ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




สัญญาประนีประนอมยอมความ, การรังวัดที่ดินแนวเขต, อำนาจฟ้อง,

 ท นาย อาสา ฟรี

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

•  คำพิพากษาศาลฎีกา 727/2567

•  สัญญาประนีประนอมยอมความ

•  การรังวัดที่ดินแนวเขต

•  ปัญหาอำนาจฟ้องในคดีแพ่ง

•  มาตรา 850 และ 852 ป.พ.พ.

•  มาตรา 225 วรรคสอง ป.วิ.แพ่ง

•  สิทธิเรียกร้องในคดีที่ดิน

สรุปย่อ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2567 สรุปได้ว่า:

โจทก์และจำเลยตกลงกันในวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 โดยโจทก์ชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือ 1,500,000 บาท และจำเลยตกลงรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน 3 แปลงออกภายใน 15 วัน และมีการรังวัดแนวเขตที่ดินโดยเจ้าหน้าที่ที่ดินเพื่อให้แน่ชัด แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่ามีการรังวัดดังกล่าว ทั้งนี้ ช่างรังวัดชี้ว่าไม่พบหลักหมุดของที่ดินทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าบ้านอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 40775 หรือไม่

สัญญาดังกล่าวถือเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 และ 852 ซึ่งทำให้สิทธิการเรียกร้องของทั้งสองฝ่ายระงับไป และมีผลผูกพันโจทก์และจำเลย แต่เนื่องจากไม่มีการรังวัดตามข้อตกลง การฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์และไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จำเลยจะไม่ได้ยกประเด็นนี้ในชั้นอุทธรณ์ แต่สามารถอ้างในชั้นฎีกาได้เนื่องจากเป็นปัญหาความสงบเรียบร้อยของประชาชน

*หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบทความนี้มีดังนี้:

1.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850: บัญญัติว่า "สัญญาประนีประนอมยอมความ คือสัญญาที่คู่กรณียอมสละสิทธิเรียกร้องซึ่งมีการโต้แย้งกัน หรือสละสิทธิเรียกร้องในสิทธิที่มีเหตุผลอันจะเกิดการโต้แย้งกันโดยตกลงกันระงับข้อพิพาทนั้นให้เสร็จสิ้นไป" ซึ่งหมายถึงการตกลงกันระหว่างคู่กรณีเพื่อระงับข้อพิพาท โดยการสละสิทธิบางส่วนเพื่อให้เกิดข้อตกลงที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย

2.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852: กำหนดว่า "เมื่อได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การเรียกร้องซึ่งได้สละนั้นระงับสิ้นไป และสิทธิในสิ่งที่แสดงไว้ในสัญญานั้นให้เป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ระบุไว้" ซึ่งหมายความว่าสิทธิหรือข้อเรียกร้องที่แต่ละฝ่ายยอมสละจะระงับลง และแต่ละฝ่ายจะได้รับสิทธิตามที่กำหนดไว้ในสัญญา

3.ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง: บัญญัติว่า "ศาลฎีกาจะพิจารณาเรื่องใด ๆ ซึ่งมิได้มีการยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้ เว้นแต่เรื่องนั้นจะเป็นปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน" หมายถึงว่าปัญหาที่ไม่ได้ถูกยกขึ้นในศาลอุทธรณ์สามารถนำขึ้นมาพิจารณาในศาลฎีกาได้ หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

4.ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252: บัญญัติว่า "ในกรณีที่คู่ความยกปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นกล่าวในชั้นศาลใด ศาลนั้นต้องพิจารณาแม้ปัญหานั้นจะมิได้ยกขึ้นมาก่อน" ซึ่งหมายความว่าหากมีการยกประเด็นที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนในศาลใด ศาลต้องพิจารณาปัญหานั้น แม้ว่าเรื่องนั้นจะไม่ได้ถูกกล่าวถึงมาก่อนในขั้นตอนก่อนหน้านี้

การอธิบายหลักกฎหมายเหล่านี้ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความสำคัญของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและอำนาจศาลในการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนในขั้นตอนต่าง ๆ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2567

ตามบันทึกตกลงไว้เป็นหลักฐานได้ความว่า วันที่ 21 พฤษภาคม 2562 โจทก์และจำเลยกับพวกตกลงกันได้โดยโจทก์ชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือ 1,500,000 บาท ในวันดังกล่าว แล้วจำเลยกับพวกต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินทั้ง 3 แปลง ออกไปภายใน 15 วัน โดยวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 เวลา 8 นาฬิกา ต้องให้ช่างรังวัดจากสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสงครามรังวัดที่ดินทั้ง 3 แปลง (รวมที่ดินโฉนดเลขที่ 40775) เพื่อให้ทราบแนวเขตที่ชัดเจน เมื่อได้แนวเขตที่ชัดเจนแล้ว โจทก์และจำเลยตกลงเป็นอันยุติตามผลการรังวัด และต่างฝ่ายจะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวในที่ดินของกันและกันอีกต่อไป บันทึกข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยให้เสร็จไปโดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 และผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตนตาม ป.พ.พ. มาตรา 852 จึงมีผลผูกพันโจทก์และจำเลย แสดงว่าโจทก์และจำเลยทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวโดยมุ่งที่จะรังวัดที่ดินเพื่อให้ทราบแนวเขตที่ดินให้ชัดเจนเป็นสำคัญ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าได้มีการรังวัดที่ดินเพื่อให้ทราบแนวเขตที่ดินที่ชัดเจนตามที่ได้ตกลงกันไว้ และในข้อนี้ได้ความจากนายช่างรังวัดชำนาญงาน สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม ผู้ทำแผนที่พิพาท เบิกความตอบคำถามค้านว่า ในการรังวัดจัดทำแผนที่พิพาทไม่พบหลักหมุดของที่ดินทั้งหมด เช่นนี้ ย่อมไม่อาจทราบได้ว่าบ้านหลังดังกล่าวจะอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 40775 หรือไม่ เนื่องจากยังไม่ทราบแนวเขตที่ดินที่แน่นอน กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์ยังไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวซึ่งเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความให้ครบถ้วน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การต่อสู้และยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ แต่ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยย่อมยกขึ้นฎีกาได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง ประกอบมาตรา 252


****โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 40775 ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้โจทก์มีสิทธิว่าจ้างบุคคลภายนอกรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินโดยให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินค่าจ้างทั้งหมดที่โจทก์ชำระแก่ผู้รับจ้าง

*จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

*ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงที่ปรากฏในแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.1 และภาพถ่ายหมาย จ.3 พร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 40775 และห้ามจำเลยและบริวารยุ่งเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์อีกต่อไป หากไม่รื้อถอน ให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท

*จำเลยอุทธรณ์

*ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ว่า หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้โจทก์มีสิทธิว่าจ้างบุคคลภายนอกรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินโดยให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินค่าจ้างทั้งหมดที่โจทก์ชำระแก่ผู้รับจ้าง ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 3,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

*จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

*ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า โจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 40775 เนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ 2 งาน 99 ตารางวา โดยซื้อมาจากนายเปลี่ยน สามีจำเลย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 โจทก์และจำเลยพร้อมด้วยนายประกิจ นางสาวพิมพ์วิมล และนางอิศวีร์พร เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสงครามเพื่อเจรจาเรื่องที่โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 40775 จากนายเปลี่ยน ที่ดิน น.ส. 3 เล่ม 8 หมู่ที่ 4 และที่ดินตราจองเลขที่ 202 เล่ม 3 หน้า 2 จากนายเปลี่ยน จำเลย นายประกิจ และนายประกอบ เป็นเงิน 9,200,000 บาท มีการชำระราคาแล้วบางส่วน 8,200,000 บาท ยังขาดอีก 1,500,000 บาท คู่กรณีสามารถตกลงกันได้และโจทก์ได้ชำระเงินจำนวนดังกล่าวครบถ้วนในวันดังกล่าวและมีการทำบันทึกข้อตกลงกัน ตามบันทึกตกลงไว้เป็นหลักฐานและสำเนารายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน ต่อมาโจทก์มอบหมายให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านไม้ชั้นเดียวไม่มีเลขที่ และขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 40775 ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับหนังสือ จำเลยรับหนังสือแล้วเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 ตามหนังสือบอกกล่าวและใบตอบรับไปรษณีย์ แต่จำเลยเพิกเฉย มีบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงปลูกอยู่บนที่ดินพิพาท และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ทำแผนที่พิพาท ตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.1

*คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินพิพาทหรือไม่ เห็นว่า ตามบันทึกตกลงไว้เป็นหลักฐานเอกสารหมาย จ. 4 สรุปได้ความว่า ในวันทำบันทึกคือวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 โจทก์และจำเลยกับพวกตกลงกันได้โดยโจทก์ชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือ 1,500,000 บาท ในวันดังกล่าว แล้วจำเลยกับพวกต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินทั้ง 3 แปลง ออกไปภายใน 15 วัน โดยวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 เวลา 8 นาฬิกา ต้องให้ช่างรังวัดจากสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสงครามรังวัดที่ดินทั้ง 3 แปลง (รวมที่ดินโฉนดเลขที่ 40775) เพื่อให้ทราบแนวเขตที่ชัดเจน เมื่อได้แนวเขตที่ชัดเจนแล้ว โจทก์และจำเลยตกลงเป็นอันยุติตามผลการรังวัดของช่างรังวัดสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม และต่างฝ่ายจะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวในที่ดินของกันและกันอีกต่อไป บันทึกข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยให้เสร็จไปโดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 จึงมีผลผูกพันโจทก์และจำเลย แสดงว่าโจทก์และจำเลยทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวโดยมุ่งที่จะรังวัดที่ดินเพื่อให้ทราบแนวเขตที่ดินให้ชัดเจนเป็นสำคัญ ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าได้มีการรังวัดที่ดินเพื่อให้ทราบแนวเขตที่ดินที่ชัดเจนตามที่ตกลงกันไว้ และในข้อนี้ได้ความจากนายยุคชาญ นายช่างรังวัดชำนาญงาน สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม ผู้ทำแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.1 เบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า ในวันรังวัดจัดทำแผนที่พิพาทไม่พบหลักหมุดของที่ดินทั้งหมด เช่นนี้ ย่อมไม่อาจทราบได้ว่าบ้านหลังดังกล่าวจะอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 40775 หรือไม่ เนื่องจากยังไม่ทราบแนวเขตที่ดินที่แน่นอน กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์ยังไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวซึ่งเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความให้ครบถ้วน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การต่อสู้และยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ แต่ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยย่อมยกขึ้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง ประกอบมาตรา 252 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

*พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ


ร่างคำฟ้องคดีแพ่ง

ศาล: ศาลจังหวัด/ศาลแพ่งที่มีเขตอำนาจ

โจทก์: [ชื่อ-นามสกุลโจทก์]

จำเลย: [ชื่อ-นามสกุลจำเลย]

เรื่อง: คดีแพ่งเรียกร้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดิน

ข้อเท็จจริง

1.โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 40775 ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ 2 งาน 99 ตารางวา โดยซื้อมาจากนายเปลี่ยน สามีของจำเลย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 และได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของที่ดินตามกฎหมาย

2.เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 โจทก์และจำเลยได้ตกลงกันให้โจทก์ชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจำนวน 1,500,000 บาท และจำเลยตกลงรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินภายใน 15 วัน ทั้งสองฝ่ายได้ทำบันทึกข้อตกลงระงับข้อพิพาทและต่างผ่อนผันให้กัน โดยมีผลผูกพันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 852

3.โจทก์ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงโดยชำระเงินจำนวนที่ตกลงครบถ้วน แต่จำเลยยังไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงออกจากที่ดิน และยังไม่ขนย้ายทรัพย์สินออกไป

4.โจทก์ได้มีการแจ้งหนังสือให้จำเลยดำเนินการรื้อถอนภายในกำหนดเวลา แต่จำเลยเพิกเฉย ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง

*ข้อกฎหมาย -การกระทำของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งมีผลผูกพันตามกฎหมาย ทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องร้องเพื่อบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 และ 852

คำขอท้ายคำฟ้อง

1.ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 40775 และขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินดังกล่าว

2.ขอให้ศาลห้ามจำเลยและบริวารเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์อีกต่อไป

3.ขอให้จำเลยชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรื้อถอนและค่าทนายความแก่โจทก์

4.ขอให้จำเลยรับผิดชอบค่าฤชาธรรมเนียมศาลทั้งหมด

คำฟ้องนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางศึกษาเท่านั้น ควรปรับแก้ให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริงของแต่ละกรณี




นิติกรรม

ผู้อนุบาลและคนไร้ความสามารถ, สติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์เป็นโมฆียะ, การบอกล้างโมฆียะกรรม
เพิกถอนนิติกรรมวิกลจริต, การบอกล้างโมฆียกรรม, นิติกรรมของผู้ป่วยจิตเวช, โมฆียกรรมกลายเป็นโมฆะ
ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด, การขยายเวลาชำระหนี้, ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ค้ำประกัน
คดีเลิกสัญญาก่อสร้าง, สิทธิในเบี้ยปรับตามกฎหมาย, เบี้ยปรับในสัญญาก่อสร้าง
ความรับผิดของผู้รับประกันภัย, รถสูญหาย, ถูกเพลิงไหม, การละทิ้งความครอบครองรถยนต์
คดีเกี่ยวกับการบุกรุกป่าสงวน, ข้อกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินรัฐ, สิทธิการครอบครองที่ดินชั่วคราว
เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน, การปลอมแปลงหนังสือมอบอำนาจโอนที่ดิน, ค่าสินไหมทดแทนจากการละเมิด
กฎหมายกู้ยืมเงิน, หลักฐานการกู้ยืมเงิน, ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, การกู้ยืมเงินในไลน์และเฟสบุค
นิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์
หลักฐานการกู้ยืมเงิน, การลงลายมือชื่อในสัญญากู้ยืม, การพิสูจน์การชำระหนี้
คดีผู้บริโภค, การใช้สิทธิไม่สุจริต, ความสุจริตในการชำระหนี้, มาตรฐานทางการค้า
สัญญานายหน้าและค่านายหน้า, กฎหมายลาภมิควรได้, การบอกเลิกสัญญานายหน้าโดยไม่สุจริต
สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆะ, นิติกรรมอำพรางการกู้ยืมเงิน
กู้ยืมเงินไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ
ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรสละมรดกของบุตรผู้เยาว์ไม่ได้
การทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์
หนังสือสัญญากู้เงินตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์
การซื้อขายที่ดินตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150
ผู้รับจำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นโดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีเจ้าหนี้อื่นมาขอเฉลี่ยหนี้
สัญญาเช่าที่ดินซึ่งเป็นเจ้าของรวม
การโอนที่ดินในระยะเวลาห้ามโอนเป็นโมฆะ
สิทธิบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด
คำสั่งงดสืบพยานจำเลย
สัญญาจะซื้อจะขายมีผลอย่างไรกับสัญญาซื้อขาย
หนังสือมอบอำนาจ พิมพ์ลายนิ้วมือ
กฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยฝ่าฝืนเป็นโมฆะ | ดอกเบี้ยผิดนัด
สิทธิของผู้รับจำนองเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้เรียกว่า"บุริมสิทธิ"
ยืนยันข้อเท็จจริงหลายทางไม่อาจเป็นไปได้ในคราวเดียวกัน จึงไม่ขัดแย้งกันเอง
สัญญาที่ทำขึ้นโดยไม่มีเจตนาแท้จริงให้ผูกพันกัน
ความรับผิดในคดีแพ่งต้องอาศัยมูลมาจากการกระทำความผิดในทางอาญา
นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย, ฝ่าฝืนกฎหมาย
อำนาจฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการจำหน่ายที่ดินเพื่อชำระเป็นเงินให้คนต่างด้าว
ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมให้สินสมรสเมื่อผู้ให้ตายแล้วไม่ต้องฟ้องผู้จัดการมรดกก็ได้
ขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินสินสมรส
การขายอสังหาริมทรัพย์ของบุตรผู้เยาว์จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลเสียก่อน
ผลของการบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะเดิม
นิติกรรมอำพรางคู่กรณีต้องแสดงเจตนาทำนิติกรรมขึ้นสองนิติกรรม
องค์ประกอบของนิติกรรม
สัญญารับเหมาก่อสร้างเลิกกัน คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิม
สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นนิติกรรมอำพรางการกู้ยืมเงิน
ทำสัญญากู้ยืมเงินในฐานะผู้แทนของสมาคมไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
แม้ดอกเบี้ยเป็นโมฆะแต่ยังต้องรับผิดต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยผิดนัด
ข้อตกลงให้ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ชำระค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ขายที่ดินห้ามโอนภายใน 10 ปีเป็นการสละการครอบครอง
สิทธิได้รับค่าตอบแทนก่อนบอกเลิกสัญญาตัวแทนประกันชีวิต
ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประกันชีวิต-อ้างถูกฉ้อฉลให้ทำสัญญา
ผู้รับประกันภัยได้รับประกันวินาศภัยไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ
ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเกินอัตราเป็นโมฆะต้องนำมาหักเป็นต้นเงิน
สัญญาเช่าบ้านภายหลังการซื้อขาย
ผู้จะขายไม่ได้รับใบอนุญาตให้จัดสรรที่ดินผู้จะซื้อไม่รู้สัญญาไม่เป็นโมฆะ
ผู้แทนโดยชอบธรรมทำสัญญาขายไม้มรดกส่วนของผู้เยาว์-ไม่ต้องขออนุญาตศาลก่อน
คู่สัญญามีอำนาจฟ้องให้โอนทรัพย์สินให้บุตรได้
การฟ้องคดีแพ่งมิใช่เป็นการทำนิติกรรม
การกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในสัญญาถือว่าเป็นเบี้ยปรับ
จดทะเบียนจำนองที่ดินเฉพาะส่วนของตน
สิทธิในการเช่าซื้อเป็นมรดกหรือไม่?