ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




หยุดการดำเนินการอนุญาโตตุลาการ & สิทธิยื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราว (ฎีกา 1335/2567)

คำพิพากษาศาลฎีกา 1335/2567, สิทธิยื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราวในอนุญาโตตุลาการ, อนุญาโตตุลาการอาจถูกคัดค้านได้ มาตรา 19 วรรค 3, คำร้องคัดค้านอนุญาโตตุลาการ มาตรา 20 วรรค 2, คำสั่งให้หยุดการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการ, พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545, ความเป็นกลางและเป็นอิสระของอนุญาโตตุลาการ, สถาบันอนุญาโตตุลาการ, กระบวนการไต่สวนคำร้องคัดค้าน, แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับอนุญาโตตุลาการ

    ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสิทธิของคู่พิพาทในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ภายใต้ พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 (พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545) โดยวินิจฉัยว่า เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งอาจก่อให้เกิดเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระของอนุญาโตตุลาการตามมาตรา 19 วรรค 3 คู่พิพาทซึ่งประสงค์จะคัดค้านอนุญาโตตุลาการนั้นมีสิทธิเข้ายื่นคำร้องตามกระบวนการที่กำหนดไว้ (มาตรา 20 วรรค 2) ทั้งนี้ ศาลสามารถออกคำสั่งให้หยุดการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งในคดีได้ตามหลักกฎหมายที่วางไว้

ข้อเท็จจริง

คู่พิพาท (ผู้ร้องทั้งสอง) เสนอข้อพิพาทต่อ สำนักงานสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม ให้มีคำชี้ขาดในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 81/2564 ตามสัญญาอนุญาโตตุลาการ

ผู้ร้องทั้งสองแต่งตั้งนายวิคเตอร์ เป็นอนุญาโตตุลาการ ส่วนผู้คัดค้านแต่งตั้งนายศักดา และทั้งสองเลือกนายวิชัยเป็นประธาน

ผู้ร้องทั้งสองยื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งนายศักดาเป็นอนุญาโตตุลาการ ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการตามมาตรา 19 และ 20 วรรค หนึ่ง

สถาบันอนุญาโตตุลาการแต่งตั้งนายธวัชชัยเป็นผู้วินิจฉัยคำคัดค้าน ตามข้อบังคับสถาบันอนุญาโตตุลาการ ข้อ 23

ผู้วินิจฉัยพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับความเป็นอิสระหรือความเป็นกลางของอนุญาโตตุลาการ และไม่มีเหตุให้เพิกถอน จึงมีคำวินิจฉัยยกคำคัดค้าน

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านและแก้ไขคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของผู้วินิจฉัยต่อศาลชั้นต้น ตามมาตรา 20 วรรค 2

ระหว่างการพิจารณา ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง หยุดการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราว โดยอ้างเหตุว่า หากคณะอนุญาโตตุลาการดำเนินกระบวนพิจารณาจนมีคำชี้ขาดแล้ว แม้จะมีการเพิกถอนอนุญาโตตุลาการตามมาตรา 40 ก็ไม่อาจลบล้างผลคำชี้ขาดได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผู้ร้องทั้งสอง

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้คณะอนุญาโตตุลาการหยุดดำเนินการไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งในคดีนี้

ผู้คัดค้านอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาตามมาตรา 45 วรรค 2

ประเด็นสำคัญที่สุดของ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2567 อยู่ที่การตีความและการใช้บังคับ พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 โดยเฉพาะ มาตรา 19 วรรคสาม, มาตรา 20 วรรคหนึ่งและวรรคสอง, และมาตรา 16 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นแก่นหลักของคดีนี้

🧭 1. มาตรา 19 วรรคสาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545

“อนุญาโตตุลาการอาจถูกคัดค้านได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งเป็นเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลาง หรือความเป็นอิสระ...”

ประเด็นสำคัญ:

เป็นบทบัญญัติที่เปิดโอกาสให้คู่พิพาท คัดค้านอนุญาโตตุลาการ ได้เมื่อเห็นว่าบุคคลนั้นอาจไม่เป็นกลางหรือขาดคุณสมบัติตามที่ตกลงไว้ ศาลฎีกาในคดีนี้ใช้บทนี้เพื่อยืนยันว่า ผู้ร้องมีสิทธิใช้ช่องทางตามกฎหมายในการปกป้องสิทธิของตน

⚖️ 2. มาตรา 20 วรรคสอง พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545

“หากการคัดค้านไม่บรรลุผล ... คู่พิพาทฝ่ายที่คัดค้านอาจยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้...”

ประเด็นสำคัญ:

เป็นฐานกฎหมายที่ศาลฎีกาอ้างในการรับรองสิทธิของคู่พิพาทในการ ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาล เมื่อการคัดค้านในขั้นตอนของสถาบันอนุญาโตตุลาการไม่เป็นผล และยังให้อำนาจศาล ออกคำสั่งให้หยุดการดำเนินการอนุญาโตตุลาการได้ หากเห็นสมควร

🛑 3. มาตรา 16 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545

“คู่สัญญาอาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งชั่วคราวในระหว่างการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการได้...”

ประเด็นสำคัญ:

เป็นมาตราหลักที่ศาลฎีกาใช้รองรับว่า ผู้ร้องมีสิทธิเสนอ คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้ศาลมีคำสั่ง “หยุดการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราว” จนกว่าจะมีคำสั่งในคดีหลัก ซึ่งแตกต่างจากการขอคุ้มครองชั่วคราวตาม ป.วิ.พ.

