

ได้กรรมสิทธิ์ปรปักษ์แล้วไม่ได้จดทะเบียนการได้มา การครอบครองปรปักษ์ ได้กรรมสิทธิแล้วไม่ได้จดทะเบียนการได้มา การครอบครองปรปักษ์ หากยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้ได้มานั้นจะยกเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกไม่ได้ ถ้าบุคคลภายนอกได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและจดโอนทางทะเบียนโดยสุจริตแล้ว แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินส่วนพิพาทโดยทางปรปักษ์มาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แต่จำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาย่อมยกขึ้นต่อสู้ ส. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง เมื่อ ส. โอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ จำเลยจึงไม่อาจยกการครอบครองปรปักษ์ที่สิ้นผลไปแล้วมาใช้ยันโจทก์ได้ คำพิพากษาฎีกาที่ 3031/2545 โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยซื้อจาก ส. ขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การเพียงว่า จำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว มิได้ให้การต่อสู้ว่า ส. มิใช่บุคคลภายนอกและซื้อที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริต ส. ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 6 ว่ากระทำการโดยสุจริต การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังว่า ส. ซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริตตามข้อสันนิษฐานดังกล่าว เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท โดยโจทก์ซื้อมาจาก ส. จำเลยอาศัย ส. อยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวเนื้อที่ประมาณ 1 งาน โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยและบริวารพักอาศัยในที่ดินของโจทก์ต่อไป จึงได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปจากที่ดินของโจทก์แต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท และห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไป ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 2,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท แก่โจทก์นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ จำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมาประมาณ 25 ปีแล้ว ด้วยความสงบเปิดเผยและเจตนายึดถือเพื่อตน จำเลยจึงได้สิทธิครอบครองโดยอายุความ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์ จำเลยถึงแก่กรรม โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกนางแกะ โกทัณฑ์ ทายาทของจำเลยเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 อนุญาตให้นางแกะเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์และห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ดังกล่าวอีกต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 400 บาท นับแต่วันที่ 2 กันยายน 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่ ปัญหาดังกล่าวจำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้กล่าวไว้ในคำฟ้องว่า ส. และโจทก์ซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยสุจริต คดีจึงไม่มีประเด็นดังกล่าว ทั้งโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า ส. ซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยสุจริต การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินส่วนพิพาทโดยทางปรปักษ์มาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แต่จำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาย่อมยกขึ้นต่อสู้ ส. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง เมื่อ ส. โอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ จำเลยจึงไม่อาจยกการครอบครองปรปักษ์ที่สิ้นผลไปแล้วมาใช้ยันโจทก์ได้ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและรับฟังข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงพิพาทโดยจดทะเบียนซื้อมาจาก ส. เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2535 จำเลยอยู่ในที่ดินส่วนพิพาทโดยอาศัย ส. โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอาศัยอยู่อีกต่อไป ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนพิพาทด้วยความสงบ เปิดเผยและเจตนายึดถือเพื่อตน มาเป็นเวลาประมาณ 25 ปีแล้ว จึงได้สิทธิโดยอายุความ โจทก์เพิ่งจดทะเบียนซื้อจาก ส. ในภายหลังจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่ หากฟังได้ว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว ย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ส. และโจทก์ได้ที่ดินแปลงพิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตหรือไม่ และจำเลยจะยกการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินส่วนพิพาทขึ้นต่อสู้ ส. และโจทก์ได้หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า ส. ได้ที่ดินแปลงพิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น และจำเลยให้การเพียงว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทมาเป็นเวลาประมาณ 25 ปีแล้ว มิได้ให้การต่อสู้ว่า ส. มิใช่บุคคลภายนอกและซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยไม่สุจริต ส. ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 ว่ากระทำการโดยสุจริต เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏให้เห็นเป็นอย่างอื่น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังว่า ส. ซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยสุจริตตามข้อสันนิษฐานดังกล่าว จึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ. คำพิพากษาศาลฎีกาที่6468/2554 การแสดงเจตนาเป็นเจ้าของที่จะทำให้ผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 นั้น ต้องเป็นการแสดงเจตนาเป็นเจ้าของตลอดระยะ 10 ปี ที่ได้ครอบครองติดต่อกัน เมื่อครบ 10 ปีแล้วผู้ครอบครองย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ครอบครองไปโดยผลของกฎหมาย เมื่อผู้รับมอบอำนาจโจทก์ไปพบว่ามีบ้านจำเลยปลูกอยู่บนที่ดินซึ่งเป็นระยะเวลาหลังจากโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาแล้วถึง 22 ปี จึงมีการเจรจาที่จะให้จำเลยรับซื้อที่ดินพิพาท ดังนั้น แม้จะฟังว่าการที่จำเลยตกลงจะซื้อที่ดินพิพาทเป็นการยอมรับในกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ แต่ก็เป็นการยอมรับหลังจากที่จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทที่จำเลยได้รับโดยผลของกฎหมายแต่อย่างใด เมื่อจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย ศาลสั่งให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์-ฟ้องขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้น-ฟ้องขับไล่ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยซื้อที่ดินพิพาทจากเจ้าของที่ดิน และครอบครองโดยความสงบ โดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะขอให้คำสั่งศาลชั้นต้นไม่ผูกพันโจทก์ (การยึดถืออย่างสิทธิครอบครองกับครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ) -การครอบครองที่ดินโดยปรปักษ์จะต้องมีการยึดถือครอบครองด้วยเจตนาจะเป็นเจ้าของ จำเลยเสนอให้โจทก์รื้อถอนบ้านของจำเลยโดยไม่เรียกร้องค่าขนย้ายจึงเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับสิทธิของโจทก์ จำเลยเสนอให้โจทก์รื้อถอนบ้านโดยไม่เรียกร้องค่าขนย้ายเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับสิทธิของโจทก์จึงไม่เป็นการครอบครองปรปักษ์ โจทก์ชอบที่จะฟ้องขับไล่จำเลยกับบริวาร
|