ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




(ฎีกา 1222/2568) ยื่นคำร้อง CIOS & การแจ้งคำสั่งศาล

คำพิพากษาศาลฎีกา, 1222/2568, ระบบ CIOS, ยื่นคำร้อง, ศาลยุติธรรม, วิธีพิจารณาความแพ่ง, แจ้งคำสั่งศาล, อุทธรณ์ฎีกา, ครอบครองปรปักษ์, ทิ้งคำร้อง

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ 


บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) และการแจ้งคำสั่งศาลต่อคู่ความ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่เจ้าหน้าที่ศาลไม่ได้นำเข้าข้อมูลคำสั่งในระบบ CIOS ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ย่อมไม่อาจถือได้ว่าผู้คัดค้านทราบคำสั่งศาล คำสั่งของศาลล่างที่ถือว่าผู้คัดค้านทิ้งคำร้องจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษากลับและให้ดำเนินการตามคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต่อไป


ข้อเท็จจริงของคดี

1. ผู้ร้องยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาท ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน

2. ผู้คัดค้านไม่มาศาลในวันนัด ศาลชั้นต้นสั่งว่าผู้คัดค้านขาดนัด

3. ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ทางระบบ CIOS วันที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 17.25 น. ซึ่งถือว่าเป็นการยื่นในวันถัดไปที่ศาลเปิดทำการ

4. ศาลสั่งให้นัดไต่สวนและให้ผู้คัดค้านนำส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องแก่ผู้ร้องภายใน 7 วัน หากไม่ดำเนินการให้ถือว่าทิ้งคำร้อง

5. ผู้คัดค้านไม่ได้ส่งหมายนัดและสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นจึงสั่งว่าผู้คัดค้านทิ้งคำร้อง

6. ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

7. ผู้คัดค้านฎีกาโดยได้รับอนุญาต 


คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

การยื่นคำร้องผ่านระบบ CIOS มีผลสมบูรณ์เมื่อยื่นในระบบ แม้จะยื่นนอกเวลาราชการ ให้ถือว่ายื่นในวันถัดไปที่ศาลเปิดทำการ

การแจ้งคำสั่งของศาลต่อคู่ความต้องทำผ่านระบบ CIOS เท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ต้องนำเข้าคำสั่งในระบบ

หากในระบบยังไม่ปรากฏคำสั่ง ย่อมถือว่าผู้คัดค้านยังไม่ทราบคำสั่งนั้น

ดังนั้น คำสั่งศาลชั้นต้นที่ถือว่าผู้คัดค้านทิ้งคำร้อง เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งเดิม และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต่อไป


การวิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

1. มาตรา 68 ป.วิ.พ.: ให้อำนาจใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการยื่นและส่งเอกสารทางคดี

2. ข้อกำหนดประธานศาลฎีกา และประกาศสำนักงานศาลยุติธรรม: วางหลักเกณฑ์การใช้ระบบ CIOS เพื่อให้มีผลเทียบเท่าการยื่นเอกสารปกติ

3. ปัญหาการแจ้งคำสั่ง: การที่ศาลชั้นต้นไม่ป้อนคำสั่งลงในระบบ ทำให้ผู้คัดค้านไม่ได้รับทราบอย่างเป็นทางการ

4. หลักความยุติธรรม: ระบบ CIOS มีเจตนารมณ์เพื่อความสะดวกและโปร่งใส หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน ย่อมไม่อาจโทษคู่ความได้

5. ผลทางกฎหมาย: คำสั่งทิ้งคำร้องที่ออกโดยไม่มีการแจ้งคำสั่งอย่างถูกต้องจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงเพิกถอน


IRAC Analysis

Issue (ปัญหา):

คำสั่งศาลชั้นต้นที่ถือว่าผู้คัดค้านทิ้งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อยังไม่มีการแจ้งคำสั่งผ่านระบบ CIOS

Rule (กฎหมายที่ใช้):

ป.วิ.พ. มาตรา 68

ข้อกำหนดประธานศาลฎีกา เรื่องการยื่นและส่งเอกสารทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2560

ประกาศสำนักงานศาลยุติธรรม 30 ธันวาคม 2563 ข้อ 7, 35, 40, 41

Application (การวินิจฉัย):