⚙️ 4. หลัก “ความเป็นอิสระและความเป็นกลางของอนุญาโตตุลาการ”

ประเด็นสำคัญ:

เป็นแก่นของคดีนี้ ศาลฎีกาย้ำว่า คุณสมบัติของอนุญาโตตุลาการต้องปราศจากอคติและเป็นอิสระจากคู่พิพาททั้งสองฝ่าย เพื่อให้กระบวนการอนุญาโตตุลาการได้รับการยอมรับในความยุติธรรม การออกคำสั่งหยุดการดำเนินการจึงเป็นมาตรการเพื่อรักษาหลักการนี้

⚖️ 5. หลัก “ศาลมีอำนาจออกคำสั่งเป็นอย่างอื่น” ตามมาตรา 20 วรรค สอง

ประเด็นสำคัญ:

แม้อนุญาโตตุลาการจะสามารถดำเนินการต่อไปได้จนมีคำชี้ขาด แต่กฎหมายให้อำนาจศาล “มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น” ได้ ซึ่งศาลฎีกาตีความว่า ศาลชั้นต้นมีอำนาจตามกฎหมายที่จะสั่ง หยุดการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราว เพื่อให้ตรวจสอบความเป็นกลางก่อนดำเนินการต่อ

🔑 สรุป 5 Keywords หลักของคดีนี้

1. สิทธิยื่นคำร้องคัดค้านอนุญาโตตุลาการ (มาตรา 19)

2. สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อหยุดการดำเนินการ (มาตรา 20 วรรค 2)

3. คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว (มาตรา 16 วรรค 1)

4. ความเป็นกลางและอิสระของอนุญาโตตุลาการ

5. อำนาจศาลในการออกคำสั่งชั่วคราวเพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่พิพาท

กล่าวโดยสรุป “หัวใจของคดีนี้” อยู่ที่การยืนยันสิทธิของคู่พิพาทในการคัดค้านอนุญาโตตุลาการที่อาจไม่เป็นกลาง และการใช้อำนาจศาลเพื่อให้กระบวนการอนุญาโตตุลาการเป็นไปโดยชอบ เป็นธรรม และมีความเชื่อมั่นในความยุติธรรมตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545

คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาหลักมี 2 ประเด็น คือ

1. ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีนี้หรือไม่

2. คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้คณะอนุญาโตตุลาการหยุดดำเนินการไว้ชั่วคราวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

สำหรับประเด็นแรก: ศาลวิเคราะห์ว่า ตามมาตรา 19 วรรค 3 พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545 อนุญาโตตุลาการอาจถูกคัดค้านได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งเป็นเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระ หรือการขาดคุณสมบัติตามที่คู่พิพาทตกลงกัน โดยคู่พิพาทฝ่ายที่ประสงค์จะคัดค้านต้องใช้กระบวนการที่ได้ตกลงไว้ หรือ ตามมาตรา 20 วรรค 1 และหากไม่บรรลุผลหรือมีอนุญาโตตุลาการเพียงคนเดียว คู่พิพาทอาจยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลที่มีเขตอำนาจตามมาตรา 20 วรรค 2

ศาลเห็นว่า แม้ผู้ร้องทั้งสองจะยื่นคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของผู้วินิจฉัยแล้ว แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น อนุญาโตตุลาการ (นายศักดา) ก็อาจดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไปได้ หากศาลไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ตามบทบัญญัติข้างต้น

ดังนั้น การที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหยุดการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราว แม้จะอ้างว่าเป็น “คำร้องขอให้มีคำสั่งหยุดโดยด่วน” แต่เนื้อหาในคำร้องนั้นเป็นการขอให้ศาลออกคำสั่งตามมาตรา 20 วรรค 2 รวมถึงมีลักษณะเป็นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนขณะดำเนินการตามมาตรา 16 วรรค 1 ซึ่งเป็นสิทธิที่คู่สัญญาที่ทำสัญญาอนุญาโตตุลาการไว้อาจยื่นคำร้องต่อศาลตามกฎหมาย ไม่ใช่การขอคุ้มครองชั่วคราวตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งอย่างที่ผู้คัดค้านอ้าง

จึงสรุปได้ว่า ผู้ร้องทั้งสอง มีสิทธิ ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีนี้ตามบทกฎหมายดังกล่าว

สำหรับประเด็นที่สอง: ศาลวิเคราะห์ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นให้คณะอนุญาโตตุลาการหยุดดำเนินการไว้ชั่วคราวนั้นเป็นไปตามบทบัญญัติของมาตรา 20 วรรค 2 ซึ่งให้อำนาจแก่ศาลชั้นต้นออกคำสั่งได้ และการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการยังอยู่ในขั้นตอนการรับพยานหลักฐาน (การกำหนดวันเวลาไต่สวน) ตามรายงานของศาลชั้นต้น ทำให้คำสั่งนั้นมิใช่เป็นการพิพากษาให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะ แต่เป็นการใช้ดุลยพินิจของศาลชั้นต้นเพื่อให้ได้ทราบความชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นกลางและความเป็นอิสระของอนุญาโตตุลาการซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของกระบวนการอนุญาโตตุลาการ

ศาลฎีกาจึงเห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมาย และอุทธรณ์ของผู้คัดค้านทั้งสองประเด็นฟังไม่ขึ้น

ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น

วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

(1) สิทธิยื่นคำร้องคัดค้านอนุญาโตตุลาการและสิทธิยื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราว

ตามมาตรา 19 วรรค 3 พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545 ผู้ใดอาจคัดค้านอนุญาโตตุลาการได้ เมื่อปรากฏเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นอิสระหรือความเป็นกลาง หรือการขาดคุณสมบัติตามที่คู่พิพาทตกลงกันไว้

ตามมาตรา 20 วรรค 1 คู่พิพาทที่ประสงค์จะคัดค้านนั้น ต้องดำเนินการตามวิธีที่ตกลงกันไว้ หรือหากไม่ได้ตกลง เป็นอย่างอื่น ให้ใช้วิธีที่บัญญัติไว้ในมาตรา 20 วรรค 1

ตามมาตรา 20 วรรค 2 หากการคัดค้านตามวิธีดังกล่าวไม่บรรลุผล หรือในกรณีที่มีผู้อนุญาโตตุลาการเพียงคนเดียว คู่พิพาทอาจยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลที่มีเขตอำนาจ

ในทางปฏิบัติ ศาลฎีกาในคดีนี้วินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีสิทธิตามบทบัญญัติดังกล่าว และอาจยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว (ตามมาตรา 16 วรรค 1) เพื่อให้กระบวนการอนุญาโตตุลาการหยุดชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งในเรื่องคัดค้าน

ข้อสังเกตทางกฎหมาย: สิทธิยื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราวตามมาตรา 16 วรรค 1 เป็นสิทธิที่คู่สัญญาที่ตกลงทำสัญญาอนุญาโตตุลาการไว้สามารถใช้ได้ ซึ่งต่างจากสิทธิร้องขอคุ้มครองชั่วคราวตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง

(2) อำนาจศาลในการให้คำสั่งหยุดการดำเนินการอนุญาโตตุลาการ

ตามมาตรา 20 วรรค 2 พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545 ศาลที่มีเขตอำนาจอาจรับคำร้องคัดค้าน และศาลนั้นอาจมีคำสั่งยอมรับหรือยกคำคัดค้าน

ในระหว่างขั้นนั้น คณะอนุญาโตตุลาการรวมถึงอนุญาโตตุลาการที่ถูกคัดค้าน อาจดำเนินการ ทางอนุญาโตตุลาการต่อไปจนกว่าจะมีคำชี้ขาด เว้นแต่ ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ดังนั้น ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะออกคำสั่งให้ “หยุดการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการ” ไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งของศาลตามมาตรา 20 วรรค 2 ได้ ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าในคดีนี้ ศาลชั้นต้นใช้ดุลยพินิจอย่างชอบด้วยกฎหมาย

จากประเด็นนี้ ด้านปฏิบัติควรสังเกตว่า หากคู่สัญญายื่นคำร้องคัดค้านอนุญาโตตุลาการ ผู้อนุญาโตตุลาการหรือคณะอนุญาโตตุลาการควรระมัดระวังไม่ให้ดำเนินการต่อจนกว่าจะมีคำสั่งศาล ถ้าศาลสั่งเช่นนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นอิสระ/ความเป็นกลาง

(3) หลักความยุติธรรมและประสิทธิภาพของกระบวนการอนุญาโตตุลาการ

ความเป็นอิสระและความเป็นกลางของอนุญาโตตุลาการถือเป็นหลักประกันสำคัญในการให้กระบวนการอนุญาโตตุลาการได้รับความเชื่อถือ

หากมีข้อสงสัยถึงคุณลักษณะที่ว่า อนุญาโตตุลาการอาจไม่เป็นกลาง/ไม่อิสระ หรือขาดคุณสมบัติตามที่คู่สัญญาตกลงไว้ คู่พิพาทจำเป็นต้องใช้สิทธิคัดค้านก่อน หรือใช้คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวเพื่อหยุดการดำเนินการไว้ก่อน

คดีนี้ชี้ให้เห็นว่า การออกคำสั่งโดยศาลให้หยุดการดำเนินการไว้ชั่วคราวไม่ถือเป็นการล้มกระบวนการอนุญาโตตุลาการ แต่เป็นมาตรการเพื่อให้ได้ความยุติธรรมและเป็นธรรมแก่คู่พิพาท

สรุปข้อคิดทางกฎหมาย

คู่พิพาทในการตกลงสัญญาอนุญาโตตุลาการควรระบุ วิธีคัดค้านอนุญาโตตุลาการ และ วิธีร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นกลางหรืออิสระของอนุญาโตตุลาการ คู่พิพาทมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านตามมาตรา 19 และ 20 ของพ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545 และอาจขอคุ้มครองชั่วคราวตามมาตรา 16 เพื่อหยุดการดำเนินการไว้ก่อน

ศาลมีอำนาจออกคำสั่งให้หยุดการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการตามมาตรา 20 วรรค 2 ซึ่งช่วยรักษาหลักความยุติธรรมในกระบวนการ

การดำเนินการต่อไปของอนุญาโตตุลาการโดยไม่มีคำสั่งศาลเมื่อมีคำร้องคัดค้านแล้ว อาจถูกท้าทายได้ตามหลักกฎหมาย

แนวคำพิพากษาฎีกานี้เป็นแนวทางสำคัญที่ให้คำยืนยันถึงบทบาทของศาลและสิทธิของคู่สัญญาในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ

IRAC (Issue-Rule-Application-Conclusion)

Issue (ปัญหาข้อกฎหมาย):

คู่พิพาทมีสิทธิยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวเพื่อหยุดการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการไว้จนกว่าจะมีคำสั่งในคดีได้หรือไม่ และคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้หยุดการดำเนินการอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

Rule (บทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง):

มาตรา 19 วรรค 3 พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545: อนุญาโตตุลาการอาจถูกคัดค้านได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งอาจก่อให้เกิดเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระ หรือการขาดคุณสมบัติตามที่คู่พิพาทตกลงกันไว้

มาตรา 20 วรรค 1: คู่พิพาทที่ประสงค์คัดค้านต้องดำเนินการตามวิธีที่คู่พิพาทตกลงกันไว้ หรือในกรณีที่ไม่ได้ตกลงไว้เป็นอย่างอื่น ให้ดำเนินการตามมาตรานี้

มาตรา 20 วรรค 2: หากการคัดค้านตามวิธีดังกล่าวไม่บรรลุผล หรือมีอนุญาโตตุลาการเพียงคนเดียว คู่พิพาทอาจยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลที่มีเขตอำนาจ

มาตรา 16 วรรค 1: คู่สัญญาที่ทำสัญญาอนุญาโตตุลาการไว้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งชั่วคราว ระหว่างที่อนุญาโตตุลาการดำเนินการอยู่

บทบัญญัติว่า คณะอนุญาโตตุลาการอาจดำเนินการต่อไปจนกว่าจะมีคำชี้ขาด เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

Application (การใช้บทกฎหมายกับข้อเท็จจริง):

ผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นคำร้องคัดค้านอนุญาโตตุลาการตามมาตรา 19 และ 20 แล้ว และขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหยุดการดำเนินการอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวตามมาตรา 16

ศาลฎีกาเห็นว่า สิทธิของผู้ร้องในการยื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราวมีอยู่ตามบทกฎหมาย

ศาลชั้นต้นได้ออกคำสั่งให้หยุดการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราว ซึ่งเป็นไปตามอำนาจที่มาตรา 20 วรรค 2 กำหนด

การดำเนินการของอนุญาโตตุลาการต่อไปโดยไม่มีคำสั่งศาลอาจขัดต่อหลักความเป็นอิสระและเป็นกลางของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นหลักประกันความยุติธรรม

Conclusion (บทสรุป):

