ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, ความคิดเห็นโดยสุจริต, คดีหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่รัฐ

 ท นาย อาสา ฟรี

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

•  หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

•  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2567

•  ความคิดเห็นโดยสุจริต

•  มาตรา 326 ความผิดฐานหมิ่นประมาท

•  มาตรา 328 โฆษณา

•  มาตรา 329 ข้อยกเว้นหมิ่นประมาท

•  การแสดงความคิดเห็นในสื่อออนไลน์

•  คดีหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่รัฐ

สรุปย่อ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2567

จำเลยโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กวิจารณ์การแต่งตั้งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่เคยถูกสอบข้อเท็จจริงเรื่องการใช้รถราชการในกิจกรรมส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนสรุปว่ามีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง จำเลยแสดงความเห็นว่า ป.ป.ช. มักลงโทษหนักในกรณีคล้ายกัน โดยเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรติดตามเรื่องนี้

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 กลับคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี ฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความที่จำเลยโพสต์เป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างสุจริตในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสาธารณะและการทำหน้าที่ของข้าราชการระดับสูง โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีเจตนามุ่งร้ายหรือทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ศาลจึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องในประมวลกฎหมายอาญา:

1.มาตรา 326: กำหนดความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งหมายถึงการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ถูกใส่ความเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง การกระทำนี้ต้องมีการแสดงข้อมูลที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับบุคคลนั้น และมีผลกระทบต่อชื่อเสียงหรือเกียรติยศของเขา

2.มาตรา 328: กล่าวถึงกรณีการหมิ่นประมาทที่ทำโดยการโฆษณา ซึ่งรวมถึงการกระทำที่เกิดขึ้นผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ภาพถ่าย การแพร่ภาพ หรือวิธีการอื่น ๆ ที่ทำให้ข้อความนั้นเข้าถึงบุคคลจำนวนมาก เช่น ในสื่อสังคมออนไลน์หรือการเผยแพร่ข่าว ซึ่งถือว่ามีความร้ายแรงมากกว่าการหมิ่นประมาทธรรมดา เนื่องจากสามารถเข้าถึงประชาชนได้กว้างขวาง

3.มาตรา 329: กำหนดข้อยกเว้นสำหรับการกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้แก่:

o(1) การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่เป็นการติชมโดยสุจริตในกิจการสาธารณะ

o(2) การให้ความจริงในศาลหรือในที่ประชุมของบุคคลผู้มีอำนาจตามกฎหมาย

o(3) การแสดงความเห็นติชมอย่างสุจริตและเป็นธรรมเกี่ยวกับบุคคลสาธารณะในเรื่องการทำหน้าที่ของเขา

ในกรณีคำพิพากษาที่ 406/2567 ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความที่จำเลยโพสต์บนเฟซบุ๊กเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและอยู่ในขอบเขตของการวิพากษ์วิจารณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 329 (3) ซึ่งไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2567

การที่จำเลยพิมพ์ข้อความ "#ท่าน ม.หัวหน้าพรรค ท. #ขอติดตามความคืบหน้ากรณีแต่งตั้งปลัดกระทรวงที่อยู่ระหว่างการถูกสอบ #ขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ออกเมื่อ 27 มีนาคม 2561 #ใครรับผิดชอบเรื่องนี้ผ่านมา 2 ปีแล้วจะปล่อยให้ความไม่ถูกต้องอยู่แบบนี้หรือ #ขอขอบคุณภาพและข่าวจากสำนักข่าวไทยอสมท ท่าน สส. ม. เรื่องนี้ท่านต้องติดตามนะครับว่าสรุปแล้วเป็นอย่างไรเท่าที่ทราบมีการตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว กรรมการสรุปแล้วว่ามีความผิดจริงแต่เป็นความผิดเล็กน้อย ขอโทษนะครับถ้าเป็นมาตรฐานความผิดที่ ปปช. ลงดาบมาตลอดสำหรับการใช้รถหลวง ใช้เวลาหลวงไปใช้ในกิจการส่วนตัว ปปช. ไม่ไล่ออกก็ให้ออกครับไม่ใช่ความผิดเล็กน้อยแบบนี้ คงต้องอาศัยท่าน สส. ม. สส. ขวัญใจประชาชนติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้ด้วยครับ"... ในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก เห็นว่าตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นตำแหน่งราชการสูงสุดของข้าราชการประจำกระทรวงอุตสาหกรรม จึงนับว่าเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในสายตาของสาธารณะการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความรู้ความสามารถ ตลอดจนจริยธรรมและคุณธรรม และการติดตามผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวโดยสุจริตย่อมเป็นเรื่องปกติที่ประชาชนทั่วไปสามารถกระทำได้ การที่จำเลยติดตามผลการสอบสวนข้อเท็จจริงภายในกระทรวงอุตสาหกรรม หรือมีหนังสือร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดินหรือคณะกรรมการ ปปช. เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการของปลัดกระทรวง พิมพ์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวในเว็บไซต์เฟซบุ๊กย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการแจ้งให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายใช้ดุลพินิจตรวจสอบบุคคลสาธารณะ เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยนำเสนอข้อมูลในเว็บไซต์เฟซบุ๊กโดยไม่สุจริตอย่างไร ต้องการสร้างความเสียหายหรือประสงค์ให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง เพราะเหตุใดตามหน้าที่ภาระการพิสูจน์ของโจทก์ตามกฎหมายในคดีอาญา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ตาม ป.อ. มาตรา 329 (3) ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

*โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328

*ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับฟ้อง

*จำเลยให้การปฏิเสธ

*ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

*โจทก์อุทธรณ์

*ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ลงโทษจำคุก 1 ปี

*จำเลยฎีกา

*ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 จำเลยใช้ชื่อบัญชีในเว็บไซต์เฟซบุ๊กว่า "ศ." พิมพ์ข้อความลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊กว่า "#ท่าน ม. หัวหน้าพรรค ท. #ขอติดตามความคืบหน้ากรณีแต่งตั้งปลัดกระทรวงที่อยู่ระหว่างการถูกสอบ #ขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ออกเมื่อ 27 มีนาคม 2561 #ใครต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ผ่านมา 2 ปีแล้วจะปล่อยให้ความไม่ถูกต้องอยู่แบบนี้หรือ #ขอขอบคุณภาพและข่าวจากสำนักข่าวไทยอสมท ท่าน สส. ม. เรื่องนี้ท่านต้องติดตามนะครับว่าสรุปแล้วเป็นอย่างไรเท่าที่ทราบว่ามีการตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้วและกรรมการสรุปแล้วว่ามีความผิดจริงแต่เป็นความผิดเล็กน้อย ขอโทษนะครับถ้าเป็นมาตรฐานความผิดที่ ปปช. ลงดาบมาตลอดสำหรับการใช้รถหลวง ใช้เวลาหลวงไปใช้ในกิจการส่วนตัว ปปช. ไม่ไล่ออกก็ให้ออกครับไม่ใช่ความผิดเล็กน้อยแบบนี้ คงต้องอาศัยท่าน สส. ม. สส.ขวัญใจประชาชนติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้ด้วยนะครับ "# "ม." แจ้งความดำเนินคดีรมต.-ปลัดอุตฯ-สำนักข่าวไทย อสมท""

*ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือไม่ เห็นว่า ลำพังข้อความดังกล่าวเป็นการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการแต่งตั้งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งก่อนหน้านั้นถูกตั้งกรรมการสอบสวนสรุปว่าทำผิดระเบียบราชการแต่เป็นความผิดเล็กน้อย และเปรียบเทียบผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. สำหรับข้อความที่จำเลยพิมพ์ลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก นั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าเป็นความเท็จ ในขณะที่จำเลยนำสืบได้ความว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 และวันที่ 7 สิงหาคม 2562 หนังสือพิมพ์ลงข่าวเรื่องที่ ม. ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์และแถลงข่าวว่ามีข้าราชการระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งแต่อธิบดี รองอธิบดี ผอ.สำนัก และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้รถยนต์ราชการไปตีกอล์ฟที่จังหวัดนครนายกในเวลาราชการเมื่อวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2562 เวลา 9 ถึง 22 นาฬิกา และต่อมาปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมมีหนังสือแจ้ง ม. ว่า การกระทำของอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมซึ่งไปร่วมกิจกรรมเล่นกอล์ฟเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2562 ตามหนังสือร้องเรียนของ ม. มิได้ลาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2555 มีมูลเป็นความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง เมื่อตามประวัติการทำงานของโจทก์ระบุว่า โจทก์เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และโจทก์มิได้โต้แย้งว่าโจทก์ไม่ใช่อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมตามหนังสือฉบับดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่าก่อนที่โจทก์ได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมโจทก์ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและถูกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องการนำรถยนต์ราชการไปใช้ในกิจกรรมส่วนตัว แต่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงวินิจฉัยว่าเป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ข้อความที่จำเลยพิมพ์ลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊กตามฟ้องจึงเป็นการนำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยสร้างขึ้นเอง โดยจำเลยเปรียบเทียบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของต้นสังกัดกับแนวการวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อการกระทำในทำนองเดียวกัน และจำเลยแสดงความคิดเห็นแตกต่างจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อความที่จำเลยพิมพ์ลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊กจึงมิใช่ความเท็จและเป็นการตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสมในการแต่งตั้งโจทก์เป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมกับขอให้ ม. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรติดตามผลในเรื่องดังกล่าว

*ปัญหาต่อไปว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต หรือมีเจตนาชั่วร้ายประสงค์จะให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังหรือไม่ นั้น เห็นว่า ตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นตำแหน่งสูงสุดของข้าราชการประจำในกระทรวงอุตสาหกรรมมีหน้าที่ควบคุมกำกับและบริหารงานให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบของทางราชการ ตลอดจนนโยบายของรัฐบาล จึงนับว่าเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในสายตาของสาธารณะ การวิพากษ์วิจารณ์ถึงความรู้ความสามารถ ตลอดจนจริยธรรมและคุณธรรม และการติดตามผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวโดยสุจริตย่อมเป็นเรื่องปกติที่ประชาชนทั่วไปสามารถกระทำได้ เพราะการทำงานของบุคคลในตำแหน่งดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อนโยบายสาธารณะและผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ดังนั้นการที่จำเลยติดตามผลการสอบสวนข้อเท็จจริงภายในกระทรวงอุตสาหกรรม หรือมีหนังสือร้องเรียนถึงผู้ตรวจการแผ่นดินหรือคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการของปลัดกระทรวง รวมทั้งการพิมพ์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการแจ้งให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายใช้ดุลพินิจตรวจสอบบุคคลสาธารณะ เมื่อโจทก์นำสืบโดยมีเพียงนายเนติผู้รับมอบอำนาจของโจทก์และทนายความโจทก์มาเป็นพยานเพียงปากเดียว ส่วนโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทราบข้อเท็จจริงโดยตรงมิได้มาเป็นพยานเบิกความอธิบายว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวมีข้อสรุปอย่างไร จำเลยมุ่งร้ายต่อโจทก์เป็นการส่วนตัวหรือไม่ แม้จำเลยเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า นอกจากข้อความตามฟ้องแล้วจำเลยยังพิมพ์ข้อความในเว็บไซต์เฟซบุ๊กด้วย ก็ได้ความตามเอกสารดังกล่าวว่าเป็นข้อความวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตการทำงานของโจทก์ในฐานะปลัดกระทรวง กับมีข้อความบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมคนอื่นด้วย โจทก์จึงมิได้นำสืบให้เห็นข้อเท็จจริงว่าจำเลยนำเสนอข้อมูลในเว็บไซต์เฟซบุ๊กโดยมีเจตนาไม่สุจริตอย่างไร ต้องการสร้างความเสียหายหรือประสงค์ให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังเพราะเหตุใดตามหน้าที่ภาระการพิสูจน์ของโจทก์ตามกฎหมายในคดีอาญา ศาลไม่พึงนำข้อเท็จจริงจากการนำสืบต่อสู้ของจำเลยมารับฟังประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ให้เป็นผลร้ายแก่จำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยมา ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

*พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง


**บทความ: การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและไม่สุจริตในกรณีหมิ่นประมาท – หลักเกณฑ์การพิจารณาของศาลและตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

การแสดงความคิดเห็นหรือการแสดงข้อความโดยสุจริตนั้นเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาอย่างละเอียดในคดีหมิ่นประมาท เพื่อพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หรือมีเจตนาชั่วร้ายที่มุ่งทำให้บุคคลอื่นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ซึ่งเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328

หลักเกณฑ์การพิจารณาของศาล

ศาลพิจารณาว่าการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความเป็นการกระทำโดยสุจริตหรือไม่ โดยพิจารณาจาก:

1.เจตนาของผู้แสดงความคิดเห็น: หากเป็นการติชมที่มุ่งประโยชน์ต่อสาธารณะหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคคลที่มีหน้าที่ในที่สาธารณะ ศาลอาจมองว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต

2.ความจริงของข้อมูล: ข้อมูลที่แสดงควรเป็นความจริงหรืออย่างน้อยมีมูลเหตุที่สมเหตุสมผล หากข้อมูลเป็นเท็จหรือผู้แสดงความเห็นทราบว่าข้อมูลนั้นไม่ถูกต้อง ก็อาจถือว่าไม่สุจริต

3.ความเป็นธรรมและความเหมาะสม: ศาลจะพิจารณาว่าการแสดงความคิดเห็นนั้นกระทำในลักษณะที่เป็นธรรมและไม่เกินกว่าเหตุ

ความแตกต่างระหว่างการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและไม่สุจริต

•แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต: มีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มุ่งทำร้ายชื่อเสียงของบุคคล แต่เป็นการติชมอย่างมีเหตุผลและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคคลสาธารณะที่ควรถูกตรวจสอบ เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ

•แสดงความคิดเห็นโดยไม่สุจริต: มุ่งสร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น โดยมีเจตนาให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง โดยไม่คำนึงถึงความจริงและผลกระทบที่เกิดขึ้น

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

•มาตรา 326: กล่าวถึงความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ทำให้เสียชื่อเสียง

•มาตรา 328: ขยายความครอบคลุมกรณีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เช่น ผ่านสื่อสาธารณะ

•มาตรา 329: ยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทหากการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความนั้นเป็นไปโดยสุจริต เช่น (1) การแสดงความคิดเห็นในกิจการสาธารณะ (2) การให้ความจริงในศาล (3) การติชมเกี่ยวกับบุคคลสาธารณะในหน้าที่ของเขา

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2567: ศาลเห็นว่าจำเลยพิมพ์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเพื่อตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการแต่งตั้งปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคคลในที่สาธารณะอย่างสุจริต ไม่มุ่งร้ายให้โจทก์เสียชื่อเสียง จึงพิพากษายกฟ้อง

2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3438/2557: จำเลยแสดงความคิดเห็นในเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐโดยอ้างถึงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือและมีเจตนาเพื่อให้เกิดการตรวจสอบการทำงานของรัฐ ศาลพิจารณาว่าเป็นการติชมโดยสุจริต และยกฟ้องเช่นกัน

สรุป

การพิจารณาคดีหมิ่นประมาทโดยศาลจะต้องดูจากเจตนา ข้อเท็จจริง และความเหมาะสมในการแสดงความคิดเห็น การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 329 ซึ่งเน้นความเป็นธรรมและประโยชน์ต่อสาธารณะ การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจึงต้องอยู่ในขอบเขตที่ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเพื่อไม่ให้กลายเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น




หมวด 3 ความผิดฐานหมิ่นประมาท (มาตรา 326 ถึง มาตรา 333)

เจตนาหมิ่นประมาท, การโฆษณาใส่ร้าย, คดีหมิ่นประมาทบนโซเชียลมีเดีย
หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, คดีหมิ่นประมาทในเฟซบุ๊กและยูทูบ, สิทธิการฟื้นฟูชื่อเสียงตามกฎหมาย