ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




(ฎีกา 1282/2568) คดีครอบครองปรปักษ์ & สิทธิฟ้องที่ดิน article

คำพิพากษาศาลฎีกา, 1282/2568, ครอบครองปรปักษ์, สิทธิฟ้อง, ป.พ.พ. มาตรา 1336, ป.วิ.พ. มาตรา 145, ที่ดินพิพาท, คดีแพ่ง

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ


บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสิทธิฟ้องของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินในกรณีที่มีการอ้างการได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ จำเลยอ้างสิทธิจากคำสั่งศาลชั้นต้นที่ออกตามคดีไม่มีข้อพิพาท แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ผูกพันเจ้าของที่แท้จริงซึ่งไม่เคยเข้ามาเป็นคู่ความในคดี จึงยังคงมีสิทธิติดตามเอาคืนทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336


ข้อเท็จจริง

โจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 2648 เนื้อที่กว่า 13 ไร่

จำเลย (ซึ่งเป็นญาติ) ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอรับกรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ ศาลมีคำสั่งตามที่ขอ

ต่อมา โจทก์ฟ้องเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างว่ายังมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินอยู่

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 กลับคำพิพากษา เห็นว่าโจทก์ยังคงมีสิทธิในที่ดิน

จำเลยฎีกา


ประเด็นข้อกฎหมาย

1. คำสั่งศาลในคดีครอบครองปรปักษ์ที่จำเลยยื่นฝ่ายเดียว มีผลผูกพันเจ้าของที่แท้จริงหรือไม่

2. โจทก์ยังมีสิทธิฟ้องเพื่อติดตามเอาคืนที่ดินหรือไม่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336

3. การพิจารณาคดีไม่มีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188 ต่างจากคดีที่มีข้อพิพาทและมีผลผูกพันคู่ความอย่างไร


คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

คดีครอบครองปรปักษ์ที่จำเลยยื่นฝ่ายเดียว เป็น คดีไม่มีข้อพิพาท ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188

คำสั่งดังกล่าว ไม่ผูกพันโจทก์ ซึ่งไม่ใช่คู่ความในคดี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145

การส่งหมายแจ้งนัด แม้ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ทำให้โจทก์กลายเป็นคู่ความ

โจทก์ยังคงมีสิทธิตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 ฟ้องเอาคืนทรัพย์ของตนได้

ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้เพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่จำเลย และแก้ไขเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 161 และ 167


วิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย

1. ความแตกต่างระหว่างคดีมีข้อพิพาทและไม่มีข้อพิพาท

คดีมีข้อพิพาท (มาตรา 55, 145) คู่ความต้องเข้ามาสู้คดีกัน ผลคำพิพากษาผูกพันคู่ความ

คดีไม่มีข้อพิพาท (มาตรา 188) เป็นการร้องฝ่ายเดียว เช่น ขอครอบครองปรปักษ์ ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก

2. สิทธิติดตามทรัพย์ (มาตรา 1336 ป.พ.พ.)

เจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิติดตามเอาคืนทรัพย์จากผู้ครอบครองได้

แม้มีคำสั่งศาลให้จำเลยได้สิทธิครอบครองปรปักษ์ แต่ไม่ทำให้โจทก์หมดสิทธิกรรมสิทธิ์

3. ผลกระทบต่อคู่ความและแนวปฏิบัติ

คำสั่งศาลในคดีครอบครองปรปักษ์ ไม่อาจถือเป็นการสละสิทธิกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่แท้จริง

เจ้าของยังสามารถฟ้องเพิกถอนได้

ศาลต้องพิจารณาเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมอย่างถูกต้องหากผลคำพิพากษาเปลี่ยนฝ่ายแพ้ชนะ


IRAC Analysis

Issue (ประเด็น)

เจ้าของกรรมสิทธิ์ (โจทก์) ยังมีสิทธิฟ้องเพื่อติดตามเอาคืนที่ดินจากจำเลยหรือไม่ เมื่อจำเลยได้รับคำสั่งศาลให้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์

Rule (กฎหมายที่ใช้บังคับ)

ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง – ผลของคำพิพากษาผูกพันเฉพาะคู่ความ

ป.วิ.พ. มาตรา 188 – คดีไม่มีข้อพิพาท

ป.พ.พ. มาตรา 1336 – สิทธิของเจ้าของติดตามเอาทรัพย์คืน

ป.พ.พ. มาตรา 1382 – ครอบครองปรปักษ์

Application (การปรับใช้)

คำสั่งศาลชั้นต้นเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ไม่ผูกพันโจทก์ที่ไม่ใช่คู่ความ

โจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน จึงมีสิทธิติดตามเอาคืนจากจำเลยได้

การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ถือว่าโจทก์สละกรรมสิทธิ์

ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถูกต้องแล้ว

Conclusion (ข้อสรุป)

โจทก์ยังคงมีสิทธิฟ้องเพื่อติดตามเอาคืนที่ดิน คำสั่งศาลชั้นต้นไม่ผูกพันโจทก์ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์


ข้อคิดทางกฎหมาย

คำสั่งในคดีไม่มีข้อพิพาทไม่ผูกพันบุคคลภายนอก

เจ้าของกรรมสิทธิ์ยังมีสิทธิติดตามทรัพย์ แม้จะมีคำสั่งศาลที่ออกตามการร้องฝ่ายเดียว

ศาลควรตรวจสอบค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้องเสมอเมื่อมีการเปลี่ยนผลคดี


English Summary 

The Supreme Court Decision No. 1282/2025 concerns adverse possession of land and the owner’s right to reclaim property. The Court held that an order issued in a non-contentious case (adverse possession claim filed solely by the defendant) does not bind the true owner who was not a party to the case. Under Section 1336 of the Civil and Commercial Code, the owner retains the right to reclaim the land. The Court affirmed the Appeal Court’s judgment to revoke the land transfer to the defendant and corrected the allocation of court fees.


ฎีกา 1282/2568 เน้นสิทธิฟ้องเจ้าของที่ดิน แม้มีการอ้างครอบครองปรปักษ์ ศาลยกหลัก ป.พ.พ.1336 และ ป.วิ.พ.145,188 คำสั่งคดีไม่มีข้อพิพาทไม่ผูกพันเจ้าของ

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2568

คดีที่จำเลยกล่าวอ้างการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทที่มีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และศาลชั้นต้นมีคำสั่งบังคับให้ตามที่ขอ มิใช่เป็นคดีที่เมื่อมีข้อโต้แย้งสิทธิเกิดขึ้นระหว่างโจทก์และจำเลย จึงไม่มีกรณีที่จะให้ถือว่าโจทก์ได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การแล้วมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล อันจะให้ถือว่าโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การและทำให้เกิดกระบวนพิจารณาโดยขาดนัด ซึ่งจะมีผลให้คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลผูกพันโจทก์ในกระบวนพิจารณาที่พิพากษาหรือมีคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง แต่คดีดังกล่าวเป็นเรื่องของจำเลยฝ่ายเดียวที่ประสงค์จะใช้สิทธิทางศาลและเริ่มคดีด้วยการยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นเป็นคดีที่ไม่มีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188 แม้ก่อนการไต่สวนคำร้องขอ ศาลชั้นต้นได้ประกาศวันนัดกับส่งหมายแจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบโดยส่งไปยังภูมิลำเนาของโจทก์ตามที่โจทก์มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน อันเป็นการส่งหมายโดยชอบเพื่อให้โจทก์มีโอกาสคัดค้านแล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่ว่าด้วยเหตุผลใด จะให้ถือว่าโจทก์เป็นคู่ความและการดำเนินคดีเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคดีอันมีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188 (4) ย่อมไม่ได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ทั้งการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์หาได้เป็นเหตุผลที่แสดงว่าโจทก์ได้สละกรรมสิทธิ์ในที่ดินตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งแล้วไม่ เมื่อโจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทอยู่ก่อนจำเลยยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์ โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนโดยกล่าวอ้างว่าจำเลยเพียงครอบครองที่ดินไว้แทนโจทก์และฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง


โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งศาลที่ให้ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 792/2558 ของศาลชั้นต้น และให้โจทก์ได้กลับคืนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2648 ต่อไป กับให้จำเลยดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์มีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 792/2558 ไม่ผูกพันโจทก์ ให้เพิกถอนการจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทของจำเลย เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2558 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ที่โจทก์เสียเกินมา 200 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นในชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา


ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่มิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้ฟังได้ว่า โจทก์และจำเลยเป็นบุตรของนายทองคำ และนางขำ เดิมโจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2648 เนื้อที่ 13 ไร่ 75 ตารางวา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2536 โจทก์สมรสกับนางกานตา จากนั้นโจทก์ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่บ้านเลขที่ 90 ของนางกานตาและไปอาศัยอยู่กับนางกานตา ต่อมาเดือนมีนาคม 2548 โจทก์ทิ้งร้างนางกานตาและไปเสียจากภูมิลำเนาโดยไม่ให้ญาติพี่น้องทราบที่อยู่ใหม่ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 จำเลยยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2648 และวันที่ 10 สิงหาคม 2558 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2648 เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ ตามสำเนาคำสั่งคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 792/2558 ของศาลชั้นต้น วันที่ 2 ตุลาคม 2558 พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 2648 ที่ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ให้แก่จำเลย


มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยเพียงข้อเดียวว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีที่จำเลยกล่าวอ้างการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2648 ที่มีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และศาลมีคำสั่งบังคับให้ตามที่ขอ ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 792/2558 ของศาลชั้นต้น มิใช่เป็นคดีที่เมื่อมีข้อโต้แย้งสิทธิเกิดขึ้นระหว่างโจทก์และจำเลย แล้วจำเลยได้เสนอคดีของตนต่อศาลด้วยการฟ้องโจทก์ให้เข้ามาเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แต่อย่างใด จึงไม่มีกรณีที่จะให้ถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การแล้วมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามกฎหมายหรือตามคำสั่งศาล อันจะให้ถือว่าโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การ และทำให้เกิดกระบวนพิจารณาโดยขาดนัด ซึ่งจะมีผลให้คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลผูกพันโจทก์ในกระบวนพิจารณาที่พิพากษาหรือมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ได้ แต่คดีดังกล่าวเป็นเรื่องของจำเลยฝ่ายเดียวที่ประสงค์จะใช้สิทธิทางศาลและเริ่มคดีด้วยการยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นเป็นคดีที่ไม่มีข้อพิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 แม้ก่อนการไต่สวนคำร้องขอ ศาลชั้นต้นได้ประกาศวันนัดกับส่งหมายแจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบโดยส่งไปยังภูมิลำเนาของโจทก์ ณ บ้านเลขที่ 90 ตามที่โจทก์มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและนางกานตารับหมายนัดไว้แทนโจทก์ อันเป็นการส่งหมายโดยชอบเพื่อให้โจทก์มีโอกาสคัดค้านแล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่ว่าด้วยเหตุผลใด จะให้ถือว่าโจทก์เป็นคู่ความและการดำเนินคดีเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคดีอันมีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 (4) ย่อมไม่ได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 792/2558 จึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ทั้งการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 2648 เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ หาได้เป็นเหตุผลที่แสดงว่าโจทก์ได้สละกรรมสิทธิ์ในที่ดินตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งแล้วไม่ เมื่อโจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2648 อยู่ก่อนจำเลยยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์ โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนโดยกล่าวอ้างว่าจำเลยเพียงครอบครองที่ดินไว้แทนโจทก์และฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะคดีและโจทก์แพ้คดี กับให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนจำเลย เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นให้โจทก์ชนะคดีและจำเลยแพ้คดี โจทก์จึงมิใช่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีที่จะพึงเป็นผู้รับผิดในชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอีก การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่มีคำสั่งแก้ในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงในศาลชั้นต้นด้วย จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 และมาตรา 167 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ



คดีมีข้อพิพาทผูกพันคู่ความ แต่คดีไม่มีข้อพิพาทไม่ผูกพันบุคคลภายนอก เจ้าของยังมีสิทธิติดตามทรัพย์ตาม ม.1336 และเพิกถอนคำสั่งครอบครองปรปักษ์ได้
 
 
 
ศาลชี้คดีครอบครองปรปักษ์ฝ่ายเดียวไม่ผูกพันเจ้าของจริง เจ้าของยังมีสิทธิฟ้องติดตามที่ดินคืนตาม ป.พ.พ. ม.1336 และ ป.วิ.พ. ม.145,188
หลักกฎหมายที่ศาลใช้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 1282/2568
คำพิพากษาฎีกาที่ 1282/2568 เป็นคดีที่มีประเด็นสำคัญเรื่อง สิทธิฟ้องของเจ้าของที่ดิน ในกรณีที่มีการอ้างการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลฎีกาจำเป็นต้องตีความบทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.พ.) และ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) หลายมาตรา เพื่อพิจารณาว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่จำเลยได้รับสิทธิโดยการครอบครองปรปักษ์นั้นมีผลผูกพันโจทก์หรือไม่

