ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




คดีหมิ่นประมาทบนเฟซบุ๊ก (หลายกรรม) ป.อ. มาตรา 328, (ฎีกา 2624/2567)

คำพิพากษาศาลฎีกา 2624/2567, คดีหมิ่นประมาทเฟซบุ๊ก, การโพสต์ข้อความหลายกรรม, ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328, การนับโทษหลายกรรม, บทลงโทษคดีหมิ่นประมาท, การหมิ่นประมาทออนไลน์, วิเคราะห์คำพิพากษาศาลฎีกา, แนวคำพิพากษาหมิ่นประมาท, กฎหมายกับโซเชียลมีเดีย, แนวปฏิบัติศาลฎีกาคดีอาญา 

  ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

🔹 บทนำ 

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อจำเลยโพสต์ข้อความใส่ความโจทก์รวม 9 ครั้งต่างวันเวลา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน ไม่ใช่กรรมเดียวตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 เห็นว่าเป็นเจตนาเดียว การกระทำจึงมีโทษจำคุกแยกตามจำนวนโพสต์ รวม 36 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ คดีนี้ชี้ชัดถึงหลักเกณฑ์การตีความ “หลายกรรม” ในความผิดหมิ่นประมาทออนไลน์ซึ่งมีผลต่อแนวปฏิบัติทางคดีอาญายุคดิจิทัล

🔹 ข้อเท็จจริงในคดี

จำเลยโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ผ่านเฟซบุ๊ก 9 ครั้ง ระหว่างเดือนมีนาคม–เมษายน 2562

แต่ละโพสต์มีการโต้ตอบกับบุคคลที่สาม และมีการยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91, 326, 328 และให้ลงประกาศคำพิพากษาในสื่อสิ่งพิมพ์

คำพิพากษาศาลล่าง

ศาลชั้นต้น: เห็นว่าเป็นความผิดหลายกรรม ลงโทษรวม 9 ปี ลดโทษเหลือ 6 ปี

ศาลอุทธรณ์ภาค 8: เห็นว่าเป็นกรรมเดียว ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 60,000 บาท ลดโทษเหลือจำคุก 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท พร้อมรอการลงโทษ

🔹 ประเด็นข้อกฎหมาย

1. การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทหลายครั้งต่างวันเวลาถือเป็น ความผิดหลายกรรมหรืกรรมเดียว

2. ศาลควร รอการลงโทษจำคุกหรือไม่

3. ขอบเขตการใช้มาตรา 91, 326, 328 ประมวลกฎหมายอาญา

🔹 คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

การโพสต์ข้อความแต่ละครั้งเป็นการกระทำที่แยกออกจากกัน มีผู้เห็นข้อความต่างกลุ่ม มีเจตนาหมิ่นประมาทแยกหลายครั้ง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็น หลายกรรมต่างกัน (9 กรรม)

ลงโทษทุกกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91 จำคุกกรรมละ 6 เดือน รวม 54 เดือน

ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 36 เดือน

ไม่รอการลงโทษ เนื่องจากความเสียหายร้ายแรงและการเผยแพร่ในสาธารณะ

🔹 วิเคราะห์กฎหมาย

มาตรา 328 ป.อ. ครอบคลุมการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา รวมถึงการโพสต์ออนไลน์ที่บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้

มาตรา 91 ป.อ. ใช้นับโทษเมื่อมีความผิดหลายกรรม โดยลงโทษแยกเป็นแต่ละกระทง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นเจตนาเดียว แต่ศาลฎีกาย้ำหลักว่า “การโพสต์แต่ละครั้ง” คือการกระทำใหม่ ไม่ใช่กรรมเดียว

การวินิจฉัยนี้มีผลชี้นำต่อคดีหมิ่นประมาทออนไลน์ ว่า ทุกโพสต์อาจเป็นความผิดใหม่ หากมีเจตนาแยกกัน


🔹 IRAC Analysis

Issue:

การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทหลายครั้งบนเฟซบุ๊กเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม

Rule:

ป.อ. มาตรา 328: หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

ป.อ. มาตรา 91: หลายกรรมต้องลงโทษทุกกรรม

ป.อ. มาตรา 78: บรรเทาโทษเมื่อมีเหตุอันควร

ป.อ. มาตรา 56: รอการลงโทษได้ในบางกรณี

Application:

