สำนักงานพีศิริ ทนายความ ตั้งอยู่เลขที่ 34/159 หมู่ 8 ซอยบางมดแลนด์ แยก 13 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 ติดต่อทนายความ 085-9604258 สำหรับแผนที่การเดินทาง กรุณาคลิ๊กที่ "ที่ตั้งสำนักงาน" ด้านบนสุด ทนายความ ทนาย สำนักงานกฎหมาย สำนักงานทนายความ ปรึกษากฎหมายกับทนายความลีนนท์ โทรเลย ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาทนายความ

ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258 -ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (1) @leenont หรือ (2) @peesirilaw ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด จำเลยไม่ส่งมอบเงินคืนให้กองมรดก การที่โจทก์ทั้งห้าไปร้องทุกข์ในวันที่ 20 เมษายน 2560 ว่าจำเลยไม่ส่งมอบเงินคืนให้กองมรดก และโจทก์นำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีของโจทก์ทั้งห้าจึงไม่ขาดอายุความ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6532/2562 ความผิดฐานยักยอกเป็นความผิดอันยอมความได้ กรณีจะขาดอายุความได้หากผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ตาม ป.อ. มาตรา 96 ถึงแม้ว่าโจทก์ทั้งห้าจะทราบเรื่องเวนคืนของที่ดินแปลงอื่นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1379/2553 และจากคำให้การที่จำเลยให้การต่อสู้คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 201/2551 ว่าที่ดินพิพาท ค่าเวนคืนและค่าเช่าของจำเลยตามที่จำเลยฎีกาอันจะส่อว่ารู้ตัวผู้กระทำความผิดก็ตาม แต่โจทก์ทั้งห้ายังไม่รู้เรื่องความผิด จนกระทั่งได้รับหนังสือตอบปฏิเสธจากจำเลยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 ว่าจำเลยไม่ส่งมอบเงินคืนให้กองมรดก การที่โจทก์ทั้งห้าไปร้องทุกข์ในวันที่ 20 เมษายน 2560 ว่าจำเลยไม่ส่งมอบเงินคืนให้กองมรดก และนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีของโจทก์ทั้งห้าจึงไม่ขาดอายุความ โจทก์ทั้งห้าฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า โจทก์ทั้งห้าและจำเลยเป็นบุตรของนายฮ้วนซิน กับนางฉุ่น วันที่ 16 ธันวาคม 2543 นางฉุ่นถึงแก่กรรม วันที่ 8 มิถุนายน 2544 ศาลมีคำสั่งตั้งโจทก์ที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนางฉุ่น โจทก์ที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 201/2551 ให้โอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส. 3 ก. เลขที่ 705 และ 2891 และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส. 3 ข. เลขที่ 208, 537, 538, 539 และ 540 และโฉนดที่ดินเลขที่ 62999 รวม 8 แปลง แก่โจทก์ที่ 1 เพื่อแบ่งปันแก่ทายาท วันที่ 7 ตุลาคม 2558 ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ดินทั้ง 8 แปลง เป็นทรัพย์มรดกของนางฉุ่นให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1 วันที่ 4 เมษายน 2559 จำเลยได้รับเงินค่าเวนคืนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชยน์ น.ส. 3 ข. เลขที่ 208, 539 และ 540 เป็นเงิน 10,130,610 บาท วันที่ 1 กันยายน 2559 จำเลยได้รับค่าเช่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส. 3 ก. เลขที่ 2891 จำนวน 55,000 บาท มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คดีโจทก์ทั้งห้าขาดอายุความหรือไม่ แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องอายุความขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยจึงยกปัญหานี้ขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 ซึ่งโจทก์ที่ 1 เบิกความว่าโจทก์ที่ 1 มีหนังสือให้จำเลยส่งมอบเงินค่าเวนคืนที่ดินและค่าเช่าที่ดินแก่กองมรดกตามหนังสือลงวันที่ 7 เมษายน 2560 จำเลยได้รับหนังสือแล้วตอบปฏิเสธไม่มอบเงินให้อ้างว่าเป็นที่ดินของจำเลยตามหนังสือลงวันที่ 12 เมษายน 2560 หลังจากโจทก์ที่ 1 ได้รับหนังสือของจำเลยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 จึงไปร้องทุกข์ว่าจำเลยยักยอกค่าเช่าและนำคดีนี้มาฟ้อง เห็นว่า ความผิดฐานยักยอกเป็นความผิดอันยอมความได้ กรณีจะขาดอายุความได้หากผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 ถึงแม้โจทก์ทั้งห้าจะทราบเรื่องการเวนคืนที่ดินตั้งแต่ถูกจำเลยฟ้องเรียกค่าเวนคืนของที่ดินแปลงอื่นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1379/2553 และจากคำให้การที่จำเลยให้การต่อสู้ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 201/2551 ว่าที่ดินพิพาท ค่าเวนคืนที่ดินและค่าเช่าของจำเลยตามที่จำเลยฎีกา อันจะถือได้ว่ารู้ตัวผู้กระทำความผิดก็ตาม แต่โจทก์ทั้งห้าก็ยังไม่รู้เรื่องความผิด จนกระทั่งได้รับหนังสือตอบปฏิเสธจากจำเลยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 ว่าจำเลยไม่ส่งมอบเงินคืนให้กองมรดก การที่โจทก์ทั้งห้าไปร้องทุกข์เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2560 และนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดในวันที่ 7 กรกฎาคม 2560 จึงอยู่ภายใต้กำหนดเวลาสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีของโจทก์ทั้งห้าไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน |