
(รูปภาพสำหรับ - สำนักงานทนายความ, และ ทนายความ ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ)

(ติดต่อทนายความลีนนท์ โทร. 085-9604258)
ปรึกษา ทนายความ หัวข้อ - เมื่อผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร ถึงแก่ความตาย อำนาจปกครองบุตรไปอยู่กับใคร , การตั้งผู้ปกครองคนใหม่
การถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล
ผู้ร้องเป็นป้าขอตั้งผู้ปกครอง ผู้เยาว์เป็นบุตรของน้องชายซึ่งได้หย่ากับน้องสใภ้ โดยมีข้อตกลงเรื่องการใช้อำนาจปกครองว่าให้ผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของน้องชาย และเป็นผู้มีสิทธิใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงผู้เดียวตามข้อสัญญา มิใช่เป็นกรณีที่น้องสใภ้หรือมารดาของผู้เยาว์ถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล และจะต้องมีเหตุตามกฎหมาย ดังนั้นเมื่อน้องชายถึงแก่ความตาย อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จึงกลับมาเป็นของมารดาฝ่ายเดียว ป้าจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2548
ผู้เยาว์เป็นบุตรของ ว. กับผู้คัดค้าน ต่อมา ว. หย่ากับผู้คัดค้านโดยมีข้อตกลงเรื่องการใช้อำนาจปกครองว่าให้ผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของ ว. บิดา ว. จึงเป็นผู้มีสิทธิใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงผู้เดียวตามข้อสัญญาดังกล่าวซึ่งสามารถใช้บังคับได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) และมิใช่เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาลและจะต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 ดังนั้น เมื่อ ว. ถึงแก่ความตาย อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จึงกลับมาเป็นของผู้คัดค้านซึ่งเป็นมารดาฝ่ายเดียวตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง อันจะทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นป้ามีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ตามมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1586 วรรคหนึ่ง
มาตรา 1520 ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด
ในกรณีหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให้ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ในการพิจารณาชี้ขาดถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสนั้นได้ตามมาตรา 1582 ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ปกครองก็ได้ ทั้งนี้ ให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั้นเป็นสำคัญ
มาตรา 1566 บุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องอยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดา
อำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดาในกรณีดังต่อไปนี้
(1) มารดาหรือบิดาตาย
(2) ไม่แน่นอนว่ามารดาหรือบิดามีชีวิตอยู่หรือตาย
(3) มารดาหรือบิดาถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
(4) มารดาหรือบิดาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะจิตฟั่นเฟือน
(5) ศาลสั่งให้อำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดา
(6) บิดาและมารดาตกลงกันตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้ตกลงกันได้
มาตรา 1585 บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้วนั้น จะจัดให้มีผู้ปกครองขึ้นในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ก็ได้
ในกรณีที่ผู้ใช้อำนาจปกครองถูกถอนอำนาจปกครองบางส่วนตามมาตรา 1582 วรรคหนึ่ง ศาลจะตั้งผู้ปกครองในส่วนที่ผู้ใช้อำนาจปกครองถูกถอนอำนาจปกครองนั้นก็ได้ หรือในกรณีที่ผู้ใช้อำนาจปกครองถูกถอนอำนาจจัดการทรัพย์สินตามมาตรา 1582 วรรคสอง ศาลจะตั้งผู้ปกครองเพื่อจัดการทรัพย์สินก็ได้
มาตรา 1586 ผู้ปกครองตามมาตรา 1585 นั้น ให้ตั้งโดยคำสั่งศาลเมื่อมีการร้องขอของญาติของผู้เยาว์ อัยการ หรือผู้ซึ่งบิดาหรือมารดาที่ตายทีหลังได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้ปกครอง
ภายใต้บังคับมาตรา 1590 การตั้งผู้ปกครองนั้นถ้ามีข้อกำหนดพินัยกรรมก็ให้ศาลตั้งตามข้อกำหนดพินัยกรรม เว้นแต่พินัยกรรมนั้นไม่มีผลบังคับหรือบุคคลที่ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมนั้นเป็นบุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้ปกครองตามมาตรา 1587
________________________________
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า เด็กชายพงศ์พิพัฒน์ อายุ 5 ปี เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายวาทิต กับนางวิภา ต่อมาบิดามารดาผู้เยาว์ได้จดทะเบียนหย่า และตกลงให้บิดาเป็นผู้มีอำนาจปกครอง ผู้เยาว์จึงอยู่ในความปกครองของนายวาทิตตลอดมา จนกระทั่งนายวาทิตได้ถึงแก่กรรมผู้เยาว์จึงอยู่ในความดูแลของผู้ร้องซึ่งเป็นป้าของผู้เยาว์ ผู้ร้องรับราชการครู มีอาชีพมั่นคง สามารถเลี้ยงดูผู้เยาว์ได้ ส่วนมารดาผู้เยาว์มีครอบครัวใหม่ ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้าม ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นมารดาของเด็กชายพงศ์พิพัฒน์ ผู้เยาว์ ภายหลังบิดาผู้เยาว์ถึงแก่กรรม ผู้คัดค้านก็รับตัวผู้เยาว์มาอยู่ในความปกครองและได้อุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษา ผู้เยาว์ไม่ได้ขาดผู้ปกครอง (ที่ถูกเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง) ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนพยานของผู้ร้องและผู้คัดค้านแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองเด็กชายพงศ์พิพัฒน์ ผู้เยาว์หรือไม่ ในประเด็นนี้ข้อเท็จจริงยุติฟังได้ว่า ผู้เยาว์เป็นบุตรของนายวาทิต กับผู้คัดค้าน ต่อมานายวาทิต หย่ากับผู้คัดค้านโดยมีข้อตกลงเรื่องการใช้อำนาจปกครองว่าให้ผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของนายวาทิต บิดา นายวาทิตจึงเป็นผู้มีสิทธิใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงผู้เดียวตามข้อสัญญาดังกล่าวซึ่งสามารถใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 วรรคสอง (6) และมิใช่เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านถูกถอนอำนาจปกครองเพราะการถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล และจะต้องมีเหตุตามมาตรา 1582 ดังนั้น เมื่อนายวาทิตเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียวตามที่ตกลงกันขณะที่จดทะเบียนหย่า ถึงแก่ความตาย อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จึงกลับมาเป็นของผู้คัดค้านซึ่งเป็นมารดาฝ่ายเดียวตามมาตรา 1566 วรรคสอง (1) กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง อันจะทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นป้ามีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ตามมาตรา 1585 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1586 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งยกคำร้องขอของผู้ร้องชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ
( เกษม วีรวงศ์ - ชวลิต ตุลยสิงห์ - สุรพล เอกโยคยะ )