ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร, การรับรองบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร

ท นาย อาสา ฟรี

 

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

 

 •  การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรตามกฎหมายไทย

•  คำพิพากษาศาลฎีกา เรื่องการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร

•  สิทธิและหน้าที่ของบิดาในการรับรองบุตร

•  พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 มาตรา 20

•  ค่าอุปการะเลี้ยงดูและการรับรองบุตรตามกฎหมายไทย

1.การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรตามกฎหมาย: พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 มาตรา 20 อนุญาตให้ผู้มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องเพื่อบันทึกคำพิพากษาที่ศาลกำหนดว่าใครเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องให้ฝ่ายจำเลยยินยอม ซึ่งหมายความว่านายทะเบียนสามารถดำเนินการได้เมื่อมีสำเนาคำพิพากษาถึงที่สุดที่รับรองถูกต้อง

2.ข้อเท็จจริงในคดี: โจทก์และจำเลยมีความสัมพันธ์แบบสามีภริยา โดยที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หลังจากโจทก์ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือน ทั้งสองแยกทางกัน ต่อมาโจทก์ได้ให้กำเนิดบุตร โดยจำเลยยินยอมให้บุตรใช้นามสกุลและให้ความอุปการะเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามโจทก์ต้องดูแลบุตรตามลำพังและโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย รวมถึงให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นรายเดือน

3.คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์: ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เด็กหญิงเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลยและให้จำเลยจดทะเบียนรับรองบุตร ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้แก้ไขให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเดือนละ 1,500 บาท นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา

4.การวินิจฉัยของศาลฎีกา: ศาลฎีกาพิจารณาว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ ชี้ชัดว่าเด็กหญิงเป็นบุตรของจำเลย อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีการสั่งให้จำเลยไปจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว มาตรา 20 เนื่องจากผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำร้องเพื่อบันทึกคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยได้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 สั่งให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ไม่สอดคล้องกับกฎหมาย เนื่องจากผลบังคับการเป็นบุตรตามกฎหมายเริ่มตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด (ตามกฎหมายเดิม)

5. ศาลฎีกาวินิจฉัยดังนี้ ศาลฎีกาแก้ไขให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูตั้งแต่วันที่อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา พร้อมทั้งยกคำขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรเนื่องจากใช้คำพิพากษาอันถึงที่สุดแทนไดั

 

จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร


นายทะเบียนสามารถจดทะเบียนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียที่ยื่นสำเนาคำพิพากษาอันถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4141/2535

ตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 มาตรา 20ได้บัญญัติถึงการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายไว้เป็นพิเศษว่า เมื่อศาลได้พิพากษาว่าผู้ใดเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายแล้วผู้มีส่วนได้เสียจะยื่นสำเนาคำพิพากษาอันถึงที่สุดซึ่งรับรองถูกต้องแล้วมาให้บันทึกในทะเบียนก็ได้ แสดงว่า การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายนั้น นายทะเบียนสามารถจดทะเบียนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียที่ยื่นสำเนาคำพิพากษาอันถึงที่สุดซึ่งรับรองถูกต้องแล้วได้ โดยไม่จำต้องอาศัยการแสดงเจตนาของจำเลยดังนั้น ศาลจึงไม่จำต้องสั่งคำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยไปจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย การเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามคำพิพากษาของศาลมีผลนับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1557(3) ซึ่งสำหรับคดีนี้ต้องเริ่มนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นต้นไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนก็เห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยอยู่กินฉันสามีภริยา โดยมิได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่เดือนกันยายน 2527 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2529จนโจทก์ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือน จึงแยกทางกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2529 โจทก์คลอดบุตรคือเด็กหญิง...โดยจำเลยให้คำรับรองว่า เป็นบุตรของจำเลยและให้ความอุปการะเลี้ยงดูเป็นครั้งคราวไม่สม่ำเสมอ แต่ยินยอมใช้นามสกุลของจำเลย การที่จำเลยไม่อุปการะเลี้ยงดูอย่างจริงจัง ทำให้โจทก์ได้รับความลำบากยากแค้นต้องบากบั่นหางานทำเลี้ยงดูบุตรตามลำพัง โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ทั้งละเลยไม่จดทะเบียนรับรองว่าเด็กเป็นบุตรของจำเลย ขอให้พิพากษาว่า เด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลย หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู เดือนละ 5,000 บาทนับแต่วันที่ศาลพิพากษาจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยรับรองว่าเด็กเป็นบุตรของจำเลยขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เด็กหญิง... ผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ให้จำเลยจดทะเบียนรับรองว่าผู้เยาว์เป็นบุตรหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเด็กและเยาวชนพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์เป็นเงินเดือนละ 1,500 บาท นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจนกว่าผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะอีกส่วนหนึ่งด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบและตามรายงานของพนักงานคุมประพฤติฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเคยร่วมประเวณีกับโจทก์ และเมื่อวันที่ 28มิถุนายน 2529 โจทก์คลอดเด็กหญิง..บุตรผู้เยาว์ ต่อมาวันที่ 15ธันวาคม 2529 โจทก์ได้ไปแจ้งการเกิดของผู้เยาว์ ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองอุบลราชธานี โดยนายทองปอน  นายทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลเมืองอุบลราชธานี เป็นผู้สอบสวนพยานหลักฐานไว้ตามเอกสารหมาย ป.จ.1 และ ป.จ.2...ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าการที่โจทก์ไปแจ้งเกิดผู้เยาว์จึงอยู่ในความรู้เห็นยินยอมของจำเลย ซึ่งเมื่อฟังประกอบกับข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยมาแล้วว่าโจทก์จำเลยได้อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาอย่างเปิดเผยในระยะเวลาที่โจทก์อาจตั้งครรภ์เด็กหญิง....ได้แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า เด็กหญิง... เป็นบุตรของโจทก์ที่เกิดกับจำเลย

ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยข้อสุดท้าย คือเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูควรจะเป็นจำนวนเท่าใด โจทก์เบิกความว่า หลังจากคลอดเด็กหญิง...ได้ 2 เดือนเศษ จำเลยให้เงินค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นครั้งคราวครั้งละ 1,000 บาทเศษ โดยจำเลยให้คนสนิทคือนายวิชัยนำเงินมาให้ครั้งสุดท้ายจำเลยนำเงินมาให้ 1,000 บาท เมื่อเดือนกันยายน 2531จำเลยมีรายได้เดือนละ 20,000 บาทเศษ และนางมะลัยพยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยให้เงินโจทก์ประมาณ 10 ครั้ง ๆ ละ 1,000 บาทเศษจำเลยเบิกความว่า มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด...ซึ่งค้าขายรถ จำเลยมีเงินเดือน เดือนละ 7,500 บาท พิเคราะห์แล้วได้ความจากนายวิชัยตอบทนายโจทก์ถามค้านว่าพยานทำงานอยู่กับจำเลยมา 10 ปีเศษ จำเลยมีธุรกิจการค้าหลายอย่าง เช่น กิจการโรงแรม....ซึ่งแสดงว่าจำเลยมีรายได้อื่น ๆ อีก นอกจากเงินเดือนในห้างหุ้นส่วนจำกัด... ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิง...เป็นเงินเดือนละ 1,500 บาท จึงพอสมควรเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งกรณีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนรับเด็กหญิง...เป็นบุตร หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย นั้น เห็นว่าตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 มาตรา 20 ได้บัญญัติถึงการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายไว้เป็นพิเศษว่า เมื่อศาลได้พิพากษาว่าผู้ใดเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายแล้ว ผู้มีส่วนได้เสียจะยื่นสำเนาคำพิพากษาอันถึงที่สุดซึ่งรับรองถูกต้องแล้วมาให้บันทึกในทะเบียนก็ได้ แสดงว่า การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายนั้น นายทะเบียนสามารถจดทะเบียนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียที่ยื่นสำเนาคำพิพากษาอันถึงที่สุดซึ่งรับรองถูกต้องแล้วได้ โดยไม่จำต้องอาศัยการแสดงเจตนาของจำเลยแต่อย่างใด ดังนั้น ศาลจึงไม่จำต้องสั่งคำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยไปจดทะเบียนรับเด็กหญิง...เป็นบุตรหากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิง...นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา นั้น ก็เห็นว่าการเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามคำพิพากษาของศาลมีผลนับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1557(3) ซึ่งสำหรับคดีนี้ต้องเริ่มนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นต้นไปคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนก็เห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้"

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่ผู้เยาว์ตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาและให้ยกคำขอในส่วนที่บังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1




