
-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258
-ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th
-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (5) ID line :
(1) leenont หรือ (2) @leenont หรือ (3) peesirilaw หรือ (4) @peesirilaw (5) @leenont1
-Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย QR CODE
การร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดต้องอ้างว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์
ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและสั่งปล่อยที่ดินที่ถูกยึด ผู้ร้องมิได้ถูกโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยจึงเป็นบุคคลภายนอกผู้ร้องต้องนำคดีไปฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากจะยื่นคำร้องมาในคดีนี้ซึ่งตนมิได้เป็นคู่ความไม่ได้ การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดไว้นั้นต้องเป็นเรื่องที่กล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึดแต่ทรัพย์เป็นสินสมรสที่จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5266/2539
แม้ผู้ร้องจะเป็นภริยาของจำเลยแต่ก็มิได้ถูกฟ้องด้วยจึงเป็นบุคคลภายนอกและชอบที่จะนำคดีตามที่กล่าวอ้างว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเป็นการจัดการสินสมรสโดยผู้ร้องมิได้ให้ความยินยอมด้วยไปฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนเป็นอีกคดีหนึ่งจะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนในคดีซึ่งตนมิได้เป็นคู่ความด้วยหาได้ไม่ การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 ต้องเป็นเรื่องที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ดังกล่าว เมื่ออ้างว่าทรัพย์นั้นเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยร่วมกันเท่ากับยอมรับว่าจำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์ด้วยผู้ร้องจึงหามีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ไม่
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินส่วนที่เป็นมรดกของนางเพ็ง ___ ในที่ดินโฉนดเลขที่ 992 เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 26 ตารางวา ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวน 900,000 บาท เป็นค่าที่ดินส่วนที่โจทก์จะได้รับมรดกภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2538 หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีสำหรับที่ดินส่วนที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นโจทก์ขอสละสิทธิไม่ติดใจเรียกร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดไปแล้วจำเลยไม่ปฎิบัติตามคำพิพากษา ศาลจึงออกหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 992 และทรัพย์สินอื่นของจำเลยเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ที่ดินโฉนดเลขที่ 992 เนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน 12 ตารางวานางเพ็ง _____ มารดาจำเลยยกให้จำเลยกึ่งหนึ่งและเป็นมรดกตกทอดได้แก่จำเลย จึงเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยโจทก์หมดสิทธิฟ้องเรียกมรดกส่วนของตน และโจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกเกินกว่า 1 ปี นับแต่นางเพ็งตายจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากสู้คดีต่อไปจำเลยมีโอกาสชนะคดี แต่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยสัญญาจะจ่ายเงินให้โจทก์เป็นค่าที่ดิน ส่วนที่โจทก์จะได้รับซึ่งผู้ร้องไม่ได้ให้ความยินยอมและไม่เห็นชอบด้วยสัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้จัดการสินสมรสร่วมกัน และเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 992 โดยมิชอบ กับประเมินราคาที่ดินสูงเกินกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาทำให้ผู้ร้องและจำเลยได้รับความเสียหายขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและสั่งปล่อยที่ดินโฉนดเลขที่ 992 ที่ยึดไว้ เพราะมูลหนี้เกิดจากสัญญาที่มิชอบ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า ผู้ร้องมิใช่คู่ความในคดีนี้จึงไม่อาจขอเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยได้ และผู้ร้องอ้างว่าที่ดินที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยจึงไม่อาจขอให้ปล่อยที่ดินดังกล่าวได้ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ที่ผู้ร้องอ้างว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้โอนที่ดินส่วนที่เป็นทรัพย์มรดกของนางเพ็ง ในที่ดินโฉนดเลขที่ 992 เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเป็นการจัดการสินสมรสโดยผู้ร้องมิได้ให้ความยินยอมด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ผู้ร้องจะเป็นภริยาของจำเลย แต่ผู้ร้องมิได้ถูกโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยด้วย ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลภายนอก และแม้กรณีดังกล่าวจะเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง ผู้ร้องก็ชอบที่จะต้องนำคดีไปฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความมาในคดีนี้ซึ่งตนมิได้เป็นคู่ความหาได้ไม่ อุทธรณ์ผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
ส่วนกรณีที่ผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดอ้างว่าเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยนั้น เห็นว่าการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ก่อนจะได้เอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคหนึ่งนั้น กรณีจะต้องเป็นเรื่องที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ดังกล่าว การที่ผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยร่วมกัน จึงเป็นการยอมรับว่าจำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ยึดนั้นด้วยดังนั้นผู้ร้องหามีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดนั้นไม่ ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
( จรัญ หัตถกรรม - นาม ยิ้มแย้ม - เหล็ก ไทรวิจิตร )
ป.พ.พ. มาตรา 1480
มาตรา 1480 การจัดการสินสมรสซึ่งต้องจัดการร่วมกันหรือต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา 1476 ถ้าคู่สมรสฝ่ายหนึ่งได้ทำนิติกรรมไปแต่เพียงฝ่ายเดียวหรือโดยปราศจากความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งอาจฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ เว้นแต่คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบันแก่นิติกรรมนั้นแล้ว หรือในขณะที่ทำนิติกรรมนั้นบุคคลภายนอกได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
การฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมตามวรรคหนึ่งห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรมนั้น
ป.วิ.พ. มาตรา 1(11), 288
มาตรา 1 ในประมวลกฎหมายนี้ ถ้าข้อความมิได้แสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น
(1) “ศาล” หมายความว่า ศาลยุติธรรมหรือผู้พิพากษาที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่ง
(2) “คดี” หมายความว่า กระบวนพิจารณานับตั้งแต่เสนอคำฟ้องต่อศาลเพื่อขอให้รับรอง คุ้มครองบังคับตามหรือเพื่อการใช้ซึ่งสิทธิหรือหน้าที่
(3) “คำฟ้อง” หมายความว่า กระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทก์ได้เสนอข้อหาต่อศาลไม่ว่าจะได้เสนอด้วยวาจาหรือทำเป็นหนังสือ ไม่ว่าจะได้เสนอต่อศาลชั้นต้น หรือชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ไม่ว่าจะได้เสนอในขณะที่เริ่มคดีโดยคำฟ้องหรือคำร้องขอหรือเสนอในภายหลังโดยคำฟ้องเพิ่มเติมหรือแก้ไข หรือฟ้องแย้งหรือโดยสอดเข้ามาในคดีไม่ว่าด้วยสมัครใจ หรือถูกบังคับ หรือโดยมีคำขอให้พิจารณาใหม่
(4) “คำให้การ” หมายความว่า กระบวนพิจารณาใด ๆ ซึ่งคู่ความฝ่ายหนึ่งยกข้อต่อสู้เป็นข้อแก้คำฟ้องตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้ นอกจากคำแถลงการณ์
(5) “คำคู่ความ” หมายความว่า บรรดาคำฟ้อง คำให้การหรือคำร้องทั้งหลายที่ยื่นต่อศาลเพื่อตั้งประเด็นระหว่างคู่ความ
(6) “คำแถลงการณ์” หมายความว่า คำแถลงด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือ ซึ่งคู่ความฝ่ายหนึ่งกระทำหรือยื่นต่อศาล ด้วยมุ่งหมายที่จะเสนอความเห็นต่อศาลในข้อความในประเด็นที่ได้ยกขึ้นอ้างในคำคู่ความหรือในปัญหาข้อใดที่ศาลจะพึงมีคำสั่งหรือคำพิพากษา ซึ่งในข้อเหล่านี้คู่ความฝ่ายนั้นเพียงแต่แสดง หรือกล่าวทบทวนหรือยืนยันหรืออธิบายข้อความแห่งคำพยานหลักฐาน และปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงทั้งปวง คำแถลงการณ์อาจรวมอยู่ในคำคู่ความ
(7) “กระบวนพิจารณา” หมายความว่า การกระทำใด ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้อันเกี่ยวด้วยคดีซึ่งได้กระทำไปโดยคู่ความในคดีนั้นหรือโดยศาล หรือตามคำสั่งของศาลไม่ว่าการนั้นจะเป็นโดยคู่ความฝ่ายใดทำต่อศาลหรือต่อคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง หรือศาลทำต่อคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทุกฝ่าย และรวมถึงการส่งคำคู่ความและเอกสารอื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้
(8) “การพิจารณา” หมายความว่า กระบวนพิจารณาทั้งหมดในศาลใดศาลหนึ่งก่อนศาลนั้นชี้ขาดตัดสินหรือจำหน่ายคดีโดยคำพิพากษาหรือคำสั่ง
(9) “การนั่งพิจารณา” หมายความว่า การที่ศาลออกนั่งเกี่ยวกับการพิจารณาคดีเช่น ชี้สองสถาน สืบพยาน ทำการไต่สวน ฟังคำขอต่าง ๆ และฟังคำแถลงการณ์ด้วยวาจา
(10) “วันสืบพยาน” หมายความว่า วันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยาน
(11) “คู่ความ” หมายความว่า บุคคลผู้ยื่นคำฟ้อง หรือถูกฟ้องต่อศาล และเพื่อประโยชน์แห่งการดำเนินกระบวนพิจารณาให้รวมถึงบุคคลผู้มีสิทธิกระทำการแทนบุคคลนั้นๆ ตามกฎหมาย หรือในฐานะทนายความ
(12) “บุคคลผู้ไร้ความสามารถ” หมายความว่า บุคคลใดๆ ซึ่งไม่มีความสามารถตามกฎหมายหรือความสามารถถูกจำกัดโดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยความสามารถ
(13) “ผู้แทนโดยชอบธรรม” หมายความว่า บุคคลซึ่งตามกฎหมายมีสิทธิที่จะทำการแทนบุคคลผู้ไร้ความสามารถหรือเป็นบุคคลที่จะต้องให้คำอนุญาต หรือให้ความยินยอมแก่ผู้ไร้ความสามารถในอันที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
(14) เจ้าพนักงานบังคับคดี หมายความว่า เจ้าพนักงานในสังกัดกรมบังคับคดีหรือพนักงานอื่นผู้มีอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้อยู่ ในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค 4 แห่งประมวลกฎหมายนี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างการพิจารณา หรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งและให้หมายความรวมถึงบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ปฏิบัติการแทน
มาตรา 288 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา 55 ถ้าบุคคลใดกล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ ก่อนที่ได้เอาทรัพย์สินเช่นว่านี้ออกขายทอดตลาด หรือจำหน่ายโดยวิธีอื่น บุคคลนั้นอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้ปล่อยทรัพย์สินเช่นว่านั้น ในกรณีเช่นนี้ ให้ผู้กล่าวอ้างนั้นนำส่งสำเนาคำร้องขอแก่โจทก์หรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยลำดับ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับคำร้องขอเช่นว่านี้ ให้งดการขายทอดตลาด หรือจำหน่ายทรัพย์สินที่พิพาทนั้นไว้ในระหว่างรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาล ดังที่บัญญัติไว้ต่อไปนี้
เมื่อได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลแล้ว ให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีนั้นเหมือนอย่างคดีธรรมดา เว้นแต่
(1) เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนวันกำหนดชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน หากมีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคำร้องขอนั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ศาลมีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้ผู้กล่าวอ้างวางเงินต่อศาลภายในระยะเวลาที่ศาลจะกำหนดไว้ในคำสั่งตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควรเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสำหรับความเสียหายที่อาจได้รับ เนื่องจากเหตุเนิ่นช้าในการบังคับคดีอันเกิดแต่การยื่นคำร้องขอนั้น ถ้าผู้กล่าวอ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
(2) ถ้าทรัพย์สินที่พิพาทนั้นเป็นสังหาริมทรัพย์และมีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคำร้องขอนั้นไม่มีเหตุอันควรฟัง หรือถ้าปรากฏว่าทรัพย์สินที่ยึดนั้นเป็นสังหาริมทรัพย์ที่เก็บไว้นานไม่ได้ ศาลมีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินเช่นว่านี้โดยไม่ชักช้า
คำสั่งของศาลตามวรรคสอง (1) และ (2) ให้เป็นที่สุด
ปรึกษากฎหมายกับ ทนายความ ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร. 0859604258