ดังนั้น คู่พิพาทมีสิทธิยื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราวเพื่อหยุดการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวได้ และคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้หยุดการดำเนินการไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งในคดีนั้นชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกายืนตามคำสั่งดังกล่าว

แนวคำถาม - ธงคำตอบ

🔹 ประเด็นคำถามที่ 1

คำถาม 

ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นคู่พิพาทตามสัญญาอนุญาโตตุลาการ ได้ยื่นข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการเพื่อให้มีคำชี้ขาดในข้อพิพาทหมายเลขดำ 81/2564 ต่อมาผู้ร้องเห็นว่าอนุญาโตตุลาการที่ผู้คัดค้านแต่งตั้งขึ้น (นายศักดา) อาจไม่มีความเป็นกลางหรือเป็นอิสระจากคู่พิพาท จึงได้ยื่นหนังสือคัดค้านต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการตามมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 แต่ผู้วินิจฉัยมีคำวินิจฉัยให้ยกคำคัดค้าน ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยต่อศาลชั้นต้นตามมาตรา 20 วรรคสอง และในระหว่างนั้นได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่ง “หยุดการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราว” โดยอ้างว่าหากปล่อยให้คณะอนุญาโตตุลาการดำเนินการจนมีคำชี้ขาด คำสั่งเพิกถอนอนุญาโตตุลาการก็จะไม่อาจมีผลเพิกถอนคำชี้ขาดได้อีกต่อไป

ปัญหามีว่า ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างกระบวนการอนุญาโตตุลาการได้หรือไม่ และคำร้องดังกล่าวเป็นการขอคุ้มครองชั่วคราวตาม พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ หรือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อย่างใด

ธงคำตอบ 

ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้ ตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่ง พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ไม่ใช่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

โดยหลักตาม มาตรา 19 วรรคสาม อนุญาโตตุลาการอาจถูกคัดค้านได้ หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระของอนุญาโตตุลาการ และตาม มาตรา 20 วรรคหนึ่งและวรรคสอง หากการคัดค้านไม่บรรลุผล คู่พิพาทฝ่ายที่คัดค้านอาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อให้ศาลพิจารณาคำคัดค้านนั้นได้

ในระหว่างที่ศาลยังพิจารณาอยู่ คณะอนุญาโตตุลาการอาจดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะมีคำชี้ขาด เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ศาลมีอำนาจออกคำสั่งระงับหรือหยุดกระบวนการอนุญาโตตุลาการไว้ได้หากมีเหตุจำเป็น

ผู้ร้องในคดีนี้ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่ง “หยุดการพิจารณาไว้ชั่วคราว” เป็นการขอคุ้มครองสิทธิของตนในระหว่างที่การคัดค้านกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งเป็นสิทธิที่กฎหมายให้ไว้ในมาตรา 16 วรรค 1 ว่าคู่สัญญาที่ทำสัญญาอนุญาโตตุลาการไว้ อาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนก่อนหรือระหว่างการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการได้

ดังนั้น คำร้องของผู้ร้องทั้งสองจึงเป็นการขอคุ้มครองชั่วคราวตาม พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ ไม่ใช่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และศาลมีอำนาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้โดยชอบ

หลักกฎหมายสำคัญ:

พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 16 วรรคหนึ่ง

มาตรา 19 วรรคสาม

มาตรา 20 วรรคสอง

🔹 ประเด็นคำถามที่ 2

คำถาม 

เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำ 81/2564 หยุดดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งในคดีคัดค้านการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ ผู้คัดค้านจึงอุทธรณ์โดยอ้างว่าคำสั่งดังกล่าวเท่ากับเป็นการ “ตัดสินให้ผู้ร้องชนะคดีไปแล้ว” และไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหามีว่า ศาลชั้นต้นมีอำนาจออกคำสั่งให้คณะอนุญาโตตุลาการหยุดการดำเนินการไว้ชั่วคราวเช่นนั้นได้หรือไม่ และคำสั่งดังกล่าวถือเป็นการตัดสินคดีไปในเนื้อหาหรือไม่

ธงคำตอบ 

ศาลชั้นต้นมีอำนาจออกคำสั่งให้คณะอนุญาโตตุลาการหยุดการดำเนินการไว้ชั่วคราวได้ ตามบทบัญญัติของ มาตรา 20 วรรค สอง แห่ง พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 และคำสั่งดังกล่าว ไม่ถือเป็นการพิพากษาหรือมีผลตัดสินคดีไปในเนื้อหา

โดยหลักกฎหมาย มาตรา 20 วรรค 2 บัญญัติว่า “หากการคัดค้านโดยวิธีตามที่คู่พิพาทตกลงกันไม่บรรลุผล หรือในกรณีที่มีอนุญาโตตุลาการเพียงคนเดียว คู่พิพาทฝ่ายที่คัดค้านอาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้ และในระหว่างการพิจารณาของศาล คณะอนุญาโตตุลาการซึ่งรวมถึงอนุญาโตตุลาการที่ถูกคัดค้าน อาจดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไปจนกระทั่งมีคำชี้ขาดได้ เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น”

บทบัญญัติดังกล่าวเปิดช่องให้ศาลสามารถออก “คำสั่งเป็นอย่างอื่น” ได้หากเห็นว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการที่ถูกคัดค้านอาจกระทบต่อหลักความเป็นอิสระและความเป็นกลางของกระบวนการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบอนุญาโตตุลาการ

ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นออกคำสั่งให้หยุดการดำเนินการไว้ชั่วคราวเพียงระหว่างรอการไต่สวนคำร้องคัดค้านอนุญาโตตุลาการ โดยยังไม่มีคำวินิจฉัยในเนื้อหาคดีหรือข้อพิพาทหลัก จึงไม่ถือเป็นการตัดสินให้ฝ่ายใดชนะหรือแพ้คดี แต่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเพื่อรักษาความยุติธรรมและหลักความเป็นกลางของอนุญาโตตุลาการ

ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และมิได้ขัดต่อเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 อันมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กระบวนการอนุญาโตตุลาการดำเนินไปอย่างโปร่งใสและได้รับความไว้วางใจจากคู่พิพาท

หลักกฎหมายสำคัญ:

พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรค สอง

หลัก “ความเป็นอิสระและความเป็นกลางของอนุญาโตตุลาการ”