บิดามารดา กับ บุตร

เปลี่ยนสิทธิดูแลบุตรจากมารดาเป็นบิดา
สิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร,
การเลี้ยงดูบุตรหลังการหย่า, การอุปการะเลี้ยงดูบุตร มาตรา 1564, ข้อตกลงการเลี้ยงดูบุตรในกรณีหย่าร้าง
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร, การคำนวณค่าเลี้ยงดูบุตร, สิทธิเลี้ยงดูบุตร หลังการหย่า,
การเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองบุตร, การยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อสิทธิเลี้ยงดูบุตร
เปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครอง
การถอนอำนาจปกครองบิดา ตั้งน้าสาวเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แทน
บิดามารดาโดยกำเนิดหมดอำนาจปกครองบุตร
กฎหมายเรื่อง,ฟ้องร้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร, ฟ้องหย่า, อำนาจปกครองบุตร,
ขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
ขอจดทะเบียนรับรองบุตร,ขอรับเด็กเป็นบุตร บุตรนอกสมรส
ค่าอุปการะเลี้ยงดูกับค่าเลี้ยงชีพ, การใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์
ฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร-มารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องแทนได้
การถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล
ส่วนแบ่งสินสมรสและความรับผิดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
อำนาจศาลเพิกถอน ลด เพิ่ม หรือกลับการให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน
ให้ใช้นามสกุลในสูติบัตรยังไม่เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
หน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรยุติไปด้วยความตายไม่ตกทอดเป็นมรดก
โจทก์ฟ้องขอให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว
หน้าที่ตามกฎหมายบิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตร
อายุความฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรม
ฟ้องขอให้เพิกถอนข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า ค่าเลี้ยงชีพ อำนาจปกครองบุตร
อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวมีได้ในกรณีใดบ้าง
รับสมอ้างว่าเป็นบุตรในการแจ้งเกิด, บิดาในสูติบัตร
ทำสัญญาประนีประนอมแทนผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาล
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรแต่บิดาปฏิเสธว่าเป็นบุตร
เรียกบุตรคืนจากสามีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย, บิดานอกกฎหมายไม่มีสิทธิที่จะกำหนดที่อยู่ของบุตร
บิดาลงชื่อในใบแต่งทนายความแทนบุตรที่บรรละนิติภาวะแล้ว
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร (เด็กและมารดาของเด็กถึงแก่ความตายแล้ว)
บุตรนอกกฎหมายเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้หรือไม่?
บุตรนอกกฎหมาย สิทธิประกันสังคม
บุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้
ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าให้บิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
เพิกถอนหน้าที่ผู้จัดการทรัพย์สิน
ฟ้องบุพการี,คดีอุทลุม,การใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์จากผู้ไม่มีสิทธิยึดถือได้
อำนาจศาลสั่งให้บิดาหรือมารดาใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว
ศาลชอบที่จะสั่งให้แก้ไขความบกพร่องเรื่องความสามารถเสียก่อนยกฟ้อง
บุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องบิดาไม่เป็นคดีอุทลุม
การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (คดีขาดอายุความ)
ใช้สิทธิทางศาลขอเป็นบิดาชอบด้วยกฎหมาย
บิดาขอจดทะเบียนรับรองบุตรกรณีเด็กถึงแก่ความตายแล้ว
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (บิดาถึงแก่ความตาย)
อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
ไม่มีกฎหมายให้บิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมาย
ฟ้องให้บิดารับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์
การนับอายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เยาว์
จำเลยตั้งครรภ์ด้วยวิธีการผสมเทียมโดยไม่ใช่อสุจิของโจทก์
สามีนำเงินสินส่วนตัวชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองที่ดินสินสมรส
ละเมิดเรียกค่าขาดแรงงานในครัวเรือนของบิดามารดา
ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามสัญญายอมความได้
ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะได้ทั้งการสมรสหรือมีอายุครบ 20 ปี
คำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
สามีภริยาสมัครใจมีบุตรร่วมกันโดยการทำกิ๊ฟท์
การอุปการะเลี้ยงดูบุตรต้องกระทำจนถึงบุตรบรรลุนิติภาวะ
เงินที่มีผู้ช่วยทำศพผู้ตายนำมาบรรเทาความรับผิดไม่ได้
โจทก์เป็นบุตรมีอำนาจฟ้องบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้
ห้ามฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งและคดีอาญา
บุตรขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้ตายในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ถือหุ้นฟ้องปู่ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทไม่เป็นคดีอุทลุม
คดีอุทลุมคือการห้ามฟ้องบุพการี
ฟ้องให้รับรองบุตรเมื่อเด็กอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว
กฎหมายไม่บังคับว่าบุตรจะต้องใช้ชื่อสกุลของบิดาหรือมารดา
สิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร
ฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรเนื่องจากไม่ใช่บุตรที่แท้จริง
เด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอมจดทะเบียนรับรองบุตรได้หรือไม่
ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเป็นบุตรเพราะมิใช่บิดาแท้จริง
สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว
บุตรนอกสมรสตาย บิดามารดาจดทะเบียนสมรสภายหลังการตาย
เมื่อศาลได้พิพากษาแล้วไม่จำต้องบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนรับเป็นบุตรอีก
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน
เพิกถอนอำนาจปกครองเกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่ของบุตร