จำเลยโพสต์ 9 ครั้ง ต่างวันเวลา แต่ละครั้งมีการโต้ตอบและยืนยันข้อเท็จจริงใหม่ จึงถือว่าเป็นเจตนาต่างกรรม ต่างวาระ ศาลฎีกาเห็นว่าเข้าลักษณะหลายกรรม ไม่สามารถถือเป็นเจตนาเดียวตามศาลอุทธรณ์

Conclusion:

ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นหลายกรรม ลงโทษรวม 36 เดือน ไม่รอการลงโทษ เพื่อสะท้อนความร้ายแรงของการเผยแพร่ข้อความหมิ่นประมาทในสาธารณะ

🔹 ข้อคิดทางกฎหมาย

1. การโพสต์ออนไลน์ แต่ละครั้ง อาจถือเป็น “กรรมใหม่” ไม่ใช่เจตนาเดียว

2. คดีหมิ่นประมาทบนโซเชียลมีเดียมีความร้ายแรง ศาลอาจไม่รอการลงโทษ

3. คำพิพากษานี้เป็นแนวทางสำคัญสำหรับการพิจารณาคดีหมิ่นประมาทยุคดิจิทัล

📌 กฎหมายที่เป็นหัวใจของคดี

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และ มาตรา 328

มาตรา 328: ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา (รวมถึงโพสต์บนสื่อออนไลน์ที่บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้)

มาตรา 91: การลงโทษเมื่อกระทำความผิดหลายกรรม ต้องลงโทษแยกทุกกรรม ไม่ใช่รวมเป็นกรรมเดียว

🔑 Keywords สำคัญที่สุดของคดีนี้ (5 ประเด็น)

1. หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา (มาตรา 328)

– การโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กที่เปิดเป็นสาธารณะถือเป็นการโฆษณา ทำให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลและเกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงโจทก์

2. หลายกรรมต่างหาก (มาตรา 91)

– ศาลฎีกาชี้ว่าแต่ละโพสต์ที่ต่างวันเวลาและมีเนื้อหาแตกต่างกัน ถือเป็นความผิดแยกต่างหาก มิใช่เจตนาเดียว

3. การโพสต์ออนไลน์ = การกระทำใหม่ทุกครั้ง

– แม้มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน แต่หากโพสต์ในต่างวาระ ย่อมก่อให้เกิดผลเสียหายใหม่ทุกครั้ง ต้องนับเป็นกรรมใหม่

4. ไม่รอการลงโทษ

– ศาลฎีกาเห็นว่าความเสียหายจากการโพสต์ออนไลน์แพร่หลาย ร้ายแรง และแก้ไขยาก จึงไม่สมควรรอการลงโทษ

5. บรรทัดฐานคดีหมิ่นประมาทออนไลน์

– คำวินิจฉัยนี้สร้างแนวทางสำคัญต่อคดีหมิ่นประมาทในสื่อดิจิทัล ว่าผู้โพสต์ต้องรับผิดตามจำนวนครั้งที่โพสต์ ไม่ใช่รวมเป็นกรรมเดียว

สรุปสั้น ๆ: หัวใจของคดีอยู่ที่การใช้ มาตรา 91 และ 328 ป.อ. ศาลฎีกาย้ำว่าโพสต์เฟซบุ๊กหลายครั้งแม้คล้ายกัน แต่เป็น “หลายกรรมต่างหาก” ต้องรับโทษรวมกัน และไม่รอการลงโทษเพราะความเสียหายร้ายแรง


คำถาม

การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทหลายครั้งผ่านเฟซบุ๊กในต่างวันและต่างเวลา จะถือเป็นความผิดกรรมเดียวเพราะมีเจตนาเดียว หรือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คำตอบ:

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ของจำเลยรวม 9 ครั้งในช่วงเวลาต่างวันและต่างเวลา แต่ละครั้งมีการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับบุคคลที่สามและยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันออกไป จึงถือว่าเป็นการกระทำที่แยกต่างหาก ไม่ใช่กรรมเดียวตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 เห็นว่าเป็นเจตนาเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ต้องลงโทษทุกกรรมรวมกัน โดยศาลกำหนดโทษรวมจำคุก 36 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ


(ฎีกา 2624/2567) 1.การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทหลายครั้งต่างวันเวลาถือเป็น ความผิดหลายกรรมหรือกรรมเดียว 2.ศาลควร รอการลงโทษจำคุกหรือไม่ 3.ขอบเขตการใช้มาตรา 91, 326, 328 ประมวลกฎหมายอาญา

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2567

จำเลยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของจำเลยรวม 9 ครั้ง ต่างวันเวลากัน แต่ละครั้งของการโพสต์ข้อความมีการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบและแสดงข้อเท็จจริงกับบุคคลอื่นที่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นของแต่ละการโพสต์ข้อความเป็นส่วน ๆ แยกต่างหากจากกันของแต่ละโพสต์ข้อความของจำเลยในลักษณะที่ยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันออกไป จำเลยกระทำโดยเจตนาใส่ความมุ่งประสงค์ที่จะทำลายชื่อเสียงของโจทก์หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหายหลายครั้งและมีบุคคลอื่นได้มาอ่านข้อความที่จำเลยโพสต์หลาย ๆ คน โดยมีการโพสต์ข้อความโต้ตอบกับจำเลยในแต่ละโพสต์แยกต่างหากจากกัน แสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่ต้องการยืนยันข้อเท็จจริงแต่ละอย่างแต่ละครั้งแยกต่างหากจากกัน และประสงค์ต่อผลให้โจทก์เสียชื่อเสียงในแต่ละเรื่องแต่ละครั้งที่จำเลยโพสต์แตกต่างกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวและมีเจตนาเดียว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 326, 328 ขอให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือแต่บางส่วนลงในหนังสือพิมพ์อย่างน้อย 1 ฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 9 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 9 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี ให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับ หรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว จำคุก 1 ปี และปรับ 60,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยฟัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการผู้จัดการบริษัทหลายแห่ง ระหว่างวันที่ 11 มีนาคม 2562 ถึงวันที่ 21 เมษายน 2562 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยโพสต์ข้อความผ่านทางแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กจากบัญชีผู้ใช้ของจำเลยชื่อว่า P. ซึ่งจำเลยได้ตั้งค่าการโพสต์ข้อความประเภทที่บุคคลใด ๆ ก็ตามที่ใช้แอปพลิเคชันเฟซบุ๊กหรือไม่ใช้แอปพลิเคชันเฟซบุ๊กสามารถเข้าถึงข้อความที่จำเลยโพสต์ได้ตามฟ้องรวม 9 ครั้ง


มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในข้อแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า การโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทพร้อมแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับบุคคลที่สามของจำเลยในแต่ละครั้ง ตั้งแต่ครั้งที่ 1 วันที่ 11 มีนาคม 2562 ถึงครั้งที่ 9 วันที่ 21 เมษายน 2562 เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน จำเลยลงมือกระทำความผิดต่อโจทก์ต่างวันเวลา มีการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับบุคคลที่สามต่างวันเวลากัน ประกอบกับพฤติการณ์และข้อเท็จจริงในแต่ละโพสต์รวม 9 ครั้ง ยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันออกไป บุคคลที่สามเห็นโพสต์และที่จำเลยแสดงความคิดเห็นโต้ตอบมีหลากหลายบุคคล แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนามุ่งประสงค์ทำลายชื่อเสียงของโจทก์จำนวนหลาย ๆ ครั้ง เป็นการกระทำอันมีลักษณะหลายเจตนาโดยแต่ละเจตนาก็เป็นความผิดสำเร็จในตัวเองแล้วจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระมิใช่ความผิดกรรมเดียวเพราะเจตนาเดียว เห็นว่า จำเลยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของจำเลยรวม 9 ครั้ง ต่างวันเวลากัน แต่ละครั้งของการโพสต์ข้อความก็มีการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบและแสดงข้อเท็จจริงกับบุคคลอื่นที่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นของแต่ละการโพสต์ข้อความเป็นส่วน ๆ แยกต่างหากจากกันของแต่ละโพสต์ข้อความของจำเลยในลักษณะที่ยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันออกไป จำเลยกระทำโดยเจตนาใส่ความมุ่งประสงค์ที่จะทำลายชื่อเสียงของโจทก์หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหายหลายครั้งและมีบุคคลอื่นได้มาอ่านข้อความที่จำเลยโพสต์หลาย ๆ คน โดยมีการโพสต์ข้อความโต้ตอบกับจำเลยในแต่ละโพสต์แยกต่างหากจากกัน แสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่ต้องการยืนยันข้อเท็จจริงแต่ละอย่างแต่ละครั้งแยกต่างหากจากกัน และประสงค์ต่อผลให้โจทก์เสียชื่อเสียงในแต่ละเรื่องแต่ละครั้งที่จำเลยโพสต์แตกต่างกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน การที่จำเลยโพสต์ข้อความ รวม 9 ครั้ง จึงเป็นการกระทำ 9 กรรม มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวและมีเจตนาเดียว ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น


มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลยเหมาะสมแล้วหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงที่จำเลยนำมากล่าวใส่ความโจทก์ไม่เป็นความจริง อีกทั้งเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างจำเลยกับโจทก์ที่สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายได้ด้วยวิธีอื่น โจทก์ไม่เห็นด้วยที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 รอการลงโทษจำคุกจำเลย เห็นว่า การที่จำเลยโพสต์ข้อความใส่ความโจทก์ในเฟซบุ๊กของจำเลยที่เปิดเป็นสาธารณะที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ เป็นการกระจายข้อความไปสู่สาธารณะหรือประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม ทั้งข้อความที่จำเลยโพสต์ก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างตัวจำเลยกับโจทก์ซึ่งการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ในทันทีที่จำเลยโพสต์ข้อความไป ความเสียหายของโจทก์ยากที่จะแก้ไขได้คืน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษารอการลงโทษจำเลยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมโทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วางโทษจำคุก 1 ปี นั้น เห็นว่าหนักเกินไป จึงกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี

พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 9 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 4 เดือน รวมจำคุก 36 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และไม่ลงโทษปรับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8


📌 ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับนี้

1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4718/2549

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่โพสต์ข้อความลงเว็บไซต์หลายครั้ง แม้มีเนื้อหาลักษณะคล้ายกัน แต่กระทำต่างวันเวลากัน ย่อมเป็นการกระทำหลายกรรม ต้องลงโทษทุกกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91 ไม่อาจถือเป็นกรรมเดียวได้

2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2549

จำเลยใส่ความโจทก์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การเผยแพร่ในแต่ละครั้งเป็นการกระทำใหม่ ถือเป็นความผิดหลายกรรม ต้องลงโทษทุกกรรม ไม่สามารถนับรวมเป็นกรรมเดียว

3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2551

กรณีจำเลยส่งจดหมายหมิ่นประมาทไปยังบุคคลต่างกันหลายคน แม้มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน ศาลฎีกาเห็นว่าแต่ละครั้งก่อให้เกิดผลเสียหายใหม่ ถือว่าเป็นความผิดหลายกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91

4. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8084/2560

ศาลฎีกาพิจารณาการส่งข้อความหมิ่นประมาททางโทรศัพท์มือถือหลายครั้ง พบว่าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ เพราะผู้รับข้อความแตกต่างกัน จึงต้องลงโทษทุกกรรม ไม่อาจถือเป็นเจตนาเดียว

5. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7264/2559

จำเลยโพสต์ข้อความลงอินเทอร์เน็ตหลายครั้ง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้มีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์คนเดียวกัน แต่แต่ละครั้งเป็นการกระทำที่แยกจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรม และต้องลงโทษตามจำนวนครั้งที่โพสต์

✅ บทสรุป

 

จากแนวคำพิพากษาข้างต้น ศาลฎีกามีแนวทางสม่ำเสมอว่า หากการกระทำหมิ่นประมาทเกิดขึ้นหลายครั้งต่างวันเวลา หรือเผยแพร่ต่อบุคคลต่างกลุ่มกัน จะถือเป็น “ความผิดหลายกรรม” ตาม ป.อ. มาตรา 91 ต้องลงโทษแยก ไม่สามารถนับรวมเป็นกรรมเดียว แม้มีเจตนาใส่ความบุคคลเดียวกันก็ตาม




หมวด 3 ความผิดฐานหมิ่นประมาท (มาตรา 326 ถึง มาตรา 333)

หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, ความคิดเห็นโดยสุจริต, คดีหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่รัฐ
เจตนาหมิ่นประมาท, การโฆษณาใส่ร้าย, คดีหมิ่นประมาทบนโซเชียลมีเดีย
หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, คดีหมิ่นประมาทในเฟซบุ๊กและยูทูบ, สิทธิการฟื้นฟูชื่อเสียงตามกฎหมาย