🔹 สรุปภาพรวมสองประเด็น

1. สิทธิของคู่พิพาทในการยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว – ศาลฎีกายืนยันว่าคู่พิพาทมีสิทธิดังกล่าวตาม พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ มาตรา 16 และ 20

2. อำนาจศาลในการสั่งหยุดกระบวนการอนุญาโตตุลาการ – ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งได้ตาม มาตรา 20 วรรค 2 และไม่ถือเป็นคำพิพากษาในคดีหลัก

พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 16 “คู่ สัญญาที่ได้ทำสัญญาอนุญาโตตุลาการไว้ อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอํานาจให้มีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนก่อน หรือขณะ ดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการได้ ถ้าศาลเห็นว่าเสียประโยชน์อย่างยิ่งหรือต้องรีบดำเนินการก่อนให้มีคำสั่งดังกล่าว”  มาตรา 19 “อนุญาโตตุลาการต้องมีความเป็นกลางและเป็นอิสระ รวมทั้งต้องมีคุณสมบัติตามที่กําหนดไว้ในสัญญาอนุญาโตตุลาการ หรือในกรณีที่คู่ สัญญาตกลงกันให้หน่วยงานซึ่งจัดตั้งขึ้น ดำเนินการแทนได้ และคู่ สัญญาหรืออนุญาโตตุลาการนั้น ต้องแจ้งคู่ พิพาททั้งสองฝ่ายทราบถึงชื่ออาชีพหรือพันธะอย่างอื่นซึ่งอาจก่อให้เกิดเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือเป็นอิสระของอนุญาโตตุลาการนั้นภายในระยะเวลาที่สัญญาหรือคู่ พิพาทตกลงกันไว้ หรือถ้าไม่ได้ตกลงไว้เป็นอย่างอื่น ให้แจ้งภายในสิบ วันนับแต่วันที่ทราบเหตุเป็นต้นไป”



คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2567

ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 19 วรรคสาม อนุญาโตตุลาการอาจถูกคัดค้านได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งเป็นเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระ หรือการขาดคุณสมบัติตามที่คู่พิพาทตกลงกัน โดยคู่พิพาทฝ่ายที่ประสงค์จะคัดค้านต้องดำเนินการตามกระบวนการที่ได้ตกลงกันไว้ หรือในกรณีที่ไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นต้องดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคหนึ่ง หากการคัดค้านโดยวิธีตามที่คู่พิพาทตกลงกันหรือตามวิธีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ไม่บรรลุผล หรือในกรณีที่มีอนุญาโตตุลาการเพียงคนเดียว คู่พิพาทฝ่ายที่คัดค้านอาจยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้ ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคสอง และเมื่อศาลไต่สวนคำคัดค้านนั้นแล้วให้มีคำสั่งยอมรับหรือยกเสียซึ่งคำคัดค้านนั้น และในระหว่างการพิจารณาของศาล คณะอนุญาโตตุลาการซึ่งรวมถึงอนุญาโตตุลาการซึ่งถูกคัดค้านอาจดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไปจนกระทั่งมีคำชี้ขาดได้ ทั้งนี้ เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น จากบทบัญญัติข้างต้นเห็นได้ว่า แม้ผู้ร้องทั้งสองจะยื่นคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของผู้วินิจฉัยต่อศาลชั้นต้นตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคสอง แล้ว แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ศ. ซึ่งเป็นอนุญาโตตุลาการที่ผู้คัดค้านแต่งตั้งก็อาจดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไปได้หากศาลไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ดังนี้ การที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งหยุดการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวเพื่อรอฟังผลการไต่สวนคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของผู้วินิจฉัย แม้จะอ้างในหัวคำร้องว่าเป็นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหยุดการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวเป็นการด่วน แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาตามคำร้องแล้วเห็นได้ว่าเป็นการขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคสอง ตอนท้าย ทั้งยังมีลักษณะเป็นการขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 16 วรรคหนึ่ง อันเป็นสิทธิที่คู่สัญญาที่ทำสัญญาอนุญาโตตุลาการไว้อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มิใช่การขอคุ้มครองชั่วคราวตาม ป.วิ.พ. ดังที่ผู้คัดค้านอ้างในอุทธรณ์ ผู้ร้องทั้งสองจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีนี้ได้ตามกฎหมายดังกล่าว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องทั้งสองเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม ขอให้มีคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านรับผิดและชำระค่าเสียหาย เป็นข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 81/2564 ผู้ร้องทั้งสองแต่งตั้งนายวิคเตอร์เป็นอนุญาโตตุลาการ ส่วนผู้คัดค้านแต่งตั้งนายศักดาเป็นอนุญาโตตุลาการ และอนุญาโตตุลาการทั้งสองเลือกนายวิชัยเป็นประธานอนุญาโตตุลาการ ต่อมาผู้ร้องทั้งสองยื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งนายศักดาเป็นอนุญาโตตุลาการต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 19 และมาตรา 20 วรรคหนึ่ง สถาบันอนุญาโตตุลาการแต่งตั้งนายธวัชชัยเป็นผู้วินิจฉัยคำคัดค้านของผู้ร้องทั้งสอง ตามข้อบังคับของสถาบันอนุญาโตตุลาการ ข้อ 23 ผู้วินิจฉัยพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดเหตุอันควรสงสัยในเรื่องความเป็นอิสระหรือเป็นกลางของอนุญาโตตุลาการ และไม่มีเหตุผลให้เพิกถอนอนุญาโตตุลาการ จึงมีคำวินิจฉัยให้ยกคำคัดค้านของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านและแก้ไขคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของผู้วินิจฉัยต่อศาลชั้นต้นตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคสอง ขอให้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนนายศักดาจากการเป็นอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 81/2564

ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหยุดการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวเป็นการด่วน โดยอ้างทำนองว่า หากคณะอนุญาโตตุลาการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 81/2564 จนเสร็จสิ้นและมีคำชี้ขาดแล้ว คำสั่งให้เพิกถอนอนุญาโตตุลาการก็ไม่เป็นเหตุให้คำชี้ขาดไม่มีผลบังคับ แต่เป็นเพียงเหตุในการยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 40 เท่านั้น ซึ่งผู้ร้องทั้งสองจะต้องยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการต่อศาลชั้นต้นอีกครั้ง อันจะทำให้ผู้ร้องทั้งสองได้รับความเดือดร้อนต่อไปและไม่อำนวยความยุติธรรมหากเทียบกับการหยุดกระบวนพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งในคดีนี้ ขอให้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้หยุดการดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 81/2564 ออกไปชั่วคราวเพื่อรอฟังผลการไต่สวนคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของผู้วินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคสอง

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้คณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 81/2564 หยุดดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งในคดีนี้

ผู้คัดค้านอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 45 วรรคสอง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านข้อแรกว่า ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 19 วรรคสาม อนุญาโตตุลาการอาจถูกคัดค้านได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งเป็นเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระ หรือการขาดคุณสมบัติตามที่คู่พิพาทตกลงกัน โดยคู่พิพาทฝ่ายที่ประสงค์จะคัดค้านต้องดำเนินการตามกระบวนการที่ได้ตกลงกันไว้ หรือในกรณีที่ไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นต้องดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคหนึ่ง หากการคัดค้านโดยวิธีตามที่คู่พิพาทตกลงกันหรือตามวิธีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ไม่บรรลุผลหรือในกรณีที่มีอนุญาโตตุลาการเพียงคนเดียว คู่พิพาทฝ่ายที่คัดค้านอาจยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้ ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคสอง และเมื่อศาลไต่สวนคำคัดค้านนั้นแล้วให้มีคำสั่งยอมรับหรือยกเสียซึ่งคำคัดค้านนั้น และในระหว่างการพิจารณาของศาล คณะอนุญาโตตุลาการซึ่งรวมถึงอนุญาโตตุลาการซึ่งถูกคัดค้านอาจดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไปจนกระทั่งมีคำชี้ขาดได้ ทั้งนี้ เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น จากบทบัญญัติข้างต้นเห็นได้ว่า แม้ผู้ร้องทั้งสองจะยื่นคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของผู้วินิจฉัยต่อศาลชั้นต้นตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคสอง แล้ว แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายศักดาก็อาจดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไปได้หากศาลไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ดังนี้ การที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งหยุดการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวเพื่อรอฟังผลการไต่สวนคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของผู้วินิจฉัย แม้จะอ้างในหัวคำร้องว่าเป็นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหยุดการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวเป็นการด่วน แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาตามคำร้องแล้วเห็นได้ว่าเป็นการขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคสอง ตอนท้าย ทั้งยังมีลักษณะเป็นการขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 16 วรรคหนึ่ง อันเป็นสิทธิที่คู่สัญญาที่ทำสัญญาอนุญาโตตุลาการไว้อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มิใช่การขอคุ้มครองชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งดังที่ผู้คัดค้านอ้างในอุทธรณ์ ผู้ร้องทั้งสองจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีนี้ได้ตามบทกฎหมายดังกล่าว อุทธรณ์ของผู้คัดค้านข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านข้อสุดท้ายว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้คณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 81/2564 หยุดดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งในคดีนี้ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพียงให้คณะอนุญาโตตุลาการหยุดดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราวเท่านั้นจนกว่าจะมีคำสั่งในคดีนี้ สำหรับประเด็นหลักตามคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของผู้ร้องทั้งสองนั้น ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า ศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านไปกำหนดวันเวลาสืบพยานในชั้นไต่สวนที่ศูนย์นัดความของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นขั้นตอนของกระบวนพิจารณาในการรับฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย เพื่อชั่งน้ำหนักว่าพยานหลักฐานของฝ่ายใดฟังขึ้นยิ่งกว่ากัน แล้วมีคำสั่งต่อไป คำสั่งศาลชั้นต้นในชั้นวิธีการชั่วคราวจึงมิได้มีผลเป็นการพิพากษาให้ผู้ร้องทั้งสองเป็นฝ่ายชนะคดีตามที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้าง ส่วนการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวก็เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 20 วรรคสอง ที่ให้อำนาจไว้ ทั้งนี้เพื่อให้ได้ความชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นกลางและเป็นอิสระของอนุญาโตตุลาการอันถือเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะเป็นหลักประกันความยุติธรรมให้แก่คู่พิพาทเสียก่อน หากอนุญาโตตุลาการปราศจากเสียซึ่งความเป็นกลางและเป็นอิสระแล้ว คู่พิพาทก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรมและกระบวนการอนุญาโตตุลาการก็จะไม่ได้รับการยอมรับ กรณีจึงไม่เป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายดังที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้าง อุทธรณ์ของผู้คัดค้านข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

1. คำพิพากษาศาลฎีกา 4252/2567

Quick Summary:

ในคดีนี้ คู่พิพาทได้ตกลงให้มีข้อพิพาทตามสัญญาซึ่งกำหนดให้ใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการ และต่อมาเกิดการคัดค้านอนุญาโตตุลาการขึ้น โดยผู้คัดค้านอ้างว่าอนุญาโตตุลาการอาจขาดความเป็นอิสระหรืออาจมีเหตุอันควรสงสัยตามมาตรา 19 วรรค 3 แห่ง พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 แต่ผู้วินิจฉัย (หรือคณะอนุญาโตตุลาการ) มีคำวินิจฉัยยกคำคัดค้าน เมื่อผู้คัดค้านขอพิจารณาต่อถึงศาลตามมาตรา 20 วรรค 2 พบว่า แม้คู่พิพาทจะตกลงใช้ข้อบังคับของสถาบันอนุญาโตตุลาการซึ่งกำหนดให้คำวินิจฉัยของคณะผู้ชี้ขาดเป็นที่สุด แต่บทบัญญัติของมาตรา 20 วรรค 2 ยังคงให้สิทธิคู่พิพาทที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลได้ “ไม่ว่า” จะตกลงวิธีพิจารณาไว้หรือไม่ก็ตาม. 

ในแง่ข้อเท็จจริง คดีนี้สะท้อนว่า กระบวนการคัดค้านอนุญาโตตุลาการในชั้นสถาบันนั้นแล้วไม่ “ยุติ” สิทธิของคู่พิพาทที่จะใช้ศาลตามมาตรา 20 วรรค 2 ซึ่งตรงกับประเด็นในคดี 1335/2567 ที่ว่า หลักการเดียวกันว่า คู่พิพาทมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลหลังการคัดค้านไม่สำเร็จ.

