ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (คดีขาดอายุความ)

ทนายความ ฟ้องหย่า lawyer

การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร

ขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร

เด็กเป็นบุตรสืบสายโลหิตของบิดา และบิดาแสดงออกต่อญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาของมารดาเด็ก แต่มิได้แสดงออกต่อญาติข้างบิดาหรือเพื่อนบ้านแถวบ้านพักของบิดา ซึ่งอยู่ต่างท้องที่กันว่าเด็กเป็นบุตร ก็ถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่รู้กันอยู่ทั่วไปตลอดเวลาว่าเด็กเป็นบุตรของบิดา 

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2549 

 พฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตรนั้น ให้พิจารณา ข้อเท็จจริงที่แสดงความเกี่ยวข้องฉันบิดากับบุตร ซึ่งปรากฏในระหว่าง ตัวเด็กกับครอบครัวที่เด็กอ้างว่าตนสังกัดอยู่ เช่น บิดาให้การศึกษาให้ความอุปการะเลี้ยงดูหรือยอมให้เด็กนั้นใช้ชื่อสกุลของตนหรือโดย เหตุประการอื่น

 ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังกล่าวข้างต้น ถ้าปรากฏว่าชายไม่อาจเป็น บิดาของเด็กนั้นได้ ให้ยกฟ้องเสีย

ผู้ร้องเกิดเมื่อกลางปี 2516 นับถึงวันยื่นคำร้องเป็นเวลาเกือบ 30 ปี เหตุการณ์ในช่วงเวลาจัดพิธีสมรสและการตั้งครรภ์ไม่มีหลักฐานปรากฏวันเดือนปีที่แน่นอนเป็นเรื่องคาดคะเนเอาโดยประมาณจึงอาจผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปได้บ้าง ทั้งร้องขอแก้ไขคำร้องขอโดยอ้างเหตุพิมพ์ข้อความผิดพลาดเล็กน้อยเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริง จึงเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยทั้งมีเหตุผลสมควร ผู้ร้องมีสิทธิขอแก้ไขคำร้องได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องขอชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 180 ตอนท้ายแล้ว 

 เดิมผู้คัดค้านมิได้ให้การต่อสู้เรื่องอายุความไว้ในคำคัดค้านเพิ่งมายื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำคัดค้านว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคดีนี้เมื่อผู้ร้องอายุ 28 ปี เป็นการฟ้องคดีเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่บรรลุนิติภาวะ คดีของผู้ร้องขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1556 วรรคสาม หลังจากมีการสืบพยานผู้ร้องเสร็จไปบางส่วนแล้ว อ้างเหตุผลว่าเป็นทนายความคนใหม่ของผู้คัดค้านเพิ่งได้รับการแต่งตั้งและตรวจสำนวนพบคำคัดค้านยังบกพร่องไม่สมบูรณ์ จึงเป็นการขอแก้ไขเพิ่มเติมคำคัดค้านหลังจากพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดคือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน เหตุที่อ้างก็ไม่ใช่เหตุผลอันสมควรตามกฎหมายและการขอแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นเรื่องกำหนดเวลาฟ้องคดีตามมาตรา 1556 วรรคสามเป็นอายุความฟ้องคดีซึ่งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ทั้งมิใช่การแก้ข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อย เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำคัดค้านโดยชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 180 แล้ว จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องอายุความให้ศาลจำต้องวินิจฉัยและเป็นข้อมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์

ผู้ร้องเป็นบุตรสืบสายโลหิตของ ป. ป. แสดงออกต่อญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาของมารดาผู้ร้อง มิได้แสดงออกต่อญาติข้างบิดาหรือเพื่อนบ้านแถวบ้านพักของ ป. ซึ่งอยู่ต่างท้องที่กันว่าผู้ร้องเป็นบุตร ก็ถือได้ว่าพฤติกรรมที่รู้กันอยู่ทั่วไปตลอดเวลาว่าผู้ร้องเป็นบุตร ป. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1555 (7) แล้ว 

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนายประสิทธิ์ สมบูรณ์เจียร ผู้ตาย และนางมยุรา เลิศทิพย์รัตน์ ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยนายประสิทธิ์และนางมยุราสมรสกันตามประเพณีเมื่อปี 2514 อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ต่อมาปี 2516 เมื่อนางมยุราตั้งครรภ์ผู้ร้องได้ 7 เดือน ผู้ตายกับนางมยุราแยกทางกัน หลังจากนั้นนางมยุราคลอดผู้ร้อง แต่นางมยุราเกรงว่าผู้ร้องจะมีปมด้อยเรื่องบิดามารดาแยกทางกัน จึงแจ้งในใบสูติบัตรว่าผู้ร้องบุตรของนายโอฬาร หิรัญโอภาสวงศ์ หรือในขณะนั้นใช้ชื่อว่านายเต๊ก แซ่ลี้ ซึ่งเป็นพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกับนางมยุรา และแจ้งว่านางอรุณ ก้านกันยาหรือต้นกันยา ภริยาของนายโอฬาร เป็นมารดา โดยหลังจากผู้ร้องคลอด นายประสิทธิ์ผู้ตายได้แสดงออกโดยเปิดเผยแก่บุคคลทั่วไปว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยให้การอุปการะส่งเสียเลี้ยงดูตลอดมา ต่อมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2544 นายประสิทธิ์ถึงแก่กรรม ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายประสิทธิ์ สมบูรณ์เจียร ผู้ตาย 

 ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนายประสิทธิ์ ผู้ตาย และเป็นทายาทของผู้ตาย นายประสิทธิ์เป็นโสดไม่มีภริยา ไม่มีบุตร ผู้ร้องไม่ใช่บุตรของนายประสิทธิ์ นายประสิทธิ์ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดู ไม่เคยแสดงออกโดยเปิดเผยต่อญาติพี่น้องและคนอื่น ๆ ว่าผู้ร้องเป็นบุตร เมื่อนายประสิทธิ์ถึงแก่กรรม ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดงานศพแต่เพียงผู้เดียว ไม่ปรากฏตัวผู้ร้องในงานศพ นายประสิทธิ์ไม่ได้อยู่กินฉันสามีภรรยากับนางมยุรา โดยเลิกร้างกันมา 30 ปีแล้ว ไม่เคยติดต่อกับนางมยุราตลอดมา ขอให้ศาลยกคำร้องขอ

 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายประสิทธิ์ สมบูรณ์เจียร ผู้ตาย ค่าฤชา ธรรมเนียมให้เป็นพับ

 ผู้คัดค้านอุทธรณ์

 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

 ผู้คัดค้านฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้คัดค้านข้อแรกว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแก้ไขปี พ.ศ.ตามคำร้องเดิมที่ว่า เมื่อประมาณปี 2515 นางมยุรา เลิศทิพย์รัตน์ มารดาผู้ร้องตั้งครรภ์ผู้ร้องได้ประมาณ 7 เดือน เป็นประมาณปี 2516 นับถึงวันยื่นคำร้องคดีนี้เป็นเวลาเกือบ 30 ปี เหตุการณ์ในช่วงเวลาจัดพิธีสมรสและการตั้งครรภ์กดังกล่าวไม่มีหลักฐานเอกสารปรากฏวันเดือนปีที่แน่นอนเป็นเรื่องคาดคะเนเอาโดยประมาณจึงผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปได้บ้าง เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นนานมาแล้ว ทั้งผู้ร้องขอแก้ไขโดยอ้างเหตุพิมพ์ข้อความผิดพลาดเล็กน้อยเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริง จึงเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย ทั้งมีเหตุผลสมควร ผู้ร้องมีสิทธิขอแก้ไขคำร้องได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องขอชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ตอนท้ายแล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านข้อนี้ฟังไม่ขึ้น 

ปัญหาตามฎีกาผู้คัดค้านข้อที่สองว่า ประเด็นข้อพิพาทเรื่องคดีของผู้ร้องขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า เดิมผู้คัดค้านมิได้ให้การต่อสู้เรื่องอายุความไว้ในคำคัดค้านเพิ่งมายื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำคัดค้านว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคดีนี้เมื่อผู้ร้องอายุ 28 ปี เป็นการฟ้องคดีเมื่อเกิน 1 ปีนับแต่บรรลุนิติภาวะ คดีของผู้ร้องขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556 วรรคสาม หลังจากมีการสืบพยานผู้ร้องเสร็จไปบางส่วนแล้วอ้างเหตุผลว่าเป็นทนายความคนใหม่ของผู้คัดค้านเพิ่งได้รับการแต่งตั้งและตรวจสำนวนพบคำค้านยังบกพร่องไม่สมบูรณ์ จึงเป็นการขอแก้ไขเพิ่มเติมคำคัดค้านหลังจากพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดคือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน ทั้งเหตุที่อ้างไม่ใช่เหตุอันสมควรตามกฎหมาย และการขอแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นเรื่องกำหนดเวลาฟ้องคดีตามมาตรา 1556 วรรคสามดังกล่าวเป็นอายุความฟ้องคดีมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ทั้งมิใช่การแก้ไขข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อย เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำคัดค้านโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 แล้ว จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องอายุความให้ศาลจำต้องวินิจฉัยและเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยจึงชอบแล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น