ผู้คัดค้านยื่นคำร้องถูกต้องผ่านระบบ CIOS แต่เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการป้อนคำสั่งลงในระบบ จึงไม่อาจถือได้ว่าผู้คัดค้านทราบคำสั่ง การที่ศาลชั้นต้นถือว่าผู้คัดค้านทิ้งคำร้องจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

Conclusion (ข้อสรุป):

ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งเดิม และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต่อไป


ข้อคิดทางกฎหมาย

ระบบ CIOS มีผลบังคับทางกฎหมายเทียบเท่าการยื่นเอกสารโดยตรง

ศาลและเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนในระบบอย่างครบถ้วน

คู่ความไม่ต้องรับผิดจากความบกพร่องของระบบหรือเจ้าหน้าที่

การแจ้งคำสั่งต้องทำผ่าน CIOS เท่านั้น จึงจะถือว่าคู่ความทราบคำสั่ง


English Summary 

The Supreme Court Decision No. 1222/2025 concerns the use of the CIOS e-filing system in civil proceedings. The Court ruled that an order is deemed notified only when entered into the CIOS system. Since the lower courts treated the opponent’s petition as abandoned without proper electronic notification, the Supreme Court reversed the order and remanded for further proceedings.


ประเด็นสำคัญที่สุดของคดีนี้ ศาลฎีกาใช้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 68 ประกอบกับ ข้อกำหนดประธานศาลฎีกา พ.ศ. 2560 และ ประกาศสำนักงานศาลยุติธรรม 30 ธันวาคม 2563 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การยื่น ส่ง และแจ้งคำสั่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (CIOS) มาเป็นฐานกฎหมายในการวินิจฉัย

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2568

ประกาศสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่ง และรับคำคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ข้อ 7 มีความว่า การยื่นคำคู่ความและ/หรือเอกสารทางระบบ หากกระทำเสร็จสมบูรณ์นอกเวลาทำการปกติหรือนอกวันทำการปกติของศาล ให้ถือว่าเป็นการยื่นในเวลาแรกหรือวันทำการแรกที่ศาลเปิดทำการปกติถัดไป ทั้งนี้ ให้ถือตามเวลาของระบบ เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ในวันที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 17 : 25 : 02 นาฬิกา จึงต้องถือว่าผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในเวลา 8.30 นาฬิกา ของวันที่ 9 กันยายน 2565 อันเป็นเวลาแรกที่ศาลเปิดทำการปกติถัดไป และตามข้อ 40 วรรคสาม เจ้าหน้าที่ศาลต้องพิมพ์คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ออกจากระบบโดยเร็วแต่ไม่เกินสามวันทำการนับแต่วันได้รับหลักฐานการชำระเงิน และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอต่อศาลโดยเร็ว เมื่อศาลมีคำสั่งประการใดแล้วให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลก็ได้พิมพ์คำร้องดังกล่าวออกแล้วเสนอศาลมีคำสั่งในวันเดียวกัน และตามข้อ 41 เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการนำเข้าข้อมูลคำสั่งศาลในระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) เพื่อแจ้งคำสั่งของศาลให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ใช้ระบบทราบ เมื่อประกาศดังกล่าวมีข้อความกำหนดไว้เช่นนี้ กรณีจะถือว่าผู้คัดค้านทราบคำสั่งศาลก็ต่อเมื่อมีการแจ้งคำสั่งผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) แล้ว ทั้งนี้ตามข้อ 35 ซึ่งมีความว่า ผู้ใช้ระบบมีหน้าที่ติดตามผลคำสั่งเกี่ยวกับคำคู่ความและ/หรือเอกสารที่ผู้ใช้ระบบยื่นทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ดังนั้น ในกรณีนี้จะถือว่าผู้คัดค้านทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้ผู้คัดค้านนำส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องแก่ผู้ร้องภายใน 7 วัน ก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ดำเนินการนำเข้าข้อมูลในระบบเพื่อแจ้งคำสั่งของศาลทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ให้ผู้คัดค้านทราบ และเมื่อผู้คัดค้านเลือกใช้ระบบนี้แล้ว ผู้คัดค้านก็ไม่จำต้องดำเนินการใด ๆ อีกเพื่อหาทางรับทราบคำสั่งศาลด้วยวิธีอื่น ๆ ดังเช่นกรณีการยื่น การส่ง และการแจ้งคำสั่งในกรณีปกติที่เคยปฏิบัติ เนื่องจากเจตนารมณ์ของศาลยุติธรรมในการนำระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) มาใช้งานก็เพื่อการบริการและอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการแก่ตัวความและทนายความ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามเอกสารท้ายคำร้องของผู้คัดค้านซึ่งเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 เวลา 15.32 นาฬิกา ว่า ในช่อง การดำเนินการ/คำสั่งศาล/หมายเหตุ ของในระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ยังไม่ปรากฏข้อความแจ้งคำสั่งศาลตามที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามข้อ 35 จึงจะถือว่าผู้คัดค้านได้ทราบคำสั่งศาลแล้วหรือมีการแจ้งคำสั่งศาลแล้วไม่ได้


คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์ ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน เมื่อถึงวันนัดไต่สวน ผู้คัดค้านไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้คัดค้านขาดนัดพิจารณา ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวน และให้ผู้คัดค้านนำส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องแก่ผู้ร้องภายใน 7 วัน แต่ผู้คัดค้านมิได้นำส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องภายในกำหนดเวลาตามคำสั่งศาล วันที่ 21 กันยายน 2565 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านทิ้งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 7050 ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

วันที่ 29 กันยายน 2565 ผู้คัดค้านยื่นคำร้อง ขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ (ที่ถูก ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ว่า ผู้คัดค้านทิ้งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่)

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้คัดค้านอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

ผู้คัดค้านฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา 


ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ยุติฟังได้ว่า ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ผ่านทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ในวันที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 17 : 25 : 02 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ของศาลชั้นต้นพิมพ์คำร้องออกจากระบบแล้วนำเสนอผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในวันที่ 9 กันยายน 2565 ว่า ให้นัดไต่สวน และให้ผู้คัดค้านนำส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องแก่ผู้ร้องภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ ให้แถลงภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้อง การส่งไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2565 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านทิ้งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) เนื่องจากผู้คัดค้านมิได้นำส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามคำสั่งศาลชั้นต้น


คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่า ผู้คัดค้านทิ้งคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 68 บัญญัติให้การยื่นและการส่งคำคู่ความและเอกสารที่คู่ความกระทำต่อศาล รวมทั้งการแจ้งคำสั่งของศาลไปยังคู่ความอาจดำเนินการโดยทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใดก็ได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และเมื่อข้อกำหนดนั้นได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ ซึ่งข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับคำคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2560 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2560 ข้อ 12 มีความว่า การยื่นคำคู่ความอื่น ๆ หรือเอกสารทางคดีอื่นใด อันนอกจากคำฟ้องตั้งต้นคดี ตามที่ได้กำหนดไว้เพิ่มเติมในประกาศสำนักงานศาลยุติธรรมทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ให้นำขั้นตอนและวิธีการในการยื่นคำฟ้องมาบังคับใช้โดยอนุโลม และข้อ 19 มีความว่า ให้สำนักงานศาลยุติธรรมออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการยื่น ส่ง และรับคำคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดนี้ ต่อมาสำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกประกาศสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่ง และรับคำคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ซึ่งข้อ 7 มีความว่า การยื่นคำคู่ความและ/หรือเอกสารทางระบบ หากกระทำเสร็จสมบูรณ์นอกเวลาทำการปกติหรือนอกวันทำการปกติของศาล ให้ถือว่าเป็นการยื่นในเวลาแรกหรือวันทำการแรกที่ศาลเปิดทำการปกติถัดไป ทั้งนี้ ให้ถือตามเวลาของระบบ ดังนั้น เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ในวันที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 17 : 25 : 02 นาฬิกา