

ขอเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ขอเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการค้ารูปตราประดิษฐ์ที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้ารูปตราประดิษฐ์ของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดว่าสินค้าตามเครื่องหมายการค้าของตนเป็นสินค้าของผู้อื่นนั้น ผู้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่เสียหายมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นได้ การที่ทราบถึงเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นเนื่องจากเคยทำงานด้วยกัน จึงมีเหตุทำให้เชื่อได้ว่าความคล้ายของเครื่องหมายการค้านั้นเกิดจากการที่เคยทำงานร่วมกันและนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าวไปดัดแปลงและจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าของตน จึงถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในเครื่องหมายการค้านั้นมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2550 เครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 และมีการต่ออายุตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 จึงอาจมีการเพิกถอนตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ได้ จำเลยร่วมรับโอนเครื่องหมายการค้าพิพาททางมรดกจากบิดาจำเลยร่วม ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ากรณีมีเหตุทำให้เชื่อได้ว่าความคล้ายของเครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมกับของโจทก์เกิดจากการที่บิดาจำเลยร่วมทราบถึงเครื่องหมายการค้าของโจทก์เนื่องจากเคยทำงานกับโจทก์ และนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าวไปดัดแปลงและจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าของตนจึงถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เมื่อโจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสีย โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมได้ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 61 (2) ประกอบ มาตรา 8 แม้สินค้าบานเกล็ดจะไม่ใช่เป็นสินค้าที่ระบุไว้ในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ เมื่อโจทก์มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอน แต่คณะกรรมการฯมีคำสั่งไม่ให้เพิกถอน คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมจึงชอบแล้ว โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ 28/2545 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2545 ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 ที่ยกคำร้องของโจทก์ และให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าทะเบียนเลขที่ ค. 43126 คำขอเลขที่ 304992 ตามคำร้องขอเพิกถอนของโจทก์ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 ให้การขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางหมายเรียกนายอรุณเข้าเป็นจำเลยร่วมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (3) (8) ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 27 ธันวาคม 2545 จำเลยร่วมให้การขอให้ยกฟ้อง ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 ที่ 28/2545 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2545 และให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมทะเบียนเลขที่ ค. 43126 คำขอเลขที่ 304992 กับให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 และจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 3,000 บาท จำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 และจำเลยร่วมอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 และจำเลยร่วมมีว่า มีเหตุที่จะเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 117 บัญญัติว่า "เครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พุทธศักราช 2474 และยังคงจดทะเบียนอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือเป็นเครื่องหมายการค้าตามพระราชบัญญัตินี้" เครื่องหมายการค้ารูปตาประดิษฐ์ ของจำเลยร่วมจดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2529 ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 และมีการต่ออายุตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 เครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมจึงเป็นเครื่องหมายการค้าตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 เมื่อเป็นเครื่องหมายการค้าตามพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงอาจมีการเพิกถอนการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้พิเคราะห์เครื่องหมายการค้ารูปตาประดิษฐ์ของจำเลยร่วม แล้วเห็นว่าคล้ายกับเครื่องหมายการค้ารูปตาประดิษฐ์ ของโจทก์ที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2474 จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดว่าสินค้าบานเกล็ดอลูมิเนียมของจำเลยร่วมเป็นสินค้าของโจทก์ นายชัยศิลป์บิดาจำเลยร่วมเป็นผู้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว เมื่อพยานโจทก์คือนายอีลิมอดีตลูกจ้างโจทก์เบิกความประกอบบันทึกถ้อยคำยืนยันว่า บิดาจำเลยร่วมเคยทำงานกับโจทก์ในระหว่างปี 2502 ถึง 2504 จึงมีเหตุทำให้เชื่อได้ว่าความคล้ายของเครื่องหมายการค้านั้นเกิดจากการที่บิดาจำเลยร่วมทราบถึงเครื่องหมายการค้าของโจทก์และนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าวไปดัดแปลงและจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าของตน จึงถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เมื่อโจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสีย โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 61 (2) ประกอบมาตรา 8 แม้สินค้าบานเกล็ดอลูมิเนียมจะเป็นสินค้าที่ทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์มิได้ระบุไว้ก็ตาม เมื่อโจทก์มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอน แต่คณะกรรมการเครื่องหมายการค้าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 มีคำสั่งไม่ให้เพิกถอน คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วมจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 และจำเลยร่วมฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ. พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า 2534 มาตรา 8 เครื่องหมายการค้าที่มีหรือประกอบด้วยลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ห้ามมิให้รับจดทะเบียน มาตรา 61 ผู้มีส่วนได้เสียหรือนายทะเบียนอาจร้องขอต่อคณะกรรมการ ให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใดได้ หากแสดงได้ว่า เครื่องหมายการค้านั้น ในขณะที่จดทะเบียน คำฟ้องที่บรรยายข้อเท็จจริงไม่ครบองค์ประกอบความผิด พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 108, 110(1) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2559 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กระทำการโดยไม่สุจริตดัดแปลงลอกเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปขอจดทะเบียน อันเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวโดยฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า วันที่ 11 กันยายน 2546 โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 29 มีนาคม 2553 จึงพ้นกำหนดระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวแล้ว แม้โจทก์จะมีสิทธิดีกว่าก็ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้ โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาว่า โจทก์เป็นเจ้าของและมีสิทธิดีกว่าจำเลยทั้งสามในเครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง คำว่า VIKING SHIP เรือใบไวกิ้ง และไวกิ้ง รวมทั้งเครื่องหมายการค้าอื่นที่มีสาระสำคัญอยู่ที่รูปหรือคำดังกล่าว เพิกถอนเครื่องหมายการค้าทะเบียนเลขที่ ค199455, ค232978, ค295662 และ ค302676 ให้จำเลยที่ 1 ถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 742467 ถึง 742470, 743287, 743288, 748513 ถึง 748515, 748622, 748623 และ 753620 ถึง 753623 ให้จำเลยทั้งสามยุติการใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า เรือใบไวกิ้ง และรูปเรือใบไวกิ้งกับสินค้าของจำเลยทั้งสามและให้จำเลยทั้งสามร่วมกันประกาศโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างละ 1 ฉบับ แจ้งให้สาธารณชนทราบว่าธุรกิจของโจทก์และจำเลยทั้งสามไม่เกี่ยวข้องกัน จำเลยทั้งสามให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิดีกว่าจำเลยทั้งสามในเครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง เครื่องหมายการค้า คำว่า VIKING SHIP เรือใบไวกิ้ง และไวกิ้ง ให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทะเบียนเลขที่ ค232978, ค295662 และ ค302676 ให้จำเลยที่ 1 ถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 742469, 742470, 743287, 743288, 748513 ถึง 748515, 748622, 748623 และ 753620 ถึง 753623 ให้จำเลยทั้งสามยุติการใช้เครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้งและเครื่องหมายการค้า คำว่า เรือใบไวกิ้งกับสินค้าของจำเลยทั้งสามและให้จำเลยทั้งสามร่วมกันประกาศโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษอย่างละ 1 ฉบับ แจ้งให้สาธารณชนทราบว่าธุรกิจของโจทก์และจำเลยทั้งสามไม่เกี่ยวข้องกัน คำขออื่นให้ยก ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 20,000 บาท โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์โต้แย้งว่า นอร์สค์ ไฮโดร เอเอสเอ เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายราชอาณาจักรนอร์เวย์ มีแผนกไฮโดร อกรี รับผิดชอบการผลิตและขายปุ๋ยกับสินค้าเกี่ยวกับการเกษตร โดยใช้เครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้งแบบโบราณ ต่อมามีการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าให้ซับซ้อนน้อยลงเป็นรูป ประมาณปี 2503 เปลี่ยนเป็นรูป ปี 2515 เปลี่ยนเป็นรูปและปี 2533 เปลี่ยนเป็นรูป ต่อมาปี 2547 มีการจัดตั้งนิติบุคคลโจทก์แยกจากแผนกไฮโดร อกรี และนอร์สค์ ไฮโดร เอเอสเอ โอนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ชื่อเสียง และค่านิยมทางการค้า ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปุ๋ยตลอดจนสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องให้เป็นของโจทก์ และเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าเป็นรูป โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า VIKING SHIP,และ ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทยเมื่อปี 2536 และ 2547 เป็นทะเบียนเลขที่ ค31773, ค15676, ค18167, ค249361 และ บ32603 สำหรับสินค้าจำพวก 1, 13 และ 44 ก่อนปี 2515 ปุ๋ยของนอร์สค์ ไฮโดร เอเอสเอ เคยมีจำหน่ายในประเทศไทย ต่อมาปี 2515 จำเลยที่ 3 สั่งซื้อปุ๋ยจากนอร์สค์ ไฮโดร เอเอสเอ มาจำหน่ายในประเทศไทย ปี 2520 นอร์สค์ ไฮโดร เอเอสเอ กับจำเลยที่ 3 ก่อตั้งธุรกิจร่วมค้าบริษัทจำเลยที่ 1 เพื่อซื้อปุ๋ย ปี 2525 จัดตั้งบริษัทจำเลยที่ 2 เพื่อจำหน่ายปุ๋ย ปี 2548 โจทก์ทำสัญญาตัวแทนจำหน่ายกับจำเลยที่ 1 และบอกเลิกสัญญาเมื่อปี 2552 ตั้งแต่ปี 2519 ถุงบรรจุปุ๋ยที่จำเลยทั้งสามจำหน่ายใช้เครื่องหมายการค้ารูปเรือของนอร์สค์ ไฮโดร เอเอสเอ และโจทก์ มีคำว่า ปุ๋ยไข่มุก อยู่ด้านบน และคำว่า ตราเรือใบไวกิ้ง อยู่ด้านล่างรูป จำเลยที่ 1 ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้งแบบโบราณและเครื่องหมายการค้าคำว่า ตราเรือไวกิ้ง เรือใบไวกิ้ง เรือไวกิ้ง และไวกิ้ง กับสินค้าในจำพวก 1 และ 5 ซึ่งได้รับการจดทะเบียนแล้ว 4 เครื่องหมาย คือ เครื่องหมายการค้าทะเบียนเลขที่ ค199455, ค232978, ค295662 และ ค302676 และอยู่ระหว่างการขอจดทะเบียน 15 เครื่องหมาย ตามสำเนาคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 742467 ถึง 742469, 742470, 743287, 743288, 748513 ถึง 748515, 748622, 748623 และ 753620 ถึง 753623 พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 742467 และ 742468 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้ยกคำขอ โจทก์ไม่อุทธรณ์ คดีจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทะเบียนเลขที่ ค199455 ได้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กระทำการโดยไม่สุจริตดัดแปลงลอกเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปขอจดทะเบียน อันเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า ภายในห้าปีนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้จดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าใด ตามมาตรา 40 ผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอต่อศาลให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นได้ หากแสดงได้ว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นดีกว่าผู้ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น เมื่อคดีนี้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค199455 วันที่ 11 กันยายน 2546 โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 29 มีนาคม 2553 จึงพ้นกำหนดระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้ว แม้โจทก์จะมีสิทธิดีกว่าดังวินิจฉัยข้างต้นก็ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าได้ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
|