สำนักงานกฎหมายพีศิริ ทนายความ ตั้งอยู่เลขที่ 34/159 หมู่ 8 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 ติดต่อทนายความ 085-9604258 สำนักงาน โทร. 02 -984 4258 สำหรับแผนที่การเดินทาง กรุณาคลิ๊กที่ "ที่ตั้งสำนักงาน" ด้านบนสุด ทนายความ ทนาย สำนักงานกฎหมาย สำนักงานทนายความ ปรึกษากฎหมายกับทนายความลีนนท์ โทรเลย ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาทนายความ รับสมัครผู้ช่วยทนายความ เสมียนทนายความ ฝึกงาน

|
ร้องขัดทรัพย์-ตัวการไม่เปิดเผยชื่อ ![]()
-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258 -ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (4) ID line : (1) leenont หรือ (2) @leenont หรือ (3) peesirilaw หรือ (4) @peesirilaw -Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย QR CODE
ร้องขัดทรัพย์-ตัวการไม่เปิดเผยชื่อใส่ชื่อญาติถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทน แต่ญาตินำไปจำนอง เจ้าของที่ดินใส่ชื่อญาติเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนเนื่องจากตนเองสมรสกับชาวต่างด้าว ต่อมาญาตินำที่ดินไปจำนองไว้กับบุคคลภายนอกและบังคับคดียึดที่ดินขายทอดตลาด กรณีนี้เจ้าของตัวจริงจะร้องขัดทรัพย์ไม่ได้เพราะถือว่าเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อจะทำให้เสื่อมสิทธิของผู้รับจำนองไม่ได้ ผู้ร้องขัดทรัพย์ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เพราะเหตุผู้ร้องขัดทรัพย์มีสามีเป็นชาวต่างด้าว ต่อมาจำเลยนำที่ดินไปจำนองโดยไม่แจ้งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์ทราบดังนี้ไม่เป็นเหตุให้เสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้รับจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4870/2550
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องโดยได้รับการยกให้จากมารดาของผู้ร้อง แต่เนื่องจากสามีของผู้ร้องเป็นคนต่างด้าวจึงใส่ชื่อจำเลยในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดินพิพาทแทนผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ทราบเรื่องที่จำเลยนำที่ดินพิพาทไปจำนองแก่สามีของโจทก์กรณีตามคำร้องขอของผู้ร้องดังกล่าวถึงหากจะเป็นความจริงก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อยอมให้จำเลยผู้เป็นตัวแทนทำการออกหน้าเป็นตัวการว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยนำที่ดินพิพาทไปจำนองแก่สามีของโจทก์และข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าสามีของโจทก์ได้ทราบเรื่องระหว่างผู้ร้องกับจำเลยดังกล่าว ผู้ร้องจึงหาอาจทำให้เสื่อมเสียแก่สิทธิของสามีของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยผู้เป็นตัวแทนและขวนขวายได้สิทธิมาก่อนที่จะรู้ว่าจำเลยเป็นตัวแทนของผู้ร้องได้ไม่ ตามป.พ.พ. มาตรา 806 โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของสามีย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองที่ดินพิพาทได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ปัญหาว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 หรือไม่ เป็นเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายพิสุทธิ์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 835 ซึ่งจำเลยนำมาจำนองแก่นายพิสุทธิ์สามีของโจทก์ ต่อมาโจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมชำระเงินจำนวน 5,750,000 บาท แก่โจทก์ ตกลงผ่อนชำระเดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ทุกวันที่ 7 ของเดือน เริ่มชำระเดือนแรกวันที่ 7 ธันวาคม 2543 และจะชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 12 เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความหากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดทั้งหมดยินยอมให้โจทก์บังคับคดีจากต้นเงินจำนวน 6,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นของผู้ร้องโดยนางนะมารดาของผู้ร้องยกให้เมื่อปี 2527 แต่เนื่องจากสามีของผู้ร้องเป็นคนต่างด้าวจึงใส่ชื่อจำเลยในหนังสือรับรองการทำประโยชน์แทนผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ทราบเรื่องที่จำเลยนำที่ดินพิพาทไปจำนองแก่นายพิสุทธิ์ ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด โจทก์ให้การว่า นางนะยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยและจำเลยได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดขอให้ยกคำร้องขอ ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องขอ ให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนด ค่าทนายความ 5,000 บาท ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดคือที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องโดยได้รับการยกให้จากมารดาของผู้ร้องแต่เนื่องจากสามีของผู้ร้องเป็นคนต่างด้าวจึงใส่ชื่อจำเลยในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดินพิพาทแทนผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ทราบเรื่องที่จำเลยนำที่ดินพิพาทไปจำนองแก่สามีของโจทก์ กรณีตามคำร้องขอของผู้ร้องดังกล่าวถึงหากจะเป็นความจริงก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อยอมให้จำเลยผู้เป็นตัวแทนทำการออกหน้าเป็นตัวการว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยนำที่ดินพิพาทไปจำนองแก่สามีของโจทก์และข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าสามีของโจทก์ได้ทราบเรื่องระหว่างผู้ร้องกับจำเลยดังกล่าว ผู้ร้องจึงหาอาจทำให้เสื่อมเสียแก่สิทธิของสามีของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยผู้เป็นตัวแทนและขวนขวายได้สิทธิมาก่อนที่จะรู้ว่าจำเลยเป็นตัวแทนของผู้ร้องได้ไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของสามีย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองที่ดินพิพาทได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ปัญหาว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 หรือไม่ เป็นเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
มาตรา 246 เว้นแต่ที่ได้บัญญัติไว้ดังกล่าวมาข้างต้น บทบัญญัติ แห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีใน ศาลชั้นต้นนั้น ให้ใช้บังคับแก่การพิจารณาและการชี้ขาดตัดสินคดีใน ชั้นอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
|