ReadyPlanet.com
dot
สำนักงานทนายความ
dot
bulletทนายความฟ้องหย่า
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
dot
พระราชบัญญัติ
dot
bulletพระราชบัญญัติ
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
dot
บทความเฉพาะเรื่อง
dot
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletสัญญายอมความ
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletกรมบังคับคดี
dot
ลิงค์ต่าง ๆ
dot
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletอำนาจปกครองบุตร




รับสมอ้างว่าเป็นบุตรในการแจ้งเกิด, บิดาในสูติบัตร

-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258

-ติดต่อทางอีเมล  : leenont0859604258@yahoo.co.th

-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์  (5) ID line  :

         (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3)  @peesirilaw  หรือ (4) peesirilaw   (5)   leenont

-Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย  QR CODE

QR CODE 

รับสมอ้างว่าเป็นบุตรในการแจ้งเกิด,  บิดาในสูติบัตร

รับสมอ้างว่าเป็นบุตรโดยการแจ้งการเกิดในสูติบัตรว่าเด็กที่เกิดมานั้นเป็นบุตรของตนและภริยา แต่ในความเป็นจริงแล้วเด็กดังกล่าวเป็นบุตรของมารดาที่เป็นชาวกัมพูชาและบิดาเป็นคนไทย ซึ่งมีตัวตนที่แน่นอน ในกรณีอย่างนี้ทางเด็กจะฟ้องทายาทที่แท้จริงเพื่อขอแบ่งมรดกไม่ได้ เพราะตนไม่ใช่บุตรที่แท้จริงของเจ้ามรดกที่รับสมอ้างเป็นบิดาโดยการแจ้งเกิดในสูติบัตร และไม่เป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 และไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย (บิดาในสูติบัตร)

           คำพิพากษาศาลฎีกาที่  4791/2542

          บทบัญญัติตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1541 หมายถึงชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามีจะฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรตามมาตรา 1539 ซึ่งเป็นกรณีที่สันนิษฐานว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามีตามมาตรา 1536 และ 1537 หรือมาตรา 1538 โจทก์เป็นบุตรของร.และอ.ซึ่งมีตัวตนแน่นอนส.และสค. ไม่ใช่บิดามารดาผู้ให้กำเนิดโจทก์โดยแท้จริง การที่ ส.ไปแจ้งการเกิดลงในสูติบัตรของโจทก์ว่า บิดาโจทก์เป็นคนไทย มารดาเป็นคนกัมพูชาเมื่อมีบุตรขึ้นมาก็แจ้งเกิดไม่ได้ ส. จึงรับสมอ้างไปแจ้งเกิดแทน โดยระบุว่าเป็นบิดาดังนี้ เป็นคนละเรื่องกับกรณีการแจ้งเกิดของเด็กในทะเบียนคนเกิดเองว่าเป็นบุตรของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1541 เมื่อโจทก์ไม่ใช่บุตรที่แท้จริงของ ส. จึงไม่ใช่บุตรนอกกฎหมายตามความเป็นจริงที่บิดาได้รับรองแล้ว ทั้งไม่ใช่ ผู้สืบสันดานและไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของ ส. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1627 และ 1629(1) โจทก์จึงไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของส. ผู้ตาย และไม่มีอำนาจฟ้อง

          โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองแบ่งปันทรัพย์มรดกให้โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน316,500 บาท หากไม่ปฏิบัติตามให้นำทรัพย์มรดกออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งให้โจทก์ตามส่วน
                         จำเลยที่ 1 ให้การขอให้ยกฟ้อง

          จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
          ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
         โจทก์อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
         โจทก์ฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า นายสมพรและนางสมคิดเป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรส นายชายเป็นบุตรของนายสมพรและนางสมคิด เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2525 นายสมพรไปแจ้งการเกิดในสูติบัตรว่า โจทก์เป็นบุตรของนายสมพรและนางสมคิด จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นบุตรของนายชายอันเกิดจากนางเกษรและนางบุญยงค์ตามลำดับ โดยจำเลยที่ 1 เป็นบุตรนอกกฎหมายที่นายชายได้รับรองแล้ว นายชายถึงแก่ความตายก่อนนายสมพร ส่วนนางสมคิดถึงแก่ความตายหลังนายสมพร ตามมรณบัตรเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 นายสมพรถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2538 มีทรัพย์มรดกเป็นที่ดินจำนวน 4 แปลง และอาคารพาณิชย์ 3 ห้อง หลังจากนายสมพรและนางสมคิดถึงแก่ความตายแล้วนางเพิ่มยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ตั้งนางเพิ่มเป็นผู้ปกครองของโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้นางเพิ่มเป็นผู้ปกครองของโจทก์ มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ประการแรกว่าสูติบัตรตามเอกสารหมาย จ.10 ซึ่งออกโดยผู้ช่วยนายทะเบียนตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ซึ่งเป็นกำนันท้องที่ที่รับแจ้งเป็นเอกสารราชการมีน้ำหนักน่าเชื่อถือและรับฟังยันจำเลยทั้งสองได้หรือไม่นั้น เห็นว่า สูติบัตรเอกสารหมาย จ.10ซึ่งนางสายใจ สุทธิวารี ปลัดอำเภอ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด มาเบิกความว่านางสายใจเป็นผู้รับรองสำเนาถูกต้องเอกสารดังกล่าว ตามเอกสารหมาย จ.10 ลำดับ 4.4 ระบุว่านายสมพร รำไพ เป็นผู้แจ้งการเกิด แต่ไม่เคยเห็นลายมือชื่อนายสมพรจึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นลายมือชื่อของนายสมพรหรือไม่ ส่วนตามเอกสารหมาย ล.1ในช่องลายมือชื่อ นายสมพร รำไพ เมื่อเปรียบเทียบกับลายมือชื่อนายสมพร รำไพ ในเอกสารหมาย จ.10 น่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ตามเอกสารหมาย จ.10 ลำดับ 5 ระบุว่าแจ้งเกิดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2525 ส่วนเอกสารหมาย ล.1 ระบุว่าสั่งไว้ ณ (สั่งไว้นะ) วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2535 และตอนท้ายของเอกสารหมาย ล.1 ระบุว่าข้าพเจ้าในนามนายสมพร รำไพ สั่งไว้นะ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เมื่อได้พิเคราะห์เอกสารดังกล่าวแล้ว เห็นว่า ตามเอกสารดังกล่าวแม้จะไม่ใช่พินัยกรรมแต่ข้อความเป็นการระบุบอกไว้ได้ความชัดเจนว่า นายสมพร มีทายาทชั้นบุตรเพียงคนเดียวชื่อนายชายหรือสมชาย รำไพ และมีผู้มาอาศัยฝากรับให้ใช้นามสกุลรำไพนี้หนึ่งคน บิดาเป็นไทยมารดาเป็นคนกัมพูชา เมื่อมีบุตรขึ้นมาก็แจ้งเกิดไม่ได้ นายสมพรจึงรับสมอ้างไปแจ้งเกิดแทนโดยระบุว่าเป็นบิดา จากข้อความตามเอกสารหมาย ล.1 เป็นการยืนยันว่าโจทก์ไม่ใช่บุตรโดยแท้จริงของนายสมพรและนางสมคิด แต่เป็นบุตรของนายสุรินทร์และนางอ้อน นางอ้อนเป็นคนกัมพูชาอพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย เมื่อโจทก์เกิดจึงไปแจ้งเกิดไม่ได้เพราะมารดาเป็นคนต่างด้าว ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนนายสมพรจึงรับสมอ้างและไปแจ้งการเกิดต่อผู้ช่วยนายทะเบียนตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่จังหวัดตราด ว่าโจทก์เป็นบุตรของนายสมพรและนางสมคิด การที่โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายของนายสมพรและนางสมคิด ที่บิดารับรองแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่โจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ฟังข้อเท็จจริงได้ตามฟ้อง แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมามีเพียงคำเบิกความของนางเพิ่ม บุญตูบ ผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์เพียงปากเดียวมาเบิกความลอย ๆอ้างว่า ขณะที่นายสมพรและนางสมคิดยังมีชีวิตอยู่ได้ให้ความอุปการะเลี้ยงดูโดยให้การศึกษาแก่โจทก์ ให้ใช้นามสกุล เพียงเท่านี้ไม่เพียงพอ ไม่มีน้ำหนักรับฟังให้เชื่อว่าโจทก์เป็นบุตรที่แท้จริงของนายสมพรและนางสมคิดแต่อย่างใด ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าตามเอกสารหมาย จ.10 เป็นเอกสารที่นายสมพรไปแจ้งการเกิดของโจทก์ในสูติบัตรหรือทะเบียนการเกิดว่าเป็นบุตรของนายสมพรและนางสมคิดดังกล่าวเท่ากับเป็นการรับรองแล้วว่าโจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมพรและนางสมคิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1541 นั้น เห็นว่า บทบัญญัติตามกฎหมายดังกล่าวหมายถึงชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามีจะฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรตามมาตรา 1539 ซึ่งเป็นกรณีที่สันนิษฐานว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามีตามมาตรา 1536 และ 1537 หรือมาตรา 1538 แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้วว่า โจทก์เป็นบุตรของนายสุรินทร์และนางอ้อนซึ่งมีตัวตนแน่นอน นายสมพรและนางสมคิดไม่ใช่บิดามารดาผู้ให้กำเนิดโจทก์โดยแท้จริง การที่นายสมพรได้ไปแจ้งการเกิดลงในสูติบัตรของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.10 นั้น เป็นคนละเรื่องกับกรณีการแจ้งการเกิดของเด็กในทะเบียนคนเกิดเองว่าเป็นบุตรของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1541 ซึ่งกรณีตามฎีกาของโจทก์ข้อเท็จจริงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ใช่บุตรที่แท้จริงของนายสมพรกรณีจึงไม่ใช่บุตรนอกกฎหมายตามความเป็นจริงที่บิดาได้รับรองแล้วทั้งไม่ใช่ผู้สืบสันดานและไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของนายสมพรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1627 และ 1629(1) โจทก์จึงไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของนายสมพรผู้ตายและไม่มีอำนาจฟ้องดังที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

          พิพากษายืน
( ดลจรัส รัตนโศภิต - สมศักดิ์ วงศ์ยืน - ประพันธ์ ทรัพย์แสง )

มาตรา 1541 ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีจะฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร ตาม มาตรา 1539 ไม่ได้ ถ้าปรากฏว่าตนเป็นผู้แจ้งการเกิดของเด็กในทะเบียนคนเกิดเองว่าเป็นบุตรของตน หรือจัดหรือยอมให้มีการแจ้งดังกล่าว

ปรึกษากฎหมาย  ปรึกษาทนายความ ลีนนท์  085-9604258  *  
สำนักงานกฎหมายพีศิริ
ทนายความ




บิดามารดา กับ บุตร - คำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร

บุตรนอกสมรสตาย บิดามารดาจดทะเบียนสมรสภายหลังการตาย
สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว
ขอจดทะเบียนรับรองบุตร,ขอรับเด็กเป็นบุตร บุตรนอกสมรส
ไม่มีกฎหมายให้บิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมาย
ฟ้องให้บิดารับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์
ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าให้บิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
เมื่อศาลได้พิพากษาแล้วไม่จำต้องบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนรับเป็นบุตรอีก
ฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร-มารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องแทนได้
ค่าอุปการะเลี้ยงดูกับค่าเลี้ยงชีพ, การใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์
ฟ้องขอให้เพิกถอนข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า ค่าเลี้ยงชีพ อำนาจปกครองบุตร
เรียกบุตรคืนจากสามีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย, บิดานอกกฎหมายไม่มีสิทธิที่จะกำหนดที่อยู่ของบุตร
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร (เด็กและมารดาของเด็กถึงแก่ความตายแล้ว)
ขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน
ฟ้องบุพการี,คดีอุทลุม,การใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์จากผู้ไม่มีสิทธิยึดถือได้
การถอนอำนาจปกครองบิดา ตั้งน้าสาวเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แทน
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (บิดาถึงแก่ความตาย)
เปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครอง
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (คดีขาดอายุความ)
บุตรนอกกฎหมาย สิทธิประกันสังคม
บุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้
บุตรนอกกฎหมายเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้หรือไม่?
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรแต่บิดาปฏิเสธว่าเป็นบุตร
ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
เปลี่ยนสิทธิดูแลบุตรจากมารดาเป็นบิดา
การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
บุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องบิดาไม่เป็นคดีอุทลุม
ส่วนแบ่งสินสมรสและความรับผิดค่าอุปการะบุตร
ทำสัญญาประนีประนอมแทนผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาล
อายุความฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรม
การถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล
ให้ใช้นามสกุลในสูติบัตรยังไม่เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย