

การจัดการหนี้สินในกองมรดก, สิทธิของเจ้าหนี้กองมรดก, ที่ดินมรดกและการบังคับคดี ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ *ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1734 กำหนดว่า "เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น" เมื่อจำเลยถึงแก่ความตายและโจทก์เป็นเจ้าหนี้ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลย โดยที่ดินพิพาทซึ่งยังอยู่ในชื่อจำเลยในขณะมีคำพิพากษาตามยอมและต่อมาโอนชื่อเป็นของ พ. หลังการฟ้องคดี ยังคงถือเป็นทรัพย์สินในกองมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1736 • การจัดการหนี้สินในกองมรดก • สิทธิของเจ้าหนี้กองมรดก • ที่ดินมรดกและการบังคับคดี • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1734 และ 1736 • บังคับคดีทรัพย์สินมรดก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2567 (ย่อความ) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1734 กำหนดให้เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิได้รับการชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกของลูกหนี้เท่านั้น กรณีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อเรียกชำระหนี้ ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยถึงแก่ความตาย ขณะเดียวกัน ที่ดินพิพาทซึ่งยังเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลย ได้ถูกโอนให้กับ พ. ผู้เป็นทายาทของจำเลย ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทเพื่อขายทอดตลาด นำเงินมาชำระหนี้ที่จำเลยค้างชำระกับโจทก์ โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าที่ดินพิพาทซึ่งถูกโอนชื่อเป็นของ พ. ไม่ถือเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่อยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานที่จะยึดที่ดินนั้นได้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องของโจทก์ ทำให้โจทก์ฎีกาต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1736 ตราบใดที่เจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้ ที่ดินพิพาทยังคงอยู่ในระหว่างการจัดการเป็นมรดก และการที่ พ. รับโอนที่ดินมานั้น ไม่ได้ทำให้ทรัพย์พ้นจากสภาพเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลย ศาลจึงวินิจฉัยว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจยึดที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่ 10922 เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป ผลคำพิพากษา: ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาท ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ หลักกฎหมายมาตรา 1734 และมาตรา 1736 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินในกองมรดกของผู้ตาย โดยเฉพาะในกรณีที่กองมรดกมีหนี้สินหรือภาระที่ยังไม่ได้รับการชำระ โดยรายละเอียดของแต่ละมาตราเป็นดังนี้: 1. มาตรา 1734: มาตรานี้บัญญัติว่า "เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิได้รับการชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น" ซึ่งหมายความว่า เมื่อเจ้าหนี้ของผู้ตายประสงค์ที่จะเรียกร้องชำระหนี้ หนี้สินนั้นจะต้องได้รับการชำระจากทรัพย์สินของผู้ตายที่เป็นมรดกเท่านั้น โดยเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิบังคับหรือเรียกร้องจากทรัพย์สินส่วนตัวของทายาทผู้รับมรดก เว้นแต่ในกรณีที่ทายาทได้ทำการรับมรดกโดยมีเงื่อนไขที่ต้องรับผิดชำระหนี้สินในกองมรดก 2. มาตรา 1736: มาตรานี้ระบุว่า "ตราบใดที่เจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้ ให้ถือว่าทรัพย์สินในกองมรดกยังอยู่ในระหว่างการจัดการ" หรืออีกนัยหนึ่ง หากหนี้สินยังค้างอยู่ การจัดการทรัพย์มรดกจะถือว่ายังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้น ทายาทหรือผู้ที่รับโอนทรัพย์มรดกไม่สามารถอ้างสิทธิในทรัพย์นั้นได้อย่างเต็มที่ จนกว่าเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ครบถ้วน ในกรณีคำพิพากษานี้ การที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ของผู้ตาย และผู้ตายมีที่ดินซึ่งโอนให้ทายาทหลังคำพิพากษาตามยอม เจ้าหนี้จึงมีสิทธิที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์มรดกนั้นมาตัดขายชำระหนี้โดยไม่ต้องฟ้องใหม่ โดยมาตรา 1734 และ 1736 ต่างก็ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ให้ได้รับชำระหนี้จากทรัพย์มรดกของลูกหนี้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2567 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1734 บัญญัติว่า "เจ้าหนี้กองมรดกชอบแต่จะได้รับการชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น" การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์และต่อมาจำเลยถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลยตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะที่โจทก์ฟ้องและต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอม ที่ดินพิพาทยังมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เมื่อจำเลยถึงแก่ความตายที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลย ดังนี้ แม้ที่ดินพิพาทจะโอนใส่ชื่อ พ. ทายาทจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แล้วก็ตาม แต่ พ. เพิ่งรับโอนที่ดินพิพาทมาหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมและคดีอยู่ในระหว่างการบังคับคดี ตราบใดที่โจทก์เจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้ ให้ถือว่าที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกยังคงอยู่ในระหว่างจัดการตาม ป.พ.พ. มาตรา 1736 การที่ พ. รับโอนที่ดินพิพาทมาไม่มีผลทำให้ที่ดินพิพาทพ้นจากสภาพการเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลยที่จะต้องรับผิดชำระหนี้สินของจำเลยให้แก่เจ้าหนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้กองมรดกย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากที่ดินพิพาทโดยไม่จำต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจยึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของจำเลยมาบังคับคดีได้ คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ให้จำเลยชำระเงิน 195,066 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 167,200 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนไม่น้อยกว่าเดือนละ 2,000 บาท จำเลยจะชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ต่อมาวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 จำเลยถึงแก่ความตาย วันที่ 21 ธันวาคม 2564 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ตามคำพิพากษา วันที่ 19 มกราคม 2565 นางสาวพรไพรินทร์ จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่ 10922 จากจำเลยเป็นของนางสาวพรไพรินทร์ ต่อมาวันที่ 25 มกราคม 2565 ผู้แทนโจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาท ซึ่งมีชื่อนางสาวพรไพรินทร์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าที่ดินพิพาทมิใช่ทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว จึงไม่อยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการกับที่ดินพิพาท โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่ 10922 ในฐานะกองมรดกของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เพื่อนำที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์จนครบถ้วน เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบังคับคดีว่า เมื่อที่ดินพิพาทที่ผู้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแถลงนำยึดมีชื่อนางสาวพรไพรินทร์ บุคคลอื่นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1373 (ที่ถูก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373) บัญญัติว่า ถ้าทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จดไว้ในทะเบียนที่ดิน ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลผู้มีชื่อในทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง และการที่ผู้แทนโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอยึดอสังหาริมทรัพย์พร้อมนำส่งสำเนาโฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานรับรองไม่เกิน 1 เดือน อันถือเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นหรือรับรอง หรือสำเนาอันรับรองถูกต้องแห่งเอกสารนั้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 จึงแสดงให้เห็นว่าที่ดินพิพาทที่ผู้แทนโจทก์ประสงค์นำยึดมีชื่อบุคคลอื่นที่ไม่ใช่จำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นผู้มีชื่อในทะเบียน เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเชื่อได้ว่าที่ดินพิพาทมิใช่ทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ดังนั้น จึงไม่อยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการกับที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ โจทก์ฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ฎีกาโต้แย้งกันรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงิน 195,066 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 167,200 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 จำเลยถึงแก่ความตาย วันที่ 21 ธันวาคม 2564 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ตามคำพิพากษา วันที่ 19 มกราคม 2565 นางสาวพรไพรินทร์ บุตรจำเลยจดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่ 10922 จากจำเลย วันที่ 25 มกราคม 2565 ผู้แทนโจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทซึ่งเดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าที่ดินพิพาทมิใช่ทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว จึงไม่อยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการกับที่ดินพิพาท คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจยึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1734 บัญญัติว่า "เจ้าหนี้กองมรดกชอบแต่จะได้รับการชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น" การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์และต่อมาจำเลยถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลยตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะที่โจทก์ฟ้องและต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอม ที่ดินพิพาทยังมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เมื่อจำเลยถึงแก่ความตายที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลย ดังนี้ แม้ที่ดินพิพาทจะโอนใส่ชื่อนางสาวพรไพรินทร์ทายาทจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แล้วก็ตาม แต่นางสาวพรไพรินทร์เพิ่งรับโอนที่ดินพิพาทมาหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมและคดีอยู่ในระหว่างการบังคับคดี ตราบใดที่โจทก์เจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้ ให้ถือว่าที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกยังคงอยู่ในระหว่างจัดการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1736 การที่นางสาวพรไพรินทร์รับโอนที่ดินพิพาทมาไม่มีผลทำให้ที่ดินพิพาทพ้นจากสภาพการเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลยที่จะต้องรับผิดชำระหนี้สินของจำเลยให้แก่เจ้าหนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้กองมรดกย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากที่ดินพิพาท โดยไม่จำต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจยึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของจำเลยมาบังคับคดีได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น พิพากษากลับ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่ 10922 เพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ ***เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิบังคับหรือเรียกร้องจากทรัพย์สินส่วนตัวของทายาทผู้รับมรดก เว้นแต่ในกรณีที่ทายาทได้ทำการรับมรดกโดยมีเงื่อนไขที่ต้องรับผิดชำระหนี้สินในกองมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1734 บัญญัติว่า "เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงหลักการสำคัญที่ว่า ทายาทผู้รับมรดกไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชำระหนี้สินของผู้ตายด้วยทรัพย์สินส่วนตัวของตนเอง ยกเว้นในกรณีที่ทายาทได้ทำการรับมรดกโดยมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดที่ต้องรับผิดชำระหนี้สินในกองมรดกนั้น หลักการสำคัญ 1.เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องจากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น เจ้าหนี้ของผู้ตายไม่สามารถบังคับเอาทรัพย์สินส่วนตัวของทายาทได้ ยกเว้นเมื่อทายาทแสดงเจตนาที่จะรับมรดกโดยมีข้อผูกพันรับผิดชำระหนี้สินในกองมรดก 2.การจัดการกองมรดกต้องดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อมีหนี้สินในกองมรดก การจัดการทรัพย์สินในกองมรดกจะต้องดำเนินการเพื่อชำระหนี้สินก่อนจะแบ่งทรัพย์สินให้แก่ทายาท 3.ข้อยกเว้นในกรณีที่ทายาทยอมรับภาระหนี้ หากทายาทรับมรดกโดยมีเงื่อนไขต้องรับผิดชำระหนี้ ทายาทย่อมต้องรับผิดตามจำนวนหนี้สินในกองมรดก แต่ยังคงไม่เกินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับมรดกนั้น ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา 1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2558: ศาลวินิจฉัยว่าเจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น ไม่สามารถบังคับเอาจากทรัพย์สินส่วนตัวของทายาทได้ และทายาทไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ได้รับ ฎีกาย่อ: เมื่อเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 194 และ 214 แต่เมื่อลูกหนี้เสียชีวิต เจ้าหนี้สามารถบังคับชำระหนี้ได้เฉพาะจากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น ตามมาตรา 1734 และ 1738 วรรคหนึ่ง ทายาทไม่ต้องรับผิดจากทรัพย์สินส่วนตัว แต่ต้องรับผิดเท่าที่ได้รับทรัพย์มรดกตามมาตรา 1601 และ 1738 วรรคสอง ในกรณีนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้กองมรดกฟ้องให้จำเลยในฐานะทายาทรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากทรัพย์สินในกองมรดก ไม่ได้ฟ้องเรียกร้องจากทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลย ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้เฉพาะจากทรัพย์สินในกองมรดกของผู้ตายเท่านั้น ไม่อาจบังคับเอาแก่ที่ดินพิพาทได้ 2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2543: กรณีที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกและทายาทของผู้ตาย