ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ความรับผิดของผู้รับประกันภัย, รถสูญหาย, ถูกเพลิงไหม, การละทิ้งความครอบครองรถยนต์

ท นาย อาสา ฟรี

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

 

 

ความรับผิดของผู้รับประกันภัย, รถสูญหาย, ถูกเพลิงไหม, การละทิ้งความครอบครองรถยนต์

โจทก์ทำประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย โดยกรมธรรม์ครอบคลุมกรณีรถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้ โจทก์ขับรถยนต์ไปจอดริมถนนใกล้ร้านค้าเพื่อซื้อสินค้า โดยไม่ได้ล็อกประตูรถและวางกุญแจไว้บนเบาะด้านหน้า ต่อมารถยนต์ถูกลักไปและถูกพบในสภาพถูกเผา โจทก์จะมีส่วนประมาทเลินเล่อ แต่ไม่ถึงขั้นเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2567

การตีความ ป.พ.พ. มาตรา 879 วรรคหนึ่ง อันเป็นบทยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยนั้น ต้องตีความโดยเคร่งครัด การที่โจทก์ขับรถยนต์ที่ทำประกันภัยไว้กับจำเลยไปจอดที่หน้าร้านค้าอื่นซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาธารณะขนาดใหญ่ มีร้านค้าตั้งอยู่ติด ๆ กัน สภาพที่เกิดเหตุเป็นตลาดย่านการค้า โดยห่างจากร้านค้าที่โจทก์ไปติดต่อประมาณ 5 ถึง 8 เมตร ไม่มีสิ่งใดปิดบังจุดที่จอดรถยนต์อันจะเป็นช่องทางให้คนร้ายสามารถลงมือกระทำความผิดได้โดยง่ายแต่อย่างใด แล้วลงไปติดต่อซื้อของประมาณ 6 นาที ขณะจอดรถเป็นเวลากลางวัน แม้โจทก์จะวางกุญแจไว้ที่เบาะข้างคนขับด้านหน้า และไม่ล็อกประตู ก็ยังอยู่ในวิสัยที่โจทก์สามารถดูแลรักษารถยนต์ได้ การจอดรถในลักษณะดังกล่าวไม่ใช่การละทิ้งความครอบครองชั่วคราว แม้จะพอถือได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ จึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

****โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

*จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

*ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ

*โจทก์อุทธรณ์

*ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 16 เมษายน 2565) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถ้ากระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อใดก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามขอ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

*จำเลยฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา

*ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองรถยนต์ วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 โจทก์ทำสัญญาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้กับจำเลย มีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 และสิ้นสุดวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 โดยกรมธรรม์ประกันภัยมีข้อตกลงว่าด้วยกรณีรถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้ ผู้รับประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ 150,000 บาท เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2565 เวลา 10.10 นาฬิกา โจทก์ขับรถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยแล่นไปจอดที่บริเวณหน้าร้านขายแบตเตอรี่ทุ่งสง 99 แล้วมีคนร้ายลักรถยนต์คันดังกล่าวไป ต่อมาวันที่ 26 มกราคม 2565 เจ้าพนักงานตำรวจได้รับแจ้งว่าพบรถยนต์ที่ถูกคนร้ายลักไปถูกเพลิงไหม้ที่ริมถนนสายเพชรเกษมฝั่งขาออกไปจังหวัดตรัง เยื้องโรงเรียนบ้านเหนือ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โจทก์แจ้งให้จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยปฏิเสธอ้างว่าเหตุที่รถยนต์สูญหายเป็นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์

*คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า การกระทำของโจทก์เป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ขับรถยนต์ที่ทำประกันภัยไว้กับจำเลยแล่นไปจอดริมถนนบริเวณหน้าร้านขายแบตเตอรี่ทุ่งสง 99 ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาธารณะขนาดใหญ่ มีร้านค้าตั้งอยู่ติด ๆ กัน ฝั่งตรงข้ามของถนนก็มีลักษณะเปิดเป็นร้านค้าเช่นเดียวกัน สภาพร้านขายของริมถนนบริเวณที่เกิดเหตุจึงมีลักษณะเป็นตลาดย่านการค้า โจทก์จอดรถเพื่อติดต่อขอซื้อแบตเตอรี่ โดยจอดรถห่างจากร้านประมาณ 5 ถึง 8 เมตร เนื่องจากไม่มีที่จอดรถ เมื่อจอดรถแล้วลงจากรถไปต่อรองราคากับเจ้าของร้านทุ่งสงแบตเตอรี่ 99 ใช้เวลาประมาณ 6 นาที จึงหันหลังกลับมาที่รถยนต์เพื่อให้พนักงานของร้านนำแบตเตอรี่ที่ตกลงซื้อไปส่งให้ แต่รถยนต์หายไปจากที่จอดแล้ว จากข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจุดจอดรถยนต์อยู่ใกล้ร้านขายแบตเตอรี่และจุดที่โจทก์ติดต่อขอซื้อแบตเตอรี่กับทางเจ้าของร้านอย่างมาก การติดต่อขอซื้อแบตเตอรี่ก็เป็นที่คาดการณ์ได้ว่าใช้เวลาไม่นาน และจากข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าใช้เวลาประมาณ 6 นาทีเท่านั้น ขณะจอดรถเป็นเวลากลางวัน ทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่ามีสิ่งใดปิดบังจุดที่จอดรถยนต์อันเป็นช่องทางให้คนร้ายสามารถลงมือกระทำความผิดได้โดยง่ายแต่อย่างใด และจุดจอดรถอยู่หน้าร้านค้าหรืออาคารที่พักอาศัยของบุคคลอื่นซึ่งอยู่ติดกับร้านขายแบตเตอรี่ จุดจอดรถจึงอยู่เยื้องจากหน้าร้านขายแบตเตอรี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การจอดรถยนต์ของโจทก์ในลักษณะดังกล่าวโดยวางกุญแจไว้ที่เบาะข้างคนขับด้านหน้าไม่ล็อกประตู ก็ยังอยู่ในวิสัยที่โจทก์สามารถดูแลรักษารถยนต์ซึ่งเป็นหน้าที่ของโจทก์ได้ การจอดรถยนต์ของโจทก์ในลักษณะดังกล่าวมิใช่การละทิ้งการครอบครองชั่วคราว รถยนต์ยังอยู่ในความครอบครองของโจทก์ และการตีความตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดเมื่อความวินาศภัยหรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริต หรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ และข้อสัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นบทยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันนั้น ต้องตีความโดยเคร่งครัด ดังนั้นแม้การที่โจทก์จอดรถยนต์ โดยวางกุญแจไว้ที่รถ ไม่นำกุญแจติดตัวไปด้วยและไม่ปิดล็อกรถยนต์จะพอถือได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นความรับผิดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและข้อตกลงตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จะทำให้จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิด จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยไม่ทำให้ผลคำพิพากษาเปลี่ยนแปลง จึงไม่จำต้องวินิจฉัย

*พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 4,000 บาท แทนโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นในชั้นฎีกานอกจากนี้ให้เป็นพับ

•  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879

•  ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

•  การยกเว้นความรับผิดในกรมธรรม์ประกันภัย

•  คดีรถยนต์สูญหาย ประกันภัย

•  ความรับผิดของผู้รับประกันภัย

•  ตีความข้อยกเว้นความรับผิดในสัญญาประกัน

•  คำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องประกันภัยรถยนต์

•  ข้อพิพาทเกี่ยวกับการละทิ้งความครอบครองรถยนต์

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879, ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง, การยกเว้นความรับผิดในกรมธรรม์ประกันภัย, คดีรถยนต์สูญหาย ประกันภัย, ความรับผิดของผู้รับประกันภัย, ตีความข้อยกเว้นความรับผิดในสัญญาประกัน, คำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องประกันภัยรถยนต์, ข้อพิพาทเกี่ยวกับการละทิ้งความครอบครองรถยนต์,

*คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2567 (ย่อ)

ข้อเท็จจริงและปัญหาที่ต้องวินิจฉัย

โจทก์ทำประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย โดยกรมธรรม์ครอบคลุมกรณีรถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้ โจทก์ขับรถยนต์ไปจอดริมถนนใกล้ร้านค้าเพื่อซื้อสินค้า โดยไม่ได้ล็อกประตูรถและวางกุญแจไว้บนเบาะด้านหน้า ต่อมารถยนต์ถูกลักและถูกพบในสภาพถูกเผา โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหม แต่จำเลยปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์

ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์เข้าข่าย "ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง" ตาม ป.พ.พ. มาตรา 879 หรือไม่

ข้อพิจารณา

•การจอดรถริมถนนในย่านการค้าช่วงกลางวัน และการจอดใกล้ร้านค้าโดยห่างเพียง 5-8 เมตร แม้โจทก์ไม่ได้ล็อกประตูหรือเก็บกุญแจไว้กับตัว ก็ยังอยู่ในวิสัยที่สามารถดูแลรถยนต์ได้ ไม่ถือเป็นการละทิ้งความครอบครองชั่วคราว

•การตีความข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 879 วรรคหนึ่ง ต้องตีความโดยเคร่งครัด แม้โจทก์จะมีส่วนประมาทเลินเล่อ แต่ไม่ถึงขั้นเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

•การกระทำดังกล่าวไม่เข้าข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหม

*คำพิพากษา

ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยชดใช้เงิน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่วันฟ้อง และค่าทนายความชั้นฎีกา 4,000 บาท ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมอื่นให้เป็นพับ พิพากษายืน

หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 วรรคหนึ่ง

*บทบัญญัติ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 วรรคหนึ่ง ระบุว่า "ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดเมื่อความวินาศภัยหรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญาได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์"

*คำอธิบายหลักการสำคัญ

1.ข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย

*มาตรา 879 วรรคหนึ่งกำหนดเงื่อนไขที่ผู้รับประกันภัยสามารถปฏิเสธความรับผิดได้ หากเหตุการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ในสองกรณี:

oความทุจริต: เช่น การก่อเหตุเสียหายขึ้นเองเพื่อเรียกร้องค่าสินไหม

oความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง: เช่น การกระทำที่ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรจนเกิดความเสียหาย

2.การตีความข้อยกเว้น

การยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยถือเป็นข้อจำกัดสิทธิของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ ดังนั้น ต้องตีความอย่างเคร่งครัด กล่าวคือ ต้องพิจารณาอย่างละเอียดว่า การกระทำที่กล่าวหาว่าเป็น "ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง" นั้นมีลักษณะร้ายแรงเพียงพอหรือไม่

3.ความประมาทเลินเล่อทั่วไปและอย่างร้ายแรง

oความประมาทเลินเล่อทั่วไป: การกระทำที่อาจมีความไม่รอบคอบบ้างแต่ไม่ถึงกับร้ายแรง เช่น ลืมล็อกประตูรถ

oความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง: การกระทำที่แสดงถึงการขาดความระมัดระวังในระดับที่ไม่ควรเกิด เช่น การจอดรถในสถานที่เปลี่ยว ทิ้งกุญแจในรถโดยไม่มีความจำเป็น และไม่เฝ้าดูแลเลย

*การนำหลักกฎหมายนี้ไปใช้ในคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2567

ในคดีนี้ ศาลพิจารณาแล้วว่า การที่โจทก์จอดรถใกล้ร้านค้าในตลาดย่านการค้า แม้ไม่ได้ล็อกประตูหรือเก็บกุญแจไว้กับตัว แต่ยังอยู่ในวิสัยที่สามารถดูแลได้ ไม่ถือเป็นการละทิ้งความครอบครองหรือการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง การตีความข้อยกเว้นความรับผิดในมาตรา 879 ต้องเคร่งครัด ดังนั้น การกระทำของโจทก์ไม่เข้าเงื่อนไขข้อยกเว้น และผู้รับประกันภัยต้องรับผิดตามกรมธรรม์

*สรุป

หลักกฎหมายในมาตรา 879 วรรคหนึ่ง เป็นมาตรการคุ้มครองผู้รับประกันภัยจากการกระทำที่ไม่สมควรของผู้เอาประกันภัย แต่ในขณะเดียวกันก็กำหนดให้ตีความอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ผู้รับประกันภัยปฏิเสธความรับผิดโดยไม่มีเหตุอันสมควร การนำมาตรานี้ไปใช้จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในบริบทของคดีแต่ละกรณี

****บทความ: ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงและข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย

1. ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงคืออะไร

ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง (Gross Negligence) หมายถึง การกระทำหรือการละเว้นกระทำของบุคคลที่แสดงถึงความขาดความระมัดระวังในระดับที่ไม่สมควรหรือไม่คาดหวังจากบุคคลทั่วไปในสถานการณ์เดียวกัน ถือเป็นการละเมิดหน้าที่ในการป้องกันความเสียหายที่มีผลกระทบร้ายแรงกว่าการประมาทเลินเล่อทั่วไป (Ordinary Negligence)

ความแตกต่างระหว่างความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงกับไม่ร้ายแรง

1.ความประมาทเลินเล่อทั่วไป

oการกระทำที่ขาดความระมัดระวัง เช่น การลืมล็อกประตูรถ แต่ยังอยู่ในวิสัยที่สามารถป้องกันได้โดยไม่เกิดผลกระทบร้ายแรง

2.ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

oการกระทำที่ขาดความระมัดระวังขั้นพื้นฐาน เช่น จอดรถในพื้นที่เสี่ยงโดยทิ้งกุญแจไว้ในรถโดยไม่มีเหตุผลสมควร ซึ่งเพิ่มโอกาสให้เกิดความเสียหายโดยง่าย

ตัวอย่างเช่น:

ในกรณีที่โจทก์จอดรถในตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่าน (ตามแนวของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2567) แม้โจทก์จะไม่ได้ล็อกประตู แต่ยังถือว่าอยู่ในวิสัยที่ดูแลได้ จึงไม่ใช่ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

2. ข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย

บทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

•ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 วรรคหนึ่ง:

ระบุว่าผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากความเสียหายเกิดขึ้นเพราะ

oความทุจริตของผู้เอาประกันภัย

oความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย

หลักการพิจารณาข้อยกเว้นความรับผิด

1.ตีความอย่างเคร่งครัด

ข้อยกเว้นความรับผิดต้องตีความโดยไม่ขยายความ เพื่อปกป้องสิทธิของผู้เอาประกันภัย

2.วิเคราะห์การกระทำของผู้เอาประกันภัย

oลักษณะการกระทำ: ผู้เอาประกันภัยละเลยหน้าที่ดูแลทรัพย์สินหรือไม่

oระดับความประมาท: เป็นเพียงประมาทเลินเล่อทั่วไปหรือร้ายแรง

3.ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล

ความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

3. ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

3.1 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2567

โจทก์จอดรถในตลาดย่านการค้า โดยไม่ได้ล็อกประตูรถและวางกุญแจไว้ในรถ ศาลพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความประมาทเลินเล่อ แต่ไม่ถึงขั้น "ร้ายแรง" ผู้รับประกันภัยจึงไม่พ้นความรับผิด

3.2 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2121/2560

ผู้เอาประกันภัยทิ้งรถยนต์ไว้ในพื้นที่เปลี่ยว ทิ้งกุญแจไว้ในรถโดยไม่มีความจำเป็น และไม่ได้ป้องกันทรัพย์สิน ศาลพิจารณาว่าเป็น "ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง" ผู้รับประกันภัยพ้นความรับผิด

3.3 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2555

ผู้เอาประกันภัยดื่มสุราอย่างหนักและขับรถโดยประมาทจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ศาลพิจารณาว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ส่งผลให้ผู้รับประกันภัยพ้นความรับผิด

3.4 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2554

ผู้เอาประกันภัยจอดรถในพื้นที่เสี่ยง โดยปล่อยให้รถไม่ได้ล็อกและไม่อยู่เฝ้าดูแล ศาลเห็นว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย

4. ข้อสรุปและบทเรียนจากตัวอย่างคดี

1.การประมาทเลินเล่อที่เข้าข้อยกเว้นความรับผิดต้องมีลักษณะร้ายแรงที่เห็นได้ชัดเจน

2.ศาลจะพิจารณาจากลักษณะสถานที่ ระดับความระมัดระวัง และความเกี่ยวข้องระหว่างการกระทำกับผลที่เกิดขึ้น

3.ผู้เอาประกันภัยควรปฏิบัติตามหน้าที่ดูแลทรัพย์สินอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลัง

บทบัญญัติในมาตรา 879 จึงเป็นหลักการสำคัญที่สร้างความสมดุลระหว่างสิทธิของผู้เอาประกันภัยและความรับผิดชอบของผู้รับประกันภัยในสัญญาประกันภัย