จึงต้องถือว่าผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในเวลา 8.30 นาฬิกา ของวันที่ 9 กันยายน 2565 อันเป็นเวลาแรกที่ศาลเปิดทำการปกติถัดไป และตามข้อ 40 วรรคสาม เจ้าหน้าที่ศาลต้องพิมพ์คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ออกจากระบบโดยเร็วแต่ไม่เกินสามวันทำการนับแต่วันได้รับหลักฐานการชำระเงิน และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอต่อศาลโดยเร็ว เมื่อศาลมีคำสั่งประการใดแล้วให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลก็ได้พิมพ์คำร้องดังกล่าวออกแล้วเสนอศาลมีคำสั่งในวันเดียวกัน และตามข้อ 41 เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการนำเข้าข้อมูลคำสั่งศาลในระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) เพื่อแจ้งคำสั่งของศาลให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ใช้ระบบทราบ เมื่อประกาศดังกล่าวมีข้อความกำหนดไว้เช่นนี้ กรณีจะถือว่าผู้คัดค้านทราบคำสั่งศาลก็ต่อเมื่อมีการแจ้งคำสั่งผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) แล้ว ทั้งนี้ตามข้อ 35 ซึ่งมีความว่า ผู้ใช้ระบบมีหน้าที่ติดตามผลคำสั่งเกี่ยวกับคำคู่ความและ/หรือเอกสารที่ผู้ใช้ระบบยื่นทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ดังนั้น ในกรณีนี้จะถือว่าผู้คัดค้านทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้ผู้คัดค้านนำส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องแก่ผู้ร้องภายใน 7 วัน ก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ดำเนินการนำเข้าข้อมูลในระบบเพื่อแจ้งคำสั่งของศาลทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ให้ผู้คัดค้านทราบ และเมื่อผู้คัดค้านเลือกใช้ระบบนี้แล้ว ผู้คัดค้านก็ไม่จำต้องดำเนินการใด ๆ อีกเพื่อหาทางรับทราบคำสั่งศาลด้วยวิธีอื่น ๆ ดังเช่นกรณีการยื่น การส่ง และการแจ้งคำสั่งในกรณีปกติที่เคยปฏิบัติ เนื่องจากเจตนารมณ์ของศาลยุติธรรมในการนำระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) มาใช้งานก็เพื่อการบริการและอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการแก่ตัวความและทนายความ เมื่อตัวความและทนายความตัดสินใจเลือกใช้ระบบบริการออนไลน์ด้วยการลงทะเบียน และได้รับการยอมรับจากศาลชั้นต้นว่าให้เป็นผู้ใช้ระบบได้แล้ว ศาลชั้นต้นก็มีหน้าที่ต้องดำเนินการในระบบบริการดังกล่าวให้ตลอดและเป็นไปตามเจตนารมณ์และความคาดหวังดังกล่าว ทั้งเพื่อมิให้เกิดการเข้าใจผิดหรือความผิดพลาดในการดำเนินกระบวนพิจารณาระหว่างศาลกับตัวความหรือทนายความ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามเอกสารท้ายคำร้องของผู้คัดค้านซึ่งเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 เวลา 15.32 นาฬิกา ว่า ในช่อง การดำเนินการ/คำสั่งศาล/หมายเหตุ ของในระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ยังไม่ปรากฏข้อความแจ้งคำสั่งศาลตามที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามข้อ 35 จึงจะถือว่าผู้คัดค้านได้ทราบคำสั่งศาลแล้วหรือมีการแจ้งคำสั่งศาลแล้วไม่ได้ การที่ศาลล่างทั้งสองมีความเห็นยืนตามกันมาว่าผู้คัดค้านทิ้งคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น

พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 21 กันยายน 2565 ที่สั่งว่า ผู้คัดค้านทิ้งคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและมีคำสั่งตามคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ ลงวันที่ 9 กันยายน 2565 ของผู้คัดค้านต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ



1.	มาตรา 68 ป.วิ.พ.: ให้อำนาจใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ยื่นและส่งเอกสาร, 2.	ข้อกำหนดศาลฎีกา: กำหนดการใช้ CIOS ให้มีผลเช่นการยื่นเอกสารปกติ, 3.	ปัญหาการแจ้งคำสั่ง: หากไม่ป้อนในระบบ ผู้คัดค้านไม่ถือว่าทราบ, 4.	หลักยุติธรรม: CIOS เพื่อความสะดวก โปร่งใส คู่ความไม่ควรถูกโทษ, 5.	ผลกฎหมาย: คำสั่งทิ้งคำร้องที่ไม่แจ้งถูกต้อง ศาลฎีกาเพิกถอน
 



คำพิพากษาและคำสั่ง

การบรรยายฟ้องขาดสาระสำคัญ-พิพากษาเกินคำขอไม่ได้
ฟ้องโจทก์ไม่มีคำขอบังคับจึงไม่อาจพิพากษาให้เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
พิพากษาเกินไปกว่าคำขอท้ายฟ้อง