
การกักกันตามมาตรา 41(8) มาตรการเพื่อความปลอดภัยในคดีเกี่ยวกับทรัพย์
บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกาหลายคดีได้อธิบายหลักการ “การกักกันตามมาตรา 41(8)” ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็น มาตรการเพื่อความปลอดภัย (Measures of Safety) ที่ศาล อาจสั่งเพิ่มเติม จากโทษจำคุกในคดีหลัก เพื่อควบคุมและฟื้นฟูผู้กระทำผิดติดนิสัย โดยเฉพาะในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เช่น ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ หรือรับของโจร มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดโอกาสการกระทำผิดซ้ำ และให้ผู้ต้องกักกันได้รับการฝึกอาชีพและแก้ไขพฤติกรรม
สถานะทางกฎหมายของการกักกัน •การกักกันตามมาตรา 41 ไม่ใช่ “โทษทางอาญา” แต่เป็น มาตรการเพื่อความปลอดภัย •ศาลสามารถสั่งเพิ่มเติมจากโทษจำคุกได้ หากจำเลยเข้าเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด •การกักกันมีลักษณะเป็นการกักตัวไว้ในสถานที่ที่กำหนด เพื่อป้องกันมิให้กระทำผิดซ้ำ พร้อมแก้ไขนิสัยและฝึกอาชีพ
เงื่อนไขสำคัญในการสั่งกักกันตาม มาตรา 41(8) การที่ศาลจะสั่งกักกันผู้กระทำผิดได้ ต้องมีองค์ประกอบครบดังนี้ 1.ประวัติเดิม – เคยถูกกักกันหรือจำคุกอย่างน้อย 2 ครั้ง และแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า 6 เดือน สำหรับความผิดตามบัญชี (1)–(8) ในมาตรา 41 2.กรอบเวลา – กระทำผิดใหม่ภายใน 10 ปี นับจากวันที่พ้นการกักกันหรือพ้นโทษจำคุกเดิม 3.ความผิดใหม่ – ต้องเป็นความผิดในกลุ่มเดียวกัน และในข้อ (8) คือ “ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์” ตาม มาตรา 334–340, 354, 357 เช่น ลักทรัพย์ วิ่งราว ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ รับของโจร 4.โทษคดีใหม่ – ศาลพิพากษาจำคุกไม่น้อยกว่า 6 เดือน จึงจะเข้าหลัก “ผู้กระทำผิดติดนิสัย” และศาลมีอำนาจสั่งกักกัน 3–10 ปีได้ตามดุลพินิจ หมายเหตุ: การกระทำเมื่อผู้กระทำยังไม่ครบ 17 ปี จะไม่นำมานับเป็นพื้นฐานในการสั่งกักกัน
วิธีการนับเวลาและการบังคับใช้ •หากศาลพิพากษาจำคุกและสั่งกักกัน ให้ รับโทษจำคุกก่อน จากนั้นจึงเริ่มนับเวลาการกักกัน •ระยะเวลาการกักกันอยู่ระหว่าง 3–10 ปี และเริ่มนับ “วันถัดจากพ้นโทษจำคุก” •พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องขอกักกันได้ทั้งพร้อมคดีหลักหรือภายหลังก็ได้
ตัวอย่างแนวฎีกา หากจำเลยเคยต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป 2 ครั้ง ในคดีลักทรัพย์ และภายใน 10 ปีมากระทำผิดลักทรัพย์อีกจนถูกจำคุกไม่น้อยกว่า 6 เดือน ศาลสามารถถือว่าจำเลยเป็น “ผู้กระทำผิดติดนิสัย” และสั่งกักกันเพิ่มเติมได้ตามมาตรา 41(8)
