
(ฎีกา 1001/2568) แจ้งวันนัดผิดขั้นตอน & สิทธิอุทธรณ์ ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์
บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประเด็นการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยศาลชั้นต้นใช้วิธีปิดประกาศแทนการส่งหมายนัด ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 74 และ 79 ส่งผลให้สิทธิในการอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาใหม่เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความ
ข้อเท็จจริงของคดี • ผู้ร้องยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 76116 • ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นสืบพยานเสร็จและนัดฟังคำสั่ง • ศาลเลื่อนนัดจาก 16 พ.ย. 2565 ไปเป็น 13 ธ.ค. 2565 แต่ใช้วิธีปิดประกาศแทนการส่งหมายนัด • ผู้คัดค้านไม่ได้มาฟังคำพิพากษาเพราะไม่ทราบวันนัด ศาลชั้นต้นถือว่าการอ่านคำพิพากษาชอบแล้ว • ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์ แต่ถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยก • ผู้คัดค้านฎีกา
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา • การแจ้งนัดโดยปิดประกาศแทนการส่งหมายนัด ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 74 และ 79 • กระบวนการอ่านคำพิพากษาที่ทำต่อผู้คัดค้านจึงไม่ชอบ • ระยะเวลาอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ และไม่จำเป็นต้องขยายเวลาอุทธรณ์ • ศาลสั่งให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาใหม่ให้ผู้คัดค้านฟังโดยชอบ
วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย 1. วิธีการแจ้งนัดฟังคำพิพากษา • ป.วิ.พ. มาตรา 74 กำหนดให้ใช้การส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักงานเป็นอันดับแรก • การข้ามขั้นตอนแล้วไปปิดประกาศทันทีถือว่าผิดขั้นตอน 2. ผลของการแจ้งนัดผิดขั้นตอน • ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 79 • การอ่านคำพิพากษาถือว่าไม่สมบูรณ์ • สิทธิอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ 3. หลักการคุ้มครองสิทธิในการอุทธรณ์ • ศาลฎีกาเน้นย้ำว่า สิทธิอุทธรณ์เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคู่ความ • ศาลต้องตีความเพื่อคุ้มครองสิทธิ ไม่ใช่ตีความให้สิทธิดับไปเพราะขั้นตอนผิดพลาด
สรุปข้อคิดทางกฎหมาย 1. ศาลต้องเคร่งครัดต่อขั้นตอนการส่งหมายนัดเพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความ 2. การปิดประกาศเป็นวิธีรอง ใช้ได้เมื่อส่งโดยวิธีธรรมดาแล้วไม่ได้ผล 3. สิทธิอุทธรณ์เริ่มนับเมื่อมีการอ่านคำพิพากษาโดยชอบเท่านั้น 4. คำพิพากษานี้ตอกย้ำความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาอย่างเคร่งครัด
IRAC Analysis Issue (ประเด็น): ศาลชั้นต้นแจ้งนัดฟังคำพิพากษาด้วยการปิดประกาศแทนการส่งหมายนัด ถือว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสิทธิอุทธรณ์เริ่มนับเมื่อใด Rule (กฎหมายที่ใช้): • ป.วิ.พ. มาตรา 74: การส่งหมายนัดต้องทำโดยส่งไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักงานของคู่ความก่อน • ป.วิ.พ. มาตรา 79: การปิดประกาศใช้ได้เมื่อไม่สามารถส่งโดยวิธีธรรมดา • ป.วิ.พ. มาตรา 27: การอ่านคำพิพากษาต้องทำโดยชอบเพื่อให้ระยะเวลาอุทธรณ์เริ่มนับ Application (การปรับใช้กฎหมาย): • ศาลชั้นต้นไม่ได้ส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาของผู้คัดค้านก่อน แต่เลือกใช้วิธีปิดประกาศทันที • ถือเป็นการละเมิดขั้นตอนกฎหมาย ขัดต่อมาตรา 74 และ 79 • การอ่านคำพิพากษาจึงไม่สมบูรณ์ สิทธิอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ Conclusion (ข้อสรุป): การแจ้งนัดของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาสั่งให้อ่านคำพิพากษาใหม่ และยืนยันว่าระยะเวลาอุทธรณ์ยังไม่เริ่มนับ
English Summary The Supreme Court Decision No. 1001/2025 concerns the improper notification of a hearing date. The trial court notified the defendant by public posting instead of serving notice directly, violating Sections 74 and 79 of the Civil Procedure Code. The Court ruled that the judgment reading was invalid, the appeal period had not started, and the lower court must re-read the judgment properly to protect the defendant’s right to appeal.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2568 การแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบ ศาลชั้นต้นชอบที่จะส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของผู้คัดค้านหรือทนายความของผู้คัดค้าน ซึ่งถือว่าเป็นการส่งโดยวิธีธรรมดาก่อนตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 74 บัญญัติไว้ การที่ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยปิดประกาศไว้ที่หน้าศาลโดยมิได้ส่งหมายนัดดังกล่าวให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีธรรมดาก่อนจึงเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนของกฎหมาย ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 79 ทำให้การประกาศแจ้งวันนัดดังกล่าวไม่ชอบ อันมีผลทำให้กระบวนพิจารณาต่าง ๆ เฉพาะส่วนของผู้คัดค้านที่กระทำภายหลังจากนั้นไม่ชอบไปด้วย กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 13 ธันวาคม 2565 แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ชอบที่จะมีคำพิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบ แล้วอ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังใหม่ต่อไปตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 27 บัญญัติให้อำนาจไว้ และระยะเวลาอุทธรณ์จะเริ่มนับต่อเมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังโดยชอบเท่านั้น เมื่อการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ผู้คัดค้านฟังเป็นไปโดยไม่ชอบ ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของผู้คัดค้านจึงยังไม่เริ่มนับ และยังไม่มีกรณีที่ศาลจะต้องขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้แก่ผู้คัดค้านแต่อย่างใด
คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 76116 บางส่วนโดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานผู้ร้องและผู้คัดค้านจนเสร็จและนัดฟังคำสั่งในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา 9 นาฬิกา ถึงวันนัดศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า นัดฟังคำสั่งวันนี้ ทนายผู้ร้องมาศาล ส่วนผู้คัดค้านทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา เนื่องจากการพิจารณาทำคำสั่งยังไม่แล้วเสร็จ จึงให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งวันที่ 13 ธันวาคม 2565 เวลา 9 นาฬิกา ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้ผู้คัดค้านทราบที่หน้าศาล เมื่อถึงวันนัดวันที่ 13 ธันวาคม 2565 เวลา 9 นาฬิกา ผู้ร้องและทนายผู้ร้องมาศาล ส่วนผู้คัดค้านไม่มา ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาให้ผู้ร้องฟังและถือว่าได้อ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังตามกฎหมายแล้ว โดยศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทตามแนวเขตที่ดินที่ผู้ร้องนำรังวัด เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ 3 งาน 00.6 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
วันที่ 16 มกราคม 2566 ผู้คัดค้านยื่นคำร้องอ้างว่า เดิมศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา 9 นาฬิกา ในวันดังกล่าวทนายผู้คัดค้านมาศาล เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์แจ้งว่าสำนวนศาลอุทธรณ์ (ที่ถูก สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5) ยังไม่ส่งกลับมา หากกลับมาจะแจ้งให้ทราบ ทนายผู้คัดค้านจึงรีบเดินทางกลับเพราะมีธุระเตรียมคดีอื่น ในวันยื่นคำร้องนี้จึงตรวจพบว่าศาลอ่านคำพิพากษาไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 โดยศาลปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบที่หน้าศาล ผู้คัดค้านไม่มีเจตนาที่จะไม่มาฟังคำพิพากษาแต่เป็นเพราะไม่ทราบวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาเนื่องจากศาลไม่มีหมายนัดแจ้งให้ผู้คัดค้านมาฟัง จึงขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอ่านคำพิพากษาให้ผู้ร้องฟังและถือว่าได้อ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังวันที่ 13 ธันวาคม 2565 จึงพ้นกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ผู้คัดค้านไม่อาจขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ ยกคำร้อง ผู้คัดค้านอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ ผู้คัดค้านฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านที่อุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายให้แก่ผู้คัดค้าน ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 เป็นการไม่ชอบนั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของผู้คัดค้านได้บรรยายเหตุที่ผู้คัดค้านไม่มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 13 ธันวาคม 2565 ไว้แล้วว่า ผู้คัดค้านไม่มีเจตนาที่จะไม่มาฟังคำพิพากษาแต่เป็นเพราะไม่ทราบวันที่ศาลนัดเนื่องจากศาลไม่มีหมายนัดแจ้งให้ผู้คัดค้านมาฟัง โดยศาลปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบที่หน้าศาล จึงขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน ดังนี้ ถือว่าผู้คัดค้านได้ยกปัญหาที่ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายให้แก่ผู้คัดค้านขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งปัญหาว่าศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายให้แก่ผู้คัดค้านเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านในประเด็นนี้จึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น และเมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว เพื่อไม่ให้คดีล่าช้า ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไปเสียทีเดียว โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยใหม่ เห็นว่า การแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบ ศาลชั้นต้นชอบที่จะส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของผู้คัดค้านหรือทนายความของผู้คัดค้าน ซึ่งถือว่าเป็นการส่งโดยวิธีธรรมดาก่อนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 บัญญัติไว้ การที่ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยปิดประกาศไว้ที่หน้าศาลโดยมิได้ส่งหมายนัดดังกล่าวให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีธรรมดาก่อนจึงเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนของกฎหมาย ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ทำให้การประกาศแจ้งวันนัดดังกล่าวไม่ชอบ อันมีผลทำให้กระบวนพิจารณาต่าง ๆ เฉพาะส่วนของผู้คัดค้านที่กระทำภายหลังจากนั้นไม่ชอบไปด้วย อุทธรณ์ของผู้คัดค้านฟังขึ้น กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 13 ธันวาคม 2565 แล้ว เช่นนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ชอบที่จะมีคำพิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบ แล้วอ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังใหม่ต่อไปตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 บัญญัติให้อำนาจไว้ และระยะเวลาอุทธรณ์จะเริ่มนับต่อเมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังโดยชอบเท่านั้น เมื่อการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ผู้คัดค้านฟังเป็นไปโดยไม่ชอบ ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของผู้คัดค้านจึงยังไม่เริ่มนับ และยังไม่มีกรณีที่ศาลจะต้องขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้แก่ผู้คัดค้านแต่อย่างใด เมื่อได้วินิจฉัยดังนี้แล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านข้ออื่นจึงไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้แจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทราบโดยวิธีปิดประกาศที่หน้าศาลและการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเฉพาะในส่วนที่อ่านให้ผู้คัดค้านฟัง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการอ่านคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านฟังใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ
|