

จำเลยไม่ใช่บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลออกคำบังคับ จำเลยไม่ใช่บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลออกคำบังคับ มาตรา 271 บัญญัติถึงผู้มีสิทธิ์ขอให้บังคับคดีได้คือคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีซึ่งเรียกว่า " เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา" ส่วนผู้ที่จะจะถูกบังคับคดีคือคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีซึ่งเรียกว่า " ลูกหนี้ตามคำพิพากษา" มาตรา 271 ไม่ได้บัญญัติว่าผูู้ชนะคดีจะต้องเป็น "โจทก์" แสดงว่าผู้ชนะคดีอาจเป็นฝ่ายใดก็ได้ ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายชนะคดีต้องพิจารณาจากคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3090/2549 ป.วิ.พ. มาตรา 271 บัญญัติให้บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) เท่านั้นที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง จำเลยไม่ใช่บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลออกคำบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินที่โจทก์และจำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันให้แก่โจทก์ตามส่วนในคำพิพากษา
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสุรพงษ์ ภักดี ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งนายสุรพงษ์และจำเลยเป็นเจ้าของรวม ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยดำเนินการยื่นคำขอรังวัดและจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 14913 ตำบลบางปลาม้า อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายสุรพงษ์ ภักดี จำนวน 59 ส่วน ใน 1,424 ส่วน ให้แก่โจทก์ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของนายสุรพงษ์ โดยให้มีเนวเขตที่ดินตามที่นายสุรพงษ์ครอบครองในกรอบรูปแผนที่วิวาทเอกสารหมาย จ.ล.1 เริ่มจากทางด้านทิศตะวันตกซึ่งติดกับแม่น้ำสุพรรณบุรีไปทางด้านที่ติดกับที่ดินจำเลยให้ได้ 59 ส่วน ใน 1,424 ส่วน และให้กระทบต่อสิ่งปลูกสร้างของโจทก์หรือทำให้โจทก์เสียหายน้อยที่สุด หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ดำเนินการยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว แต่เจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจดำเนินการให้ได้เพราะโจทก์และจำเลยต้องร่วมกันยื่นคำขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม ทั้งจะใช้คำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาก็ปรากฏว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นบังคับจำเลยฝ่ายเดียวไม่ได้บังคับโจทก์ จำเลยแจ้งให้โจทก์ดำเนินการยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกร่วมกับจำเลย แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการ จึงขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับแจ้งให้โจทก์ดำเนินการยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามคำพิพากษา หากโจทก์เพิกเฉยขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเป็นหนังสือแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการรับคำขอรังวัดของจำเลยฝ่ายเดียวแล้วดำเนินการรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่มีสิทธิบังคับคดีและขอหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลชั้นต้นยกคำขอของจำเลยที่ขอให้ศาลออกคำบังคับให้โจทก์ไปยื่นคำขอรังวัดที่ดินพิพาทชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องคดีขอให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินพิพาทเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินพิพาทตามคำขอของโจทก์แล้ว ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะออกคำบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินตามคำขอของจำเลยได้นั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 บัญญัติไว้ว่า "ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดี (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น" จากบทกฎหมายดังกล่าวนี้บัญญัติให้บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) เท่านั้น ที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง จำเลยไม่ใช่เป็นบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะจึงไม่มีสิทธิตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของจำเลยและศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนมานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
|
เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความแพ่ง