
คดีหย่า ค่าเลี้ยงชีพ และอำนาจปกครองบุตร,ป.พ.พ. มาตรา 1461,(ฎีกาที่ 1106/2550) ![]()
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีครอบครัวที่เกิดจากการฟ้องหย่า พร้อมข้อพิพาทเรื่องค่าเลี้ยงชีพและการอุปการะเลี้ยงดูบุตร ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าบิดามีหน้าที่ตามกฎหมายต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตร แม้การสมรสจะสิ้นสุดหรือไม่ และยังชี้ให้เห็นหลักเกณฑ์เรื่องค่าเลี้ยงชีพหลังการหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1526 รวมทั้งการให้อำนาจปกครองบุตรแก่ฝ่ายมารดาตามมาตรา 1566 (5) กรณีที่บิดาไม่ปฏิบัติหน้าที่อุปการะเลี้ยงดู
สรุปข้อเท็จจริง • โจทก์ยื่นฟ้องหย่าจำเลย โดยอ้างเหตุละทิ้งครอบครัว • จำเลยให้การต่อสู้และยื่นฟ้องแย้ง ขอค่าเลี้ยงชีพสำหรับตนเองและบุตร รวมทั้งขอใช้อำนาจปกครองบุตรเพียงผู้เดียว • ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยมีอำนาจปกครองบุตร และให้โจทก์ชำระค่าเลี้ยงชีพและค่าเลี้ยงดูบุตร • ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษาแก้ โดยยกคำขอค่าเลี้ยงชีพของจำเลย แต่ยังให้โจทก์ชำระค่าเลี้ยงดูบุตร และให้อำนาจปกครองบุตรแก่จำเลยฝ่ายเดียว • คู่ความทั้งสองฎีกา
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา 1. เรื่องคำพิพากษาเกินคำขอ: ศาลเห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลย แม้มีถ้อยคำเงื่อนไขหากศาลพิพากษาหย่า แต่ใจความชัดเจนว่าต้องการเรียกร้องให้โจทก์อุปการะเลี้ยงดูบุตรและขอใช้อำนาจปกครองฝ่ายเดียว ไม่ถือเป็นเกินคำขอ 2. เรื่องค่าเลี้ยงชีพของจำเลย: มาตรา 1526 กำหนดให้เรียกค่าเลี้ยงชีพได้เฉพาะเมื่อหย่าแล้วทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายยากจนลง ในคดีนี้ศาลไม่ได้พิพากษาให้หย่า จึงไม่อาจบังคับโจทก์จ่ายค่าเลี้ยงชีพให้จำเลยได้ 3. เรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร: ตามมาตรา 1564 บิดามารดามีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรเสมอ แม้หย่าหรือไม่หย่า โจทก์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องชำระค่าเลี้ยงดูตามสมควร 4. เรื่องอำนาจปกครองบุตร: มาตรา 1566 (5) ให้อำนาจศาลสั่งให้บุตรอยู่ในการปกครองของฝ่ายที่เหมาะสม เมื่อโจทก์ละเลยไม่ดูแล ศาลจึงมอบอำนาจปกครองบุตรแก่จำเลยฝ่ายเดียว คำพิพากษาศาลฎีกา: พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยใช้อำนาจปกครองบุตรเพียงผู้เดียว โจทก์ต้องชำระค่าเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่ต้องชำระค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลย
วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย • มาตรา 1461 วรรคสอง: สามีต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูภริยา แต่ในคดีนี้ไม่มีการหย่า คำขอค่าเลี้ยงชีพจึงไม่เข้าเกณฑ์ • มาตรา 1526: ใช้ได้เฉพาะเมื่อหย่าทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายยากจนลง ศาลจึงยกคำขอนี้ • มาตรา 1564: ยืนยันหลักการว่า บิดามารดาต้องอุปการะบุตรเสมอ ไม่ว่าการสมรสสิ้นสุดหรือไม่ • มาตรา 1566 (5): เปิดช่องให้ศาลมอบอำนาจปกครองแก่ฝ่ายที่สามารถดูแลบุตรได้ดีกว่า
IRAC Analysis Issue: คู่สมรสฝ่ายภริยามีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพแม้ศาลไม่พิพากษาหย่าหรือไม่ และการให้อำนาจปกครองบุตรแก่ฝ่ายมารดาฝ่ายเดียวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ Rule: • ป.พ.พ. มาตรา 1461, 1526, 1564, 1566 (5) • ค่าเลี้ยงชีพกำหนดให้เฉพาะหลังหย่า • การเลี้ยงดูบุตรเป็นหน้าที่ถาวรของบิดามารดา Application: ศาลพิจารณาว่าคำฟ้องแย้งของจำเลยแสดงเจตนาที่แท้จริง ไม่เกินคำขอ แต่ค่าเลี้ยงชีพของจำเลยอ้างอิงมาตรา 1526 ซึ่งใช้ไม่ได้เพราะไม่ได้หย่า ส่วนค่าเลี้ยงดูบุตรและอำนาจปกครองเป็นไปตามมาตรา 1564 และ 1566 (5) Conclusion: ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้จำเลยมีอำนาจปกครองบุตรแต่เพียงฝ่ายเดียว และให้โจทก์รับผิดชอบค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามสมควร แต่ไม่ต้องชำระค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลย
ข้อคิดทางกฎหมาย • ค่าเลี้ยงชีพตามมาตรา 1526 เรียกร้องได้เฉพาะเมื่อหย่าแล้วจริง • หน้าที่บิดามารดาในการเลี้ยงดูบุตรไม่สิ้นสุดเพียงเพราะหย่าหรือเลิกร้าง • ศาลมีดุลพินิจโอนอำนาจปกครองบุตรให้แก่ฝ่ายที่สามารถดูแลได้ดีกว่า เพื่อประโยชน์สูงสุดของบุตร • แนวคำพิพากษานี้ย้ำหลักการว่ากฎหมายครอบครัวไทยมุ่งคุ้มครองผู้เยาว์เป็นหลัก
English Summary The Supreme Court Decision No. 1106/2007 involves a divorce case with disputes over spousal support and child custody. The Court ruled that spousal maintenance under Section 1526 of the Civil and Commercial Code applies only when divorce is granted. Since the marriage was not dissolved, the wife could not claim support. However, under Sections 1564 and 1566 (5), the father is legally obliged to provide for his children, and custody was granted solely to the mother due to the father’s neglect. สรุปคำแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2550 เกี่ยวข้องกับคดีหย่าที่มีข้อพิพาทเรื่องค่าเลี้ยงชีพและการปกครองบุตร ศาลวินิจฉัยว่าการขอค่าเลี้ยงชีพตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 จะใช้บังคับได้ต่อเมื่อมีการหย่าเท่านั้น เมื่อการสมรสยังมิได้สิ้นสุด คู่สมรสฝ่ายภริยาจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพ อย่างไรก็ดี ตามมาตรา 1564 และมาตรา 1566 (5) บิดายังคงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตร และศาลได้มีคำสั่งให้อำนาจปกครองบุตรอยู่แก่ฝ่ายมารดาเพียงฝ่ายเดียว เนื่องจากบิดาละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว
15 คำศัพท์กฎหมายที่น่าสนใจ 1. divorce – การหย่า 2. case – คดี 3. dispute – ข้อพิพาท 4. spousal support – ค่าเลี้ยงชีพคู่สมรส 5. child custody – การปกครองบุตร 6. Court ruled – ศาลวินิจฉัย / ศาลพิพากษา 7. spousal maintenance – ค่าเลี้ยงชีพคู่สมรส (ศัพท์ทางการ) 8. Section – มาตรา (กฎหมาย) 9. Civil and Commercial Code – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 10. applies – ใช้บังคับ 11. granted – ได้รับอนุมัติ / ศาลอนุญาต 12. dissolved – สิ้นสุด / ยกเลิก (การสมรส) 13. claim support – เรียกร้องค่าเลี้ยงชีพ 14. legally obliged – มีหน้าที่ตามกฎหมาย 15. neglect – การละเลย / ไม่ปฏิบัติหน้าที่ 15 คำศัพท์กฎหมายพร้อมความหมายเป็นภาษาอังกฤษ 1. divorce meaning – end of a marriage 2. case meaning – a legal matter 3. dispute meaning – conflict or argument 4. spousal support meaning – money for a spouse after separation 5. child custody meaning – right to care for a child 6. Court ruled meaning – the judge decided 7. spousal maintenance meaning – legal money support for spouse 8. Section meaning – part of a law 9. Civil and Commercial Code meaning – Thai law for family/business 10. applies meaning – can be used or enforced 11. granted meaning – officially allowed 12. dissolved meaning – ended or cancelled 13. claim support meaning – ask for financial help 14. legally meaning – by law 15. neglect meaning – failure to care ตัวอย่าง 15 คำศัพท์กฎหมายที่นำไปใช้ในประโยค 1. divorce – การหย่า The divorce was finalized after years of constant arguments, and both sides agreed it was better to live apart for peace of mind. • Literal: การหย่าขาดเสร็จสิ้นลงหลังจากการทะเลาะกันอย่างต่อเนื่องหลายปี และทั้งสองฝ่ายตกลงว่าการแยกกันอยู่จะทำให้จิตใจสงบมากกว่า • Natural: หลังจากทะเลาะกันมานานหลายปี ในที่สุดก็หย่ากัน ต่างฝ่ายต่างก็เห็นว่าการแยกกันอยู่ทำให้สบายใจกว่า
2. case – คดี The lawyer explained the case in simple words so the family could understand, because the legal terms were too difficult for them. • Literal: ทนายความอธิบายคดีด้วยถ้อยคำง่าย ๆ เพื่อให้ครอบครัวเข้าใจ เพราะคำศัพท์ทางกฎหมายนั้นยากเกินไปสำหรับพวกเขา • Natural: ทนายเล่าเรื่องคดีแบบภาษาคนธรรมดาให้ครอบครัวฟัง เพราะศัพท์กฎหมายมันยากเกินไปที่พวกเขาจะเข้าใจ
3. dispute – ข้อพิพาท The dispute over the property lasted for more than ten years, and it created tension between relatives who once were close. • Literal: ข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สินยืดเยื้อมากว่าสิบปี และทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างญาติที่เคยสนิทกัน • Natural: ญาติ ๆ ที่เคยรักกันต้องแตกคอกันเพราะเรื่องที่ดิน ยืดเยื้อมากว่าสิบปี ทำให้บรรยากาศในครอบครัวตึงเครียด
4. spousal support – ค่าเลี้ยงชีพคู่สมรส She asked the Court for spousal support after the separation, since she had no stable income to take care of herself. • Literal: นางได้ร้องขอต่อศาลให้บังคับจ่ายค่าเลี้ยงชีพคู่สมรสหลังจากการแยกกันอยู่ เพราะเธอไม่มีรายได้ที่มั่นคงในการดูแลตนเอง • Natural: เธอฟ้องศาลขอค่าเลี้ยงชีพจากสามีหลังเลิกกัน เพราะไม่มีรายได้พอจะเลี้ยงตัวเอง
5. child custody – การปกครองบุตร The child custody decision gave the mother full responsibility, because the father had shown little interest in raising the children. • Literal: คำวินิจฉัยเรื่องการปกครองบุตรได้มอบความรับผิดชอบทั้งหมดแก่ฝ่ายมารดา เนื่องจากบิดาแสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจในการเลี้ยงดูบุตร • Natural: ศาลตัดสินให้แม่ได้สิทธิเลี้ยงลูกแต่เพียงผู้เดียว เพราะพ่อแทบไม่สนใจดูแลลูกเลย
6. Court ruled – ศาลวินิจฉัย / ศาลพิพากษา The Court ruled that the contract was invalid, since one party had been forced to sign under pressure. • Literal: ศาลวินิจฉัยว่าสัญญาเป็นโมฆะ เนื่องจากคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งถูกบังคับให้ลงนามภายใต้แรงกดดัน • Natural: ศาลตัดสินว่าสัญญานี้โมฆะ เพราะอีกฝ่ายถูกบังคับให้เซ็นชื่อโดยไม่เต็มใจ
7. spousal maintenance – ค่าเลี้ยงชีพคู่สมรส (ศัพท์ทางการ) The wife requested spousal maintenance under the law, arguing that the divorce left her financially vulnerable. • Literal: ภริยาร้องขอค่าเลี้ยงชีพคู่สมรสตามกฎหมาย โดยอ้างว่าการหย่าทำให้เธอขาดความมั่นคงทางการเงิน • Natural: ฝ่ายภรรยาขอค่าเลี้ยงชีพตามกฎหมาย เพราะหลังหย่าเธอไม่มีเงินเลี้ยงตัวเองพอ
8. Section – มาตรา The lawyer cited Section 1526 to support his argument, showing that the law allowed the claim. • Literal: ทนายความอ้างมาตรา 1526 เพื่อสนับสนุนข้อโต้แย้งของตน โดยแสดงให้เห็นว่ากฎหมายเปิดช่องให้มีการเรียกร้องได้ • Natural: ทนายหยิบยกมาตรา 1526 มาอ้าง เพื่อพิสูจน์ว่ากฎหมายเปิดโอกาสให้เรียกร้องได้จริง
9. Civil and Commercial Code – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ The Civil and Commercial Code clearly defines parental duties, making both parents responsible for the child’s well-being. • Literal: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดหน้าที่ของบิดามารดาไว้อย่างชัดเจน โดยกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายต้องรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของบุตร • Natural: ประมวลกฎหมายแพ่งฯ กำหนดหน้าที่พ่อแม่ไว้ชัดเจน ว่าทั้งคู่ต้องช่วยกันดูแลลูกให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
10. applies – ใช้บังคับ The rule only applies when both parties sign the agreement, so without consent, it has no effect. • Literal: กฎเกณฑ์นี้ใช้บังคับได้เฉพาะเมื่อคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายลงนามในข้อตกลง ดังนั้นหากไม่มีความยินยอมก็ไม่ก่อให้เกิดผล • Natural: กฎนี้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญา ถ้าไม่มีการยอมรับร่วมกัน มันก็ไม่มีผลอะไร
11. granted – ได้รับอนุมัติ / ศาลอนุญาต The judge granted the request for more time to prepare evidence, so the lawyer could gather documents properly. • Literal: ผู้พิพากษาได้อนุญาตคำร้องขอเลื่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมพยานหลักฐาน เพื่อให้ทนายความสามารถรวบรวมเอกสารได้อย่างเหมาะสม • Natural: ศาลอนุญาตให้เลื่อนเวลาเพื่อหาหลักฐานเพิ่ม ทนายจึงมีเวลารวบรวมเอกสารมากขึ้น
12. dissolved – สิ้นสุด / ยกเลิก (การสมรส) The marriage was dissolved after the court’s judgment, ending years of conflict between the spouses. • Literal: การสมรสสิ้นสุดลงภายหลังคำพิพากษาของศาล เป็นการยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปีระหว่างคู่สมรส • Natural: หลังศาลตัดสิน การสมรสก็สิ้นสุดลง ถือเป็นการปิดฉากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานาน
13. claim support – เรียกร้องค่าเลี้ยงชีพ She decided to claim support from her former husband, because raising two children alone was too difficult. • Literal: เธอตัดสินใจเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพจากอดีตสามี เพราะการเลี้ยงดูบุตรสองคนเพียงลำพังเป็นเรื่องยากเกินไป • Natural: เธอฟ้องขอค่าเลี้ยงชีพจากสามีเก่า เพราะเลี้ยงลูกสองคนคนเดียวไม่ไหว
14. legally obliged – มีหน้าที่ตามกฎหมาย Parents are legally obliged to take care of their children, even if they no longer live together as a couple. • Literal: บิดามารดามีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องดูแลบุตร แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ร่วมกันในฐานะคู่สมรสแล้วก็ตาม • Natural: ไม่ว่าพ่อแม่จะเลิกกันหรือไม่ กฎหมายก็บังคับให้พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูลูกอยู่ดี
15. neglect – การละเลย / ไม่ปฏิบัติหน้าที่ The father’s neglect was clear when he stopped paying for school fees, and the court considered this in deciding custody. • Literal: การละเลยของบิดาปรากฏชัดเมื่อเขาหยุดจ่ายค่าเล่าเรียน และศาลได้นำเรื่องนี้มาพิจารณาในการตัดสินสิทธิการปกครอง • Natural: พ่อไม่รับผิดชอบถึงขั้นไม่ยอมจ่ายค่าเรียนลูก ศาลจึงเอาเรื่องนี้มาพิจารณาตอนตัดสินสิทธิเลี้ยงดู
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2550 แม้คำฟ้องแย้งจะมีข้อความระบุว่า หากศาลให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ขอให้บังคับโจทก์จ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลยและค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ก็ตาม แต่จำเลยให้การต่อสู้คดีและบรรยายคำฟ้องแย้งมาแต่แรกว่า เหตุหย่ามิใช่เกิดจากการกระทำของจำเลย โจทก์เป็นฝ่ายออกจากบ้าน ละทิ้งไม่ดูแล ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยและบุตรผู้เยาว์ทั้งสองซึ่งอยู่ในระหว่างศึกษาเล่าเรียน ขอให้บังคับโจทก์จ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลย ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์และให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเพียงผู้เดียว แสดงให้เห็นถึงเจตนาแท้จริงตามคำฟ้องแย้งของจำเลยว่าไม่ประสงค์จะหย่ากับโจทก์ แต่ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ป.พ.พ. มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ ซึ่งโจทก์ในฐานะบิดามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบและปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว ไม่ว่าโจทก์จำเลยยังคงเป็นสามีภริยาหรือหย่าขาดจากกันแล้วหรือไม่ ทั้งย่อมเป็นเหตุผลอันสมควรให้ศาลมีคำสั่งให้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองอยู่แก่จำเลยผู้เป็นมารดาฝ่ายเดียวได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1566 (5) ไม่ว่าโจทก์จำเลยจะหย่าขาดจากกันหรือไม่เช่นเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ไม่อุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรผู้เยาว์ทั้งสอง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษาให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองและให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจการปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเพียงฝ่ายเดียว จึงไม่เป็นการพิพากษาเกินขอ
แม้จำเลยให้การและบรรยายคำฟ้องแย้งตอนแรกว่า โจทก์ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยเป็นทำนองว่าโจทก์ในฐานะสามีไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยซึ่งเป็นภริยา เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของสามีตามที่ ป.พ.พ. มาตรา 1461 วรรคสอง กำหนดก็ตาม แต่เมื่ออ่านคำฟ้องแย้งของจำเลยแต่แรกจนถึงคำขอท้ายฟ้องแย้งโดยตลอดทั้งหมดแล้ว ได้ใจความตามที่บรรยายว่า เหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของโจทก์ซึ่งเป็นสามีฝ่ายเดียว การฟ้องหย่าของโจทก์ทำให้จำเลยยากจนลง หากศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ขอให้บังคับโจทก์จ่ายค่าเลี้ยงชีพให้จำเลยเป็นรายเดือน ซึ่งตรงตามหลักเกณฑ์เรื่องค่าเลี้ยงชีพที่ ป.พ.พ. มาตรา 1526 บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในกรณีที่มีการหย่าแล้วจะทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งยากจนลง ถือไม่ได้ว่าจำเลยฟ้องแย้งเรียกให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลย เมื่อศาลล่างทั้งสองมิได้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน จึงไม่อาจบังคับให้โจทก์รับผิดชำระค่าเลี้ยงชีพให้แก่จำเลยตามคำขอท้ายฟ้องแย้งได้ โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้องพร้อมฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์จ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลยเป็นรายเดือน เดือนละ 50,000 บาท นับแต่วันฟ้อง และจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเป็นรายเดือน เดือนละ 20,000 บาท ต่อคนนับแต่วันฟ้องจนกว่าบุตรผู้เยาว์ทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ และให้จำเลยป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแต่เพียงผู้เดียว โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้ถอนอำนาจปกครองนางสาววิลิปดาของโจทก์ ให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผูเยาว์เพียงแต่ผู้เดียว ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูนางสาววิชุดา เดือนละ 20,000 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2545 จนถึงเดือนเมษายน 2546 ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูนางสาววิลิปดาผู้เยาว์ เดือนละ 20,000 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2545 จนกว่านางสาววิลิปดาจะบรรลุนิติภาวะและให้โจทก์ชำระค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลย เดือนละ 20,000 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2545 เป็นต้นไป ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่บุตรคนโตนับแต่วันฟ้องแย้งเดือนละ 8,000 บาท เป็นต้นไปจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ และชำระแก่บุตรคนเล็กเดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องแย้งจนครบอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ หลังจากนั้นให้ชำระเดือนละ 8,000 บาท จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ คำขอค่าเลี้ยงชีพให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวเป็นคำพิพากษาเกินคำขอตามฟ้องแย้งของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า แม้คำฟ้องแย้งจะมีข้อความระบุว่า หากศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ขอให้บังคับโจทก์จ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลยและค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ก็ตาม แต่จำเลยให้การต่อสู้คดีและบรรยายคำฟ้องแย้งมาแต่แรกว่า เหตุหย่ามิใช่เกิดจากการกระทำของจำเลย โจทก์เป็นฝ่ายออกจากบ้านละทิ้งไม่ดูแลไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยและบุตรผู้เยาว์ทั้งสองซึ่งอยู่ในระหว่างศึกษาเล่าเรียน ขอให้บังคับโจทก์จ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลย ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์และให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเพียงผู้เดียว แสดงให้เห็นถึงเจตนาแท้จริงตามคำฟ้องแย้งของจำเลยว่าไม่ประสงค์จะหย่ากับโจทก์ แต่ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ ซึ่งโจทก์ในฐานะบิดามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว ไม่ว่าโจทก์จำเลยยังคงเป็นสามีภริยาหรือหย่าขาดกันแล้วหรือไม่ ทั้งย่อมเป็นเหตุผลอันสมควรให้ศาลมีคำสั่งให้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แก่จำเลยผู้เป็นมารดาฝ่ายเดียวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 (5) ไม่ว่าโจทก์จำเลยจะหย่าขาดกันหรือไม่เช่นเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ไม่อุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรผู้เยาว์ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองและให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจการปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเพียงฝ่ายเดียว จึงไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษายกคำขอที่ให้โจทก์ชำระค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลยนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยให้การและบรรยายคำฟ้องแย้งตอนแรกว่า โจทก์ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยเป็นทำนองว่า โจทก์ในฐานะสามีไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยซึ่งเป็นภริยา เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของสามีตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 วรรคสอง กำหนดก็ตาม แต่เมื่ออ่านคำฟ้องแย้งของจำเลยแต่แรกจนถึงคำขอท้ายฟ้องแย้งโดยตลอดทั้งหมดแล้ว ได้ใจความตามที่บรรยายว่า เหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของโจทก์ซึ่งเป็นสามีฝ่ายเดียว การฟ้องหย่าของโจทก์ทำให้จำเลยยากจนลง หากศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ขอให้บังคับโจทก์จ่ายค่าเลี้ยงชีพให้แก่จำเลยเป็นรายเดือน ซึ่งตรงตามหลักเกณฑ์เรื่องค่าเลี้ยงชีพที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในกรณีที่มีการหย่าแล้วจะทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งยากจนลง ถือไม่ได้ว่าจำเลยฟ้องแย้งเรียกให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลย เมื่อศาลล่างทั้งสองมิได้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน จึงไม่อาจบังคับให้โจทก์รับผิดชำระค่าเลี้ยงชีพให้แก่จำเลยตามคำขอท้ายฟ้องแย้งได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในส่วนนี้ชอบแล้ว พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
|