
| สิทธิการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์เมื่อมารดาเสียชีวิตและบิดายังมีชีวิต(ฎีกา 2563/2544)
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับกรณีผู้เยาว์ซึ่งมารดาถึงแก่กรรม ขณะที่บิดายังมีชีวิตอยู่แต่ยังไม่ได้ถูกศาลถอนอำนาจปกครองตามบทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง และมาตรา 1582 ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลไม่อนุญาตให้ตั้งผู้ปกครองใหม่แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นน้า ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้ปกครองของผู้เยาว์ ในขณะที่ศาลวินิจฉัยว่าอำนาจปกครองกลับคืนแก่บิดาตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) เนื่องจากบิดายังมีชีวิตและยังไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครอง ข้อเท็จจริง คดีนี้ ผู้ร้องเป็นน้า ของผู้เยาว์ (นางสาว หทัยชนก ) ซึ่งเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนางจิรัฐธิกา (มารดา) กับนายสุรศักดิ์ (บิดา) มารดาและบิดาได้จดทะเบียนหย่ากันเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2543 โดยมีกติการตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ฝ่ายเดียว เมื่อมารดาถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุ ผู้เยาว์จึงตกอยู่ในสภาพที่ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครองฝ่ายมารดา ส่วนบิดายังมีชีวิตอยู่ แต่ต่อมาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด และไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์โดยให้ผู้ร้องเป็นผู้ดูแลมาโดยตลอด ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ในชั้นต้น ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ต่อมาผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะประเด็นกฎหมายโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ ประเด็นสำคัญที่สุดของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2544 อยู่ที่การตีความและการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วย “การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์” และ “การถอนอำนาจปกครองของบิดา” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582, 1585, 1566 และ 1520 โดยเฉพาะการวินิจฉัยว่าเมื่อมารดาผู้เยาว์ถึงแก่กรรม แต่อำนาจปกครองของบิดายังไม่ถูกศาลถอน การตั้งผู้ปกครองใหม่จะทำได้หรือไม่ คำสำคัญ (Key Words) ที่เป็นแก่นของคดีนี้มี 5 ข้อ พร้อมคำอธิบายสั้น ๆ ดังนี้ 1. มาตรา 1585 – เงื่อนไขการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ กำหนดว่าการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ทำได้เฉพาะเมื่อผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกศาลถอนอำนาจปกครองแล้วเท่านั้น 2. มาตรา 1582 – อำนาจศาลในการถอนอำนาจปกครอง ศาลมีอำนาจสั่งถอนอำนาจปกครองได้เองโดยไม่ต้องมีผู้ร้อง หากมีเหตุว่าผู้ใช้อำนาจปกครองประพฤติชั่วร้าย หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ เช่น ไม่อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ 3. มาตรา 1566 วรรคสอง (1) – อำนาจปกครองกลับคืนแก่บิดา เมื่อมารดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองถึงแก่กรรม อำนาจปกครองผู้เยาว์จะกลับมาอยู่กับบิดาฝ่ายเดียวโดยอัตโนมัติ หากบิดายังมีชีวิตและไม่ได้ถูกถอนอำนาจ 4. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง – การตกลงอำนาจปกครองหลังหย่า การตกลงระหว่างบิดามารดาว่าให้ฝ่ายใดเป็นผู้ปกครองหลังหย่า เป็นเพียงข้อตกลงทางแพ่ง ไม่ใช่การถอนอำนาจปกครองของอีกฝ่ายโดยศาล 5. การประพฤติชั่วร้ายของบิดา – เหตุให้ศาลถอนอำนาจปกครอง ศาลวินิจฉัยว่าการที่บิดาถูกจำคุกคดียาเสพติดและละทิ้งการเลี้ยงดูผู้เยาว์ ถือเป็นการประพฤติชั่วร้ายและใช้อำนาจปกครองโดยมิชอบ เข้าหลักตามมาตรา 1582 จึงมีเหตุให้ศาลถอนอำนาจปกครองและตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองแทน คำวินิจฉัยของศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีประเด็นให้พิจารณาว่า “ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์หรือไม่” ดังนี้ 1. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1585 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า เมื่อผู้เยาว์ ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูก ถอนอำนาจปกครอง แล้ว จึงจะตั้งผู้ปกครองได้ 2. ข้อเท็จจริงกรณีนี้คือ มารดาถึงแก่กรรมแล้ว แต่บิดายังมีชีวิตอยู่และมิได้ถูกศาลถอนอำนาจปกครองตามมาตรา 1582 แต่อย่างใด แม้จะมีการจดทะเบียนหย่าและตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียว ตามมาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) ก็ตาม แต่เป็นเพียงการตกลงกันของบิดามารดา ไม่ใช่การที่ศาลถอนอำนาจปกครองของบิดา 3. ตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) เมื่อมารดาถึงแก่กรรม ฝ่ายบิดายังมีชีวิตอยู่และยังมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง อำนาจปกครองย่อมกลับมาอยู่กับบิดาเพียงผู้เดียว 4. ดังนั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นน้า จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ ภายในเงื่อนไขของมาตรา 1585 5. อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่า บิดาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด และไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์โดยให้ผู้ร้องรับดูแล จึงอาจเข้าเงื่อนไขตามมาตรา 1582 ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครอง … ประพฤติชั่วร้าย … ใช้อำนาจโดยมิชอบ … ศาลจะมีอำนาจถอนอำนาจปกครองได้โดยลำพังไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้” 6. เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของบิดาอยู่ในลักษณะประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และไม่อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ ศาลจึงมีอำนาจถอนอำนาจปกครองของบิดา จากนั้นเนื่องจากผู้เยาว์ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง (มารดาเสียชีวิต บิดาถูกถอนอำนาจปกครอง) และผู้ร้องได้รับดูแลมาโดยตลอด พร้อมทั้งบิดาให้อนุญาตให้ผู้ร้องเป็นผู้ปกครอง ศาลจึงพิพากษา “ให้ถอนอำนาจปกครองบิดา และตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์” ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย ประเด็นหลัก • เงื่อนไขการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ (มาตรา 1585) • เงื่อนไขการถอนอำนาจปกครอง (มาตรา 1582) • ผลของการตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียวโดยจดทะเบียนหย่า (มาตรา 1520 และ 1566) การวิเคราะห์ 1. มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง กำหนดว่าการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์จะเกิดขึ้นได้เฉพาะในกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูก ถอนอำนาจปกครองแล้ว o ในคดีนี้ มีบิดาอยู่ไม่ใช่กรณี “ไม่มีบิดา” o และบิดายังไม่ถูกถอนอำนาจ ณ เวลายื่นคำร้อง จึงยังไม่อาจตั้งผู้ปกครองใหม่ตามมาตรานี้ได้ 2. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง & มาตรา 1566 วรรคสอง (6) กล่าวถึงการตกลงระหว่างบิดามารดาในเรื่องอำนาจปกครองหลังหย่า ซึ่งเป็นการตกลงภายในคู่สมรส ไม่ใช่การถอนอำนาจปกครองโดยศาล o การจดทะเบียนให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียว เป็นเพียงข้อตกลง ไม่ถึงขั้น “บิดาถูกถอนอำนาจปกครอง” o ดังนั้น ข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่เข้าข่ายมาตรา 1585 3. มาตรา 1566 วรรคสอง (1) กำหนดว่า เมื่อมารดาถึงแก่กรรม บิดาที่ยังมีชีวิตอยู่และไม่มีเหตุให้ถูกถอนอำนาจ เช่น ถูกศาลพิพากษาให้ถอน อำนาจปกครอง ย่อมได้รับอำนาจปกครองผู้เยาว์กลับมาโดยอัตโนมัติ o ในคดีนี้ มารดาเสียชีวิต จึงตามนี้อำนาจกลับคืนแก่บิดา 4. มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง กำหนดเหตุให้ศาลสามารถถอนอำนาจปกครองได้โดยลำพัง ได้แก่ ผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นคนไร้ความสามารถ หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือประพฤติชั่วร้าย o ข้อเท็จจริงว่า บิดาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ (จำหน่ายยาเสพติด) และไม่อุปการะผู้เยาว์ ถือว่าประพฤติชั่วร้าย ใช้อำนาจมิชอบ จึงเข้าสู่เงื่อนไขของมาตรา 1582 o ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะไม่มีสิทธิยื่นคำร้องตั้งผู้ปกครองตามมาตรา 1585 แต่ศาลมีอำนาจให้ถอนอำนาจปกครองของบิดาเอง โดยไม่ต้องมีคำร้อง 5. เมื่ออำนาจปกครองของบิดาถูกถอน ผู้เยาว์ตกอยู่ในสภาพ “ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง” ซึ่งเข้าลักษณะของมาตรา 1585 วรรคหนึ่งว่าเป็นกรณีตั้งผู้ปกครองได้ o ผู้ร้อง ซึ่งอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ และได้รับความยินยอมจากบิดา จึงได้รับการตั้งเป็นผู้ปกครอง 6. ด้าน ผลทางกฎหมายและแนวทางปฏิบัติ o ข้อตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองเพียงฝ่ายเดียวเมื่อหย่า ไม่ใช่การถอนอำนาจของบิดา โดยศาล จึงไม่บรรจุเข้าเงื่อนไขในการตั้งผู้ปกครองใหม่ตามมาตรา 1585 o หากบิดายังมีชีวิตและยังมิได้ถูกถอนอำนาจ จะยังคงมีอำนาจปกครองอยู่ o ศาลมีดุลยพินิจในการพิจารณาเงื่อนไขการถอนอำนาจปกครอง ได้แก่ ผู้ใช้อำนาจปกครองไม่อุปการะผู้เยาว์ ประพฤติชั่วร้าย ใช้อำนาจโดยมิชอบ ฯลฯ o เมื่อมีผู้ที่ดำเนินการดูแลผู้เยาว์อยู่จริง (เช่น ผู้ร้องในคดี) และมีข้อเท็จจริงสนับสนุน ศาลอาจตั้งเป็นผู้ปกครองตามมาตรา 1585 หลังจากถอนอำนาจปกครองของบิดา IRAC Issue (ประเด็น): ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์หรือไม่ ภายใต้เงื่อนไขของ ป.พ.พ. มาตรา 1585 และ มาตรา 1582 เมื่อมารดาผู้เยาว์ถึงแก่กรรม บิดายังมีชีวิตแต่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำและไม่ได้อุปการะผู้เยาว์ Rule (กฎหมาย): • ป.พ.พ. มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง: “ถ้าผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง ให้ตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้” • ป.พ.พ. มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง: “ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นคนไร้ความสามารถ … ใช้อำนาจโดยมิชอบ … ประพฤติชั่วร้าย … ศาลจะสั่งเอง หรือเมื่อญาติหรืออัยการร้องให้ถอนอำนาจปกครองเสียบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้” • ป.พ.พ. มาตรา 1566 วรรคสอง (1): เมื่อมารดาถึงแก่กรรม บิดายังมีชีวิตและยังมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง ให้บิดาผู้มีชีวิตใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ได้ • ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง & มาตรา 1566 วรรคสอง (6): การตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองหลังหย่า เป็นข้อตกลงระหว่างบิดามารดา ไม่ใช่การถอนอำนาจปกครอง Application (การประยุกต์ใช้): • ในคดีนี้ บิดายังมีชีวิตอยู่ และยังมิได้ถูกศาลพิพากษาถอนอำนาจปกครอง จึงไม่เข้าเงื่อนไขของมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ที่ “ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจ” • ข้อตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียวไม่ถึงขั้น “ถอนอำนาจ” ผู้ปกครองตามกฎหมาย • เพราะมารดาถึงแก่กรรม อำนาจปกครองย่อมกลับคืนแก่บิดาโดยอัตโนมัติ ตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) • อย่างไรก็ตาม มีข้อเท็จจริงว่า บิดาถูกคุมขัง และไม่อุปการะผู้เยาว์ ถือว่าประพฤติชั่วร้ายและใช้ อำนาจโดยมิชอบตามมาตรา 1582 วรรคหนึ่ง • ตามมาตรา 1582 ศาลมีอำนาจถอนอำนาจปกครองของบิดา โดยไม่ต้องมีคำร้อง • เมื่อบิดาถูกถอนอำนาจ และมารดาถึงแก่กรรม ผู้เยาว์จึงพ้นจากผู้ใช้อำนาจปกครองทั้งสองฝ่าย ซึ่งตรงตามเงื่อนไขของมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง • ผู้ร้องซึ่งดูแลผู้เยาว์มาโดยตลอด และได้รับความยินยอมจากบิดา จึงเหมาะให้ศาลตั้งให้เป็นผู้ปกครองตามมาตรา 1585 Conclusion (สรุป): ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องโดยอาศัยมาตรา 1585 เมื่อยื่นครั้งแรก เพราะบิดายังมีชีวิตและยังมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง แต่ตามข้อเท็จจริง