

เสือสวนสัตว์หลุดกัดศีรษะโจทก์, ละเมิด, เรียกค่าสินไหมทดแทน เสือสวนสัตว์หลุดกัดศีรษะโจทก์, ละเมิด, เรียกค่าสินไหมทดแทน • ความรับผิดชอบของกรรมการบริษัทต่อการกระทำในนามบริษัท • กฎหมายเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ดุร้ายในประเทศไทย • มาตรา 70 และการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการบริษัท • มาตรา 433 ความรับผิดชอบการเลี้ยงสัตว์ • บทบาทและความรับผิดชอบของกรรมการตามมาตรา 1167 • คำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์และความรับผิดชอบของบริษัท • กฎหมายแพ่งและพาณิชย์เกี่ยวกับความรับผิดชอบของบริษัท สรุปย่อ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2567 ดังนี้ จำเลยที่ 2 เป็นเพียงกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 1 และไม่มีส่วนในการเลี้ยงหรือดูแลเสือที่ทำร้ายโจทก์ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่สวนสัตว์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีพนักงานเฉพาะทางดูแลเสืออยู่แล้ว ศาลพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 70 และ มาตรา 1167 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในนามส่วนตัว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 รับผิดร่วมกัน ขณะที่ศาลฎีกาเห็นพ้องว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดส่วนตัว และยกฟ้องในส่วนของจำเลยที่ 2 เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องในคดีนี้มากขึ้น จะขออธิบายกฎหมายที่กล่าวถึงในบทความดังนี้: 1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 70 มาตรา 70 วรรคหนึ่งระบุว่า กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทมีหน้าที่และอำนาจในการกระทำการแทนบริษัท ซึ่งการกระทำใด ๆ ของกรรมการจะถือว่าเป็นการกระทำในนามของบริษัท ไม่ใช่ในนามส่วนตัวของกรรมการเอง วรรคสองกำหนดให้กรรมการกระทำการใด ๆ เพื่อประโยชน์ของบริษัทเท่านั้น เมื่อกรรมการปฏิบัติหน้าที่ตามนี้ การกระทำใด ๆ จะถือว่าเป็นการกระทำของบริษัท ไม่ใช่ตัวบุคคลของกรรมการ ดังนั้นในกรณีนี้ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 จึงถือเป็นตัวแทนของบริษัทในการดำเนินงานของสวนสัตว์ ไม่ใช่การกระทำส่วนตัว 2. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433
มาตรา 433 วางหลักการความรับผิดชอบเกี่ยวกับการเลี้ยงและดูแลสัตว์ หากบุคคลใดครอบครองสัตว์หรือเลี้ยงสัตว์ที่อาจก่อให้เกิดอันตราย บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่สัตว์ก่อขึ้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้ประมาทเลินเล่อ ในคดีนี้ จำเลยที่ 1 มีความรับผิดชอบในการดูแลเสือที่ทำร้ายโจทก์ เนื่องจากเสือเป็นสัตว์ดุร้ายที่ต้องการการดูแลอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองหรือดูแลเสือโดยตรง จึงไม่ต้องรับผิดตามมาตรา 433 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระเงิน 10,000,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 1,556,476 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้ไขดอกเบี้ย ศาลฎีกายกฟ้องจำเลยที่ 2 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 เป็นเพียงกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 และเป็นสวนสัตว์มีเสือไว้ในครอบครองเหตุเกิดขึ้นที่สวนสัตว์มีพนักงานจำเลยที่ 1 เป็นผู้ดูแลเสือโดยเฉพาะ โดยจำเลยที่ 2 มิได้เกี่ยวข้องในฐานะผู้รับเลี้ยงเสือ แต่จำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องในฐานะผู้แทนของจำเลยที่ 1 เท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดูแลหรือรับเลี้ยงรับรักษาสัตว์อันจะก่อให้เกิดหน้าที่และความรับผิดชอบ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นเพียงกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการอันอยู่ในฐานะผู้แทนบริษัทจำเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 70 วรรคหนึ่ง การมีเสือไว้ในครอบครองและดูแลรักษาก็เพื่อกิจการตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งแสดงออกโดยจำเลยที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 70 วรรคสอง และเหตุเกิดขึ้นที่สวนสัตว์อันเป็นกิจการของจำเลยที่ 1 ทั้งตามพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบก็ได้ความว่า มีพนักงานจำเลยที่ 1 เป็นผู้ดูแลเสือโดยเฉพาะ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 เข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้รับเลี้ยงเสือด้วย จำเลยที่ 2 คงมีความเกี่ยวข้องในฐานะผู้แทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1167 มิได้เลี้ยงหรือดูแลเสือโดยตรง จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดูแลหรือรับเลี้ยงรับรักษาสัตว์ไว้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 433 อันจะก่อให้เกิดหน้าที่และความรับผิดชอบ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 กระทำการใดนอกขอบวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระเงิน 10,000,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยทั้งสามขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 1,556,476 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 กรกฎาคม 2563) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง (ที่ถูก โจทก์) โดยให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดเฉพาะในส่วนค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในส่วนนี้จำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ได้รับการยกเว้นนั้นให้จำเลยทั้งสามนำมาชำระต่อศาลในนามของโจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 กรกฎาคม 2563) ถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กับให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ และให้คืนค่าส่งคำคู่ความแก่โจทก์จำนวน 1,540 บาท จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการสวนสัตว์ โดยเก็บค่าบริการเข้าชมสัตว์จากนักท่องเที่ยวใช้ชื่อว่า สวนสัตว์ ห. มีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการประกันภัยสำหรับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของนักท่องเที่ยวเนื่องจากอุบัติเหตุจากสัตว์ที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 เวลา 10.30 นาฬิกา โจทก์กับนายราฟี กับนางราเชล บิดาและมารดาไปเที่ยวที่สวนสัตว์ ห. ของจำเลยที่ 1 ระหว่างที่เที่ยวชม ประตูกรงเสือเปิดออกทำให้เสือหลุดออกจากกรงมากัดที่ศีรษะและใบหน้าของโจทก์จนได้รับบาดเจ็บ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากจำเลยที่ 1 มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการเลี้ยงดูเสือซึ่งเป็นสัตว์ดุร้าย ความรับผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ยุติไปตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับอนุญาตให้ฎีกาเพียงประการเดียวว่า จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 หรือไม่ นั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องในทำนองว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้เลี้ยงดูและเป็นเจ้าของเสือจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในค่ารักษาพยาบาลโจทก์ก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 เป็นเพียงกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการอันอยู่ในฐานะผู้แทนจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 70 วรรคหนึ่ง การมีเสือไว้ในครอบครองและดูแลรักษาก็เพื่อใช้ในกิจการตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งแสดงออกโดยจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 70 วรรคสอง และเหตุเกิดขึ้นที่สวนสัตว์อันเป็นกิจการจำเลยที่ 1 ทั้งตามพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบก็ได้ความว่า มีพนักงานของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ดูแลเสือดังกล่าวโดยเฉพาะโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 เข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้รับเลี้ยงเสือด้วยแต่อย่างใด จำเลยที่ 2 คงมีความเกี่ยวข้องในฐานะผู้แทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1167 มิได้เลี้ยงหรือดูแลเสือโดยตรง จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดูแลสัตว์หรือรับเลี้ยงรับรักษาสัตว์ไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 อันจะก่อให้เกิดหน้าที่และความรับผิดแก่จำเลยที่ 2 แต่อย่างใด ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 กระทำการใดนอกขอบวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลยที่ 1 อันจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเป็นการส่วนตัว จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ในฐานะส่วนตัวนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ข้อนี้ฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 และค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2567
|