ข้อคิดทางกฎหมาย มาตรา 41(8) เป็นเครื่องมือของศาลในการป้องกันสังคมจากผู้กระทำผิดที่มีพฤติกรรมซ้ำซากในคดีทรัพย์ ซึ่งมีผลกระทบต่อความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของประชาชน การสั่งกักกันนอกจากจะควบคุมตัวผู้กระทำผิดแล้ว ยังเป็นโอกาสในการฟื้นฟูและปรับพฤติกรรมเพื่อให้กลับเข้าสู่สังคมอย่างปลอดภัย
สรุปสั้น ๆ ก่อน: “การกักกันตามมาตรา 41(8)” คือ มาตรการเพื่อความปลอดภัย (ไม่ใช่โทษจำคุกเพิ่ม) ที่ศาล อาจ สั่งกักตัว “ผู้กระทำความผิดติดนิสัย” ไว้เป็นเวลา 3–10 ปี หลังพ้นโทษจำคุกของคดีปัจจุบัน โดยเน้นฟื้นฟู แก้นิสัย และฝึกอาชีพ เพื่อลดการกระทำผิดซ้ำ โดยข้อ (8) ใช้กับ “คดีเกี่ยวกับทรัพย์” เช่น ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ รับของโจร เป็นต้น. การกักกันตาม ม.41(8) คืออะไร •สถานะทางกฎหมาย: จัดเป็น “มาตรการเพื่อความปลอดภัย” (Measures of Safety) ไม่ใช่โทษอาญา จึงสั่ง เพิ่มจากโทษจำคุกได้ เมื่อเข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย. •ความหมายของการกักกัน (Restriction): การกักตัวผู้กระทำผิดติดนิสัยไว้ในเขตที่กำหนด เพื่อป้องกันมิให้ทำผิดซ้ำ แก้ไขนิสัย และฝึกอาชีพ. เงื่อนไขสำคัญที่ศาลจะสั่งกักกันได้ (โฟกัส ม.41(8)) ต้องครบองค์ประกอบต่อไปนี้ 1.ประวัติเดิม: เคยถูก “กักกัน” หรือเคยถูกจำคุก อย่างน้อย 2 ครั้ง และแต่ละครั้ง ไม่น้อยกว่า 6 เดือน สำหรับความผิดตามบัญชี (1)–(8) ในมาตรา 41. 2.กรอบเวลา: ตั้งแต่พ้นการกักกัน/พ้นโทษเดิม ไม่เกิน 10 ปี มากระทำผิดอีก. 3.คดีใหม่ต้องเป็นความผิดในกลุ่มเดียวกัน และในข้อ (8) คือ “ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์” ตาม มาตรา 334–340, 354, 357 (เช่น ลักทรัพย์, วิ่งราว, ชิงทรัพย์, ปล้นทรัพย์, ทำให้เสียทรัพย์, รับของโจร). 4.โทษคดีใหม่: ศาลพิพากษาจำคุก ไม่น้อยกว่า 6 เดือน สำหรับคดีใหม่นั้น จึงจะถือเป็นผู้กระทำผิดติดนิสัยและ ศาลอาจ สั่งกักกัน 3–10 ปี ได้ (ดุลพินิจศาล). หมายเหตุ: การกระทำเมื่อผู้กระทำ ยังไม่ครบ 17 ปี ไม่นำมานับเป็นพื้นฐานสั่งกักกัน. การบังคับและการนับเวลา •หากคดีมีทั้งโทษจำคุกและคำสั่งกักกัน ให้ รับโทษจำคุกก่อน จากนั้นจึงเริ่มนับระยะเวลากักกัน (กักกัน 3–10 ปี เริ่มนับ “วันถัดจากพ้นโทษ”). •อำนาจฟ้องขอกักกัน เป็นอำนาจพนักงานอัยการ จะขอพร้อมคดีหลักหรือภายหลังก็ได้. ตัวอย่างการใช้ (แนวฎีกาให้เห็นภาพ)
หากจำเลยเคยต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป 2 ครั้ง ในคดีเกี่ยวกับทรัพย์ และภายใน 10 ปี มากระทำลักทรัพย์อีกจนศาลลงโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 6 เดือน ศาลมีอำนาจถือว่าเป็น “ผู้กระทำผิดติดนิสัย” และ สั่งกักกัน เพิ่มได้ (แนววินิจฉัยฎีกาเกี่ยวกับ ม.41). |