สำนักงานพีศิริ ทนายความ ตั้งอยู่เลขที่ 34/159 หมู่ 8 ซอยบางมดแลนด์ แยก 13 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 ติดต่อทนายความ 085-9604258 สำหรับแผนที่การเดินทาง กรุณาคลิ๊กที่ "ที่ตั้งสำนักงาน" ด้านบนสุด ทนายความ ทนาย สำนักงานกฎหมาย สำนักงานทนายความ ปรึกษากฎหมายกับทนายความลีนนท์ โทรเลย ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาทนายความ

เจ้าหนี้ผู้รับจำนองขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดิน -ปรึกษากฎหมาย ทนายความ (นายลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ) โทร.085-9604258 -ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (5) ID line : (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3) @peesirilaw หรือ (4) peesirilaw (5) leenont -Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย QR CODE
เจ้าหนี้ผู้รับจำนองขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดิน เดิมผู้ร้อง(เจ้าหนี้) เคยยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นศาลอนุญาติ คดีนี้ผู้ร้อง(เจ้าหนี้) ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 และ 40016 อีก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาเห็นคดีนี้ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 มาด้วย ที่ดินที่ขอรับชำระหนี้เป็นที่ดินคนละแปลงกับคดีก่อน เมื่อคดีก่อนเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 แปลงเดียว ยังมิได้วินิจฉัยที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 ดังนั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 จึงมิได้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีก่อน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6443/2562 ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 ของจำเลยที่ 2 ก่อนเจ้าหนี้อื่น และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 ก่อนเจ้าหนี้อื่นแล้ว การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 ก่อนเจ้าหนี้อื่นเป็นคดีนี้อีก จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 ส่วนที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ก่อนเจ้าหนี้อื่นมาด้วยนั้น ที่ดินที่ขอรับชำระหนี้เป็นที่ดินคนละแปลงกับคดีก่อน เมื่อคดีก่อนศาลวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่ว่าผู้ร้องมีสิทธิขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 ก่อนเจ้าหนี้อื่นหรือไม่เท่านั้น โดยยังมิได้วินิจฉัยเกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 ดังนั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 ก่อนเจ้าหนี้อื่นในคดีนี้ จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีก่อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 คดีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2549 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 1,833,176.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 6,000 บาท ต่อมาวันที่ 25 ธันวาคม 2552 โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 และเลขที่ 40016 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 เพื่อนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา วันที่ 25 เมษายน 2554 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองโดยกล่าวอ้างว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้เพื่อนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา โดยเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ 4608/2550 ให้จำเลยทั้งสองกับพวกรวม 4 คน ร่วมกันชำระหนี้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หากไม่ชำระ ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 และเลขที่ 40016 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 และที่ดินอื่นอีกหลายแปลงเพื่อนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้โอนสิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง และวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2554 อนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่น แต่ต้องไม่เกินสิทธิตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 4608/2550 ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองเป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2560 ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 และ 40016 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ ผู้ร้องฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่ผู้ร้องได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า คำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ก่อนเจ้าหนี้อื่นเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือไม่ เห็นว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2554 ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 ของจำเลยที่ 2 ก่อนเจ้าหนี้อื่น และเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2554 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นแล้ว ดังนั้น คู่ความในคดีดังกล่าวกับคดีนี้จึงเป็นคู่ความรายเดียวกันและเมื่อคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ในคดีดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้อื่นนั้นถึงที่สุดแล้วและมูลหนี้อันเกิดจากสัญญาจำนองที่ผู้ร้องนำมาขอรับชำระหนี้คดีนี้ก็เป็นประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคำร้องของผู้ร้องในคดีก่อนจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 เฉพาะในส่วนคำขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในส่วนนี้จึงชอบแล้ว ส่วนที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ของจำเลยที่ 2 ก่อนเจ้าหนี้อื่นมาด้วยนั้น ที่ดินที่ขอรับชำระหนี้เป็นที่ดินคนละแปลงกับคดีก่อน เมื่อคดีก่อนศาลวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่ว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40015 ก่อนเจ้าหนี้อื่นหรือไม่เท่านั้น โดยยังมิได้วินิจฉัยเกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 ดังนั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 ก่อนเจ้าหนี้อื่นในคดีนี้ จึงมิได้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจาณาความแพ่ง มาตรา 144 คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้นบางส่วน เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องขอของผู้ร้องโดยผิดหลงว่าเป็นคำร้องขอสวมสิทธิโดยมิได้ไต่สวนก่อน โดยยังมิได้วินิจฉัยว่าผู้ร้องมีสิทธิขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 ก่อนเจ้าหนี้อื่นหรือไม่นั้น จึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาในส่วนนี้ใหม่ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่วินิจฉัยเกี่ยวกับคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40016 ใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาอื่นที่เกี่ยวข้องแยกตามกฎหมายและมาตรา ป.วิ.พ. ม. 144, ม. 289 (เดิม) แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยยังรักใคร่ หึงหวง ในตัวโจทก์อยู่ โจทก์(สามี)ฟ้องขอหย่าอ้างว่าจำเลยไม่ยอมติดตามไปอยู่ด้วยกันกับโจทก์โดยไม่มีเหตุผล ก่อหนี้สินเป็นภาระแก่ครอบครัวมากมายโจทก์ตักเตือนห้ามปรามก็ไม่เชื่อฟังโจทก์กับพี่สาวต้องรับภาระ ผ่อนชำระหนี้แทน โจทก์จำเลยจึงแยกกันอยู่โดยไม่ได้จดทะเบียนหย่า ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ ภาคพิพากษายืน ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยยังรักใคร่ หึงหวง ในตัวโจทก์อยู่ จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของหญิงอื่นเรื่องชู้สาวแสดงว่าจำเลยมิได้สมัครใจที่จะแยกทางกับโจทก์แต่อย่างใด แต่กลับแสดงให้เห็นว่า จำเลยยังคงคาดหวังที่จะให้โจทก์ กลับมาอยู่กินฉันสามีภริยาเพื่อความสุข ความอบอุ่นในครอบครัวต่อไป |