ศาลมีอำนาจถอนอำนาจปกครองของบิดาเองตามมาตรา 1582 เมื่อดำเนินการดังกล่าวแล้ว ผู้เยาว์ตกอยู่ในสภาพ “ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง” ศาลจึงตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ตามมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ข้อคิดทางกฎหมาย • การตกลงระหว่างบิดามารดาให้ผู้ใดเป็นผู้ปกครองหลังหย่า (มาตรา 1520/1566) ยังไม่ถือเป็นการ “ถอนอำนาจปกครอง”ของบิดาหรือมารดาตามมาตรา 1585 • การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์จึงไม่สามารถดำเนินการได้เพียงเพราะบิดายังมีชีวิตอยู่หรือเพราะตกลงกัน แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขทางกฎหมายชัดเจน • ศาลมีดุลยพินิจสูงในการพิจารณา “ถอนอำนาจปกครอง” ตามมาตรา 1582 โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้อง แต่ต้องมีข้อเท็จจริงสนับสนุน เช่น ประพฤติชั่วร้าย ใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือไม่อุปการะผู้เยาว์ • แนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีนี้เป็นกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าแม้บิดายังมีชีวิตอยู่ แต่หากการใช้อำนาจปกครองไม่เป็นไปตามบทบัญญัติ ศาลอาจดำเนินการตั้งผู้ปกครองใหม่เพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ • สำหรับผู้ดูแลผู้เยาว์หรือญาติที่ประสงค์จะขอเป็นผู้ปกครอง ควรพิจารณาเงื่อนไขทางกฎหมาย และข้อเท็จจริงว่า บิดาหรือมารดาถูกถอนอำนาจหรือไม่ หรือมีเหตุให้ถูกถอนอำนาจหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2544 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ให้ตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้เฉพาะกรณีผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง การที่มารดาตาย ส่วนบิดายังมีชีวิตอยู่และมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง แม้บิดามารดาจะจดทะเบียนหย่าโดยตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แต่ฝ่ายเดียวก็เป็นเรื่องการตกลงตามมาตรา 1520วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) เท่านั้น มิใช่เป็นกรณีที่บิดาถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการจะถอนอำนาจปกครองจะต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 และเป็นอำนาจของศาล ดังนั้น อำนาจปกครองจึงกลับมาอยู่แก่บิดาฝ่ายเดียวตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) เมื่อผู้เยาว์ยังมีบิดาซึ่งยังไม่ถูกถอนอำนาจปกครองจึงไม่อาจตั้งผู้ปกครองได้ ผู้ร้องซึ่งเป็นน้าผู้เยาว์จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ปกครอง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 ให้อำนาจศาลถอนอำนาจปกครองได้โดยลำพังไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้ หากมีเหตุตามบทบัญญัติดังกล่าว แม้ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอถอนอำนาจปกครองของบิดาผู้เยาว์ แต่เมื่อความปรากฏต่อศาลว่าที่บิดาของผู้เยาว์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติดและไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ โดยให้อยู่ในความดูแลของผู้ร้องถือได้ว่าบิดาประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและใช้อำนาจปกครองแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาให้ถอนอำนาจปกครองบิดาผู้เยาว์และเมื่อผู้เยาว์ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครองเนื่องจากมารดาตายและบิดาถูกถอนอำนาจปกครองประกอบกับผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้ร้องตลอดมา ทั้งบิดายินยอมให้ผู้ร้องเป็นผู้ปกครอง ศาลจึงตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นน้องของนางจิรัฐธิกา นางสาวหทัยชนก อายุ 18 ปี ผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนางจิรัฐธิกา กับนายสุรศักดิ์ ต่อมานางจิรัฐธิกากับนายสุรศักดิ์ได้จดทะเบียนหย่าโดยให้บุตรอยู่ในอำนาจปกครองของมารดาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2543 นางจิรัฐธิกาถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุ ทำให้ผู้เยาว์ไม่มีผู้ปกครอง ผู้ร้องเป็นน้าของผู้เยาว์มีความประสงค์จะขอเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองของนางสาวหทัยชนก ผู้เยาว์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองของนางสาวหทัยชนก ผู้เยาว์หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามสำนวนว่า ผู้ร้องเป็นน้าของผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรของนางจิรัฐธิกา กับนายสุรศักดิ์ ต่อมานางจิรัฐธิกาและนายสุรศักดิ์ จดทะเบียนหย่าจากการเป็นสามีภริยาและมีข้อตกลงให้บุตรผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของมารดา ตามบันทึกหลังทะเบียนการหย่า หลังจากนั้นนางจิรัฐธิกา ถึงแก่กรรม ส่วนนายสุรศักดิ์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์เกี่ยวกับเรื่องจำหน่ายยาเสพติดให้โทษเห็นว่า การจะตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์นั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ให้ตั้งได้เฉพาะกรณีผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสีย ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่า มารดาของผู้เยาว์ถึงแก่กรรมส่วนบิดาของผู้เยาว์ยังมีชีวิตอยู่และมิได้ถูกถอนอำนาจปกครองแต่อย่างใด แม้บิดาและมารดาจะจดทะเบียนหย่าโดยตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แต่ฝ่ายเดียวก็เป็นเรื่องการตกลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6)เท่านั้น มิใช่เป็นกรณีที่บิดาถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการจะเพิกถอนอำนาจปกครองนั้นจะต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 และเป็นอำนาจของศาลดังนั้น เมื่อมารดาของผู้เยาว์ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่ผู้เดียวตามที่ตกลงขณะจดทะเบียนหย่าถึงแก่กรรม อำนาจปกครองผู้เยาว์ก็กลับมาอยู่แก่บิดาฝ่ายเดียวตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) เมื่อผู้เยาว์ยังมีบิดาซึ่งยังไม่ถูกถอนอำนาจปกครองจึงไม่อาจตั้งผู้ปกครองได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ปกครอง แต่อย่างไรก็ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถโดยคำสั่งศาลก็ดี ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบก็ดี ประพฤติชั่วร้ายก็ดี ในกรณีเหล่านี้ศาลจะสั่งเอง หรือจะสั่งเมื่อญาติของผู้เยาว์หรืออัยการร้องขอให้ถอนอำนาจปกครองเสียบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้" แสดงให้เห็นว่าในการถอนอำนาจปกครองนั้น กฎหมายได้ให้อำนาจศาลถอนเสียได้โดยลำพังไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้ หากมีเหตุตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น แม้ในขณะผู้ร้องยื่นคำร้อง ผู้ร้องจะไม่มีอำนาจยื่นก็ตาม แต่เมื่อความปรากฏต่อศาลว่า พฤติการณ์ที่บิดาของผู้เยาว์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด และไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ โดยให้อยู่ในความดูแลของผู้ร้อง กรณีถือได้ว่า บิดาของผู้เยาว์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและใช้อำนาจปกครองแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาให้ถอนอำนาจปกครองบิดาผู้เยาว์และเมื่อผู้เยาว์ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครองเนื่องจากมารดาถึงแก่ความตายและบิดาถูกถอนอำนาจปกครองประกอบกับผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้ร้องตลอดมา ทั้งบิดาของผู้เยาว์ยินยอมให้ผู้ร้องเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์ การให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ย่อมเหมาะสมกว่า" พิพากษากลับ ให้ถอนอำนาจปกครองผู้เยาว์จากนายสุรศักดิ์ บิดาและตั้งนางสาวจุฬารัตน์ ผู้ร้องเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง แนวคำถาม - ธงคำตอบ ข้อ 1. นางสาวจุฬารัตน์ ซึ่งเป็นน้าของผู้เยาว์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองของนางสาวหทัยชนก ผู้เยาว์ โดยอ้างว่ามารดาของผู้เยาว์ถึงแก่กรรม ส่วนบิดาของผู้เยาว์คือนายสุรศักดิ์ ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำคดียาเสพติด และไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ ศาลจะมีอำนาจตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองได้หรือไม่ และต้องพิจารณาตามบทบัญญัติกฎหมายใด ธงคำตอบ ศาลต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติให้ตั้งผู้ปกครองได้เฉพาะเมื่อผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียก่อน กรณีนี้มารดาของผู้เยาว์ถึงแก่กรรมจริง แต่บิดายังมีชีวิตและยังไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครอง ดังนั้นตามกฎหมายถือว่าผู้เยาว์ยังมีผู้ใช้อำนาจปกครองอยู่ จึงยังไม่อาจตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองได้ เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งถอนอำนาจปกครองของบิดาก่อน ข้อ 2. การที่บิดามารดาของผู้เยาว์จดทะเบียนหย่าและตกลงกันให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียวตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า ถือได้หรือไม่ว่าบิดาถูกถอนอำนาจปกครองโดยผลของข้อตกลงนั้น และเมื่อมารดาถึงแก่กรรมแล้ว อำนาจปกครองจะตกแก่ผู้ใด ธงคำตอบ ข้อตกลงในการจดทะเบียนหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) เป็นเพียงการตกลงกันระหว่างบิดามารดาว่าฝ่ายใดจะใช้อำนาจปกครอง ไม่ใช่การถอนอำนาจปกครองโดยศาล จึงไม่อาจถือว่าบิดาถูกถอนอำนาจปกครองโดยผลของข้อตกลงนั้นได้ เมื่อมารดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองฝ่ายเดียวถึงแก่กรรม อำนาจปกครองย่อมกลับมาอยู่กับบิดาฝ่ายเดียวโดยอัตโนมัติตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) ข้อ 3. ในกรณีที่บิดาของผู้เยาว์ถูกจำคุกในคดียาเสพติดและไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ ศาลสามารถใช้ดุลพินิจถอนอำนาจปกครองของบิดาได้หรือไม่ แม้ไม่มีการร้องขอโดยผู้มีสิทธิหรืออัยการ ธงคำตอบ ศาลมีอำนาจถอนอำนาจปกครองของบิดาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง ซึ่งให้อำนาจศาลสั่งถอนอำนาจปกครองได้เองโดยไม่ต้องมีคำร้อง หากเห็นว่าผู้ใช้อำนาจปกครองประพฤติชั่วร้าย หรือใช้อำนาจปกครองโดยมิชอบ ข้อเท็จจริงที่บิดาถูกคุมขังในคดียาเสพติดและไม่อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ ถือเป็นการประพฤติชั่วร้ายและละเลยต่อหน้าที่บิดา ศาลจึงมีอำนาจสั่งถอนอำนาจปกครองของบิดาได้แม้ไม่มีผู้ร้องขอ ข้อ 4. เมื่อศาลมีคำสั่งถอนอำนาจปกครองของบิดาแล้ว และมารดาของผู้เยาว์ได้ถึงแก่กรรม ผู้เยาว์จึงตกอยู่ในสภาพไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้ร้องซึ่งเป็นน้าและได้ดูแลผู้เยาว์มาโดยตลอดจะสามารถได้รับการตั้งเป็นผู้ปกครองได้หรือไม่ ธงคำตอบ เมื่อศาลถอนอำนาจปกครองของบิดาโดยชอบด้วยมาตรา 1582 และมารดาได้ถึงแก่กรรม ผู้เยาว์ย่อมตกอยู่ในสภาพไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง เข้าหลักตามมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ที่ให้ตั้งผู้ปกครองได้ กรณีผู้ร้องเป็นน้าผู้เยาว์ซึ่งอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์มาโดยตลอด และได้รับความยินยอมจากบิดา จึงถือว่าเป็นผู้มีความเหมาะสม ศาลย่อมมีอำนาจตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์ได้เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์ ข้อ 5. หลักการสำคัญทางกฎหมายที่ศาลฎีกาได้วางแนวไว้ในคดีนี้เกี่ยวกับ “การตกลงเรื่องอำนาจปกครองหลังหย่า” และ “อำนาจศาลในการถอนอำนาจปกครอง” มีสาระสำคัญอย่างไร ธงคำตอบ ศาลฎีกาวางหลักว่า การตกลงระหว่างบิดามารดาในเรื่องอำนาจปกครองภายหลังหย่าเป็นเพียงข้อตกลงทางแพ่ง ไม่ใช่การเพิกถอนอำนาจปกครองของอีกฝ่าย การเพิกถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาลเท่านั้น และต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 เช่น การประพฤติชั่วร้ายหรือใช้อำนาจปกครองโดยมิชอบ ศาลสามารถใช้ดุลพินิจสั่งถอนอำนาจได้โดยไม่ต้องมีคำร้อง เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้เยาว์ หลักการนี้เป็นแนวทางสำคัญที่ย้ำว่าศาลมีบทบาทเชิงรุกในการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของผู้เยาว์ แม้ไม่มีการร้องขอจากคู่กรณี |




