
คดีหมิ่นประมาทบนเฟซบุ๊ก (หลายกรรม) ป.อ. มาตรา 328, (ฎีกา 2624/2567)
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์ 🔹 บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อจำเลยโพสต์ข้อความใส่ความโจทก์รวม 9 ครั้งต่างวันเวลา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน ไม่ใช่กรรมเดียวตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 เห็นว่าเป็นเจตนาเดียว การกระทำจึงมีโทษจำคุกแยกตามจำนวนโพสต์ รวม 36 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ คดีนี้ชี้ชัดถึงหลักเกณฑ์การตีความ “หลายกรรม” ในความผิดหมิ่นประมาทออนไลน์ซึ่งมีผลต่อแนวปฏิบัติทางคดีอาญายุคดิจิทัล 🔹 ข้อเท็จจริงในคดี • จำเลยโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ผ่านเฟซบุ๊ก 9 ครั้ง ระหว่างเดือนมีนาคม–เมษายน 2562 • แต่ละโพสต์มีการโต้ตอบกับบุคคลที่สาม และมีการยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน • โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91, 326, 328 และให้ลงประกาศคำพิพากษาในสื่อสิ่งพิมพ์ คำพิพากษาศาลล่าง • ศาลชั้นต้น: เห็นว่าเป็นความผิดหลายกรรม ลงโทษรวม 9 ปี ลดโทษเหลือ 6 ปี • ศาลอุทธรณ์ภาค 8: เห็นว่าเป็นกรรมเดียว ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 60,000 บาท ลดโทษเหลือจำคุก 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท พร้อมรอการลงโทษ 🔹 ประเด็นข้อกฎหมาย 1. การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทหลายครั้งต่างวันเวลาถือเป็น ความผิดหลายกรรมหรืกรรมเดียว 2. ศาลควร รอการลงโทษจำคุกหรือไม่ 3. ขอบเขตการใช้มาตรา 91, 326, 328 ประมวลกฎหมายอาญา 🔹 คำวินิจฉัยของศาลฎีกา • การโพสต์ข้อความแต่ละครั้งเป็นการกระทำที่แยกออกจากกัน มีผู้เห็นข้อความต่างกลุ่ม มีเจตนาหมิ่นประมาทแยกหลายครั้ง • ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็น หลายกรรมต่างกัน (9 กรรม) • ลงโทษทุกกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91 จำคุกกรรมละ 6 เดือน รวม 54 เดือน • ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 36 เดือน • ไม่รอการลงโทษ เนื่องจากความเสียหายร้ายแรงและการเผยแพร่ในสาธารณะ 🔹 วิเคราะห์กฎหมาย • มาตรา 328 ป.อ. ครอบคลุมการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา รวมถึงการโพสต์ออนไลน์ที่บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้ • มาตรา 91 ป.อ. ใช้นับโทษเมื่อมีความผิดหลายกรรม โดยลงโทษแยกเป็นแต่ละกระทง • ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นเจตนาเดียว แต่ศาลฎีกาย้ำหลักว่า “การโพสต์แต่ละครั้ง” คือการกระทำใหม่ ไม่ใช่กรรมเดียว • การวินิจฉัยนี้มีผลชี้นำต่อคดีหมิ่นประมาทออนไลน์ ว่า ทุกโพสต์อาจเป็นความผิดใหม่ หากมีเจตนาแยกกัน
🔹 IRAC Analysis Issue: การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทหลายครั้งบนเฟซบุ๊กเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม Rule: • ป.อ. มาตรา 328: หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา • ป.อ. มาตรา 91: หลายกรรมต้องลงโทษทุกกรรม • ป.อ. มาตรา 78: บรรเทาโทษเมื่อมีเหตุอันควร • ป.