นิติกรรม

คดีเลิกสัญญาก่อสร้าง, สิทธิในเบี้ยปรับตามกฎหมาย, เบี้ยปรับในสัญญาก่อสร้าง
คดีเกี่ยวกับการบุกรุกป่าสงวน, ข้อกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินรัฐ, สิทธิการครอบครองที่ดินชั่วคราว
เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน, การปลอมแปลงหนังสือมอบอำนาจโอนที่ดิน, ค่าสินไหมทดแทนจากการละเมิด
กฎหมายกู้ยืมเงิน, หลักฐานการกู้ยืมเงิน, ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, การกู้ยืมเงินในไลน์และเฟสบุค
นิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์
หลักฐานการกู้ยืมเงิน, การลงลายมือชื่อในสัญญากู้ยืม, การพิสูจน์การชำระหนี้
คดีผู้บริโภค, การใช้สิทธิไม่สุจริต, ความสุจริตในการชำระหนี้, มาตรฐานทางการค้า
สัญญาประนีประนอมยอมความ, การรังวัดที่ดินแนวเขต, อำนาจฟ้อง,
สัญญานายหน้าและค่านายหน้า, กฎหมายลาภมิควรได้, การบอกเลิกสัญญานายหน้าโดยไม่สุจริต
สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆะ, นิติกรรมอำพรางการกู้ยืมเงิน
กู้ยืมเงินไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ
ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรสละมรดกของบุตรผู้เยาว์ไม่ได้
การทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์
หนังสือสัญญากู้เงินตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์
การซื้อขายที่ดินตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150
ผู้รับจำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นโดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีเจ้าหนี้อื่นมาขอเฉลี่ยหนี้
สัญญาเช่าที่ดินซึ่งเป็นเจ้าของรวม
การโอนที่ดินในระยะเวลาห้ามโอนเป็นโมฆะ
สิทธิบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด
คำสั่งงดสืบพยานจำเลย
สัญญาจะซื้อจะขายมีผลอย่างไรกับสัญญาซื้อขาย
หนังสือมอบอำนาจ พิมพ์ลายนิ้วมือ
กฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยฝ่าฝืนเป็นโมฆะ | ดอกเบี้ยผิดนัด
สิทธิของผู้รับจำนองเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้เรียกว่า"บุริมสิทธิ"
ยืนยันข้อเท็จจริงหลายทางไม่อาจเป็นไปได้ในคราวเดียวกัน จึงไม่ขัดแย้งกันเอง
สัญญาที่ทำขึ้นโดยไม่มีเจตนาแท้จริงให้ผูกพันกัน
ความรับผิดในคดีแพ่งต้องอาศัยมูลมาจากการกระทำความผิดในทางอาญา
นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย, ฝ่าฝืนกฎหมาย
อำนาจฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการจำหน่ายที่ดินเพื่อชำระเป็นเงินให้คนต่างด้าว
ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมให้สินสมรสเมื่อผู้ให้ตายแล้วไม่ต้องฟ้องผู้จัดการมรดกก็ได้
ขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินสินสมรส
การขายอสังหาริมทรัพย์ของบุตรผู้เยาว์จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลเสียก่อน
ผลของการบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะเดิม
นิติกรรมอำพรางคู่กรณีต้องแสดงเจตนาทำนิติกรรมขึ้นสองนิติกรรม
องค์ประกอบของนิติกรรม
สัญญารับเหมาก่อสร้างเลิกกัน คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิม
สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นนิติกรรมอำพรางการกู้ยืมเงิน
ทำสัญญากู้ยืมเงินในฐานะผู้แทนของสมาคมไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
แม้ดอกเบี้ยเป็นโมฆะแต่ยังต้องรับผิดต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยผิดนัด
ข้อตกลงให้ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ชำระค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ขายที่ดินห้ามโอนภายใน 10 ปีเป็นการสละการครอบครอง
สิทธิได้รับค่าตอบแทนก่อนบอกเลิกสัญญาตัวแทนประกันชีวิต
ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประกันชีวิต-อ้างถูกฉ้อฉลให้ทำสัญญา
ผู้รับประกันภัยได้รับประกันวินาศภัยไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ
ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเกินอัตราเป็นโมฆะต้องนำมาหักเป็นต้นเงิน
สัญญาเช่าบ้านภายหลังการซื้อขาย
ผู้จะขายไม่ได้รับใบอนุญาตให้จัดสรรที่ดินผู้จะซื้อไม่รู้สัญญาไม่เป็นโมฆะ
ผู้แทนโดยชอบธรรมทำสัญญาขายไม้มรดกส่วนของผู้เยาว์-ไม่ต้องขออนุญาตศาลก่อน
คู่สัญญามีอำนาจฟ้องให้โอนทรัพย์สินให้บุตรได้
การฟ้องคดีแพ่งมิใช่เป็นการทำนิติกรรม
การกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในสัญญาถือว่าเป็นเบี้ยปรับ
จดทะเบียนจำนองที่ดินเฉพาะส่วนของตน
สิทธิในการเช่าซื้อเป็นมรดกหรือไม่?