

การนับเวลาการครอบครองเป็นปรปักษ์ที่งอกริมตลิ่ง ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 นี้ โจทก์จะนับเอาเวลาการครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ก่อนยังไม่เป็นที่งอกมารวมด้วยมิได้ เพราะก่อนเป็นที่งอก ที่พิพาทเป็นที่น้ำท่วมถึง เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินการที่โจทก์ได้ครอบครองมา ไม่ทำให้โจทก์เกิดมีสิทธิขึ้นแต่อย่างใด ที่พิพาทเริ่มเป็นของจำเลยโดยเป็นที่งอกหน้าที่ดินมีโฉนดของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1308 เมื่อ 3 ปีมานี้ การที่โจทก์ครอบครองเป็นปรปักษ์ต่อที่ดินของจำเลยเพียง 3 ปี โจทก์ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์
เดิมที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งที่น้ำท่วมถึงจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) ที่พิพาทเพิ่งกลายเป็นที่งอกหลังจากมีการสร้างถนนเมื่อ 4 ถึง 5 ปี มานี้ ดังนั้นก่อนหน้าที่พิพาทเป็นที่งอกแม้โจทก์จะครอบครองมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ หลังจากที่พิพาทกลายเป็นที่งอกที่เชื่อมติดกับที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่งอกพิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อโจทก์ครอบครองยังไม่ถึง 10 ปี โจทก์จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382 โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและมีสิทธิครอบครองที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ อยู่ที่หมู่ที่ 5 ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ประมาณ 72 ตารางวา โดยครอบครองและทำประโยชน์มาประมาณ 30 ปีต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นที่งอกออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 530 ของจำเลยที่ 1 ต่อจำเลยที่ 2 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี จำเลยที่ 2 เห็นว่าไม่ใช่ที่ดินสาธารณะสามารถออกโฉนดที่ดินได้ จึงให้ช่างรังวัดไปรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดินให้จำเลยที่ 1 โจทก์ยื่นคำคัดค้านจำเลยที่ 2 เรียกโจทก์และจำเลยที่ 1 ไปทำการสอบสวนเปรียบเทียบ และมีคำสั่งออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 และระบุว่าหากโจทก์ไม่พอใจคำสั่งดังกล่าวให้ฟ้องต่อศาลภายใน 60 วัน ขอให้พิพากษาว่า โจทก์เป็นเจ้าของและมีสิทธิครอบครองที่พิพาท ห้ามจำเลยที่ 1 เข้ามายุ่งเกี่ยวและขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 2 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2525 ที่มีคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 และให้จำเลยที่ 2 ดำเนินการออกโฉนดที่พิพาทให้แก่โจทก์
|