1. ความแตกต่างระหว่างคดีมีข้อพิพาทและคดีไม่มีข้อพิพาท
ศาลฎีกาชี้ว่า การที่จำเลยยื่นคำร้องฝ่ายเดียวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งว่าตนได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์นั้น เป็น คดีไม่มีข้อพิพาท ตามมาตรา 188 ป.วิ.พ. เนื่องจากไม่มีการฟ้องร้องหรือสู้คดีระหว่างคู่ความ แต่เป็นเพียงการร้องขอของฝ่ายเดียว ในทางตรงกันข้าม หากเป็น คดีมีข้อพิพาท เช่น มีการฟ้องร้องกันระหว่างโจทก์และจำเลยแล้วศาลพิพากษา คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความตามมาตรา 145 ป.วิ.พ.
ดังนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีครอบครองปรปักษ์ที่จำเลยยื่นฝ่ายเดียว ไม่อาจถือว่าผูกพันบุคคลภายนอกซึ่งไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดี ได้แก่ โจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง

2. ผลของคำสั่งศาลในคดีไม่มีข้อพิพาท (มาตรา 145 และ 188 ป.วิ.พ.)
มาตรา 145 ป.วิ.พ. กำหนดให้คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น ส่วนมาตรา 188 ป.วิ.พ. กำหนดลักษณะของคดีไม่มีข้อพิพาทว่า เป็นเรื่องที่ศาลมีคำสั่งได้โดยการร้องฝ่ายเดียว เช่น การขอครอบครองปรปักษ์
เมื่อนำสองมาตรานี้มาประกอบกัน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีที่จำเลยยื่นคำร้องฝ่ายเดียว ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความ แม้ศาลจะได้ส่งหมายแจ้งวันนัดไปยังภูมิลำเนาของโจทก์ และมีบุคคลอื่นรับแทน แต่การรับหมายเช่นนี้ไม่ก่อให้เกิดผลในทางกฎหมายที่จะทำให้โจทก์กลายเป็นคู่ความโดยปริยาย

3. สิทธิติดตามทรัพย์ของเจ้าของ (มาตรา 1336 ป.พ.พ.)
มาตรา 1336 แห่ง ป.พ.พ. บัญญัติว่า “เจ้าของทรัพย์สินย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินนั้นคืนจากบุคคลซึ่งครอบครองหรือยึดถือไว้โดยไม่มีสิทธิได้” ศาลฎีกาจึงเห็นว่า โจทก์ยังมีสิทธิตามกฎหมายที่จะฟ้องเพื่อติดตามเอาทรัพย์สินของตนกลับคืน แม้ว่าจะเคยมีคำสั่งศาลชั้นต้นให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ก็ตาม
ศาลยังย้ำด้วยว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคดีครอบครองปรปักษ์ ไม่ได้หมายความว่าโจทก์ได้สละกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หรือสิ้นสิทธิในการติดตามเอาคืน ดังนั้น โจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จึงยังคงมีสิทธิฟ้องเพิกถอนคำสั่งและเอาคืนที่ดินได้

4. หลักเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียม (มาตรา 161 และ 167 ป.วิ.พ.)
เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับจากศาลชั้นต้น ให้โจทก์ชนะคดี จำเลยแพ้คดี ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ควรมีคำสั่งแก้เรื่องค่าฤชาธรรมเนียมของศาลชั้นต้นด้วย เพราะผลของคดีเปลี่ยนฝ่ายแพ้ชนะแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้แก้ไขในส่วนนี้ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาจึงแก้ไขให้ถูกต้องตามมาตรา 161 และ 167 ป.วิ.พ.

สรุปหลักกฎหมายที่ศาลใช้
1. มาตรา 188 ป.วิ.พ. → คดีครอบครองปรปักษ์ที่จำเลยยื่นฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
2. มาตรา 145 ป.วิ.พ. → คำสั่งศาลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดี ไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่ไม่ได้เป็นคู่ความ
3. มาตรา 1336 ป.พ.พ. → เจ้าของยังคงมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์คืน แม้มีคำสั่งศาลชั้นต้นให้จำเลยได้สิทธิครอบครองปรปักษ์
4. มาตรา 161 และ 167 ป.วิ.พ. → การกำหนดค่าฤชาธรรมเนียมต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับผลของคดี

ข้อคิดทางกฎหมาย
คำพิพากษาฎีกานี้ตอกย้ำว่า คำสั่งในคดีไม่มีข้อพิพาทไม่อาจตัดสิทธิของบุคคลภายนอกได้ และเจ้าของกรรมสิทธิ์ยังมีสิทธิตามกฎหมายในการติดตามเอาคืนทรัพย์ แม้จะเคยมีคำสั่งศาลที่เป็นคุณแก่ผู้ครอบครองมาก่อน ถือเป็นหลักการสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของเจ้าของทรัพย์ตามกฎหมายแพ่ง

ศาลชี้คดีครอบครองปรปักษ์ฝ่ายเดียวไม่ผูกพันเจ้าของจริง เจ้าของยังมีสิทธิฟ้องติดตามที่ดินคืนตาม ป.พ.พ. ม.1336 และ ป.วิ.พ. ม.145,188
 



ครอบครองปรปักษ์/ภาระจำยอม/ทางจำเป็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8003/2567 : สิทธิเปิดทางจำเป็นกรณีไม่มีทางออกสู่สาธารณะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 และ 1350
ทางพิพาทในที่ดินตกเป็นทางสาธารณะโดยปริยาย: วิเคราะห์คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3126/2536
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2568: ภาระจำยอมตามประกาศคณะปฏิวัติ 286 ไม่สิ้นสุด แม้ไม่ได้ใช้งานนานกว่า 10 ปี
ทำให้สิทธิภาระจำยอมเสื่อมความสะดวก, บังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง, การเพิกถอนภาระจำยอม,
สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนทางจำเป็น, อายุความฟ้องร้องค่าทดแทน 10 ปี, หลักเกณฑ์การเปิดทางจำเป็น,
การคัดค้านการรังวัดแนวเขตที่ดิน, ครอบครองปรปักษ์, ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์
ทางจำเป็นคืออะไร | เงินค่าทดแทนใช้ทาง
แม้ภาระจำยอมโดยนิติกรรมไม่บริบูรณ์แต่มีสิทธิได้โดยอายุความ
ภาระจำยอมไม่มีการใช้ประโยชน์เกินกว่า 10 ปีย่อมระงับสิ้นไป
โจทก์ฟ้องขอให้ชดใช้ค่าทดแทนที่ดินเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่ถูกฟ้องเปิดทางจำเป็น
การนับเวลาการครอบครองเป็นปรปักษ์ที่งอกริมตลิ่ง
ข้อตกลงก่อตั้งภาระจำยอมทางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินอื่น
มารดาได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยคำสั่งให้บุตรเป็นคนสาบสูญ
ความรู้เกี่ยวกับเรื่องภาระจำยอม
ยกเลิกภาระจำยอมได้ไหม?
ที่ดินตาบอดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ขอเปิดทางจำเป็น
การครอบครองปรปักษ์ขาดตอนเมื่อเปลี่ยนเจ้าของ-การนับระยะเวลาครอบครองปรปักษ์
การครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์-การครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ
ที่ดินแบ่งแยกเป็นเหตุให้ไม่มีทางออกมีสิทธิเรียกให้เปิดทางจำเป็น
สัญญาประนีประนอมยอมความเกิดจากคู่ความฉ้อฉล
ปรปักษ์ใช้ยันผู้ได้สิทธิมาโดยจ่ายค่าซื้อที่ดินและจดทะเบียนโอนแล้วไม่ได้
รับโอนที่ดินมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต
ตกลงยินยอมให้ใช้ทางเป็นการทำนิติกรรมก่อตั้งสิทธิภาระจำยอมระหว่างกัน
การครอบครองปรปักษ์กับการนับเวลาการครอบครองต่อเนื่องต่อจากเจ้าของเดิม
ผู้ขายสละการครอบครอง ผู้ซื้ออ้างครอบครองปรปักษ์ได้
ขอเปิดทางจำเป็นจากที่ดินแบ่งแยก
