
สิทธิอำนาจปกครองบุตรหลังหย่า และเงื่อนไขการ ตั้งผู้ปกครอง(ฎีกา 2960/2548) ![]() ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์
บทนำ
คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับกรณีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์หลังการหย่า ซึ่งคู่สมรสได้ตกลงกันให้บิดาเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงผู้เดียวตามข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า เมื่อบิดาถึงแก่ความตาย มารดาซึ่งยังมีชีวิตอยู่รับอำนาจปกครองตามกฎหมาย ไม่ถือว่าเป็นกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง จึงไม่มีสิทธิให้ญาติอื่น เช่น ป้า ของผู้เยาว์ ยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ภายใต้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ประกอบ มาตรา 1586 วรรคหนึ่ง
ข้อเท็จจริง
• ผู้เยาว์เป็นบุตรของ นาย ว. กับ นาง ผู้คัดค้าน (มารดา) ซึ่งจดทะเบียนสมรสและต่อมาได้หย่ากัน แล้วทั้งสองได้ทำ “ข้อตกลง” ให้บุตรอยู่ในการปกครองของนาย ว. (บิดา) เพียงผู้เดียว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง และมาตรา 1566 วรรคสอง (6) ซึ่งอนุญาตให้คู่สมรสตกลงได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรหลังหย่า.
• นาย ว. ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์มาโดยตลอด จนกระทั่งถึงแก่ความตาย
• หลังจากบิดาถึงแก่ความตาย ผู้คัดค้าน (มารดา) ได้รับอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ ตามบทบัญญัติ มาตรา 1566 วรรคสอง (1) ซึ่งกำหนดว่า เมื่อบิดาถึงแก่ความตาย มารดาจะได้รับอำนาจปกครองผู้เยาว์แทนบิดา
• ขณะที่ผู้ร้อง (ซึ่งเป็นป้า) ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ โดยอ้างเหตุว่า มารดาได้ครอบครองดูแลผู้เยาว์มาแล้ว และตนสามารถเลี้ยงดูได้ดี เป็นต้น
• ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนพยานของผู้ร้องและผู้คัดค้าน แล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ส่วนศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน พร้อมให้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
• ผู้ร้องได้ฎีกา โดยประเด็นหลักคือว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์หรือไม่
ประเด็นสำคัญที่สุดของคดีนี้อยู่ที่การตีความและการใช้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520, มาตรา 1566, มาตรา 1582, มาตรา 1585 และมาตรา 1586 ซึ่งเป็นมาตราที่เกี่ยวข้องกับ “อำนาจปกครองบุตร” และ “การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์” โดยตรง
คำพิพากษานี้เป็นแนวสำคัญที่ยืนยันหลักว่า การตกลงเรื่องอำนาจปกครองบุตรหลังหย่าเป็นข้อตกลงที่มีผลตามกฎหมาย และเมื่อผู้ใช้อำนาจปกครองถึงแก่กรรม อำนาจดังกล่าวจะกลับไปยังอีกฝ่ายหนึ่งโดยอัตโนมัติ ไม่ถือว่าผู้เยาว์ “ไม่มีบิดามารดา” ที่จะเปิดช่องให้ญาติยื่นคำร้องขอตั้งผู้ปกครองแทนได้
Key Words สำคัญที่สุดของคดีนี้พร้อมคำอธิบายสั้น ๆ
1. อำนาจปกครองบุตร
ประเด็นหลักของคดีคือ การกำหนดว่าผู้ใดมีสิทธิใช้อำนาจปกครองบุตรภายหลังการหย่า ซึ่งกฎหมายให้คู่สมรสตกลงกันได้ตามมาตรา 1520 และถือเป็นข้อตกลงที่ชอบด้วยกฎหมาย
2. ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า
การระบุในข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าว่าฝ่ายบิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเพียงผู้เดียว เป็นข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งศาลเพิ่มเติม
3. อำนาจปกครองกลับสู่มารดาเมื่อบิดาถึงแก่กรรม
ตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) เมื่อผู้ใช้อำนาจปกครองถึงแก่กรรม อำนาจดังกล่าวจะกลับไปยังบิดาหรือมารดาอีกฝ่ายหนึ่งโดยอัตโนมัติ จึงถือว่าผู้เยาว์ยังมีผู้ปกครองตามกฎหมายอยู่
4. การถอนอำนาจปกครอง
การเพิกถอนอำนาจปกครองต้องเป็นคำสั่งของศาลและมีเหตุชัดเจนตามมาตรา 1582 ในคดีนี้ไม่ได้มีคำสั่งศาลเพิกถอนอำนาจปกครองของมารดา ผู้เยาว์จึงยังมีผู้ใช้อำนาจตามกฎหมาย
5. การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์
ตามมาตรา 1585 และ 1586 บุคคลภายนอกจะร้องขอตั้งผู้ปกครองได้ต่อเมื่อผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้ว ซึ่งไม่เข้าเงื่อนไขในคดีนี้ ผู้ร้องซึ่งเป็นป้าจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
สรุปสาระสำคัญของคดีนี้อยู่ที่ “ขอบเขตอำนาจปกครองบุตรตามข้อตกลงหย่า และการกลับคืนอำนาจปกครองสู่มารดาโดยผลของกฎหมาย” ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่ศาลฎีกาใช้วินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิขอตั้งตนเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา
• ศาลฎีกาได้พิจารณาว่า ข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่า คู่สมรสได้ตกลงในการหย่าให้บิดาใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์เพียงผู้เดียวตามมาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบ มาตรา 1566 วรรคสอง (6) ซึ่งเป็นข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้ ได้.
• ไม่ใช่กรณีที่ผู้คัดค้าน (มารดา) ถูกเพิกถอนอำนาจปกครอง เพราะการเพิกถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล และต้องมีเหตุตาม ป.พ.พ. มาตรา 1582 ซึ่งในคดีนี้ไม่มี
• เมื่อบิดาผู้ใช้อำนาจปกครองจนถึงแก่ความตาย ตามข้อกฎหมาย มาตรา 1566 วรรคสอง (1) บัญญัติว่า “เมื่อผู้มีอำนาจปกครองฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย … ให้ฝ่ายผู้ใช้สิทธิอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งมีสิทธิใช้อำนาจปกครองอยู่กลับเข้ามาแทน” ดังนั้น มารดาซึ่งเป็นผู้คัดค้านจึงกลับมีอำนาจปกครองผู้เยาว์
• เนื่องจากผู้เยาว์ยังมีมารดาคือผู้คัดค้าน ที่มิได้ถูกเพิกถอนอำนาจปกครอง และยังมีชีวิตอยู่ จึงไม่เข้าเงื่อนไขของ ป.พ.พ. มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง (“บุคคลที่จะร้องขอตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้เฉพาะในกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้ว”) ประกอบกับมาตรา 1586 วรรคหนึ่ง (“ผู้ปกครองตามมาตรา 1585 … ให้ตั้งโดยคำสั่งศาลเมื่อมีการร้องขอของญาติของผู้เยาว์ …”) ดังนั้น ผู้ร้อง (ป้า) จึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
• ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่า “ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น” และให้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาเป็นพับ
วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย
1. ข้อตกลงหลังการหย่าเกี่ยวกับอำนาจปกครอง (มาตรา 1520 + มาตรา 1566)
• ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร …” ซึ่งในคดีนี้มีข้อตกลงเช่นนั้น จึงให้ผลตามกฎหมายว่าบิดามีอำนาจปกครองผู้เยาว์เพียงผู้เดียว
• มาตรา 1566 วรรคสอง (6) ให้รับรองว่า หากมีข้อตกลงดังกล่าว ก็ถือเป็นผู้มีอำนาจปกครองตามที่ตกลง
• เมื่อบิด์ถึงแก่ความตายตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) อำนาจปกครองจึงตกกลับไปมารดาโดยอัตโนมัติ
2. เงื่อนไขการตั้งผู้ปกครองบุคคลภายนอก (มาตรา 1585 และ 1586)
• มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า ต้องเป็นกรณีที่ “ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้ว” จึงจะให้มีผู้ปกครองใหม่
• มาตรา 1586 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า “ผู้ปกครองตามมาตรา 1585 … ให้ตั้งโดยคำสั่งศาลเมื่อมีการร้องขอของญาติของผู้เยาว์ …”
• ในคดีนี้ ผู้เยาว์ยังมีมารดาซึ่งมิได้ถูกเพิกถอนอำนาจปกครอง และมีหนังสือข้อตกลงกับบิดา จึงไม่เข้าเงื่อนไขของมาตรา 1585 ทำให้ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้อง
3. ความสำคัญของการเพิกถอนอำนาจปกครอง (มาตรา 1582)
• หากผู้ใช้อำนาจปกครอง “ใช้อำนาจโดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้าย” ศาลสามารถเพิกถอนอำนาจบางส่วนหรือทั้งหมดได้ตามมาตรา 1582
• แต่ในคดีนี้ ไม่มีการเพิกถอน จึงผู้ใช้อำนาจเดิม (มารดา) ยังคงมีอำนาจอยู่
4. ผลของข้อเท็จจริงต่อสิทธิของญาติบุคคลภายนอก
• ญาติ เช่น ป้า หรืออื่น ๆ แม้จะดูแลผู้เยาว์มานาน หรือมีความสามารถดูแลได้ดี แต่ถ้าเงื่อนไขตามมาตรา 1585 ไม่ครบ (คือผู้เยาว์ยังมีผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายอยู่) ญาติไม่มีสิทธิยื่นขอเป็นผู้ปกครอง
• สิทธิในการร้องขอเป็นผู้ปกครองจึงถูกจำกัดไว้โดยชัดเจนตามบทบัญญัติ
สรุปข้อคิดทางกฎหมาย
• การตกลงท้ายทะเบียนหย่าที่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงผู้เดียว เป็นข้อตกลงที่กฎหมายรับรองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1520 และประกอบมาตรา 1566
• เมื่อตัวผู้ใช้อำนาจปกครองถึงแก่ความตาย อำนาจจะถูกโอนไปอีกฝ่ายทันทีโดยไม่ต้องมีคำสั่งศาล ตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1)
• การตั้งผู้ปกครองบุคคลภายนอกต้องเป็นกรณีที่ผู้เยาว์ “ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้ว” ตามมาตรา 1585 และ 1586 — ถ้าไม่เข้าเงื่อนไข ญาติไม่มีสิทธิขอ
• ญาติที่อุปการะผู้เยาว์มายาวนาน แม้มีความสามารถดูแลได้ดี ก็ไม่สามารถเข้าไปแทนผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมายได้ หากยังไม่เข้าเงื่อนไขตาม มาตรา 1585
• กฎหมายเน้น “ประโยชน์และความผาสุกของผู้เยาว์” เป็นหลัก แต่ก็ต้องอยู่ภายในกรอบที่บทบัญญัติกำหนด
IRAC
Issue (ประเด็น):
ผู้ร้อง (ป้า) มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ได้หรือไม่ เมื่อผู้เยาว์มีมารดาซึ่งยังมีชีวิตอยู่ และบิดาที่เคยใช้อำนาจปกครองถึงแก่ความตายไปแล้ว โดยมีข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าให้บิดาใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์เพียงผู้เดียว?
Rule (กฎกฎหมาย):
• ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง: ในกรณีหย่าโดยความยินยอม สามีภริยาสามารถทำข้อตกลงเป็นหนังสือให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้อำนาจปกครองบุตรได้
• ป.พ.พ. มาตรา 1566 วรรคสอง (1) และ (6): (1) เมื่อผู้มีอำนาจปกครองฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย อำนาจนั้นตกไปอีกฝ่ายหนึ่ง; (6) ให้สอดคล้องกับกรณีมีข้อตกลงตามมาตรา 1520
• ป.พ.พ. มาตรา 1582: ศาลมีอำนาจเพิกถอนอำนาจปกครองของผู้ใช้อำนาจหากใช้อำนาจโดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้าย
• ป.พ.พ. มาตรา 1585 วรรคหนึ่ง: การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ได้เฉพาะในกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้ว
• ป.พ.พ. มาตรา 1586 วรรคหนึ่ง: ผู้ปกครองตามมาตรา 1585 ให้ตั้งโดยคำสั่งศาลเมื่อมีการร้องขอของญาติผู้เยาว์
Application (การใช้กฎกับกรณี):
• คู่สมรสได้ตกลงในการหย่าให้บิดาใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์เพียงผู้เดียวตามมาตรา 1520 และ 1566 (6) → ข้อตกลงมีผลบังคับใช้
• เมื่อบิดาถึงแก่ความตาย อำนาจการปกครองจึงตกไปที่มารดาโดยอัตโนมัติตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1)
• มารดายังมีชีวิตอยู่ และมิได้ถูกเพิกถอนอำนาจปกครองตามมาตรา 1582 → ผู้เยาว์จึงยังมีบิดามารดาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
• ตามมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง และ 1586 วรรคหนึ่ง เงื่อนไขในการตั้งผู้ปกครองญาติภายนอกจึงไม่ครบ เพราะยังมีมารดาอยู่และไม่ได้ถูกเพิกถอนอำนาจปกครอง
• ผู้ร้อง (ป้า) จึงไม่เข้าเกณฑ์ที่จะร้องขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
Conclusion (ผล):
ภายใต้ข้อเท็จจริงและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ เพราะผู้เยาว์ยังมีมารดาอยู่และไม่มีกรณีที่บิดามารดาถูกเพิกถอนอำนาจปกครองตามที่มาตรา 1585 กำหนด ดังนั้น คำพิพากษาศาลฎีกาจึงวินิจฉัยว่า “ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น” และยืนตามศาลอุทธรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2548
ผู้เยาว์เป็นบุตรของ ว. กับผู้คัดค้าน ต่อมา ว. หย่ากับผู้คัดค้านโดยมีข้อตกลงเรื่องการใช้อำนาจปกครองว่าให้ผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของ ว. บิดา ว. จึงเป็นผู้มีสิทธิใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงผู้เดียวตามข้อสัญญาดังกล่าวซึ่งสามารถใช้บังคับได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) และมิใช่เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาลและจะต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 ดังนั้น เมื่อ ว. ถึงแก่ความตาย อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จึงกลับมาเป็นของผู้คัดค้านซึ่งเป็นมารดาฝ่ายเดียวตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง อันจะทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นป้ามีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ตามมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1586 วรรคหนึ่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า เด็กชายพงศ์พิพัฒน์ อายุ 5 ปี เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายวาทิต กับนางวิภา หรืออยู่สุขสบาย ต่อมาบิดามารดาผู้เยาว์ได้จดทะเบียนหย่า และตกลงให้บิดาเป็นผู้มีอำนาจปกครอง ผู้เยาว์จึงอยู่ในความปกครองของนายวาทิตตลอดมา จนกระทั่งนายวาทิตได้ถึงแก่กรรมผู้เยาว์จึงอยู่ในความดูแลของผู้ร้องซึ่งเป็นป้าของผู้เยาว์ ผู้ร้องรับราชการครู มีอาชีพมั่นคง สามารถเลี้ยงดูผู้เยาว์ได้ ส่วนมารดาผู้เยาว์มีครอบครัวใหม่ ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้าม ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นมารดาของเด็กชายพงศ์พิพัฒน์ ผู้เยาว์ ภายหลังบิดาผู้เยาว์ถึงแก่กรรม ผู้คัดค้านก็รับตัวผู้เยาว์มาอยู่ในความปกครองและได้อุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษา ผู้เยาว์ไม่ได้ขาดผู้ปกครอง (ที่ถูกเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง) ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนพยานของผู้ร้องและผู้คัดค้านแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองเด็กชายพงศ์พิพัฒน์ ผู้เยาว์หรือไม่ ในประเด็นนี้ข้อเท็จจริงยุติฟังได้ว่า ผู้เยาว์เป็นบุตรของนายวาทิต กับผู้คัดค้าน ต่อมานายวาทิต หย่ากับผู้คัดค้านโดยมีข้อตกลงเรื่องการใช้อำนาจปกครองว่าให้ผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของนายวาทิตบิดา นายวาทิตจึงเป็นผู้มีสิทธิใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงผู้เดียวตามข้อสัญญาดังกล่าวซึ่งสามารถใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) และมิใช่เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาลและจะต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 ดังนั้น เมื่อนายวาทิตผู้ใช้อำนาจปกครองแต่ผู้เดียวตามที่ตกลงกันขณะที่จดทะเบียนหย่าถึงแก่ความตาย อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จึงกลับมาเป็นของผู้คัดค้านซึ่งเป็นมารดาฝ่ายเดียวตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง อันจะทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นป้ามีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ตามมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1586 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งยกคำร้องขอของผู้ร้องชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ
แนวคำถาม - ธงคำตอบ
ข้อ 1. นายวาทิต และนางวิภา ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของผู้เยาว์ได้หย่ากันโดยมีข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าว่าให้บุตรอยู่ในอำนาจปกครองของนายวาทิตเพียงผู้เดียว ต่อมานายวาทิตถึงแก่กรรม ผู้ร้องซึ่งเป็นป้าของผู้เยาว์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองโดยอ้างว่ามารดาของผู้เยาว์มีครอบครัวใหม่และผู้ร้องมีฐานะมั่นคงเหมาะสมกับการดูแลผู้เยาว์ เห็นว่าผู้ร้องจะมีสิทธิตามกฎหมายที่จะขอตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์หรือไม่
ธงคำตอบ
เมื่อบิดาและมารดาหย่ากันโดยมีข้อตกลงให้บิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรเพียงผู้เดียว ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลบังคับใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) แต่เมื่อบิดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองถึงแก่กรรม อำนาจปกครองย่อมกลับไปเป็นของมารดาตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) ไม่ถือว่าผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา ดังนั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นป้า จึงไม่มีสิทธิตามมาตรา 1585 และมาตรา 1586 ที่จะยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ได้ เพราะเงื่อนไขดังกล่าวใช้ได้เฉพาะกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้วเท่านั้น
ข้อ 2. การที่มารดาของผู้เยาว์แต่งงานใหม่และให้ผู้ร้องซึ่งเป็นป้าดูแลผู้เยาว์มาระยะหนึ่ง จะถือได้ว่ามารดาสละหรือหมดสิ้นอำนาจปกครองบุตรโดยปริยายหรือไม่ และผู้ร้องจะอ้างเหตุนี้เพื่อขอให้ศาลตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองได้หรือไม่
ธงคำตอบ
การที่มารดามีครอบครัวใหม่หรือมอบหมายให้ญาติช่วยดูแลบุตรไม่ได้ทำให้มารดาสละอำนาจปกครองโดยปริยาย เพราะการสิ้นอำนาจปกครองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีคำสั่งศาลถอนอำนาจปกครองตามมาตรา 1582 เท่านั้น ซึ่งศาลต้องมีเหตุอันชอบ เช่น มารดาใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือประพฤติชั่วร้าย อันเป็นอันตรายแก่บุตร ดังนั้น การมีครอบครัวใหม่หรือมอบหมายให้ญาติดูแลบุตรไม่ใช่เหตุเพิกถอนอำนาจปกครอง และผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะขอตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ได้
ข้อ 3. หากในขณะบิดายังมีชีวิตอยู่ มารดาไม่เคยใช้อำนาจปกครองและไม่ได้อยู่กับผู้เยาว์เลย จะถือได้ว่ามารดาขาดสิทธิหรือหมดสิทธิใช้อำนาจปกครองหลังจากบิดาถึงแก่กรรมหรือไม่
ธงคำตอบ
สิทธิในการใช้อำนาจปกครองของบิดามารดาเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ไม่สิ้นสุดลงโดยเหตุไม่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาหนึ่ง เว้นแต่ศาลมีคำสั่งถอนอำนาจปกครองตามมาตรา 1582 ดังนั้น แม้มารดาจะไม่ได้อยู่กับผู้เยาว์หรือไม่ได้ใช้อำนาจปกครองในขณะบิดามีชีวิตอยู่ เมื่อบิดาถึงแก่กรรม อำนาจปกครองย่อมกลับมาสู่มารดาโดยอัตโนมัติ ตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) ไม่ถือว่ามารดาสิ้นสิทธิ หรือว่าผู้เยาว์ไม่มีผู้ใช้อำนาจปกครอง
ข้อ 4. การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นป้า อ้างว่าตนมีอาชีพมั่นคงและสามารถเลี้ยงดูผู้เยาว์ได้ดีกว่ามารดา จะถือว่าเป็นเหตุอันสมควรให้ศาลเปลี่ยนผู้มีอำนาจปกครองหรือแต่งตั้งผู้ปกครองแทนมารดาได้หรือไม่
ธงคำตอบ
การพิจารณาว่าใครควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองต้องพิจารณาภายใต้หลักประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์เป็นสำคัญ แต่กฎหมายได้วางหลักไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอนอำนาจปกครองต้องเป็นไปตามมาตรา 1582 ซึ่งต้องมีเหตุว่าผู้มีอำนาจปกครองใช้อำนาจโดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้าย การที่ผู้ร้องมีฐานะดีกว่าเพียงอย่างเดียวไม่ใช่เหตุให้ศาลสามารถเพิกถอนอำนาจปกครองของมารดาหรือแต่งตั้งผู้ร้องแทนได้ ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งเปลี่ยนผู้มีอำนาจปกครองเพียงเพราะผู้ร้องอ้างว่ามีความพร้อมมากกว่า
ข้อ 5. ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ แต่ผู้เยาว์ยังมีมารดาที่มีอำนาจปกครองอยู่ ศาลจะมีอำนาจรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ และคำสั่งศาลที่ยกคำร้องถือว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ธงคำตอบ
ตามมาตรา 1585 และมาตรา 1586 การตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์สามารถทำได้เฉพาะเมื่อผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้วเท่านั้น กรณีนี้ผู้เยาว์ยังมีมารดาที่มีอำนาจปกครองตามกฎหมายอยู่ การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นป้ายื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองจึงเป็นการยื่นโดยไม่มีสิทธิ ศาลย่อมไม่มีอำนาจรับคำร้องไว้พิจารณา และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยยืนตาม ถือว่าชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติในหมวดว่าด้วยอำนาจปกครองและการตั้งผู้ปกครอง
สรุป
ประเด็นสำคัญทั้งห้านี้แสดงให้เห็นหลักเกณฑ์สำคัญของกฎหมายครอบครัวเกี่ยวกับอำนาจปกครองบุตรและเงื่อนไขการตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ โดยศาลฎีกาได้ยืนยันหลักว่าการเพิกถอนหรือโอนอำนาจปกครองต้องอาศัยบทบัญญัติของกฎหมายเท่านั้น ไม่สามารถอ้างเหตุด้านความเหมาะสมหรือความสมัครใจของญาติภายนอกมาแทนที่อำนาจตามกฎหมายของบิดามารดาได้.
|
บิดามารดา กับ บุตร