 ปัญหาตามฎีกาผู้คัดค้านข้อที่สามมีว่า ผู้ร้องเป็นบุตรนายประสิทธิ์ สมบูรณ์เจียร ผู้ตายหรือไม่ ได้ความว่าเมื่อนายประสิทธิ์ถูกคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2544 นายปรีชาหรือหมึก พุฒใจบุญ ไปบอกนางมยุรามารดาผู้ร้องว่า ผู้คัดค้านทราบเรื่องนายประสิทธิ์ทางวิทยุข่าว จ.ส.100 จึงมาแสดงตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าเป็นพี่ชายนายประสิทธิ์เก็บเอกสารและทรัพย์สินของนายประสิทธิ์ไปโดยจะรีบเผาศพนายประสิทธิ์วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544 นางมยุราจึงไปแจ้งความเป็นหลักฐานว่าผู้ร้องเป็นบุตรของนายประสิทธิ์ และขอให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ความเป็นทายาทตามรายงานประจำวันเอกสารหมาย ร.14 พันตำรวจโทพรชัย สุธีรคุณแพทย์ประจำสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจเบิกความว่า พันตำรวจโทภานุวัฒน์ ฐิตะมาดี ส่งศพนายประสิทธิ์มาพร้อมตัวอย่างเลือดของนางมยุราและผู้ร้องเพื่อให้ตรวจยีนพันธุกรรม พยานตรวจเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกทั้งสามคนแล้วได้ผลการตรวจสารพันธุกรรมเปรียบเทียบสรุปได้ว่าบุคคลทั้งสามมีความสัมพันธ์เป็นพ่อแม่ลูกกัน ตามรายงานตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย ร.9 นางมยุรา นายโอฬาร หิรัญโอภาสวงศ์ พี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกับนางมยุรา นางสาวเนียนนารถ คนหาร บุตรนางเนืองซึ่งบิดานายประสิทธิ์ยกนายประสิทธิ์ให้นางเนืองเลี้ยงดูมาแต่เล็กและร่วมกันไปสู่ขอจัดพิธีแต่งงานให้นายประสิทธิ์กับนางมยุราเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงตรงกันว่าผู้ร้องเป็นบุตรนายประสิทธิ์และนางมยุรา นอกจากนี้นายประวิทย์ แซ่ลิ้ม เพื่อนบ้านรู้จักนางมยุรามาแต่รุ่นบิดามารดานางมยุรานานประมาณ 30 ปี เบิกความว่าเห็นนายประสิทธิ์มาหาผู้ร้องเรียกกันว่าพ่อลูก นายปรีชาน้องนางสาวเนียนนารถซึ่งเคยทำงานและพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกับนายประสิทธิ์เบิกความว่านายประสิทธิ์เคยใช้ให้พยานเอาเงินไปให้ผู้ร้องในฐานะที่เป็นบุตรประจำ ส่วนผู้คัดค้านนำพยานมาเบิกความรับว่านายประสิทธิ์เคยแต่งงานกับนายมยุราแต่ไม่นานก็เลิกกัน นายประสิทธิ์ไม่มีบุตรและอยู่คนเดียวมาตลอด พยานผู้คัดค้านส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้คัดค้าน แต่ไม่คุ้นเคยกับผู้ร้องกับนางมยุราเพื่อนบ้านที่อ้างเป็นพยานคนกลางก็จะเบิกความทำนองว่านายประสิทธิ์ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวของนายประสิทธิ์ให้ฟัง เห็นนายประสิทธิ์อยู่บ้านคนเดียวไม่มีครอบครัว ซึ่งไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าผู้ร้องมิใช่บุตรนายประสิทธิ์ ข้อฎีกาของผู้คัดค้านเกี่ยวกับเรื่องการแจ้งข้อมูลการตรวจพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับบุคคลและความเป็นพ่อแม่ลูกของนางมยุราซึ่งอ้างว่ามีข้อพิรุธรวมทั้งความเห็นของแพทย์อื่นตามเอกสารที่อ้างมาท้ายฎีกานั้นผู้คัดค้านมิได้ถามค้านให้ปรากฏเมื่อพันตำรวตโทพรชัยพยานโจทก์มาเบิกความ ศาลฎีกาจึงไม่รับฟังข้ออ้างของผู้คัดค้านดังกล่าว พยานหลักฐานของผู้ร้องที่นำสืบมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของผู้คัดค้าน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นบุตรสืบสายโลหิตของนายประสิทธิ์ สมบูรณ์เจียร ผู้ตาย สำหรับพฤติการณ์ที่นายประสิทธิ์แสดงออกโดยเปิดเผยแก่บุคคลทั่วไปรับรองว่าผู้ร้องเป็นบุตรนั้น เห็นว่า บิดานายประสิทธิ์ยกนายประสิทธิ์ให้นางเนืองไปเลี้ยงดูแต่เด็ก เมื่อมารดาถึงแก่ความตายนายประสิทธิ์มิได้พักอาศัยอยู่กับบิดาญาติพี่น้องข้างบิดารวมทั้งผู้คัดค้านเป็นเวลาหลายปี แม้ไม่ปรากฏขอเท็จจริงชัดเจนว่านายประสิทธิ์มีพฤติการณ์แสดงออกต่อญาติข้างบิดาและเพื่อนบ้านแถวบ้านพักนายประสิทธิ์ซึ่งอยู่ต่างท้องที่กันรับรองว่าผู้ร้องเป็นบุตร แต่นายประสิทธิ์ได้แสดงออกต่อญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านของนางมยุราที่แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของนางมยุราถึงพฤติการณ์ดังกล่าว ถือได้ว่ามีพฤติการณ์ที่รู้กันอยู่ทั่วไปตลอดมาว่าผู้ร้องเป็นบุตรนายประสิทธิ์แล้ว ส่วนฎีกาข้ออื่นของผู้คัดค้านไม่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้ผลการวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้คัดค้านทุกข้อฟังไม่ขึ้น”