อ. มาตรา 56: รอการลงโทษได้ในบางกรณี Application: จำเลยโพสต์ 9 ครั้ง ต่างวันเวลา แต่ละครั้งมีการโต้ตอบและยืนยันข้อเท็จจริงใหม่ จึงถือว่าเป็นเจตนาต่างกรรม ต่างวาระ ศาลฎีกาเห็นว่าเข้าลักษณะหลายกรรม ไม่สามารถถือเป็นเจตนาเดียวตามศาลอุทธรณ์ Conclusion: ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นหลายกรรม ลงโทษรวม 36 เดือน ไม่รอการลงโทษ เพื่อสะท้อนความร้ายแรงของการเผยแพร่ข้อความหมิ่นประมาทในสาธารณะ 🔹 ข้อคิดทางกฎหมาย 1. การโพสต์ออนไลน์ แต่ละครั้ง อาจถือเป็น “กรรมใหม่” ไม่ใช่เจตนาเดียว 2. คดีหมิ่นประมาทบนโซเชียลมีเดียมีความร้ายแรง ศาลอาจไม่รอการลงโทษ 3. คำพิพากษานี้เป็นแนวทางสำคัญสำหรับการพิจารณาคดีหมิ่นประมาทยุคดิจิทัล 📌 กฎหมายที่เป็นหัวใจของคดี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และ มาตรา 328 • มาตรา 328: ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา (รวมถึงโพสต์บนสื่อออนไลน์ที่บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้) • มาตรา 91: การลงโทษเมื่อกระทำความผิดหลายกรรม ต้องลงโทษแยกทุกกรรม ไม่ใช่รวมเป็นกรรมเดียว 🔑 Keywords สำคัญที่สุดของคดีนี้ (5 ประเด็น) 1. หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา (มาตรา 328) – การโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กที่เปิดเป็นสาธารณะถือเป็นการโฆษณา ทำให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลและเกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงโจทก์ 2. หลายกรรมต่างหาก (มาตรา 91) – ศาลฎีกาชี้ว่าแต่ละโพสต์ที่ต่างวันเวลาและมีเนื้อหาแตกต่างกัน ถือเป็นความผิดแยกต่างหาก มิใช่เจตนาเดียว 3. การโพสต์ออนไลน์ = การกระทำใหม่ทุกครั้ง – แม้มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน แต่หากโพสต์ในต่างวาระ ย่อมก่อให้เกิดผลเสียหายใหม่ทุกครั้ง ต้องนับเป็นกรรมใหม่ 4. ไม่รอการลงโทษ – ศาลฎีกาเห็นว่าความเสียหายจากการโพสต์ออนไลน์แพร่หลาย ร้ายแรง และแก้ไขยาก จึงไม่สมควรรอการลงโทษ 5. บรรทัดฐานคดีหมิ่นประมาทออนไลน์ – คำวินิจฉัยนี้สร้างแนวทางสำคัญต่อคดีหมิ่นประมาทในสื่อดิจิทัล ว่าผู้โพสต์ต้องรับผิดตามจำนวนครั้งที่โพสต์ ไม่ใช่รวมเป็นกรรมเดียว สรุปสั้น ๆ: หัวใจของคดีอยู่ที่การใช้ มาตรา 91 และ 328 ป.อ. ศาลฎีกาย้ำว่าโพสต์เฟซบุ๊กหลายครั้งแม้คล้ายกัน แต่เป็น “หลายกรรมต่างหาก” ต้องรับโทษรวมกัน และไม่รอการลงโทษเพราะความเสียหายร้ายแรง
คำถาม การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทหลายครั้งผ่านเฟซบุ๊กในต่างวันและต่างเวลา จะถือเป็นความผิดกรรมเดียวเพราะมีเจตนาเดียว หรือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 คำตอบ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ของจำเลยรวม 9 ครั้งในช่วงเวลาต่างวันและต่างเวลา แต่ละครั้งมีการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับบุคคลที่สามและยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันออกไป จึงถือว่าเป็นการกระทำที่แยกต่างหาก ไม่ใช่กรรมเดียวตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 เห็นว่าเป็นเจตนาเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ต้องลงโทษทุกกรรมรวมกัน โดยศาลกำหนดโทษรวมจำคุก 36 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2567 จำเลยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของจำเลยรวม 9 ครั้ง ต่างวันเวลากัน แต่ละครั้งของการโพสต์ข้อความมีการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบและแสดงข้อเท็จจริงกับบุคคลอื่นที่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นของแต่ละการโพสต์ข้อความเป็นส่วน ๆ แยกต่างหากจากกันของแต่ละโพสต์ข้อความของจำเลยในลักษณะที่ยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันออกไป จำเลยกระทำโดยเจตนาใส่ความมุ่งประสงค์ที่จะทำลายชื่อเสียงของโจทก์หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหายหลายครั้งและมีบุคคลอื่นได้มาอ่านข้อความที่จำเลยโพสต์หลาย ๆ คน โดยมีการโพสต์ข้อความโต้ตอบกับจำเลยในแต่ละโพสต์แยกต่างหากจากกัน แสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่ต้องการยืนยันข้อเท็จจริงแต่ละอย่างแต่ละครั้งแยกต่างหากจากกัน และประสงค์ต่อผลให้โจทก์เสียชื่อเสียงในแต่ละเรื่องแต่ละครั้งที่จำเลยโพสต์แตกต่างกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวและมีเจตนาเดียว โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 326, 328 ขอให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือแต่บางส่วนลงในหนังสือพิมพ์อย่างน้อย 1 ฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 9 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 9 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี ให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับ หรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว จำคุก 1 ปี และปรับ 60,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยฟัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการผู้จัดการบริษัทหลายแห่ง ระหว่างวันที่ 11 มีนาคม 2562 ถึงวันที่ 21 เมษายน 2562 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยโพสต์ข้อความผ่านทางแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กจากบัญชีผู้ใช้ของจำเลยชื่อว่า P. ซึ่งจำเลยได้ตั้งค่าการโพสต์ข้อความประเภทที่บุคคลใด ๆ ก็ตามที่ใช้แอปพลิเคชันเฟซบุ๊กหรือไม่ใช้แอปพลิเคชันเฟซบุ๊กสามารถเข้าถึงข้อความที่จำเลยโพสต์ได้ตามฟ้องรวม 9 ครั้ง
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในข้อแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทพร้อมแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับบุคคลที่สามของจำเลยในแต่ละครั้ง ตั้งแต่ครั้งที่ 1 วันที่ 11 มีนาคม 2562 ถึงครั้งที่ 9 วันที่ 21 เมษายน 2562 เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน จำเลยลงมือกระทำความผิดต่อโจทก์ต่างวันเวลา มีการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับบุคคลที่สามต่างวันเวลากัน ประกอบกับพฤติการณ์และข้อเท็จจริงในแต่ละโพสต์รวม 9 ครั้ง ยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันออกไป บุคคลที่สามเห็นโพสต์และที่จำเลยแสดงความคิดเห็นโต้ตอบมีหลากหลายบุคคล แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนามุ่งประสงค์ทำลายชื่อเสียงของโจทก์จำนวนหลาย ๆ ครั้ง เป็นการกระทำอันมีลักษณะหลายเจตนาโดยแต่ละเจตนาก็เป็นความผิดสำเร็จในตัวเองแล้วจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระมิใช่ความผิดกรรมเดียวเพราะเจตนาเดียว เห็นว่า จำเลยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของจำเลยรวม 9 ครั้ง ต่างวันเวลากัน แต่ละครั้งของการโพสต์ข้อความก็มีการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบและแสดงข้อเท็จจริงกับบุคคลอื่นที่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นของแต่ละการโพสต์ข้อความเป็นส่วน ๆ แยกต่างหากจากกันของแต่ละโพสต์ข้อความของจำเลยในลักษณะที่ยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันออกไป จำเลยกระทำโดยเจตนาใส่ความมุ่งประสงค์ที่จะทำลายชื่อเสียงของโจทก์หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหายหลายครั้งและมีบุคคลอื่นได้มาอ่านข้อความที่จำเลยโพสต์หลาย ๆ คน โดยมีการโพสต์ข้อความโต้ตอบกับจำเลยในแต่ละโพสต์แยกต่างหากจากกัน แสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่ต้องการยืนยันข้อเท็จจริงแต่ละอย่างแต่ละครั้งแยกต่างหากจากกัน และประสงค์ต่อผลให้โจทก์เสียชื่อเสียงในแต่ละเรื่องแต่ละครั้งที่จำเลยโพสต์แตกต่างกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน การที่จำเลยโพสต์ข้อความ รวม 9 ครั้ง จึงเป็นการกระทำ 9 กรรม มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวและมีเจตนาเดียว ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลยเหมาะสมแล้วหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงที่จำเลยนำมากล่าวใส่ความโจทก์ไม่เป็นความจริง อีกทั้งเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างจำเลยกับโจทก์ที่สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายได้ด้วยวิธีอื่น โจทก์ไม่เห็นด้วยที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 รอการลงโทษจำคุกจำเลย เห็นว่า การที่จำเลยโพสต์ข้อความใส่ความโจทก์ในเฟซบุ๊กของจำเลยที่เปิดเป็นสาธารณะที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ เป็นการกระจายข้อความไปสู่สาธารณะหรือประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม ทั้งข้อความที่จำเลยโพสต์ก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างตัวจำเลยกับโจทก์ซึ่งการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ในทันทีที่จำเลยโพสต์ข้อความไป ความเสียหายของโจทก์ยากที่จะแก้ไขได้คืน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษารอการลงโทษจำเลยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมโทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วางโทษจำคุก 1 ปี นั้น เห็นว่าหนักเกินไป จึงกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 9 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 4 เดือน รวมจำคุก 36 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และไม่ลงโทษปรับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8
📌 ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับนี้ 1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4718/2549 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่โพสต์ข้อความลงเว็บไซต์หลายครั้ง แม้มีเนื้อหาลักษณะคล้ายกัน แต่กระทำต่างวันเวลากัน ย่อมเป็นการกระทำหลายกรรม ต้องลงโทษทุกกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91 ไม่อาจถือเป็นกรรมเดียวได้ 2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2549 จำเลยใส่ความโจทก์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การเผยแพร่ในแต่ละครั้งเป็นการกระทำใหม่ ถือเป็นความผิดหลายกรรม ต้องลงโทษทุกกรรม ไม่สามารถนับรวมเป็นกรรมเดียว 3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2551 กรณีจำเลยส่งจดหมายหมิ่นประมาทไปยังบุคคลต่างกันหลายคน แม้มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน ศาลฎีกาเห็นว่าแต่ละครั้งก่อให้เกิดผลเสียหายใหม่ ถือว่าเป็นความผิดหลายกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91 4. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8084/2560 ศาลฎีกาพิจารณาการส่งข้อความหมิ่นประมาททางโทรศัพท์มือถือหลายครั้ง พบว่าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ เพราะผู้รับข้อความแตกต่างกัน จึงต้องลงโทษทุกกรรม ไม่อาจถือเป็นเจตนาเดียว 5. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7264/2559 จำเลยโพสต์ข้อความลงอินเทอร์เน็ตหลายครั้ง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้มีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์คนเดียวกัน แต่แต่ละครั้งเป็นการกระทำที่แยกจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรม และต้องลงโทษตามจำนวนครั้งที่โพสต์ ✅ บทสรุป
จากแนวคำพิพากษาข้างต้น ศาลฎีกามีแนวทางสม่ำเสมอว่า หากการกระทำหมิ่นประมาทเกิดขึ้นหลายครั้งต่างวันเวลา หรือเผยแพร่ต่อบุคคลต่างกลุ่มกัน จะถือเป็น “ความผิดหลายกรรม” ตาม ป.อ. มาตรา 91 ต้องลงโทษแยก ไม่สามารถนับรวมเป็นกรรมเดียว แม้มีเจตนาใส่ความบุคคลเดียวกันก็ตาม |