เจ้าของที่ดินจำต้องยอมให้ที่ดินมีแนวเขตติดต่อวางท่อน้ำ ท่อระบายน้ำ สายไฟฟ้าได้
ฟ้องขอเปิดทางจำเป็นแต่ระหว่างพิจารณาคดีได้สิทธิภาระจำยอมแปลงอื่น
กรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ไม่ใช่สิทธิเฉพาะตัวของผู้ครอบครอง
ครอบครองอาศัยสิทธิไม่บอกเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ
ภาระจำยอมคืออะไร การใช้ทางโดยไม่มีใครห้ามและไม่ต้องรับอนุญาต
ได้กรรมสิทธิ์ปรปักษ์แล้วไม่ได้จดทะเบียนการได้มา
ต่อสู้คดีอ้างครอบครองปรปักษ์แต่ขาดเจตนาเป็นเจ้าของ10 ปี
การใช้ที่ดินข้างเคียงเป็นทางผ่านโดยถือวิสาสะไม่ได้ภาระจำยอม
อำนาจฟ้องคดี ครอบครองปรปักษ์ที่ดินของตนเองไม่ได้
ครอบครองที่ดินมรดกตกทอดหาใช่การครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของผู้อื่นไม่
นับเวลาซึ่งผู้โอนครอบครองอยู่ก่อนนั้นรวมเข้ากับเวลาครอบครองของตนก็ได้
ทางจำเป็นเกิดขึ้นได้กี่วิธี -ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
คลองสาธารณะไม่ได้ใช้สัญจรไม่ทำให้สิ้นสภาพการเป็นทางสาธารณะได้
การโอนกรรมสิทธิ์ในระยะที่ดินถูกครอบครองปรปักษ์กระทบสิทธิครอบครอง
อุทิศที่ดินให้กับทางราชการเพื่อสร้างถนนสาธารณะแล้วจะขอเรียกคืน
ทายาททำหนังสือยินยอมให้ใช้ทางไม่ได้สิทธิภาระจำยอม
ได้กรรมสิทธิ์ตาม มาตรา 1382 เพราะเจ้าของสละแล้ว
ความแตกต่างของทางจำเป็นกับภาระจำยอม
ทางออกมีที่ดินสูงชันขวางอยู่ขอให้เปิดทางจำเป็นได้
ค่าทดแทนการใช้ทางเดือนละเท่าไหร่เหมาะสม
ฟ้องขอให้เปิดทางจำแต่เจ้าของที่ดินแปลงอื่นตกลงจดภาระจำยอมให้
เจ้าของที่ดิน น.ส. 3 ก ออกเอกสารสิทธิทับที่ดินมีโฉนดอ้างครอบครองปรปักษ์
ใช้ทางโดยสำคัญผิดว่าทางนั้นอยู่ในที่ดินของตนกว่า10 ปีได้ภาระจำยอม
การใช้สิทธิวางท่อน้ำ,สายไฟฟ้าในที่ดินของผู้อื่น
ครอบครองโดยสำคัญผิดได้กรรมสิทธิ์โดยปรปักษ์หรือไม่?
ค่าทดแทนทางจำเป็นและท่อระบายน้ำสายไฟฟ้า
จดภาระจำยอมให้แค่เดินผ่านแต่ปลูกสร้างหลังคาและวางของขาย
เจ้าของที่ดินมีสิทธิสร้างแผงร้านค้าบนทางภาระจำยอมหรือไม่?
ภาระจำยอมที่เกิดจากการจัดสรรที่ดินขาย
ใช้ทางอย่างเป็นปรปักษ์กับใช้ทางเป็นการวิสาสะ
ยึดถือที่ดินเพื่อตนกับมีชื่อในทะเบียนสิทธิใดดีกว่า?
ตกเป็นภาระจำยอมแล้วจึงรับโอนมาทั้งสิทธิและหน้าที่
ภาระจำยอมหมดประโยชน์หรือไม่?
คนต่างด้าวครอบครองปรปักษ์ห้องชุด
เพิกถอนโฉนดที่ดินออกทับที่ดินของผู้มีสิทธิครอบครอง
ภาระจำยอมเป็นสิทธิในประเภทรอนสิทธิ
ครอบครองปรปักษ์ที่ดินที่ซื้อมาไม่จดทะเบียน
ตกอยู่ในภาระจำยอมตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286
ความรู้เกี่ยวกับเรื่องภาระจำยอม 3-(ต่อ)
ความรู้เกี่ยวกับเรื่องภาระจำยอม 2-(ต่อ)
เหตุตามกฎหมายทำให้ภาระจำยอมสิ้นไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เป็นทางจำเป็น ศาลอุทธรณ์ให้จดภาระจำยอม
มีทางออกสู่ทางสาธารณะอื่นทางจำเป็นที่สิ้นความจำเป็นแล้ว
การยึดถืออย่างสิทธิครอบครอง กับครอบครองเจตนาเป็นเจ้าของ
ความรู้เกี่ยวกับเรื่องภาระจำยอม 4-(ต่อ)