 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

  มาตรา 1555 การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ให้มีได้แต่ในกรณีต่อไปนี้
(1) เมื่อมีการข่มขืนกระทำชำเรา ฉุดคร่า หรือหน่วงเหนี่ยวกักขัง หญิงมารดาโดยมิชอบด้วยกฎหมายในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้ง ครรภ์ได้
(2) เมื่อมีการลักพาหญิงมารดาไปในทางชู้สาว หรือมีการล่อลวง ร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้
(3) เมื่อมีเอกสารของบิดาแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตน
(4) เมื่อปรากฏในทะเบียนคนเกิดว่าเด็กเป็นบุตรโดยมีหลักฐาน ว่าบิดาเป็นผู้แจ้งเกิดหรือรู้เห็นยินยอมในการแจ้งนั้น
(5) เมื่อบิดาได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งหญิง มารดาอาจตั้งครรภ์ได้
(6) เมื่อได้มีการร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิง นั้นอาจตั้งครรภ์ได้และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเด็กนั้นมิได้เป็นบุตรของ ชายอื่น
(7) เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร

 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

 มาตรา 180 การแก้ไขคำฟ้องหรือคำให้การที่คู่ความเสนอต่อ ศาลไว้แล้ว ให้ทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อน วันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ใน กรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน เว้นแต่ มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนนั้น หรือเป็นการขอแก้ไขในเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็น การ แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย หรือข้อผิดหลงเล็กน้อย

 

 




บิดามารดา กับ บุตร

เปลี่ยนสิทธิดูแลบุตรจากมารดาเป็นบิดา
ฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร-มารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องแทนได้
การถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล
ส่วนแบ่งสินสมรสและความรับผิดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
อำนาจศาลเพิกถอน ลด เพิ่ม หรือกลับการให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน
ให้ใช้นามสกุลในสูติบัตรยังไม่เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
หน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรยุติไปด้วยความตายไม่ตกทอดเป็นมรดก
โจทก์ฟ้องขอให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว
หน้าที่ตามกฎหมายบิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตร
อายุความฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรม
ฟ้องขอให้เพิกถอนข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า ค่าเลี้ยงชีพ อำนาจปกครองบุตร
อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวมีได้ในกรณีใดบ้าง
รับสมอ้างว่าเป็นบุตรในการแจ้งเกิด, บิดาในสูติบัตร
ทำสัญญาประนีประนอมแทนผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาล
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรแต่บิดาปฏิเสธว่าเป็นบุตร
เรียกบุตรคืนจากสามีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย, บิดานอกกฎหมายไม่มีสิทธิที่จะกำหนดที่อยู่ของบุตร
เปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครอง
บิดาลงชื่อในใบแต่งทนายความแทนบุตรที่บรรละนิติภาวะแล้ว
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร (เด็กและมารดาของเด็กถึงแก่ความตายแล้ว)
ค่าอุปการะเลี้ยงดูกับค่าเลี้ยงชีพ, การใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์
การถอนอำนาจปกครองบิดา ตั้งน้าสาวเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แทน
บุตรนอกกฎหมายเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้หรือไม่?
บุตรนอกกฎหมาย สิทธิประกันสังคม
บุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้
ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าให้บิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
เพิกถอนหน้าที่ผู้จัดการทรัพย์สิน
ขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
ฟ้องบุพการี,คดีอุทลุม,การใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์จากผู้ไม่มีสิทธิยึดถือได้
อำนาจศาลสั่งให้บิดาหรือมารดาใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว
ศาลชอบที่จะสั่งให้แก้ไขความบกพร่องเรื่องความสามารถเสียก่อนยกฟ้อง
บุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องบิดาไม่เป็นคดีอุทลุม
การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
ใช้สิทธิทางศาลขอเป็นบิดาชอบด้วยกฎหมาย
บิดาขอจดทะเบียนรับรองบุตรกรณีเด็กถึงแก่ความตายแล้ว
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (บิดาถึงแก่ความตาย)
อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
ขอจดทะเบียนรับรองบุตร,ขอรับเด็กเป็นบุตร บุตรนอกสมรส
ไม่มีกฎหมายให้บิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมาย
ฟ้องให้บิดารับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์
การนับอายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เยาว์
จำเลยตั้งครรภ์ด้วยวิธีการผสมเทียมโดยไม่ใช่อสุจิของโจทก์
สามีนำเงินสินส่วนตัวชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองที่ดินสินสมรส
ละเมิดเรียกค่าขาดแรงงานในครัวเรือนของบิดามารดา
ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามสัญญายอมความได้
ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะได้ทั้งการสมรสหรือมีอายุครบ 20 ปี
คำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
สามีภริยาสมัครใจมีบุตรร่วมกันโดยการทำกิ๊ฟท์
การอุปการะเลี้ยงดูบุตรต้องกระทำจนถึงบุตรบรรลุนิติภาวะ
เงินที่มีผู้ช่วยทำศพผู้ตายนำมาบรรเทาความรับผิดไม่ได้
บิดามารดาโดยกำเนิดหมดอำนาจปกครองบุตร
โจทก์เป็นบุตรมีอำนาจฟ้องบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้
ห้ามฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งและคดีอาญา
บุตรขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้ตายในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ถือหุ้นฟ้องปู่ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทไม่เป็นคดีอุทลุม
คดีอุทลุมคือการห้ามฟ้องบุพการี
ฟ้องให้รับรองบุตรเมื่อเด็กอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว
กฎหมายไม่บังคับว่าบุตรจะต้องใช้ชื่อสกุลของบิดาหรือมารดา
สิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร
ฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรเนื่องจากไม่ใช่บุตรที่แท้จริง
เด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอมจดทะเบียนรับรองบุตรได้หรือไม่
ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเป็นบุตรเพราะมิใช่บิดาแท้จริง
สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว
บุตรนอกสมรสตาย บิดามารดาจดทะเบียนสมรสภายหลังการตาย
เมื่อศาลได้พิพากษาแล้วไม่จำต้องบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนรับเป็นบุตรอีก
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน
เพิกถอนอำนาจปกครองเกี่ยวกับการกำหนดที่อยู่ของบุตร