ReadyPlanet.com
dot
สำนักงานทนายความ
dot
bulletทนายความฟ้องหย่า
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
dot
พระราชบัญญัติ
dot
bulletพระราชบัญญัติ
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
dot
บทความเฉพาะเรื่อง
dot
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletสัญญายอมความ
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletกรมบังคับคดี
dot
ลิงค์ต่าง ๆ
dot
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletอำนาจปกครองบุตร




บุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้

-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258

-ติดต่อทางอีเมล  : leenont0859604258@yahoo.co.th

-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์  (5) ID line  :

         (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3)  @peesirilaw  หรือ (4) peesirilaw   (5)   leenont

-Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย  QR CODE

QR CODE 

บุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา   |   ค่าขาดไร้อุปการะ

ในขณะที่บุตรโจทก์เสียชีวิตยังเป็นเด็กหญิงอยู่ กฎหมายบัญญัติว่าบุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา (ชอบด้วยกฎหมาย) เมื่อจำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรผู้เยาว์ของโจทก์เสียชีวิตแม้ว่าจะเป็นเด็กหญิงก็ตาม กรณีถือว่าโจทก์ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายจากบุตร การขาดไร้อุปการะเกิดขึ้นเนื่องจากกฎหมายบัญญัติขึ้นมาโดยไม่คำนึงว่าขณะถึงแก่ความตายบุตรผู้เยาว์ของโจทก์จะได้อุปการะโจทก์จริงหรือไม่ หรือในอนาคตบุตร(เด็กหญิง) จะอุปการะโจทก์หรือไม่ก็สามารถเรียกได้ ส่วนจะเรียกได้จำนวนเท่าใดนั้นศาลจะเป็นผู้กำหนดให้ตามสมควร ในคดีนี้ศาลกำหนดค่าขาดไร้อุปการะให้โจทก์จำนวน 500,000 บาท  แต่สำหรังค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้ให้เงินคณะแพทย์เพื่อเป็นสินน้ำใจนั้น แพทย์ไม่ได้เรียกร้อง แต่เป็นความพอใจของโจทก์เองกฎหมายไม่รับรองให้เรียกได้ ค่าเสียหายสำหรับบุตรคนอื่นในเรื่องหน้าเสียโฉมติดตัวศาลล่างกำหนดให้ 100,000 บาท เหมาะสมแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  7119/2541

          ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1563 บัญญัติไว้ว่าบุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา การที่ลูกจ้างของจำเลยที่ 1กระทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรของโจทก์ที่ 3 ตาย ถือว่าโจทก์ที่ 3 ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายจากบุตร โจทก์ที่ 3จึงชอบที่จะได้รับค่าขาดไร้อุปการะทั้งในปัจจุบันและความหวังในอนาคตโดยผลแห่งกฎหมาย โดยไม่จำต้องพิจารณาว่าขณะเกิดเหตุหรือในอนาคตเด็กหญิง พ. จะได้อุปการะโจทก์ที่ 3 จริงหรือไม่ ส่วนค่าอุปการะเลี้ยงดูจะเป็นจำนวนเท่าใด ศาลย่อมกำหนดให้ตามสมควร ค่าเสียหายจำนวน 40,000 บาท ซึ่งโจทก์ที่ 4 จ่ายให้แก่คณะแพทย์ของโรงพยาบาลในการทำการฝ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตเด็กหญิง ส. นั้น ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นสินน้ำใจที่โจทก์ที่ 4 จ่ายให้แก่คณะแพทย์เองโดยที่คณะแพทย์ ไม่ได้เรียกร้องเป็นความพอใจของโจทก์ที่ 4 ที่ต้องการตอบแทน คณะแพทย์ที่ช่วยเหลือบุตรสาวของตน การจ่ายนี้ไม่อาจกำหนดจำนวนที่แน่นอน ไม่มีหลักเกณฑ์และกฎหมายรองรับ จึงไม่อาจเรียกร้องจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ การที่เด็กหญิง ส. บาดเจ็บสาหัสต้องหยุดเรียนไปนานจึงเป็นการจำเป็นต้องจ้างครูมาสอนพิเศษ ส่วนการเรียนเปียโนก็เป็นการฟื้นฟูจิตใจของเด็กหญิงส. ซึ่งบาดเจ็บสาหัสและต้องกระทบกระเทือนจิตใจจากใบหน้าที่เสียโฉม ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้เสียหายชอบที่จะได้รับการชดใช้ จากผู้กระทำละเมิด

          โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดจำนวน  2,119,578 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี จากต้นเงิน  2,100,587 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสี่

          จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

          ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 4 ได้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่จำนวน 370,000 บาท โจทก์ทั้งสี่จึงได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 4  ศาลชั้นต้นอนุญาตและให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 4 ออกจากสารบบความ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 เป็นเงิน 392,224 บาท  แก่โจทก์ที่ 3 เป็นเงิน  537,712 บาท และแก่โจทก์ที่ 4 เป็นเงิน 230,785 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2534 อันเป็นวันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ
          จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 3 จำนวน 437,712 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
          จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2534 เวลาประมาณ 10 นาฬิกา โจทก์ที่ 1 ได้ขับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 ยี่ห้อเบนซ์ หมายเลขทะเบียน 3ช-6289 กรุงเทพมหานคร ไปตามถนนสายรังสิต-นครนายก มุ่งหน้าไปจังหวัดนครนายก ถึงที่เกิดเหตุระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 18 ถึง 19 ตำบลลำผักกูด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เกิดเฉี่ยวชนกับรถบรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80-2116 นครนายก มีนายเอื้อน เป็นคนขับซึ่งแล่นสวนทางมาด้วยความประมาท ทำให้รถยนต์ของโจทก์ที่ 2 เสียหลักพลัดตกลงไปในคูน้ำข้างถนนเป็นเหตุให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 เด็กหญิงอลิษา  เด็กชายต่อพงศ์ เด็กหญิงพรพัชนี  และเด็กหญิงสุพินดา ซึ่งนั่งไปในรถของโจทก์ที่ 2 ได้รับบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส และต่อมาเด็กหญิงพรพัชนีได้ถึงแก่ความตาย รถบรรทุก 10 ล้อคันเกิดเหตุมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าซื้อมาจากจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด

          มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ประการแรกว่า นายเอื้อนคนขับรถบรรทุก 10 ล้อคันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างและกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 และที่ 2 หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าซื้อและเป็นผู้ครอบครองรถบรรทุก 10 ล้อคันเกิดเหตุ และนายเอื้อนเป็นลูกจ้างและกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1

          สำหรับค่าขาดไร้อุปการะของโจทก์ที่ 3 นั้น จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์ที่ 3 คาดคะเนไว้เกินความเป็นจริง เป็นเหตุการณ์ในอนาคตซึ่งไม่แน่ว่าเด็กหญิงพรพัชนีจะอุปการะโจทก์ที่ 3 หรือไม่และจะอุปการะเดือนละเท่าใดเป็นเวลาถึง 10 ปีหรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1563 บัญญัติไว้ว่าบุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา การที่ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรของโจทก์ที่ 3 ตาย ถือว่าโจทก์ที่ 3 ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายจากบุตร โจทก์ที่ 3 จึงชอบที่จะได้รับค่าขาดไร้อุปการะทั้งในปัจจุบันและความหวังในอนาคตโดยผลแห่งกฎหมายโดยไม่จะต้องพิจารณาว่าขณะเกิดเหตุหรือในอนาคต เด็กหญิงพรพัชนีจะได้อุปการะโจทก์ที่ 3 จริงหรือไม่ ส่วนค่าอุปการะเลี้ยงดูจะเป็นจำนวนเท่าใด ศาลย่อมกำหนดให้ตามสมควร ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้เป็นเงิน 500,000 บาท

          มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า โจทก์ที่ 4 เสียหายเพียงใด สำหรับค่าเสียหายจำนวน 40,000 บาท ซึ่งโจทก์ที่ 4 จ่ายให้แก่คณะแพทย์ของโรงพยาบาลวิภาวดีในการทำการผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตเด็กหญิงสุพินดานั้น เห็นว่า ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นสินน้ำใจที่โจทก์ที่ 4 จ่ายให้แก่คณะแพทย์เองโดยที่คณะแพทย์ไม่ได้เรียกร้องเป็นความพอใจของโจทก์ที่ 4 ที่ต้องการตอบแทนคณะแพทย์ที่ช่วยเหลือบุตรสาวของตน การจ่ายนี้ไม่อาจกำหนดจำนวนที่แน่นอน ไม่มีหลักเกณฑ์และกฎหมายรองรับ จึงไม่อาจเรียกร้องจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้

          มีปัญหาต้องวินิจฉัยอีกว่าเด็กหญิงสุพินดาต้องหน้าเสียโฉมติดตัวหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ใบหน้าของเด็กหญิงสุพินดาย่อมต้องเสียโฉมติดตัวไปตลอด การที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าเสียหายส่วนนี้แก่โจทก์ที่ 4 จำนวน 100,000 บาท นับว่าเหมาะสมดีแล้ว สำหรับค่าจ้างครูมาสอนพิเศษแก่เด็กหญิงสุพินดาจำนวน 30,000 บาท นั้น โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 4 เบิกความยืนยันว่าได้ว่าจ้างครูมาสอนเด็กหญิงสุพินดาเป็นพิเศษเพราะต้องหยุดเรียนไป 1 ภาคการศึกษา จะเรียนไม่ทันเพื่อน รวมทั้งครูสอนเปียโนด้วยเป็นเงิน 50,000 บาท เห็นว่า การที่เด็กหญิงสุพินดาบาดเจ็บสาหัสต้องหยุดเรียนไปนาน จึงเป็นการจำเป็นต้องจ้างครูมาสอนพิเศษส่วนการเรียนเปียโนก็เป็นการฟื้นฟูจิตใจของเด็กหญิงสุพินดาซึ่งบาดเจ็บสาหัส และต้องกระทบกระเทือนจิตใจจากใบหน้าที่เสียโฉมถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้เสียหายชอบที่จะได้รับการชดใช้ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานมาแสดง แต่น่าเชื่อว่าได้ใช้จ่ายไปจริง ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้จำนวน 30,000 บาท นับว่าเหมาะสมดีแล้ว คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองยกเว้นเฉพาะเรื่องค่าแพทย์จำนวน 40,000 บาทที่โจทก์ที่ 4 จ่ายเป็นการส่วนตัวแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

          พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 4 จำนวน 190,785 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

( สุทิน ปัทมราชวิเชียร - อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ - ศิริชัย สวัสดิ์มงคล )
.446
มาตรา 438    ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้นให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
 (วรรค 2)  อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้นได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิดหรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้นรวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
มาตรา 443    ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้นค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆ อีกด้วย
   (วรรค 2)ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย
   (วรรค 3)ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฏหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่าบุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 446    ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่ สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
   (วรรค 2) อนึ่ง หญิงที่ต้องเสียหายเพราะผู้ใดทำผิดอาญาเป็นทุรศีลธรรมแก่ตนก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องทำนองเดียวกันนี้

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8725/2561

การที่จำเลยที่ 2 ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (3) เพราะเหตุที่อาจใช้สิทธิไล่เบี้ย อ้างว่าจำเลยร่วมมีส่วนประมาทเลินเล่อและก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองด้วย จำเลยร่วมให้การว่าไม่มีส่วนประมาทเลินเล่อกับจำเลยที่ 2 คำให้การของจำเลยร่วมย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยที่ 2 การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง และยกฟ้องจำเลยร่วม เป็นการกระทบสิทธิของจำเลยที่ 2 โดยตรง แม้โจทก์ทั้งสองจะมิได้อุทธรณ์ฎีกา จำเลยที่ 2 มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาให้จำเลยร่วมรับผิดได้

พฤติการณ์ที่จำเลยร่วมขับรถออกจากปากซอยเฉลิมพระเกียรติ 79 ไปจอดรอเพื่อเลี้ยวขวาไปอีกฝั่งของถนนทั้งที่บริเวณดังกล่าวมีเครื่องหมายจราจรเขตปลอดภัยเส้นทึบห้ามขับรถเข้าไปในพื้นที่ ทั้งจอดรถล้ำส่วนกระบะบางส่วนเข้าไปในทางเดินรถลงสะพานจึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ หากจำเลยร่วมไม่ขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรไปจอดรอบริเวณดังกล่าว เหตุเฉี่ยวชนย่อมไม่เกิดขึ้น เช่นนี้จำเลยร่วมจึงมีส่วนขับรถโดยประมาทเลินเล่อเป็นผลให้เกิดเหตุละเมิดคดีนี้และต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในเหตุละเมิดที่เกิดขึ้น สำหรับความรับผิดของจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมที่มีต่อโจทก์ทั้งสองนั้น เมื่อพิจารณาความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ที่ขับรถด้วยความเร็วสูงในช่องเดินรถที่ 2 นับจากซ้ายขึ้นสะพานซึ่งไม่สามารถมองเห็นทางเดินรถด้านหน้าได้อย่างชัดเจน เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ไม่สามารถควบคุมรถเมื่อขับลงสะพานให้หยุดได้ในระยะปลอดภัยเมื่อมีรถยนต์ที่จำเลยร่วมขับจอดกีดขวางอยู่ และความประมาทเลินเล่อของจำเลยร่วมที่ขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบริเวณทางลงสะพานซึ่งเป็นจุดที่ผู้ขับขี่รถอื่นไม่สามารถมองเห็นทางเดินรถได้อย่างชัดเจนทั้งยังหยุดรถกีดขวางช่องเดินรถที่จำเลยที่ 1 ขับมาแล้ว ถือว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนประมาทเลินเล่อมากกว่าจำเลยร่วม แม้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมต่างคนต่างขับรถโดยประมาทเลินเล่อ แต่ความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 2 ซึ่งต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 และจำเลยร่วม จึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองอย่างลูกหนี้ร่วม โจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 กับจำเลยร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามส่วนความรับผิดหรือเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 หรือจำเลยร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชดใช้เต็มจำนวนก็ได้

 

โจทก์ที่ 2 เบิกความถึงค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ แต่เพียงลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานภาพถ่าย หลักฐานการชำระเงินหรือรายละเอียดค่าใช้จ่ายใด ๆ มาแสดงต่อศาล แม้โจทก์ที่ 2 อ้างว่าโจทก์ที่ 1 ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางมางานศพจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีก็ไม่ปรากฏรายละเอียดการเดินทางและค่าใช้จ่ายใด ๆ เมื่อพิเคราะห์ระยะเวลาจัดงานศพ 5 วัน ที่ศาลอุทธรณ์กำหนด ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ รวมกัน 110,000 บาท จึงสูงเกินไป เห็นควรกำหนดให้ 80,000 บาท ส่วนที่จำเลยทั้งสองชำระเงิน 50,000 บาท ให้แก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงินเยียวยาเพื่อช่วยเหลือญาติผู้ตาย เงินดังกล่าวจึงเป็นเงินร่วมทำบุญอันเป็นการสำนึกในศีลธรรม มิใช่กรณีที่จำเลยทั้งสองช่วยค่าทำศพโดยยอมรับผิดและมิได้มอบให้ในฐานะเป็นค่าเสียหายส่วนหนึ่ง จะนำมาหักกับจำนวนเงินค่าปลงศพที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกร้องไม่ได้ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน แต่ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้จำเลยที่ 2 รับผิดชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ทั้งสองรวมกันนั้นไม่ถูกต้อง เพราะค่าขาดไร้อุปการะเป็นสิทธิเฉพาะตัวของบิดามารดาแต่ละคน ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) จึงกำหนดให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ได้รับค่าขาดไร้อุปการะคนละ 1,800,000 บาท กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยร่วมซึ่งมิได้ฎีกาด้วยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245 (1) ประกอบมาตรา 247 (ที่ใช้บังคับขณะยื่นฟ้อง) จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ แก่โจทก์ทั้งสอง 80,000 บาท ค่าเสียหายของรถจักรยานยนต์แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 22,700 บาท ค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 1,800,000 บาท และค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 1,800,000 บาท ส่วนจำเลยร่วมต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 1 ใน 4 ส่วน เป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ แก่โจทก์ทั้งสอง 20,000 บาท ค่าเสียหายของรถจักรยานยนต์แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 5,675 บาท ค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 450,000 บาท และค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 450,000 บาท

*** ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาทนายความ ลีนนท์  085 960 4258   


 ค่าขาดไร้อุปการะไม่ระงับเพราะความตาย

ค่าขาดไร้อุปการะของโจทก์ที่ 1 เป็นค่าสินไหมทดแทนที่เป็นตัวเงินที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 จะต้องชำระทันทีที่เกิดการละเมิด สำหรับคดีนี้ โจทก์ที่ 1 จึงมีสิทธิได้รับนับแต่วันที่ภริยาของโจทก์ถึงแก่ความตาย การที่โจทก์ที่ 1 ถึงแก่ความตายในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในเวลาต่อมานั้น หาทำให้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนที่โจทก์ที่ 1 ฟ้องเรียกเป็นค่าขาดไร้อุปการะมาระงับไปไม่





บิดามารดา กับ บุตร - คำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร

บุตรนอกสมรสตาย บิดามารดาจดทะเบียนสมรสภายหลังการตาย
สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว
ขอจดทะเบียนรับรองบุตร,ขอรับเด็กเป็นบุตร บุตรนอกสมรส
ไม่มีกฎหมายให้บิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมาย
ฟ้องให้บิดารับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์
ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าให้บิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
เมื่อศาลได้พิพากษาแล้วไม่จำต้องบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนรับเป็นบุตรอีก
ฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร-มารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องแทนได้
ค่าอุปการะเลี้ยงดูกับค่าเลี้ยงชีพ, การใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์
ฟ้องขอให้เพิกถอนข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า ค่าเลี้ยงชีพ อำนาจปกครองบุตร
เรียกบุตรคืนจากสามีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย, บิดานอกกฎหมายไม่มีสิทธิที่จะกำหนดที่อยู่ของบุตร
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร (เด็กและมารดาของเด็กถึงแก่ความตายแล้ว)
ขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน
ฟ้องบุพการี,คดีอุทลุม,การใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์จากผู้ไม่มีสิทธิยึดถือได้
การถอนอำนาจปกครองบิดา ตั้งน้าสาวเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แทน
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (บิดาถึงแก่ความตาย)
เปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครอง
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (คดีขาดอายุความ)
บุตรนอกกฎหมาย สิทธิประกันสังคม
บุตรนอกกฎหมายเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้หรือไม่?
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรแต่บิดาปฏิเสธว่าเป็นบุตร
ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
เปลี่ยนสิทธิดูแลบุตรจากมารดาเป็นบิดา
การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
บุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องบิดาไม่เป็นคดีอุทลุม
รับสมอ้างว่าเป็นบุตรในการแจ้งเกิด, บิดาในสูติบัตร
ส่วนแบ่งสินสมรสและความรับผิดค่าอุปการะบุตร
ทำสัญญาประนีประนอมแทนผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาล
อายุความฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรม
การถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล
ให้ใช้นามสกุลในสูติบัตรยังไม่เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย