ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




สิทธิการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์เมื่อมารดาเสียชีวิตและบิดายังมีชีวิต(ฎีกา 2563/2544)

คำพิพากษาศาลฎีกา 2563/2544, การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1585, เงื่อนไขการถอนอำนาจปกครองตาม มาตรา 1582, เมื่อมารดาเสียชีวิต บิดายังมีชีวิตแต่ถูกคุมขัง, สิทธิน้าผู้เยาว์ยื่นคำร้องเป็นผู้ปกครอง, อำนาจกลับคืนแก่บิดาตาม มาตรา 1566 วรรคสอง (1), หลักเกณฑ์ศาลฎีกาเกี่ยวกับอำนาจปกครอง, บทวิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลฎีกาในคดีผู้เยาว์, แนวทางปฏิบัติของศาลเมื่อผู้เยาว์ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง, กฎหมายผู้เยาว์และผู้ปกครอง, วิเคราะห์ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

 บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับกรณีผู้เยาว์ซึ่งมารดาถึงแก่กรรม ขณะที่บิดายังมีชีวิตอยู่แต่ยังไม่ได้ถูกศาลถอนอำนาจปกครองตามบทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง และมาตรา 1582 ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลไม่อนุญาตให้ตั้งผู้ปกครองใหม่แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นน้า ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้ปกครองของผู้เยาว์ ในขณะที่ศาลวินิจฉัยว่าอำนาจปกครองกลับคืนแก่บิดาตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) เนื่องจากบิดายังมีชีวิตและยังไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครอง

ข้อเท็จจริง

คดีนี้ ผู้ร้องเป็นน้า ของผู้เยาว์ (นางสาว หทัยชนก ) ซึ่งเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนางจิรัฐธิกา  (มารดา) กับนายสุรศักดิ์ (บิดา)

มารดาและบิดาได้จดทะเบียนหย่ากันเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2543 โดยมีกติการตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ฝ่ายเดียว เมื่อมารดาถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุ ผู้เยาว์จึงตกอยู่ในสภาพที่ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครองฝ่ายมารดา ส่วนบิดายังมีชีวิตอยู่ แต่ต่อมาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด และไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์โดยให้ผู้ร้องเป็นผู้ดูแลมาโดยตลอด ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์

ในชั้นต้น ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ต่อมาผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะประเด็นกฎหมายโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ

ประเด็นสำคัญที่สุดของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2544 อยู่ที่การตีความและการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วย “การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์” และ “การถอนอำนาจปกครองของบิดา” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582, 1585, 1566 และ 1520 โดยเฉพาะการวินิจฉัยว่าเมื่อมารดาผู้เยาว์ถึงแก่กรรม แต่อำนาจปกครองของบิดายังไม่ถูกศาลถอน การตั้งผู้ปกครองใหม่จะทำได้หรือไม่

คำสำคัญ (Key Words) ที่เป็นแก่นของคดีนี้มี 5 ข้อ พร้อมคำอธิบายสั้น ๆ ดังนี้

1. มาตรา 1585 – เงื่อนไขการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์

กำหนดว่าการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ทำได้เฉพาะเมื่อผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกศาลถอนอำนาจปกครองแล้วเท่านั้น

2. มาตรา 1582 – อำนาจศาลในการถอนอำนาจปกครอง

ศาลมีอำนาจสั่งถอนอำนาจปกครองได้เองโดยไม่ต้องมีผู้ร้อง หากมีเหตุว่าผู้ใช้อำนาจปกครองประพฤติชั่วร้าย หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ เช่น ไม่อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์

3. มาตรา 1566 วรรคสอง (1) – อำนาจปกครองกลับคืนแก่บิดา

เมื่อมารดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองถึงแก่กรรม อำนาจปกครองผู้เยาว์จะกลับมาอยู่กับบิดาฝ่ายเดียวโดยอัตโนมัติ หากบิดายังมีชีวิตและไม่ได้ถูกถอนอำนาจ

4. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง – การตกลงอำนาจปกครองหลังหย่า

การตกลงระหว่างบิดามารดาว่าให้ฝ่ายใดเป็นผู้ปกครองหลังหย่า เป็นเพียงข้อตกลงทางแพ่ง ไม่ใช่การถอนอำนาจปกครองของอีกฝ่ายโดยศาล

5. การประพฤติชั่วร้ายของบิดา – เหตุให้ศาลถอนอำนาจปกครอง

ศาลวินิจฉัยว่าการที่บิดาถูกจำคุกคดียาเสพติดและละทิ้งการเลี้ยงดูผู้เยาว์ ถือเป็นการประพฤติชั่วร้ายและใช้อำนาจปกครองโดยมิชอบ เข้าหลักตามมาตรา 1582 จึงมีเหตุให้ศาลถอนอำนาจปกครองและตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองแทน

คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีประเด็นให้พิจารณาว่า “ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์หรือไม่” ดังนี้

1. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1585 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า เมื่อผู้เยาว์ ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูก ถอนอำนาจปกครอง แล้ว จึงจะตั้งผู้ปกครองได้

2. ข้อเท็จจริงกรณีนี้คือ มารดาถึงแก่กรรมแล้ว แต่บิดายังมีชีวิตอยู่และมิได้ถูกศาลถอนอำนาจปกครองตามมาตรา 1582 แต่อย่างใด แม้จะมีการจดทะเบียนหย่าและตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียว ตามมาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) ก็ตาม แต่เป็นเพียงการตกลงกันของบิดามารดา ไม่ใช่การที่ศาลถอนอำนาจปกครองของบิดา

3. ตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) เมื่อมารดาถึงแก่กรรม ฝ่ายบิดายังมีชีวิตอยู่และยังมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง อำนาจปกครองย่อมกลับมาอยู่กับบิดาเพียงผู้เดียว

4. ดังนั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นน้า จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ ภายในเงื่อนไขของมาตรา 1585

5. อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่า บิดาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด และไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์โดยให้ผู้ร้องรับดูแล จึงอาจเข้าเงื่อนไขตามมาตรา 1582 ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครอง … ประพฤติชั่วร้าย … ใช้อำนาจโดยมิชอบ … ศาลจะมีอำนาจถอนอำนาจปกครองได้โดยลำพังไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้”

6. เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของบิดาอยู่ในลักษณะประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และไม่อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ ศาลจึงมีอำนาจถอนอำนาจปกครองของบิดา จากนั้นเนื่องจากผู้เยาว์ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง (มารดาเสียชีวิต บิดาถูกถอนอำนาจปกครอง) และผู้ร้องได้รับดูแลมาโดยตลอด พร้อมทั้งบิดาให้อนุญาตให้ผู้ร้องเป็นผู้ปกครอง ศาลจึงพิพากษา “ให้ถอนอำนาจปกครองบิดา และตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์” ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง

วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

ประเด็นหลัก

เงื่อนไขการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ (มาตรา 1585)

เงื่อนไขการถอนอำนาจปกครอง (มาตรา 1582)

ผลของการตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียวโดยจดทะเบียนหย่า (มาตรา 1520 และ 1566)

การวิเคราะห์

1. มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง กำหนดว่าการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์จะเกิดขึ้นได้เฉพาะในกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูก ถอนอำนาจปกครองแล้ว

o ในคดีนี้ มีบิดาอยู่ไม่ใช่กรณี “ไม่มีบิดา”

o และบิดายังไม่ถูกถอนอำนาจ ณ เวลายื่นคำร้อง จึงยังไม่อาจตั้งผู้ปกครองใหม่ตามมาตรานี้ได้

2. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง & มาตรา 1566 วรรคสอง (6) กล่าวถึงการตกลงระหว่างบิดามารดาในเรื่องอำนาจปกครองหลังหย่า ซึ่งเป็นการตกลงภายในคู่สมรส ไม่ใช่การถอนอำนาจปกครองโดยศาล

o การจดทะเบียนให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียว เป็นเพียงข้อตกลง ไม่ถึงขั้น “บิดาถูกถอนอำนาจปกครอง”

o ดังนั้น ข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่เข้าข่ายมาตรา 1585

3. มาตรา 1566 วรรคสอง (1) กำหนดว่า เมื่อมารดาถึงแก่กรรม บิดาที่ยังมีชีวิตอยู่และไม่มีเหตุให้ถูกถอนอำนาจ เช่น ถูกศาลพิพากษาให้ถอน อำนาจปกครอง ย่อมได้รับอำนาจปกครองผู้เยาว์กลับมาโดยอัตโนมัติ

o ในคดีนี้ มารดาเสียชีวิต จึงตามนี้อำนาจกลับคืนแก่บิดา

4. มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง กำหนดเหตุให้ศาลสามารถถอนอำนาจปกครองได้โดยลำพัง ได้แก่ ผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นคนไร้ความสามารถ หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือประพฤติชั่วร้าย

o ข้อเท็จจริงว่า บิดาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ (จำหน่ายยาเสพติด) และไม่อุปการะผู้เยาว์ ถือว่าประพฤติชั่วร้าย ใช้อำนาจมิชอบ จึงเข้าสู่เงื่อนไขของมาตรา 1582

o ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะไม่มีสิทธิยื่นคำร้องตั้งผู้ปกครองตามมาตรา 1585 แต่ศาลมีอำนาจให้ถอนอำนาจปกครองของบิดาเอง โดยไม่ต้องมีคำร้อง

5. เมื่ออำนาจปกครองของบิดาถูกถอน ผู้เยาว์ตกอยู่ในสภาพ “ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง” ซึ่งเข้าลักษณะของมาตรา 1585 วรรคหนึ่งว่าเป็นกรณีตั้งผู้ปกครองได้

o ผู้ร้อง ซึ่งอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ และได้รับความยินยอมจากบิดา จึงได้รับการตั้งเป็นผู้ปกครอง

6. ด้าน ผลทางกฎหมายและแนวทางปฏิบัติ

o ข้อตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองเพียงฝ่ายเดียวเมื่อหย่า ไม่ใช่การถอนอำนาจของบิดา โดยศาล จึงไม่บรรจุเข้าเงื่อนไขในการตั้งผู้ปกครองใหม่ตามมาตรา 1585

o หากบิดายังมีชีวิตและยังมิได้ถูกถอนอำนาจ จะยังคงมีอำนาจปกครองอยู่

o ศาลมีดุลยพินิจในการพิจารณาเงื่อนไขการถอนอำนาจปกครอง ได้แก่ ผู้ใช้อำนาจปกครองไม่อุปการะผู้เยาว์ ประพฤติชั่วร้าย ใช้อำนาจโดยมิชอบ ฯลฯ

o เมื่อมีผู้ที่ดำเนินการดูแลผู้เยาว์อยู่จริง (เช่น ผู้ร้องในคดี) และมีข้อเท็จจริงสนับสนุน ศาลอาจตั้งเป็นผู้ปกครองตามมาตรา 1585 หลังจากถอนอำนาจปกครองของบิดา

IRAC

Issue (ประเด็น):

ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์หรือไม่ ภายใต้เงื่อนไขของ ป.พ.พ. มาตรา 1585 และ มาตรา 1582 เมื่อมารดาผู้เยาว์ถึงแก่กรรม บิดายังมีชีวิตแต่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำและไม่ได้อุปการะผู้เยาว์

Rule (กฎหมาย):

ป.พ.พ. มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง: “ถ้าผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง ให้ตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้”

ป.พ.พ. มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง: “ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นคนไร้ความสามารถ … ใช้อำนาจโดยมิชอบ … ประพฤติชั่วร้าย … ศาลจะสั่งเอง หรือเมื่อญาติหรืออัยการร้องให้ถอนอำนาจปกครองเสียบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้”

ป.พ.พ. มาตรา 1566 วรรคสอง (1): เมื่อมารดาถึงแก่กรรม บิดายังมีชีวิตและยังมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง ให้บิดาผู้มีชีวิตใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ได้

ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง & มาตรา 1566 วรรคสอง (6): การตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองหลังหย่า เป็นข้อตกลงระหว่างบิดามารดา ไม่ใช่การถอนอำนาจปกครอง

Application (การประยุกต์ใช้):

ในคดีนี้ บิดายังมีชีวิตอยู่ และยังมิได้ถูกศาลพิพากษาถอนอำนาจปกครอง จึงไม่เข้าเงื่อนไขของมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ที่ “ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจ”

ข้อตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียวไม่ถึงขั้น “ถอนอำนาจ” ผู้ปกครองตามกฎหมาย

เพราะมารดาถึงแก่กรรม อำนาจปกครองย่อมกลับคืนแก่บิดาโดยอัตโนมัติ ตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1)

อย่างไรก็ตาม มีข้อเท็จจริงว่า บิดาถูกคุมขัง และไม่อุปการะผู้เยาว์ ถือว่าประพฤติชั่วร้ายและใช้ อำนาจโดยมิชอบตามมาตรา 1582 วรรคหนึ่ง

ตามมาตรา 1582 ศาลมีอำนาจถอนอำนาจปกครองของบิดา โดยไม่ต้องมีคำร้อง

เมื่อบิดาถูกถอนอำนาจ และมารดาถึงแก่กรรม ผู้เยาว์จึงพ้นจากผู้ใช้อำนาจปกครองทั้งสองฝ่าย ซึ่งตรงตามเงื่อนไขของมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง

ผู้ร้องซึ่งดูแลผู้เยาว์มาโดยตลอด และได้รับความยินยอมจากบิดา จึงเหมาะให้ศาลตั้งให้เป็นผู้ปกครองตามมาตรา 1585

Conclusion (สรุป):

ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องโดยอาศัยมาตรา 1585 เมื่อยื่นครั้งแรก เพราะบิดายังมีชีวิตและยังมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง แต่ตามข้อเท็จจริง ศาลมีอำนาจถอนอำนาจปกครองของบิดาเองตามมาตรา 1582 เมื่อดำเนินการดังกล่าวแล้ว ผู้เยาว์ตกอยู่ในสภาพ “ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง” ศาลจึงตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ตามมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง

ข้อคิดทางกฎหมาย

การตกลงระหว่างบิดามารดาให้ผู้ใดเป็นผู้ปกครองหลังหย่า (มาตรา 1520/1566) ยังไม่ถือเป็นการ “ถอนอำนาจปกครอง”ของบิดาหรือมารดาตามมาตรา 1585

การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์จึงไม่สามารถดำเนินการได้เพียงเพราะบิดายังมีชีวิตอยู่หรือเพราะตกลงกัน แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขทางกฎหมายชัดเจน

ศาลมีดุลยพินิจสูงในการพิจารณา “ถอนอำนาจปกครอง” ตามมาตรา 1582 โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้อง แต่ต้องมีข้อเท็จจริงสนับสนุน เช่น ประพฤติชั่วร้าย ใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือไม่อุปการะผู้เยาว์

แนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีนี้เป็นกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าแม้บิดายังมีชีวิตอยู่ แต่หากการใช้อำนาจปกครองไม่เป็นไปตามบทบัญญัติ ศาลอาจดำเนินการตั้งผู้ปกครองใหม่เพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์

สำหรับผู้ดูแลผู้เยาว์หรือญาติที่ประสงค์จะขอเป็นผู้ปกครอง ควรพิจารณาเงื่อนไขทางกฎหมาย และข้อเท็จจริงว่า บิดาหรือมารดาถูกถอนอำนาจหรือไม่ หรือมีเหตุให้ถูกถอนอำนาจหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2544 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ให้ตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้เฉพาะกรณีผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง การที่มารดาตาย ส่วนบิดายังมีชีวิตอยู่และมิได้ถูกถอนอำนาจปกครอง แม้บิดามารดาจะจดทะเบียนหย่าโดยตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แต่ฝ่ายเดียวก็เป็นเรื่องการตกลงตามมาตรา 1520วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) เท่านั้น มิใช่เป็นกรณีที่บิดาถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการจะถอนอำนาจปกครองจะต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 และเป็นอำนาจของศาล ดังนั้น อำนาจปกครองจึงกลับมาอยู่แก่บิดาฝ่ายเดียวตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) เมื่อผู้เยาว์ยังมีบิดาซึ่งยังไม่ถูกถอนอำนาจปกครองจึงไม่อาจตั้งผู้ปกครองได้ ผู้ร้องซึ่งเป็นน้าผู้เยาว์จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ปกครอง

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 ให้อำนาจศาลถอนอำนาจปกครองได้โดยลำพังไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้ หากมีเหตุตามบทบัญญัติดังกล่าว แม้ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอถอนอำนาจปกครองของบิดาผู้เยาว์ แต่เมื่อความปรากฏต่อศาลว่าที่บิดาของผู้เยาว์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติดและไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ โดยให้อยู่ในความดูแลของผู้ร้องถือได้ว่าบิดาประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและใช้อำนาจปกครองแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาให้ถอนอำนาจปกครองบิดาผู้เยาว์และเมื่อผู้เยาว์ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครองเนื่องจากมารดาตายและบิดาถูกถอนอำนาจปกครองประกอบกับผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้ร้องตลอดมา ทั้งบิดายินยอมให้ผู้ร้องเป็นผู้ปกครอง ศาลจึงตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นน้องของนางจิรัฐธิกา นางสาวหทัยชนก อายุ 18 ปี ผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนางจิรัฐธิกา  กับนายสุรศักดิ์ ต่อมานางจิรัฐธิกากับนายสุรศักดิ์ได้จดทะเบียนหย่าโดยให้บุตรอยู่ในอำนาจปกครองของมารดาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2543 นางจิรัฐธิกาถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุ ทำให้ผู้เยาว์ไม่มีผู้ปกครอง ผู้ร้องเป็นน้าของผู้เยาว์มีความประสงค์จะขอเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองของนางสาวหทัยชนก  ผู้เยาว์

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองของนางสาวหทัยชนก ผู้เยาว์หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามสำนวนว่า ผู้ร้องเป็นน้าของผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรของนางจิรัฐธิกา  กับนายสุรศักดิ์  ต่อมานางจิรัฐธิกาและนายสุรศักดิ์ จดทะเบียนหย่าจากการเป็นสามีภริยาและมีข้อตกลงให้บุตรผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของมารดา ตามบันทึกหลังทะเบียนการหย่า หลังจากนั้นนางจิรัฐธิกา ถึงแก่กรรม ส่วนนายสุรศักดิ์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์เกี่ยวกับเรื่องจำหน่ายยาเสพติดให้โทษเห็นว่า การจะตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์นั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ให้ตั้งได้เฉพาะกรณีผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสีย ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่า มารดาของผู้เยาว์ถึงแก่กรรมส่วนบิดาของผู้เยาว์ยังมีชีวิตอยู่และมิได้ถูกถอนอำนาจปกครองแต่อย่างใด แม้บิดาและมารดาจะจดทะเบียนหย่าโดยตกลงให้มารดาเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แต่ฝ่ายเดียวก็เป็นเรื่องการตกลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6)เท่านั้น มิใช่เป็นกรณีที่บิดาถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการจะเพิกถอนอำนาจปกครองนั้นจะต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 และเป็นอำนาจของศาลดังนั้น เมื่อมารดาของผู้เยาว์ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่ผู้เดียวตามที่ตกลงขณะจดทะเบียนหย่าถึงแก่กรรม อำนาจปกครองผู้เยาว์ก็กลับมาอยู่แก่บิดาฝ่ายเดียวตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) เมื่อผู้เยาว์ยังมีบิดาซึ่งยังไม่ถูกถอนอำนาจปกครองจึงไม่อาจตั้งผู้ปกครองได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ปกครอง แต่อย่างไรก็ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถโดยคำสั่งศาลก็ดี ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบก็ดี ประพฤติชั่วร้ายก็ดี ในกรณีเหล่านี้ศาลจะสั่งเอง หรือจะสั่งเมื่อญาติของผู้เยาว์หรืออัยการร้องขอให้ถอนอำนาจปกครองเสียบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้" แสดงให้เห็นว่าในการถอนอำนาจปกครองนั้น กฎหมายได้ให้อำนาจศาลถอนเสียได้โดยลำพังไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้ หากมีเหตุตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น แม้ในขณะผู้ร้องยื่นคำร้อง ผู้ร้องจะไม่มีอำนาจยื่นก็ตาม แต่เมื่อความปรากฏต่อศาลว่า พฤติการณ์ที่บิดาของผู้เยาว์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด และไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ โดยให้อยู่ในความดูแลของผู้ร้อง กรณีถือได้ว่า บิดาของผู้เยาว์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและใช้อำนาจปกครองแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาให้ถอนอำนาจปกครองบิดาผู้เยาว์และเมื่อผู้เยาว์ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครองเนื่องจากมารดาถึงแก่ความตายและบิดาถูกถอนอำนาจปกครองประกอบกับผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้ร้องตลอดมา ทั้งบิดาของผู้เยาว์ยินยอมให้ผู้ร้องเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์ การให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ย่อมเหมาะสมกว่า"

พิพากษากลับ ให้ถอนอำนาจปกครองผู้เยาว์จากนายสุรศักดิ์ บิดาและตั้งนางสาวจุฬารัตน์  ผู้ร้องเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง

แนวคำถาม - ธงคำตอบ

ข้อ 1. 

นางสาวจุฬารัตน์  ซึ่งเป็นน้าของผู้เยาว์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองของนางสาวหทัยชนก  ผู้เยาว์ โดยอ้างว่ามารดาของผู้เยาว์ถึงแก่กรรม ส่วนบิดาของผู้เยาว์คือนายสุรศักดิ์  ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำคดียาเสพติด และไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ ศาลจะมีอำนาจตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองได้หรือไม่ และต้องพิจารณาตามบทบัญญัติกฎหมายใด

ธงคำตอบ

ศาลต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติให้ตั้งผู้ปกครองได้เฉพาะเมื่อผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียก่อน กรณีนี้มารดาของผู้เยาว์ถึงแก่กรรมจริง แต่บิดายังมีชีวิตและยังไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครอง ดังนั้นตามกฎหมายถือว่าผู้เยาว์ยังมีผู้ใช้อำนาจปกครองอยู่ จึงยังไม่อาจตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองได้ เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งถอนอำนาจปกครองของบิดาก่อน

ข้อ 2. 

การที่บิดามารดาของผู้เยาว์จดทะเบียนหย่าและตกลงกันให้มารดาเป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียวตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า ถือได้หรือไม่ว่าบิดาถูกถอนอำนาจปกครองโดยผลของข้อตกลงนั้น และเมื่อมารดาถึงแก่กรรมแล้ว อำนาจปกครองจะตกแก่ผู้ใด

ธงคำตอบ

ข้อตกลงในการจดทะเบียนหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) เป็นเพียงการตกลงกันระหว่างบิดามารดาว่าฝ่ายใดจะใช้อำนาจปกครอง ไม่ใช่การถอนอำนาจปกครองโดยศาล จึงไม่อาจถือว่าบิดาถูกถอนอำนาจปกครองโดยผลของข้อตกลงนั้นได้ เมื่อมารดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองฝ่ายเดียวถึงแก่กรรม อำนาจปกครองย่อมกลับมาอยู่กับบิดาฝ่ายเดียวโดยอัตโนมัติตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1)

ข้อ 3. 

ในกรณีที่บิดาของผู้เยาว์ถูกจำคุกในคดียาเสพติดและไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ ศาลสามารถใช้ดุลพินิจถอนอำนาจปกครองของบิดาได้หรือไม่ แม้ไม่มีการร้องขอโดยผู้มีสิทธิหรืออัยการ

ธงคำตอบ

ศาลมีอำนาจถอนอำนาจปกครองของบิดาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง ซึ่งให้อำนาจศาลสั่งถอนอำนาจปกครองได้เองโดยไม่ต้องมีคำร้อง หากเห็นว่าผู้ใช้อำนาจปกครองประพฤติชั่วร้าย หรือใช้อำนาจปกครองโดยมิชอบ ข้อเท็จจริงที่บิดาถูกคุมขังในคดียาเสพติดและไม่อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ ถือเป็นการประพฤติชั่วร้ายและละเลยต่อหน้าที่บิดา ศาลจึงมีอำนาจสั่งถอนอำนาจปกครองของบิดาได้แม้ไม่มีผู้ร้องขอ

ข้อ 4. 

เมื่อศาลมีคำสั่งถอนอำนาจปกครองของบิดาแล้ว และมารดาของผู้เยาว์ได้ถึงแก่กรรม ผู้เยาว์จึงตกอยู่ในสภาพไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้ร้องซึ่งเป็นน้าและได้ดูแลผู้เยาว์มาโดยตลอดจะสามารถได้รับการตั้งเป็นผู้ปกครองได้หรือไม่

ธงคำตอบ

เมื่อศาลถอนอำนาจปกครองของบิดาโดยชอบด้วยมาตรา 1582 และมารดาได้ถึงแก่กรรม ผู้เยาว์ย่อมตกอยู่ในสภาพไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง เข้าหลักตามมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ที่ให้ตั้งผู้ปกครองได้ กรณีผู้ร้องเป็นน้าผู้เยาว์ซึ่งอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์มาโดยตลอด และได้รับความยินยอมจากบิดา จึงถือว่าเป็นผู้มีความเหมาะสม ศาลย่อมมีอำนาจตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์ได้เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์

ข้อ 5.

หลักการสำคัญทางกฎหมายที่ศาลฎีกาได้วางแนวไว้ในคดีนี้เกี่ยวกับ “การตกลงเรื่องอำนาจปกครองหลังหย่า” และ “อำนาจศาลในการถอนอำนาจปกครอง” มีสาระสำคัญอย่างไร

ธงคำตอบ

ศาลฎีกาวางหลักว่า การตกลงระหว่างบิดามารดาในเรื่องอำนาจปกครองภายหลังหย่าเป็นเพียงข้อตกลงทางแพ่ง ไม่ใช่การเพิกถอนอำนาจปกครองของอีกฝ่าย การเพิกถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาลเท่านั้น และต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 เช่น การประพฤติชั่วร้ายหรือใช้อำนาจปกครองโดยมิชอบ ศาลสามารถใช้ดุลพินิจสั่งถอนอำนาจได้โดยไม่ต้องมีคำร้อง เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้เยาว์ หลักการนี้เป็นแนวทางสำคัญที่ย้ำว่าศาลมีบทบาทเชิงรุกในการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของผู้เยาว์ แม้ไม่มีการร้องขอจากคู่กรณี




บิดามารดา กับ บุตร

(ฎีกาที่ 3013/2568) – ฟ้องบุพการีอุทลุมต้องห้าม ป.พ.พ. มาตรา 1562
ไม่มีกฎหมายให้บิดาต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมาย แม้บิดาจะรับรองแล้วก็ตาม
การจดทะเบียนรับรองบุตร: ขั้นตอน กฎหมาย และคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง
ขอบเขตการขอเป็นคู่ความแทนในคดีหย่าและแบ่งสินสมรส(ฎีกา 3927/2562)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4410/2563 : ศาลฎีกายืนให้บิดาจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามศาลชั้นต้น
เปลี่ยนสิทธิดูแลบุตรจากมารดาเป็นบิดา
สิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร,
การเลี้ยงดูบุตรหลังการหย่า, การอุปการะเลี้ยงดูบุตร มาตรา 1564, ข้อตกลงการเลี้ยงดูบุตรในกรณีหย่าร้าง
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร, การคำนวณค่าเลี้ยงดูบุตร, สิทธิเลี้ยงดูบุตร หลังการหย่า,
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร, การรับรองบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
การเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองบุตร, การยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อสิทธิเลี้ยงดูบุตร
เปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครอง
บิดามารดาโดยกำเนิดหมดอำนาจปกครองบุตร
กฎหมายเรื่อง,ฟ้องร้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร, ฟ้องหย่า, อำนาจปกครองบุตร,
ขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
ค่าอุปการะเลี้ยงดูกับค่าเลี้ยงชีพ, การใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์
ฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร-มารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องแทนได้
สิทธิอำนาจปกครองบุตรหลังหย่า และเงื่อนไขการ ‘ตั้งผู้ปกครอง’(ฎีกา 2960/2548)
ส่วนแบ่งสินสมรสและความรับผิดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
อำนาจศาลเพิกถอน ลด เพิ่ม หรือกลับการให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน
ให้ใช้นามสกุลในสูติบัตรยังไม่เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
หน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรยุติไปด้วยความตายไม่ตกทอดเป็นมรดก
โจทก์ฟ้องขอให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว
หน้าที่ตามกฎหมายบิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตร
อายุความฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรม
ถอนข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า เรียกค่าเลี้ยงชีพ อำนาจปกครองบุตร(ฎีกา 8596/2559)
อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวมีได้ในกรณีใดบ้าง
รับสมอ้างว่าเป็นบุตรในการแจ้งเกิด, บิดาในสูติบัตร
ทำสัญญาประนีประนอมแทนผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาล
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรแต่บิดาปฏิเสธว่าเป็นบุตร
เรียกบุตรคืนจากสามีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย, บิดานอกกฎหมายไม่มีสิทธิที่จะกำหนดที่อยู่ของบุตร
บิดาลงชื่อในใบแต่งทนายความแทนบุตรที่บรรละนิติภาวะแล้ว
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร (เด็กและมารดาของเด็กถึงแก่ความตายแล้ว)
บุตรนอกกฎหมายเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้หรือไม่?
บุตรนอกกฎหมาย สิทธิประกันสังคม
บุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้
ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าให้บิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
เพิกถอนผู้จัดการทรัพย์สินผู้เยาว์ & ส่งมอบทรัพย์สิน(ฎีกา 458/2547)
ฟ้องบุพการี,คดีอุทลุม,การใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์จากผู้ไม่มีสิทธิยึดถือได้
อำนาจศาลสั่งให้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว(ฎีกา 2668/2556)
ศาลชอบที่จะสั่งให้แก้ไขความบกพร่องเรื่องความสามารถเสียก่อนยกฟ้อง
บุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องบิดาไม่เป็นคดีอุทลุม
การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (คดีขาดอายุความ)
ใช้สิทธิทางศาลขอเป็นบิดาชอบด้วยกฎหมาย
บิดาขอจดทะเบียนรับรองบุตรกรณีเด็กถึงแก่ความตายแล้ว
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (บิดาถึงแก่ความตาย)
อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
ฟ้องให้บิดารับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์
การนับอายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เยาว์
จำเลยตั้งครรภ์ด้วยวิธีการผสมเทียมโดยไม่ใช่อสุจิของโจทก์
ละเมิดเรียกค่าขาดแรงงานในครัวเรือนของบิดามารดา
ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามสัญญายอมความได้
ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะได้ทั้งการสมรสหรือมีอายุครบ 20 ปี
คำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
สามีภริยาสมัครใจมีบุตรร่วมกันโดยการทำกิ๊ฟท์
การอุปการะเลี้ยงดูบุตรต้องกระทำจนถึงบุตรบรรลุนิติภาวะ
เงินที่มีผู้ช่วยทำศพผู้ตายนำมาบรรเทาความรับผิดไม่ได้
โจทก์เป็นบุตรมีอำนาจฟ้องบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้
ห้ามฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งและคดีอาญา
บุตรขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้ตายในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ถือหุ้นฟ้องปู่ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทไม่เป็นคดีอุทลุม
คดีอุทลุมคือการห้ามฟ้องบุพการี
ฟ้องให้รับรองบุตรเมื่อเด็กอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว
กฎหมายไม่บังคับว่าบุตรจะต้องใช้ชื่อสกุลของบิดาหรือมารดา
สิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร
ฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรเนื่องจากไม่ใช่บุตรที่แท้จริง
เด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอมจดทะเบียนรับรองบุตรได้หรือไม่
ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเป็นบุตรเพราะมิใช่บิดาแท้จริง
สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว
บุตรนอกสมรสตาย บิดามารดาจดทะเบียนสมรสภายหลังการตาย
เมื่อศาลได้พิพากษาแล้วไม่จำต้องบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนรับเป็นบุตรอีก
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน
ถอนอำนาจปกครองบิดามารดาเกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่ของบุตร(ฎีกา 515/2560)