ในแง่มุมข้อกฎหมาย คดีนี้ยืนยันว่าข้อบังคับของสถาบันอนุญาโตตุลาการ (ข้อ 23 วรรค หนึ่ง) ที่กำหนดให้คำวินิจฉัยของผู้ชี้ขาดเป็นที่สุด ไม่ลดทอน สิทธิของคู่พิพาทที่จะใช้ศาลตามมาตรา 20 วรรค 2 แต่อย่างใด.

ประเด็นเปรียบเทียบ:

เหมือนกับคดี 1335/2567 ที่กล่าวถึงการยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว และคำสั่ง “หยุด” การดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการในระหว่างรอคำร้องคัดค้าน

ต่างจาก 1335/2567 ตรงที่คดี 4252/2567 ไม่ได้เน้น “คำสั่งให้หยุดการดำเนินการ” แต่เน้นสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลหลังการคัดค้านไม่สำเร็จ

จึงถือว่าเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องใกล้เคียงทั้งในเชิงข้อกฎหมายและการตีความมาตรา 19 / 20

2. คำพิพากษาศาลฎีกา 6020 6021/2567

Quick Summary:

ในคดีนี้ คู่พิพาทตกลงทำสัญญาอนุญาโตตุลาการ และมีคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ (เกี่ยวกับคดีประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักและความเสียหายสต็อกสินค้า) ต่อมาเกิดการเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ (arbitration award) ตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545 (มาตรา 41 เป็นต้น) ผู้คัดค้านอ้างเหตุให้เพิกถอนคำชี้ขาด ซึ่งเป็นขั้นตอนหลังคำชี้ขาดแล้ว และมีการพิจารณาว่าเมื่อใดศาลไทยจะรับฟังหรือไม่ให้ใช้คำชี้ขาดนั้นได้. 

ในแง่ข้อเท็จจริง คดีนี้เน้นเรื่องขั้นตอน “หลังคำชี้ขาด” ซึ่งเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งของกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ต่างจากคดี 1335/2567 ที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคัดค้านและคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ก่อนคำชี้ขาด

ในแง่มุมข้อกฎหมาย คดีนี้สะท้อนถึงอำนาจของศาลในการเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ และข้อจำกัดเกี่ยวกับการ “บังคับตามคำชี้ขาด” ซึ่งเชื่อมโยงกับบทบัญญัติของ พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545 เช่น มาตรา 41 – 42.

ประเด็นเปรียบเทียบ:

ข้อเหมือน: ทั้งสองคดีเกี่ยวกับกระบวนการอนุญาโตตุลาการ และศาลไทยมีบทบาทควบคุมการดำเนินงาน (คดี 1335/2567 → ศาลมีคำสั่งหยุดอนุญาโตตุลาการไว้ชั่วคราว / คดี 6020-6021/2567 → การเพิกถอนคำชี้ขาด)

 

ข้อแตกต่าง: คดี 1335/2567 ย้ำสิทธิคัดค้านก่อนคำชี้ขาดและคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ส่วนคดี 6020-6021/2567 อยู่หลังคำชี้ขาด และเน้นบทบาทศาลไทยในการบังคับหรือเพิกถอนคำชี้ขาด




คำพิพากษาฎีกาทั่วไป

เงินเพิ่มอากรขาเข้า & กฎหมายศุลกากร,นำเข้ารถยนต์, สำแดงราคาต่ำ,(ฎีกา 5097/2565) article
คดีทำเหมืองไม่มีประทานบัตร & ค่าภาคหลวงแร่ (ฎีกา 1265/2568)
สัญญาอนุญาโตตุลาการ vs ฟ้องศาลไทย(ฎีกา 2651/2568)
หมิ่นประมาท ความหมาย โทษตามกฎหมาย และแนวคำวินิจฉัย
คดีโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การใช้โลโก้แอลกอฮอล์ในป้ายโฆษณา
คดีโครงการรับจำนำข้าว – ไม่พบเจตนาทุจริต (ฎีกา 3555/2568)
สิทธิของเจ้าหนี้ตาม ป.พ.พ. ม.1300 (ฎีกา 674/2566)
บัตรกดเงินสดไม่ใช่ผ่อนงวด ใช้อายุความ 10 ปี (ป.พ.พ. 193/30)(ฎีกา 6568/2567)
การตีความกฎหมายอาญาเรื่องโทษจำคุก (ฎีกาที่ 4943/2567)
“ลักทรัพย์โดยลูกจ้าง”(มาตรา 335) แยกออกจาก “ยักยอก”(มาตรา 352) (ฎีกา 5658/2567)
ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น, คดีอาญากับสิทธิในมรดก, ผู้จัดการมรดกใช้สิทธิทางแพ่ง(ฎีกา 842/2568)
ที่ดินงอก, สาธารณสมบัติ, ป.พ.พ. ม.1304, ม.1309, ที่ดินรกร้าง,(ฎีกา 6006-6007/2567)
บุกรุกพื้นที่ป่า – ศาลสั่งปรับ คุมประพฤติ & บริการสังคม(ฎีกาที่ 6009/2567)
ผู้รับจำนองสุจริตมีสิทธิได้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจนชำระเสร็จ(ฎีกาที่ 6223/2567)
คดีภาษีธุรกิจเฉพาะ โอนที่ดินให้บุตร, การขายอสังหาริมทรัพย์, (ฎีกา 4182/2550)
(ฎีกาที่ 621/2568)วินัยข้าราชการ, บำเหน็จบำนาญ และสิทธิทายาท
(ฎีกา 1688/2568) มาตรการแทนคำพิพากษาเด็กและเยาวชน
(ฎีกา 847/2568)สิทธิสวมสิทธิ & พยานสำเนาสัญญา
(ฎีกาที่ 1346/2568) การแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวมัสยิด ก. และอำนาจคณะกรรมการอิสลาม
(ฎีกาที่ 3589/2567): ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกับทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจ, การประปานครหลวง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4128/2567 การริบยานพาหนะในคดีบุหรี่หนีภาษีและการตีความมาตรา 165 พ.ร.บ.ศุลกากร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4252/2567 คัดค้านอนุญาโตตุลาการ สิทธิยื่นต่อศาลแม้กระบวนพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการสิ้นสุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5669/2567: อำนาจฟ้องระหว่างหน่วยงานรัฐกับข้อยกเว้นการใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6020 - 6021/2567: การเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการในสัญญาประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
ความผิดศุลกากร การคำนวณโทษปรับตามมาตรา 27 ทวิ และความหมายของคำว่า "อากร"(ฎีกาที่ 6427/2567)
(ฎีกาที่ 6542/2567)คดีผู้บริโภคฟ้องบริษัทรับเหมาก่อสร้าง กรณีก่อสร้างบ้านไม่ได้มาตรฐานและไม่มีใบอนุญาต พร้อมการกำหนดค่าเสียหายเพื่อการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6848/2567 : คดีติดป้ายหาเสียงนอกพื้นที่ที่กำหนด ศาลชี้เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ
ความผิดติดตั้งป้ายหาเสียงนอกพื้นที่ตามกฎหมายเลือกตั้ง และการวินิจฉัย “ต่างกรรมต่างวาระ”(ฎีกาที่ 6849/2567)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2551: ข้อพิพาทการจัดการมรดกตามพินัยกรรมของอิสลามศาสนิกในจังหวัดสตูล
ศาลฎีกายืนคำสั่งริบรถยนต์ที่ใช้ลักลอบขนคนต่างด้าว: คำพิพากษาที่ 719/2568
สลากกินแบ่งรัฐบาล 48 ฉบับหายกลายเป็นคดียักยอกทรัพย์: วิเคราะห์คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2568
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2568: การใช้หมวกนิรภัยเพื่อปิดบังใบหน้าในการชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2568 : สรุปวินิจฉัยความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และสิทธิของผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2055/2568: ความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร
คดีทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 และหลักห้ามฎีกาประเด็นข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาตัดสินคืนแหวนทองคำหรือชดใช้ราคาแทน พร้อมดอกเบี้ย ในคดีลักทรัพย์นายจ้าง | คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2568
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 คืออะไร?, ข้อห้ามโอนสิทธิ ส.ป.ก., สิทธิการทำกินในที่ดิน ส.ป.ก., การใช้ที่ดินต่างดอกเบี้ยในเขต ส.ป.ก.
อำนาจนายกรัฐมนตรี คำสั่งน้ำมันเชื้อเพลิง, การส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ความผิดฐานทำคำรับรองอันเป็นเท็จในงานตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
ผลของ พ.ร.บ.ล้างมลทิน พ.ศ. 2550 ต่อคดีอาญา
กรรมการบริษัทไม่ต้องรับผิดส่วนตัว ในคดีสวนสัตว์ (ฎีกา 1235/2567)
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน-พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
จัดทำและส่งเป็นงบการเงินโดยมีเจตนาเพื่อลวง
ใบจอง (น.ส. 2)
โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ท้ายฟ้องแนบหนังสือมอบอำนาจผิดฉบับถือเป็นข้อบกพร่องเล็กน้อย
ความเสียหายไม่เกินวงเงินความคุ้มครองของสัญญาประกันภัย
การคืนเงินค่าหุ้นในภาวะขาดทุนตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์
อำนาจฟ้องขณะยังไม่มีคำสั่งศาลให้เป็นคนไร้ความสามารถ
วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา
อำนาจพิจารณาคดีตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ.2559
การกระทำโดยสำคัญผิด
ผิดฐานพาบุคคลไปเพื่อการอนาจารเพื่อสนองความใคร่ของตนเอง
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 คืออะไร-การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ความผิดฐานรับของโจรได้ต้องมีการลักทรัพย์เกิดขึ้นแล้ว
ภาษีให้กู้ยืมเงินไม่มีค่าตอบแทน
กฎหมายอันมีที่ประสงค์เพื่อจะปกป้องบุคคลอื่น ๆ
แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
สิทธิขั้นพื้นฐานในเชิงปรัชญา
ลูกหนี้ค้างจ่ายสรรพากรโอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์
บุตรผู้เยาว์ยังไร้เดียงสาย่อมไม่สามารถให้ความยินยอมได้
สำนักงานทนายความ รับปรึกษากฎหมาย
ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอก
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและคำนิยามศัพท์
อำนาจฟ้องคดี
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
ในกรณีที่มีข้อสงสัยให้ตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คฝ่ายผู้ต้องเสียในมูลหนี้
ข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบ
ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินภาษี
โอนที่ดินเพื่อให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์
โอนที่ดินตามคำพิพากษาเป็นการขายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
สิทธิหักลดหย่อนสำหรับบุตรซึ่งเกิดจากภริยาเดิม
รับเงินมาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายต้องคืนเงินในฐานลาภมิควรได้
คุ้มครองแรงงาน แรงงานสัมพันธ์
คดีพิพาทเกี่ยวกับการขอคืนค่าภาษีอากร
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องเป็นอันระงับ
ขาดคุณสมบัติรับราชการเรียกเงินเดือนคืนได้หรือไม่?
ความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย
ผู้แทนเฉพาะการของนิติบุคคลอาคารชุดมีประโยชน์ได้เสียขัดกัน
ทำหนังสือมอบอำนาจล่วงหน้า จำเลยนำไปทำจำนอง ฟ้องเพิกถอน
สนามกอล์ฟต้องเสียภาษีโรงเรือนหรือไม่?
สัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอก
ใบมอบฉันทะที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องติดอากร
ภัยพิบัติที่อาจป้องกันได้ - เหตุสุดวิสัยเป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้
การซื้อรถยนต์ที่มีผู้ลักลอบนำเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงอากรมีความผิดถูกจำคุก 4 ปี
คำสั่งขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมต้องมีพฤติการณ์พิเศษเท่านั้น
ความสำคัญผิดในตัวบุคคล กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่งโดยสำคัญผิด article
ศาลต้องยกฟ้อง หรือจำหน่ายคดี
คดีแพ่งเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวและมรดกอิสลาม
สิทธิเรียกร้องคืออะไร การบังคับชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องที่ได้รับโอน
สิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรม
ขั้นตอนการดำเนินคดีแพ่ง
ระบอบการเมืองการปกครอง