ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ขอจดทะเบียนรับรองบุตร,ขอรับเด็กเป็นบุตร บุตรนอกสมรส

 

 

 

ขอจดทะเบียนรับรองบุตร, บุตรนอกสมรส-ขอรับเด็กเป็นบุตร

กฏหมายเกี่ยวกับการจดทะเบียนรับรองบุตร

การจดทะเบียนรับรองบุตร ทำไมต้องจดทะเบียนรับรองบุตร? เมื่อบุตรที่เกิดมาจากบิดามารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อเกิดบุตรขึ้นมา กฎหมายให้ถือว่าเป็นบิดานอกกฎหมาย หรือบุตรนอกกฎหมาย ทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่มีสิทธิในการเป็นบิดากับบุตรชอบด้วยกฎหมาย เช่น  สิทธิที่จะได้รับการอุปการะเลี้ยงดู เป็นต้น ดังนั้นเพื่อให้ผูกพันกันตามกฎหมาย ผู้เป็นบิดาจึงต้องไปทำการยื่นคำขอจดทะเบียนรับรองบุตรอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตนเอง

การจดทะเบียนรับรองบุตร ต้องได้รับความยินยอมจากตัวบุตรด้วยอันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของบุตรผู้เยาว์

ขั้นตอนการดำเนินการจดทะเบียนรับรองบุตร

1. ให้บิดาไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตร ต่อนายทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขต กรณีที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร

2. เด็กและมารดาของเด็กต้องให้ความยินยอมในการจดทะเบียนรับรองบุตรด้วย คือการจดทะเบียนรับรองบุตรจะต้องได้รับความยินยอมจากทั้งมารดา และตัวเด็กด้วยพร้อมกัน ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กคนใดคนหนึ่งไม่ให้ความยินยอมในการจดทะเบียนรับรองบุตร หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ เช่น เด็กยังเล็กเกินไปที่จะให้ความยินยอมให้บิดาจดทะเบียนรับรองบุตร หรือมารดาเด็กตาย เป็นต้น กรณีนี้การจดทะเบียนรับรองบุตรนั้นจะต้องมีคำพิพากษาของศาลเสียก่อนจึงจะนำคำพิพากษาไปจดทะเบียนรับรองบุตรได้

เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการจดทะเบียนรับรองบุตร

-บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่เกี่ยวข้อง
-ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านของผู้ที่เกี่ยวข้อง
-ใบสูติบัตรของบุตร
-หนังสือแสดงความยินยอมของบุตรและของมารดาที่ยินยอมให้จดทะเบียนรับรองบุตรได้
-พยานบุคคล 2 คน

 การรับรองบุตรเป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้บุตรนอกสมรสเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาได้, การรับรองบุตรในกรณีที่ตัวเด็กเองอายุยังนัอยไม่สามารถให้ความยินยอมได้ ตัวผู้ร้องซึ่งเป็นบิดานอกสมรสจะต้องมายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งรับรองบุตร เมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นบิดานอกสมรสได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตรต่อศาลแล้ว ศาลจะนัดไต่สวนคำร้องประมาณ 45 วัน ในระหว่างนี้ผู้ร้องต้องนำบุตรและผู้ที่เกี่ยวข้องไปให้ถ้อยคำที่สถานพินิจเพื่อรายงานเสนอความเห็นต่อศาลประกอบการพิจารณาคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตร ในกรณีนี้คำสั่งศาลแทนการให้ความยินยอมของเด็กได้

 

ทนายความ ฟ้องหย่า lawyer

 

 

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

จดทะเบียนรับรองบุตร
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องจดทะเบียนเด็กหญิง ป. ผู้เยาว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้อง ผู้คัดค้าน(ผู้เป็นมารดา) ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาล ไม่ได้ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตรผู้เยาว์ต่อนายทะเบียนเพื่อให้นายทะเบียนแจ้งการขอจดทะเบียนเป็นหนังสือไปยังผู้คัดค้านและผู้เยาว์ เมื่อผู้คัดค้านคลอดบุตรผู้เยาว์ ผู้ร้องไม่ช่วยอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาแก่บุตร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านแต่เพียงผู้เดียว ผู้คัดค้านเลี้ยงดูผู้เยาว์มาโดยตลอด ไม่มีความจำเป็นที่ผู้ร้องจะจดทะเบียนรับรองบุตรอีก ขอให้ยกคำร้อง

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่  5982/2551

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1548  บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก
ในกรณีที่เด็กและมารดาเด็กไม่ได้มาให้ความยินยอมต่อหน้านายทะเบียน ให้นายทะเบียนแจ้งการขอจดทะเบียนของบิดาไปยังเด็กและมารดาเด็ก ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กไม่คัดค้านหรือไม่ให้ความยินยอมภายในหกสิบวันนับแต่การแจ้งนั้นถึงเด็กหรือมารดาเด็ก ให้สันนิษฐานว่าเด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอม ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กอยู่นอกประเทศไทยให้ขยายเวลานั้นเป็นหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
*ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล
เมื่อศาลได้พิพากษาให้บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรได้ และบิดาได้นำคำพิพากษาไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียน ให้นายทะเบียนดำเนินการจดทะเบียนให้
 
พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.2478 มาตรา 19 วรรคสอง
มาตรา 19  ในกรณีที่บิดามาขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ถ้าเด็กและมารดาเด็กอยู่ในฐานะให้ความยินยอมได้และได้มาให้ความยินยอมด้วยตนเองแล้วก็ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียน
*ถ้าเด็กและมารดาเด็กคนหนึ่งคนใดหรือทั้งสองคนไม่มาให้ความยินยอมด้วยตนเอง ให้นายทะเบียนมีหนังสือสอบถามไปยังผู้ที่ไม่มาว่าจะให้ความยินยอมหรือไม่  เมื่อนายทะเบียนได้รับหนังสือแจ้งความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวหรือบุคคลดังกล่าวได้มาให้ความยินยอมด้วยตนเองแล้ว ก็ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียน แต่ถ้านายทะเบียนไม่ได้รับแจ้งความยินยอมภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้นายทะเบียนแจ้งให้ผู้ขอจดทะเบียนทราบถึงเหตุที่ไม่อาจรับจดทะเบียนได้โดยไม่ชักช้า
บิดาจะร้องขอให้นายทะเบียนไปจดทะเบียนนอกสำนักทะเบียนก็ได้ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง

       ป.พ.พ. มาตรา 1548 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก ส่วนวรรคสามและวรรคสี่บัญญัติว่า ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดาหรือไม่ให้ความยินยอมหรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่าประสงค์ให้เด็กเป็นผู้ให้ความยิมยอมเป็นการเฉพาะตัว การที่นายทะเบียนแจ้งแก่ผู้ร้องว่าไม่สามารถรับจดทะเบียนให้ได้โดยไม่แจ้งการขอจดทะเบียนของผู้ร้องไปยังผู้คัดค้านและเด็กก่อนตาม มาตรา 1548 วรรคสอง หรือตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัวฯ มาตรา 19 วรรคสอง เพราะปรากฏว่าขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนขอจดทะเบียนนั้น เด็กหญิง ป. อายุเพียง 3 ปีเศษ ยังไร้เดียงสาไม่สามารถให้ความยินยอมได้ จึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัวฯ มาตรา 19 แล้ว ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้พิพากษาให้ผู้ร้องจดทะเบียนเด็กหญิง ป. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้
 
          ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องจดทะเบียนเด็กหญิง ป. ผู้เยาว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้อง

          ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาล เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยไม่ได้ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองผู้เยาว์ต่อนายทะเบียนเพื่อให้นายทะเบียนแจ้งการขอจดทะเบียนเป็นหนังสือไปยังผู้คัดค้านและผู้เยาว์ระหว่างตั้งครรภ์ ผู้ร้องไม่สนใจหรือเอาใจใส่เกื้อกูลความเป็นอยู่ของผู้คัดค้าน ไม่เคยจ่ายเงินเดือนหรือค่าใช้จ่ายในครัวเรือนแก่ผู้คัดค้าน เมื่อผู้คัดค้านคลอดผู้เยาว์ ผู้ร้องไม่ช่วยอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาแก่บุตร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านแต่เพียงผู้เดียว ผู้คัดค้านเลี้ยงดูผู้เยาว์มาโดยตลอดและผู้เยาว์เริ่มเข้ารับการศึกษาเป็นอย่างดีแล้วไม่มีความจำเป็นที่ผู้ร้องจะจดทะเบียนรับรองบุตรอีก ขอให้ยกคำร้อง

          ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องจดทะเบียนเด็กหญิง ป. ผู้เยาว์ เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้อง ให้ผู้ร้องมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ยกคำคัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความทั้งสองฝ่ายให้ตกเป็นพับ

          ผู้คัดค้านอุทธรณ์
          ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

          ผู้คัดค้านฎีกา
          ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติในชั้นนี้ว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านอยู่กินฉันสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่ปี 2539 มีบุตรด้วยกัน 1 คน เด็กหญิง ป. ซึ่งเกิดวันที่ 5 พฤษภาคม 2543 วันที่ 30 เมษายน 2547 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเด็กหญิง ป. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อนายทะเบียน แต่ผู้ร้องไม่สามารถนำตัวผู้คัดค้านและเด็กหญิง ป. มาให้ความยินยอมได้ นายทะเบียนจึงแจ้งให้ผู้ร้องไปยื่นคำร้องขอต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลหรือไม่ โดยผู้คัดค้านฎีกาว่า นายทะเบียนไม่ได้แจ้งการขอจดทะเบียนของผู้ร้องไปยังผู้คัดค้านและเด็กหญิง ป. ก่อนตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548 วรรคสอง พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478 มาตรา 19 บัญญัติ ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาล เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก และวรรคสามและวรรคสี่บัญญัติว่า ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล เมื่อศาลได้พิพากษาให้บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรได้ และบิดาได้นำคำพิพากษาไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนให้นายทะเบียนดำเนินการจดทะเบียนให้ จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เป็นชัดเจนว่าประสงค์ให้เด็กเป็นผู้ให้ความยินยอมเป็นการเฉพาะตัว เมื่อปรากฏว่าขณะที่ผู้ร้องไปยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนขอจดทะเบียนว่าเด็กหญิง ป. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายนั้น เด็กหญิง ป. อายุเพียง 3 ปีเศษ ยังไร้เดียงสายังไม่สามารถให้ความยินยอมได้ แม้นายทะเบียนจะแจ้งไปยังผู้คัดค้านและเด็กหญิง ป. ตามมาตรา 1548 วรรคสอง หรือตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478 มาตรา 19 วรรคสอง ก็ไม่เกิดประโยชน์เพราะเด็กหญิง ป. ไม่สามารถให้ความยินยอมได้ดังวินิจฉัยมาแล้ว การที่นายทะเบียนแจ้งแก่ผู้ร้องว่าไม่สามารถรับจดทะเบียนได้ จึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478 มาตรา 19 ด้วย ดังนั้นผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้พิพากษาให้ผู้ร้องจดทะเบียนเด็กหญิง ป. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
 

บุตรนอกสมรสเรียกค่าอุปการะเลียงดูบุตรมิได้ฟ้องคดีขอให้บิดารับเด็กเป็นบุตรมาด้วย 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7228/2537

บุตรที่จะมีสิทธิได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูและการให้การศึกษาจากบิดามารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 วรรคแรกจะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายมาแต่แรกหรือเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายในภายหลังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน 3 คน ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะขณะอยู่กินกับจำเลยได้ให้การรับรองบุตรทั้งสาม ต่อมาจำเลยได้ขอหย่าขาดกับโจทก์และมอบบุตรทั้งสามให้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเพียง 2 คนจำนวนเงิน 349,400 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยเป็นบิดาตามความเป็นจริง มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 วรรคแรก โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากจำเลยนั้น เห็นว่า บุตรที่จะมีสิทธิได้รับการอุปการะเลี้ยงดูและการให้การศึกษาจากบิดามารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 วรรคแรก จะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดามารดามาแต่แรกหรือเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายในภายหลังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547และหากเป็นบุตรนอกสมรสโดยบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันและแล้ว จะฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าการศึกษาจากบิดาไม่ได้ ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยรับเด็กเป็นบุตรมาด้วยดังนั้น ในชั้นนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าการศึกษาจากจำเลย

 พิพากษายืน

 

 

จำเลยให้การยอมรับว่าจำเลยกับโจทก์เป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรส เกิดบุตรด้วยกัน ๔ คนจริง ต่อสู้เพียงว่าจำเลยมีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสี่โดยโจทก์ตกลงยกบุตรทั้งสี่ให้จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูแต่ผู้เดียว

บุตรนอกสมรสอำนาจปกครองอยู่กับมารดา

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2652/2516

           โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับโจทก์อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งมีผลตามกฎหมายว่า บุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรนอกสมรส อำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ซึ่งเป็นมารดา จำเลยให้การรับว่า จำเลยกับโจทก์ไม่ได้จดทะเบียนสมรสจริง ต่อสู้เพียงว่าจำเลยมีอำนาจปกครองบุตรทั้งสี่โดยโจทก์ตกลงยกบุตรทั้งสี่ให้จำเลยเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว เช่นนี้ ประเด็นที่ว่าบุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยหรือไม่ นั้น จึงเป็นอันยุติต้องฟังว่าผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ฝ่ายเดียวการที่จำเลยแถลงต่อศาลในภายหลังว่าจำเลยมีฐานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งศาล และได้จดทะเบียนรับรองบุตรด้วยนั้น ไม่ก่อให้เกิดเป็นประเด็นขึ้นอีก

           โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยอยู่กินกันฉันสามีภริยา แต่มิได้จดทะเบียนสมรส เกิดบุตรด้วยกัน ๔ คนซึ่งเป็นผู้เยาว์ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงเลิกจากการเป็นสามีภริยากัน โจทก์ยอมให้จำเลยรับบุตรไปเลี้ยงดูชั่วคราว แต่ต้องอยู่ในนครหลวง แต่จำเลยกลับนำบุตรไปอยู่จังหวัดเชียงรายและปล่อยให้บุตรไปอยู่ในความดูแลของผู้อื่น บุตรทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ อำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบบุตรทั้งสี่คืนให้โจทก์

          จำเลยให้การว่า จำเลยกับโจทก์เป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสจริง เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะอยู่กินเป็นภริยาจำเลยต่อไปโจทก์จำเลยได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ให้ทำบันทึกข้อตกลงไว้ว่าโจทก์ยินดียกบุตรทั้งสี่ให้จำเลยเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว จำเลยเลี้ยงดูให้การศึกษาบุตรสมฐานะ โจทก์ไม่มีอาชีพเป็นหลักฐาน ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร

          วันชี้สองสถานจำเลยแถลงรับว่าไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตรทั้งสี่คนว่าเป็นบุตร ศาลให้เลื่อนการชี้สองสถานรอรายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติ ในวันนัดต่อมาจำเลยส่งสำเนาคำสั่งศาลจังหวัดเชียงรายกับสำเนาทะเบียนการรับรองบุตรต่อศาลพร้อมกับแถลงว่าหลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว จำเลยได้ไปร้องขอต่อศาลจังหวัดเชียงรายให้สั่งแสดงว่าบุตรทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย เมื่อศาลจังหวัดเชียงรายสั่งแสดงให้แล้วจำเลยได้ไปจดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตร โจทก์แถลงคัดค้านว่าการที่จำเลยไปยื่นคำร้องต่อศาลภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

          ศาลชั้นต้นให้งดการชี้สองสถาน และการสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษาให้จำเลยส่งมอบบุตรทั้งสี่คนให้แก่โจทก์

          จำเลยอุทธรณ์

           ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

          จำเลยฎีกา

           ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์ตั้งประเด็นกล่าวหาว่าจำเลยกับโจทก์อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีผลตามกฎหมายว่าบุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรนอกสมรส จำเลยไม่มีอำนาจปกครอง อำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ซึ่งเป็นมารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๓๘(๕)จำเลยให้การยอมรับว่าจำเลยกับโจทก์เป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรส เกิดบุตรด้วยกัน ๔ คนจริง ต่อสู้เพียงว่าจำเลยมีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสี่โดยโจทก์ตกลงยกบุตรทั้งสี่ให้จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูแต่ผู้เดียว ฉะนั้น ประเด็นที่ว่าผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยหรือไม่ นั้น จึงเป็นอันยุติต้องฟังว่า ผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรนอกสมรสของจำเลย การที่จำเลยเพียงแต่แถลงต่อศาลในภายหลังว่าจำเลยมีฐานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งศาลและได้จดทะเบียนรับรองบุตรด้วยนั้น ไม่ก่อให้เกิดประเด็นวินิจฉัยขึ้นอีกผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ฝ่ายเดียวอำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยตามที่จำเลยอ้างไม่มีผลให้อำนาจปกครองบุตรทั้งสี่ตกอยู่กับจำเลย

          พิพากษายืน

 ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าเป็นบุตรของผู้ตาย

ฟ้องให้จดทะเบียนรับรองบุตร-กรณีร่วมประเวณีกับมารดาเด็กในระยะตั้งครรภ์ได้

ใครควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร, บิดาหรือมารดา ?

การจดทะเบียนรับรองบุตร ขณะที่บุตรไม่อาจให้ความยินยอมได้เองต้องมีคำพิพากษาของศาล

คำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร

ข้อ ๑. ผู้ร้องเป็นบิดาของเด็กชายอาทิตย์ ซึ่งเกิดกับ นางสาวลำดวน ภริยาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน กล่าวคือ ผู้ร้องได้สมรสกับ นางสาวลำดวน เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๗ แต่มิได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย จึงเป็นสามีภริยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ได้อยู่กินฉันสามีภริยาโดยเปิดเผยต่อสายตาของสาธารณชนทั่วไป ว่าเป็นสามีภริยากัน ในระหว่างอยู่กินด้วยกันนั้นได้มีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ เด็กชายอาทิตย์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๘ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาสูติบัตร และสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข ๑ ปัจจุบันผู้ร้องอยู่กินร่วมบ้านเรือนเดียวกับนางสาวลำดวน และร่วมกันให้การอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายอาทิตย์ ผู้เยาว์ตลอดมา โดยผู้ร้องยอมให้ระบุในสูติบัตรว่าผู้ร้องเป็นบิดาของผู้เยาว์ ให้เรียกพ่อ แสดงออกเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าผู้ร้องและเด็กชายอาทิตย์ เป็นบิดาและบุตรของกันและกัน

ข้อ ๒. ผู้ร้องมีความประสงค์จะจดทะเบียนรับรองบุตรรับเด็กชายอาทิตย์ ผู้เยาว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องและให้ผู้เยาว์ใช้นามสกุลของผู้ร้อง โดยที่นางสาวลำดวน ให้ความยินยอมและเห็นชอบด้วย ผู้ร้องและนางสาวลำดวน ได้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่จัดการให้ไม่ได้ โดยแจ้งว่าผู้เยาว์มีอายุน้อยไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะให้ความยินยอมได้ เว้นแต่จะมีคำสั่งศาลอนุญาตให้จดทะเบียนได้ไปแสดงเสียก่อนจึงจะจัดการให้ได้

ด้วยเหตุผลดังได้กราบเรียนมาข้าต้น จึงขอความกรุณาต่อศาลขอได้โปรดไต่สวนและมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องจดทะเบียนรับเด็กชายอาทิตย์ ผู้เยาว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อไปด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ........นายทองดี........ผู้ร้อง
คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า นาย ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ ทนายความผู้ร้อง เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ.........ลีนนท์...... ผู้เรียงและพิมพ์

 




บิดามารดา กับ บุตร

เปลี่ยนสิทธิดูแลบุตรจากมารดาเป็นบิดา
สิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร,
การเลี้ยงดูบุตรหลังการหย่า, การอุปการะเลี้ยงดูบุตร มาตรา 1564, ข้อตกลงการเลี้ยงดูบุตรในกรณีหย่าร้าง
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร, การคำนวณค่าเลี้ยงดูบุตร, สิทธิเลี้ยงดูบุตร หลังการหย่า,
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร, การรับรองบุตร, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
การเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองบุตร, การยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อสิทธิเลี้ยงดูบุตร
เปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครอง
การถอนอำนาจปกครองบิดา ตั้งน้าสาวเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แทน
บิดามารดาโดยกำเนิดหมดอำนาจปกครองบุตร
กฎหมายเรื่อง,ฟ้องร้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร, ฟ้องหย่า, อำนาจปกครองบุตร,
ขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
ค่าอุปการะเลี้ยงดูกับค่าเลี้ยงชีพ, การใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์
ฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร-มารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องแทนได้
การถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล
ส่วนแบ่งสินสมรสและความรับผิดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
อำนาจศาลเพิกถอน ลด เพิ่ม หรือกลับการให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน
ให้ใช้นามสกุลในสูติบัตรยังไม่เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
หน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรยุติไปด้วยความตายไม่ตกทอดเป็นมรดก
โจทก์ฟ้องขอให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว
หน้าที่ตามกฎหมายบิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตร
อายุความฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรม
ฟ้องขอให้เพิกถอนข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า ค่าเลี้ยงชีพ อำนาจปกครองบุตร
อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวมีได้ในกรณีใดบ้าง
รับสมอ้างว่าเป็นบุตรในการแจ้งเกิด, บิดาในสูติบัตร
ทำสัญญาประนีประนอมแทนผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาล
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรแต่บิดาปฏิเสธว่าเป็นบุตร
เรียกบุตรคืนจากสามีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย, บิดานอกกฎหมายไม่มีสิทธิที่จะกำหนดที่อยู่ของบุตร
บิดาลงชื่อในใบแต่งทนายความแทนบุตรที่บรรละนิติภาวะแล้ว
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร (เด็กและมารดาของเด็กถึงแก่ความตายแล้ว)
บุตรนอกกฎหมายเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้หรือไม่?
บุตรนอกกฎหมาย สิทธิประกันสังคม
บุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้
ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าให้บิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
เพิกถอนหน้าที่ผู้จัดการทรัพย์สิน
ฟ้องบุพการี,คดีอุทลุม,การใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์จากผู้ไม่มีสิทธิยึดถือได้
อำนาจศาลสั่งให้บิดาหรือมารดาใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว
ศาลชอบที่จะสั่งให้แก้ไขความบกพร่องเรื่องความสามารถเสียก่อนยกฟ้อง
บุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องบิดาไม่เป็นคดีอุทลุม
การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (คดีขาดอายุความ)
ใช้สิทธิทางศาลขอเป็นบิดาชอบด้วยกฎหมาย
บิดาขอจดทะเบียนรับรองบุตรกรณีเด็กถึงแก่ความตายแล้ว
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (บิดาถึงแก่ความตาย)
อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
ไม่มีกฎหมายให้บิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมาย
ฟ้องให้บิดารับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์
การนับอายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เยาว์
จำเลยตั้งครรภ์ด้วยวิธีการผสมเทียมโดยไม่ใช่อสุจิของโจทก์
สามีนำเงินสินส่วนตัวชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองที่ดินสินสมรส
ละเมิดเรียกค่าขาดแรงงานในครัวเรือนของบิดามารดา
ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามสัญญายอมความได้
ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะได้ทั้งการสมรสหรือมีอายุครบ 20 ปี
คำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
สามีภริยาสมัครใจมีบุตรร่วมกันโดยการทำกิ๊ฟท์
การอุปการะเลี้ยงดูบุตรต้องกระทำจนถึงบุตรบรรลุนิติภาวะ
เงินที่มีผู้ช่วยทำศพผู้ตายนำมาบรรเทาความรับผิดไม่ได้
โจทก์เป็นบุตรมีอำนาจฟ้องบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้
ห้ามฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งและคดีอาญา
บุตรขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้ตายในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ถือหุ้นฟ้องปู่ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทไม่เป็นคดีอุทลุม
คดีอุทลุมคือการห้ามฟ้องบุพการี
ฟ้องให้รับรองบุตรเมื่อเด็กอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว
กฎหมายไม่บังคับว่าบุตรจะต้องใช้ชื่อสกุลของบิดาหรือมารดา
สิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร
ฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรเนื่องจากไม่ใช่บุตรที่แท้จริง
เด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอมจดทะเบียนรับรองบุตรได้หรือไม่
ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเป็นบุตรเพราะมิใช่บิดาแท้จริง
สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว
บุตรนอกสมรสตาย บิดามารดาจดทะเบียนสมรสภายหลังการตาย
เมื่อศาลได้พิพากษาแล้วไม่จำต้องบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนรับเป็นบุตรอีก
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน
เพิกถอนอำนาจปกครองเกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่ของบุตร