลพิพากษาลงโทษจำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับเงินรางวัลทนายความ •คำสั่งศาลชั้นต้น: ยกคำร้อง เนื่องจากคดีไม่มีโทษจำคุกตามกฎหมาย •คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2: พิพากษายืน •ฎีกา: ผู้ร้องฎีกาขอให้มีการจ่ายเงินรางวัลทนายความ
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา 1.เจตนารมณ์ของมาตรา 173 ป.วิ.อ. oวรรคหนึ่ง: สำหรับคดีที่มีโทษประหารชีวิต หรือจำเลยอายุต่ำกว่า 18 ปี oวรรคสอง: สำหรับคดีที่มีโทษจำคุก หากจำเลยต้องการทนายความ oจุดมุ่งหมายเพื่อให้จำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ในคดีร้ายแรงหรือซับซ้อน 2.การใช้ในคดีนี้ oคดีนี้มีโทษเพียงปรับไม่เกิน 4,000 บาท ไม่มีโทษจำคุก oคดีประเภทนี้มักไม่ซับซ้อน ศาลสามารถไต่สวนและหาข้อเท็จจริงได้ง่าย oจำเลยยังสามารถเลือกชำระค่าปรับหรือทำงานบริการสังคมแทนได้ 3.ข้อสรุปของศาลฎีกา oศาลไม่มีอำนาจสั่งจ่ายเงินรางวัลแก่ทนายความขอแรงในคดีที่ไม่มีโทษจำคุกหรือประหารชีวิต oการนำมาตรา 173 มาเทียบเคียงเพื่อจ่ายเงินในกรณีนี้ไม่อาจทำได้ oฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย •หลักการตีความมาตรา 173 ป.วิ.อ. oเป็นบทบัญญัติที่มุ่งคุ้มครองสิทธิจำเลยในคดีร้ายแรง oมีผลโดยตรงต่อสิทธิได้รับทนายความจากรัฐ oไม่ขยายความไปถึงคดีที่มีโทษเพียงปรับ เพราะขัดเจตนารมณ์ของกฎหมาย •ผลทางปฏิบัติสำหรับทนายความขอแรง oทนายความควรตรวจสอบประเภทโทษก่อนรับแต่งตั้ง oการขอรับเงินรางวัลต้องอยู่ในขอบเขตคดีที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
ข้อคิดทางกฎหมาย •การตีความบทบัญญัติด้านสิทธิจำเลยต้องยึดเจตนารมณ์กฎหมายเป็นหลัก •ทนายความขอแรงไม่สามารถเรียกร้องค่าตอบแทนในคดีที่ไม่มีโทษจำคุกหรือโทษประหารชีวิต •เป็นแนวปฏิบัติสำคัญในการบริหารงบประมาณยุติธรรมและลดการใช้ทรัพยากรในคดีเล็กน้อย
สรุปภาษาอังกฤษ The Supreme Court Decision No. 5650/2567 addressed whether a court-appointed defense lawyer is entitled to receive a fee in a case punishable only by a fine. The Court held that Section 173 of the Criminal Procedure Code applies only to cases punishable by death or imprisonment. Since this traffic offense carried only a fine and no imprisonment, the lawyer was not entitled to such payment. The judgment reaffirms that state-appointed counsel fees are limited to serious criminal cases.
สรุปย่อฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มาตรา 173 ป.วิ.อ. ให้อำนาจศาลแต่งตั้งทนายความเฉพาะคดีที่มีโทษประหารชีวิตหรือจำคุก เพื่อให้จำเลยได้รับความช่วยเหลือเต็มที่ คดีนี้มีเพียงโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท ไม่มีโทษจำคุก จึงไม่เข้าเกณฑ์กฎหมายและศาลไม่มีอำนาจสั่งจ่ายเงินรางวัลทนายความ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว และฎีกาฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5650/2567 ป.วิ.อ. มาตรา 173 มีเจตนารมณ์เพื่อให้จำเลยมีทนายความช่วยเหลือไม่เสียเปรียบในการต่อสู้คดีเฉพาะคดีที่เป็นความผิดมีอัตราโทษประหารชีวิตหรือจำคุกอันเป็นการให้โอกาสจำเลยในการต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่เท่านั้น เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 ซึ่งมีระวางโทษปรับเพียงสถานเดียว ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งจ่ายเงินตามคำร้องของผู้ร้อง กรณีไม่อาจนำ ป.วิ.อ. มาตรา 173 มาเทียบเคียงเพื่อจ่ายเงินรางวัลทนายความให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอรับเงินรางวัลทนายความ
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 ก่อนเริ่มพิจารณา จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นตั้งทนายความให้ ศาลชั้นต้นตั้งผู้ร้องเป็นทนายความให้จำเลย เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องแล้ววันที่ 22 ธันวาคม 2565 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจ่ายเงินรางวัลทนายความแก่ตน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ไม่มีอัตราโทษจำคุกตามกฎหมายจึงไม่อาจจ่ายเงินรางวัลแก่ทนายความขอแรงได้ ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิได้รับเงินรางวัลทนายความหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่จำเลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่ถูกฟ้องต่อศาล ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้ศาลตั้งทนายความให้" และวรรคสอง บัญญัติว่า "ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุก ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการทนายความ ก็ให้ศาลตั้งทนายความให้" บทบัญญัติดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อให้จำเลยมีทนายความช่วยเหลือไม่เสียเปรียบในการต่อสู้คดีเฉพาะคดีที่เป็นความผิดมีอัตราโทษประหารชีวิตหรือจำคุกอันเป็นการให้โอกาสจำเลยในการต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่เท่านั้น ส่วนคดีนี้มีโทษปรับเพียงสถานเดียวแม้เป็นโทษทางอาญาอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 ด้วยก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่คดีที่มีความสลับซับซ้อนและศาลทำการไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเองได้ง่าย ทั้งหากฟังว่าจำเลยกระทำผิดจริง จำเลยก็ยังมีทางเลือกที่จะชำระค่าปรับหรือทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับได้ เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 ซึ่งมีระวางโทษเพียงปรับไม่เกินสี่พันบาท ไม่มีระวางโทษจำคุก เมื่อโทษดังกล่าวมิใช่โทษประหารชีวิตหรือจำคุกตามที่กฎหมายให้อำนาจศาลสั่งจ่ายเงินรางวัลแก่ทนายความได้ ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งจ่ายเงินตามคำร้องของผู้ร้อง กรณีไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 มาเทียบเคียงเพื่อจ่ายเงินรางวัลทนายความให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอรับเงินรางวัลทนายความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกอุทธรณ์ของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
IRAC Analysis Issue (ประเด็นปัญหา) ผู้ร้องซึ่งเป็นทนายความขอแรง มีสิทธิขอรับเงินรางวัลทนายความในคดีที่มีโทษเพียงปรับหรือไม่ Rule (กฎหมายที่ใช้บังคับ) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 กำหนดให้ศาลแต่งตั้งทนายความและมีสิทธิรับเงินรางวัลเฉพาะคดีที่มีโทษประหารชีวิต หรือโทษจำคุก (รวมถึงกรณีจำเลยอายุต่ำกว่า 18 ปี) Application (การปรับใช้กฎหมายกับข้อเท็จจริง) คดีนี้เป็นคดีฝ่าฝืน พ.ร.บ.จราจรทางบก มีโทษเพียงปรับไม่เกิน 4,000 บาท ไม่มีโทษจำคุกหรือประหารชีวิต แม้จะมีการแต่งตั้งทนายความขอแรง แต่ไม่เข้าเงื่อนไขมาตรา 173 และไม่อาจนำบทบัญญัตินี้มาเทียบเคียงเพื่อจ่ายเงินรางวัลได้ Conclusion (ข้อสรุป)
ผู้ร้องไม่มีสิทธิได้รับเงินรางวัลทนายความ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ |