ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




(ฎีกา 1001/2568) แจ้งวันนัดผิดขั้นตอน & สิทธิอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกา, 1001/2568, ป.วิ.พ. มาตรา 74, ป.วิ.พ. มาตรา 79, สิทธิอุทธรณ์, แจ้งวันนัด, ครอบครองปรปักษ์, การอ่านคำพิพากษา, ขั้นตอนผิดพลาด, วิเคราะห์คดี, แนวคำพิพากษา

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ 


บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประเด็นการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยศาลชั้นต้นใช้วิธีปิดประกาศแทนการส่งหมายนัด ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 74 และ 79 ส่งผลให้สิทธิในการอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาใหม่เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความ


ข้อเท็จจริงของคดี

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 76116

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นสืบพยานเสร็จและนัดฟังคำสั่ง

ศาลเลื่อนนัดจาก 16 พ.ย. 2565 ไปเป็น 13 ธ.ค. 2565 แต่ใช้วิธีปิดประกาศแทนการส่งหมายนัด

ผู้คัดค้านไม่ได้มาฟังคำพิพากษาเพราะไม่ทราบวันนัด ศาลชั้นต้นถือว่าการอ่านคำพิพากษาชอบแล้ว

ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์ แต่ถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยก

ผู้คัดค้านฎีกา


คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

การแจ้งนัดโดยปิดประกาศแทนการส่งหมายนัด ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 74 และ 79

กระบวนการอ่านคำพิพากษาที่ทำต่อผู้คัดค้านจึงไม่ชอบ

ระยะเวลาอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ และไม่จำเป็นต้องขยายเวลาอุทธรณ์

ศาลสั่งให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาใหม่ให้ผู้คัดค้านฟังโดยชอบ


วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

1. วิธีการแจ้งนัดฟังคำพิพากษา

ป.วิ.พ. มาตรา 74 กำหนดให้ใช้การส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักงานเป็นอันดับแรก

การข้ามขั้นตอนแล้วไปปิดประกาศทันทีถือว่าผิดขั้นตอน

2. ผลของการแจ้งนัดผิดขั้นตอน

ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 79

การอ่านคำพิพากษาถือว่าไม่สมบูรณ์

สิทธิอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ

3. หลักการคุ้มครองสิทธิในการอุทธรณ์

ศาลฎีกาเน้นย้ำว่า สิทธิอุทธรณ์เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคู่ความ

ศาลต้องตีความเพื่อคุ้มครองสิทธิ ไม่ใช่ตีความให้สิทธิดับไปเพราะขั้นตอนผิดพลาด


สรุปข้อคิดทางกฎหมาย

1. ศาลต้องเคร่งครัดต่อขั้นตอนการส่งหมายนัดเพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความ

2. การปิดประกาศเป็นวิธีรอง ใช้ได้เมื่อส่งโดยวิธีธรรมดาแล้วไม่ได้ผล

3. สิทธิอุทธรณ์เริ่มนับเมื่อมีการอ่านคำพิพากษาโดยชอบเท่านั้น

4. คำพิพากษานี้ตอกย้ำความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาอย่างเคร่งครัด


IRAC Analysis

Issue (ประเด็น):

ศาลชั้นต้นแจ้งนัดฟังคำพิพากษาด้วยการปิดประกาศแทนการส่งหมายนัด ถือว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสิทธิอุทธรณ์เริ่มนับเมื่อใด

Rule (กฎหมายที่ใช้):

ป.วิ.พ. มาตรา 74: การส่งหมายนัดต้องทำโดยส่งไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักงานของคู่ความก่อน

ป.วิ.พ. มาตรา 79: การปิดประกาศใช้ได้เมื่อไม่สามารถส่งโดยวิธีธรรมดา

ป.วิ.พ. มาตรา 27: การอ่านคำพิพากษาต้องทำโดยชอบเพื่อให้ระยะเวลาอุทธรณ์เริ่มนับ

Application (การปรับใช้กฎหมาย):

ศาลชั้นต้นไม่ได้ส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาของผู้คัดค้านก่อน แต่เลือกใช้วิธีปิดประกาศทันที

ถือเป็นการละเมิดขั้นตอนกฎหมาย ขัดต่อมาตรา 74 และ 79

การอ่านคำพิพากษาจึงไม่สมบูรณ์ สิทธิอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ

Conclusion (ข้อสรุป):

การแจ้งนัดของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาสั่งให้อ่านคำพิพากษาใหม่ และยืนยันว่าระยะเวลาอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ


English Summary

The Supreme Court Decision No. 1001/2025 concerns the improper notification of a hearing date. The trial court notified the defendant by public posting instead of serving notice directly, violating Sections 74 and 79 of the Civil Procedure Code. The Court ruled that the judgment reading was invalid, the appeal period had not started, and the lower court must re-read the judgment properly to protect the defendant’s right to appeal.


ประเด็นสำคัญที่สุดของ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2568 คือเรื่อง ขั้นตอนการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลฎีกาได้อธิบายโดยอ้างถึงบทบัญญัติสำคัญดังนี้ •	ป.วิ.พ. มาตรา 74 → กำหนดให้ต้องส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักงานของคู่ความก่อน ถือเป็นวิธีการปกติ •	ป.วิ.พ. มาตรา 79 → การปิดประกาศใช้ได้เฉพาะเมื่อไม่สามารถส่งโดยวิธีธรรมดาได้ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นข้ามขั้นตอนไปใช้วิธีปิดประกาศทันที ถือว่าผิดขั้นตอน ขัดต่อกฎหมาย และมีผลต่อสิทธิการอุทธรณ์

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2568

การแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบ ศาลชั้นต้นชอบที่จะส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของผู้คัดค้านหรือทนายความของผู้คัดค้าน ซึ่งถือว่าเป็นการส่งโดยวิธีธรรมดาก่อนตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 74 บัญญัติไว้ การที่ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยปิดประกาศไว้ที่หน้าศาลโดยมิได้ส่งหมายนัดดังกล่าวให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีธรรมดาก่อนจึงเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนของกฎหมาย ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 79 ทำให้การประกาศแจ้งวันนัดดังกล่าวไม่ชอบ อันมีผลทำให้กระบวนพิจารณาต่าง ๆ เฉพาะส่วนของผู้คัดค้านที่กระทำภายหลังจากนั้นไม่ชอบไปด้วย กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 13 ธันวาคม 2565 แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ชอบที่จะมีคำพิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบ แล้วอ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังใหม่ต่อไปตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 27 บัญญัติให้อำนาจไว้ และระยะเวลาอุทธรณ์จะเริ่มนับต่อเมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังโดยชอบเท่านั้น เมื่อการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ผู้คัดค้านฟังเป็นไปโดยไม่ชอบ ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของผู้คัดค้านจึงยังไม่เริ่มนับ และยังไม่มีกรณีที่ศาลจะต้องขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้แก่ผู้คัดค้านแต่อย่างใด


คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 76116 บางส่วนโดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานผู้ร้องและผู้คัดค้านจนเสร็จและนัดฟังคำสั่งในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา 9 นาฬิกา ถึงวันนัดศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า นัดฟังคำสั่งวันนี้ ทนายผู้ร้องมาศาล ส่วนผู้คัดค้านทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา เนื่องจากการพิจารณาทำคำสั่งยังไม่แล้วเสร็จ จึงให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งวันที่ 13 ธันวาคม 2565 เวลา 9 นาฬิกา ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้ผู้คัดค้านทราบที่หน้าศาล เมื่อถึงวันนัดวันที่ 13 ธันวาคม 2565 เวลา 9 นาฬิกา ผู้ร้องและทนายผู้ร้องมาศาล ส่วนผู้คัดค้านไม่มา ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาให้ผู้ร้องฟังและถือว่าได้อ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังตามกฎหมายแล้ว โดยศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทตามแนวเขตที่ดินที่ผู้ร้องนำรังวัด เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ 3 งาน 00.6 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก


วันที่ 16 มกราคม 2566 ผู้คัดค้านยื่นคำร้องอ้างว่า เดิมศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา 9 นาฬิกา ในวันดังกล่าวทนายผู้คัดค้านมาศาล เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์แจ้งว่าสำนวนศาลอุทธรณ์ (ที่ถูก สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5) ยังไม่ส่งกลับมา หากกลับมาจะแจ้งให้ทราบ ทนายผู้คัดค้านจึงรีบเดินทางกลับเพราะมีธุระเตรียมคดีอื่น ในวันยื่นคำร้องนี้จึงตรวจพบว่าศาลอ่านคำพิพากษาไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 โดยศาลปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบที่หน้าศาล ผู้คัดค้านไม่มีเจตนาที่จะไม่มาฟังคำพิพากษาแต่เป็นเพราะไม่ทราบวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาเนื่องจากศาลไม่มีหมายนัดแจ้งให้ผู้คัดค้านมาฟัง จึงขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอ่านคำพิพากษาให้ผู้ร้องฟังและถือว่าได้อ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังวันที่ 13 ธันวาคม 2565 จึงพ้นกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ผู้คัดค้านไม่อาจขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ ยกคำร้อง

ผู้คัดค้านอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

ผู้คัดค้านฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านที่อุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายให้แก่ผู้คัดค้าน ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 เป็นการไม่ชอบนั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของผู้คัดค้านได้บรรยายเหตุที่ผู้คัดค้านไม่มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 13 ธันวาคม 2565 ไว้แล้วว่า ผู้คัดค้านไม่มีเจตนาที่จะไม่มาฟังคำพิพากษาแต่เป็นเพราะไม่ทราบวันที่ศาลนัดเนื่องจากศาลไม่มีหมายนัดแจ้งให้ผู้คัดค้านมาฟัง โดยศาลปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบที่หน้าศาล จึงขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน ดังนี้ ถือว่าผู้คัดค้านได้ยกปัญหาที่ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายให้แก่ผู้คัดค้านขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งปัญหาว่าศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายให้แก่ผู้คัดค้านเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านในประเด็นนี้จึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น และเมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว เพื่อไม่ให้คดีล่าช้า ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไปเสียทีเดียว โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยใหม่ เห็นว่า การแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบ ศาลชั้นต้นชอบที่จะส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของผู้คัดค้านหรือทนายความของผู้คัดค้าน ซึ่งถือว่าเป็นการส่งโดยวิธีธรรมดาก่อนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 บัญญัติไว้ การที่ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยปิดประกาศไว้ที่หน้าศาลโดยมิได้ส่งหมายนัดดังกล่าวให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีธรรมดาก่อนจึงเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนของกฎหมาย ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ทำให้การประกาศแจ้งวันนัดดังกล่าวไม่ชอบ อันมีผลทำให้กระบวนพิจารณาต่าง ๆ เฉพาะส่วนของผู้คัดค้านที่กระทำภายหลังจากนั้นไม่ชอบไปด้วย อุทธรณ์ของผู้คัดค้านฟังขึ้น กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 13 ธันวาคม 2565 แล้ว เช่นนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ชอบที่จะมีคำพิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบ แล้วอ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังใหม่ต่อไปตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 บัญญัติให้อำนาจไว้ และระยะเวลาอุทธรณ์จะเริ่มนับต่อเมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังโดยชอบเท่านั้น เมื่อการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ผู้คัดค้านฟังเป็นไปโดยไม่ชอบ ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของผู้คัดค้านจึงยังไม่เริ่มนับ และยังไม่มีกรณีที่ศาลจะต้องขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้แก่ผู้คัดค้านแต่อย่างใด เมื่อได้วินิจฉัยดังนี้แล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านข้ออื่นจึงไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้แจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีปิดประกาศที่หน้าศาลและการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเฉพาะในส่วนที่อ่านให้ผู้คัดค้านฟัง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการอ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ


 

1.	วิธีการแจ้งนัดฟังคำพิพากษา •	ต้องส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักงานก่อน •	การปิดประกาศทันทีถือว่าผิดขั้นตอน 2.	ผลของการแจ้งนัดผิดขั้นตอน •	ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 79 •	การอ่านคำพิพากษาไม่สมบูรณ์ สิทธิอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ 3.	หลักการคุ้มครองสิทธิ •	สิทธิอุทธรณ์เป็นสิทธิพื้นฐาน ศาลต้องตีความเพื่อคุ้มครอง ไม่ใช่ทำให้สิทธิดับเพราะขั้นตอนผิดพลาด




เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความแพ่ง

คดีหย่า & ฟ้องซ้อนตามกฎหมาย, การฟ้องหย่าซ้ำเหตุเดียวกัน
ขอบเขตอุทธรณ์เมื่อจำเลยขาดยื่นคำให้การ และอัตราดอกเบี้ยผิดนัดใหม่ (ฎีกา 5222/2567)
(ฎีกา 181/2568) สิทธิรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น
(ฎีกา 1932/2568) ยกเว้นค่าธรรมเนียมคดีผู้บริโภค & อุทธรณ์
การขัดกันของคำพิพากษาศาลฎีกาและอำนาจร้องในคดีแพ่ง(ฎีกาที่ 3196/2567)
(ฎีกาที่ 3670/2567) การขยายระยะเวลาอุทธรณ์เพื่อความเป็นธรรม และอำนาจทั่วไปของศาล
(ฎีกาที่ 3737/2567) ประเด็นค่าฤชาธรรมเนียมในคดีผู้บริโภคและเงื่อนไขการอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4011/2567 เรื่องการท้าพิสูจน์ลายมือชื่อในคดีสัญญากู้เงิน-(คำท้า)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4052/2567: คดีพิพาทที่ดินกับกรมทางหลวงและการรับฟังพยานหลักฐานโดยศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4208/2567: ข้อบกพร่องในการวินิจฉัยประเด็นฟ้องแย้งและอำนาจของศาลฎีกาในการยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4637/2567: กระบวนพิจารณาไม่ชอบเพราะไม่แจ้งวันนัดสืบพยานให้คู่ความที่ขาดนัดยื่นคำให้การ
การฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง: หลักเกณฑ์ ข้อยกเว้น และตัวอย่างจากคำพิพากษาศาลฎีกา
ฎีกาที่ 5059/2567: สิทธิจำเลยยกปัญหากระบวนพิจารณาผิดระเบียบในคดีผู้บริโภค แม้ชนะคดีชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6656/2567 : ข้อพิพาทสัญญากู้ยืมเงิน การแก้ไขจำนวนเงินกู้ และข้อห้ามการนำสืบพยานบุคคลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94
การเพิกถอนกระบวนพิจารณาคดียาเสพติด: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ในคำพิพากษาที่ 817/2568
โจทก์ร่วมไม่จำต้องจัดทำคำให้การใหม่เพื่อแก้คำให้การและฟ้องแย้งของจำเลย
ข้อพิพาทการบังคับคดีที่ดินครอบครองปรปักษ์
การเข้ารับมรดกความกรณีคดีถึงที่สุดแล้วได้หรือไม่และเป็นการขัดต่อ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 42 หรือไม่
ใครบ้างมีคุณสมบัติเป็นบุคคลที่จะเข้าแทนที่คู่ความผู้มรณะได้, ศาลฎีกาวินิจฉัยคู่ความผู้มรณะ
คำสั่งคดีมีมูลเป็นที่สุดห้ามอุทธรณ์, การเพิกถอนกระบวนพิจารณาผิดระเบียบ, สิทธิในการขอพิจารณาใหม่
คดีก่อนคู่ความตกลงท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะคดี, ฟ้องซ้ำในคดีแพ่ง, สิทธิขับไล่จากที่ดินกรรมสิทธิ์รวม,
ฟ้องแย้งในคดีแพ่ง, การผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน, การเรียกเงินมัดจำคืนตามสัญญา
การสละประเด็นข้อพิพาท, อำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84 (3), อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายแพ่งใหม่
สัญญาประนีประนอมยอมความตกลงยุติคดี-ฟ้องซ้ำ
พิพากษาที่เกินคำขอและขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 1548 อันเป็นการไม่ชอบ
ฟ้องแย้งของจำเลยแตกต่างกันกับคำฟ้องเดิม
ค่าสินไหมทดแทนที่จำนวนเงินไม่แน่นอนต้องนำสืบพยาน
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
ข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์
ฟ้องปลูกสร้างผิดต่อข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร
ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอ
คดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์มีทุนทรัพย์
รับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืนกฎหมาย
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
หน้าที่ในการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ขาดนัดยื่นคำให้การ-สิทธิถามค้าน การพิจารณาผิดระเบียบ
วันนัดชี้สองสถาน
ห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
คำร้องสอด
การส่งคำสั่งอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดี
สิทธิในฐานะผู้รับจำนอง -ขอรับชำระหนี้ได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น
การบรรยายคำฟ้องที่มิได้ระบุวัน เวลาที่แน่ชัดว่าเป็นวันที่เท่าใด ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
ยื่นฟ้องคดีอันไม่มีข้อพิพาทแต่ได้มีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องในคดี
ส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ครบหน้าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
การยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนด 1 เดือน
ฟ้องขับไล่- แสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลา 8 วัน
เพิกถอนการขายทอดตลาดหากเป็นประวิงให้ชักช้าต้องรับผิดชดค่าสินไหมทดแทน
ผู้สวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้เป็นผู้มีส่วนได้เสีย เพิกถอนการขายทอดตลาด
ฟ้องขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้น-ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์
ในคดีเดิมเป็นเพียงคู่ความตกลงยุติคดีไม่ดำเนินการต่อเท่านั้นไม่เป็นฟ้องซ้ำ
การยื่นและการส่งคำคู่ความในคดีฟอกเงิน
ให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีต้องชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียม
ค่าขาดไร้อุปการะเป็นหนี้ที่แบ่งแยกเป็นส่วนแต่ละคน
เจ้าหนี้ผู้รับจำนองขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดิน
การมีอยู่ขององค์กรสาธารณประโยชน์ที่ได้รับรองแล้ว
กระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษา-ฟ้องซ้ำ
ยื่นคำร้องสอดเข้ามาในคดีเพื่อเป็นคู่ความฝ่ายที่สามในคดีอาญา
อายัดเงินปันผลของหุ้นได้แม้จะพ้นระยะเวลา 10 ปีแล้ว
เจ้าหนี้บุริมสิทธิ มิได้ร้องขอให้บังคับคดีภายในสิบปี
คำสั่งเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง นอกฟ้องนอกประเด็น
สิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนของผู้รับจำนอง
ฟ้องซ้ำ คดีถึงที่สุดห้ามมิให้คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีก
โจทก์และจำเลยต่างมีสภาพเป็น"เจ้าหนี้" และ "ลูกหนี้" ตามคำพิพากษา
จำเลยไม่ใช่บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลออกคำบังคับ
ไม่เกินห้าหมื่นบาทห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
การร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดต้องอ้างว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์
เงื่อนเวลาเริ่มต้น-สิ้นสุดให้สันนิษฐานว่าเพื่อประโยชน์แก่ฝ่ายลูกหนี้
นำใบแต่งทนายความซึ่งปลอมลายมือชื่อไปทำสัญญายอม
อำนาจว่าความหรือดำเนินกระบวนพิจารณาของทนายความในศาล
ฟ้องเคลือบคลุม, สัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข, วางประจำไว้หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ
ค่าเสียหายตามคำพิพากษาและค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทน
ผู้ร้องสอดต้องมีส่วนได้เสียกับคู่ความเดิมถือเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม
แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยเป็นข้อยกเว้นตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 180
ยื่นเอกสารฝ่าฝืนต่อกฎหมายไม่อาจรับฟังเป็นพยานได้(ยื่นชั้นอุทธรณ์ฎีกา)
จำเลยฟ้องแย้ง-โจทก์ทิ้งฟ้อง ไม่มีผลให้ฟ้องแย้งตกไป
อำนาจปกครองบุตร-มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลใด?
ดุลพินิจสั่งค่าฤชาธรรมเนียมคำนึงความสุจริตของคู่ความ
พินัยกรรมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?ไม่มีประเด็นข้อพิพาท
มีเส้นทางอื่นออกไม่ตัดสิทธิขอคุ้มครองประโยชน์
คำขอให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา
คำร้องขอขยายระยะเวลาในการวางเงินค่าธรรมเนียมตามมาตรา 229
ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์แล้วคดีอยู่ในอำนาจศาลอุทธรณ์
คำสั่งรับหรือไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
ไม่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การส่งหมายนัดไต่สวน-สำเนาคำร้องไม่ชอบ
คำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้อง
เพิกถอนการขายทอดตลาด
คำฟ้องโจทก์ไม่มีลายมือชื่อของผู้เรียงพิมพ์
คณะบุคคลไม่อาจเป็นคู่ความในคดีได้
มอบอำนาจให้ฟ้องคดีไว้ล่วงหน้าก่อนเกิดสิทธิฟ้อง
หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนระบุชื่อศาลผิด
หน้าที่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐาน
อำนาจฟ้องที่รัฐเป็นผู้เสียหาย
ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
วินิจฉัยนอกเหนือไปจากคำฟ้องและคำให้การ
เข้าเป็นโจทก์ร่วมต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยด้วย