ยอมรับสภาพหนี้ของผู้ตายต่อโจทก์ ศาลพิจารณาว่าการยอมรับดังกล่าวมีผลผูกพันเฉพาะกองมรดกเท่านั้น ไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้จากทรัพย์สินส่วนตัว ฎีกาย่อ: ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการมรดกและทายาทนายแดง ยอมรับสภาพหนี้ในนามกองมรดกเท่านั้น ไม่ได้ยอมรับเป็นลูกหนี้แทนหรือแปลงหนี้ใหม่ หนี้ดังกล่าวจึงต้องชำระจากทรัพย์สินในกองมรดกของนายแดง และโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลยที่ 4 นอกจากนี้ หนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ส่วนตัวของนายแดงที่ไม่ตกทอดเป็นมรดก และนายแดงเท่านั้นที่อาจถูกฟ้องล้มละลายได้ โจทก์จึงไม่สามารถฟ้องให้จำเลยที่ 4 ล้มละลายในฐานะผู้จัดการมรดกได้ แต่สามารถฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของนายแดงตามกฎหมายล้มละลาย มาตรา 82 ได้แทน สำหรับจำเลยที่ 3 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่อาจชำระหนี้โจทก์ได้ทั้งหมด ทั้งไม่มีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยที่ 3 ล้มละลายที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน" 3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3996/2540: เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมขอให้บังคับคดีเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกของจำเลยได้ โดยไม่ต้องรอให้มีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกหรือแบ่งมรดกระหว่างทายาทก่อน ฎีกาย่อ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาคือผู้ร้องมีเหตุสมควรให้งดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292(2) หรือไม่ โดยพิจารณาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1734, 1737 และ 1738 ซึ่งระบุว่าเจ้าหนี้กองมรดกสามารถบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกได้โดยไม่ต้องรอการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกหรือแบ่งมรดกระหว่างทายาท แม้ผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกและมีการคัดค้านจากโจทก์ที่ 2 คดีนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของศาล แต่เหตุนี้ไม่ใช่ข้ออ้างที่สมควรให้งดการบังคับคดีตามมาตรา 292(2) 4. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2545: เมื่อเจ้ามรดกเป็นหนี้และถึงแก่ความตาย ทายาทโดยธรรมย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของเจ้ามรดก แต่ทายาทไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ได้รับ ฎีกาย่อ: ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสาม ดังนี้: 1.เรื่องคดีขาดอายุความ: แม้โจทก์ฟ้องหลังนางทองคำถึงแก่ความตายเกิน 1 ปี ซึ่งตามมาตรา 1754 วรรคสาม คดีอาจขาดอายุความ แต่ตามมาตรา 193/27 โจทก์ผู้รับจำนองยังมีสิทธิบังคับทรัพย์สินที่จำนองได้ จึงฟ้องได้ในฐานะทายาทโดยธรรมของนางทองคำ 2.การบอกกล่าวบังคับจำนอง: แม้โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจโดยหนังสือให้นางสาวรุ่งสุรีย์บอกกล่าวบังคับจำนอง แต่เมื่อโจทก์ยอมรับการกระทำดังกล่าว ถือว่าให้สัตยาบันตามมาตรา 823 การบอกกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย 3.ความรับผิดของจำเลยทั้งสาม: จำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมรับสิทธิและหน้าที่จากนางทองคำ แต่รับผิดเพียงเท่าที่ทรัพย์มรดกที่ได้รับตามมาตรา 1601 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ให้จำเลยรับผิดในกรอบดังกล่าวชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3. 5. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2523: เจ้าหนี้กองมรดกชอบที่จะบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้ และแม้ทายาทจะอ้างว่ายังไม่ได้รับส่วนแบ่งมรดก ก็ไม่เป็นเหตุที่จะขัดขวางเจ้าหนี้ในการฟ้องทายาท แต่ทายาทไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ได้รับ ฎีกาย่อ: 1.สิทธิฟ้องร้อง: ทุนที่องค์การอนามัยโลกมอบให้นางสาวพะเยาว์เป็นทุนผ่านรัฐบาลไทย ผู้รับทุนต้องทำสัญญาชดใช้หากผิดเงื่อนไข โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยผู้เป็นทายาทของนายดิเรกผู้ค้ำประกันได้ 2.การค้ำประกัน: สัญญาค้ำประกันไม่ได้จำกัดระยะเวลา และการขยายเวลาให้นางสาวพะเยาว์เรียนต่ออีก 1 ปีไม่ถือว่าฝ่าฝืนสัญญา ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิด 3.สิทธิฟ้องจำเลยก่อนลูกหนี้หลัก: แม้นางสาวพะเยาว์อยู่ต่างประเทศ โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยที่เป็นทายาทของผู้ค้ำประกันได้ 4.การลดเบี้ยปรับ: ศาลลดเบี้ยปรับลงครึ่งหนึ่ง เหลือรวมเงินที่ต้องชำระ 505,890.58 บาท เห็นว่าการชดใช้เต็มจำนวนเดิมเป็นภาระเกินควร สรุป: จำเลยในฐานะทายาทต้องชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน โดยรับผิดชอบเฉพาะในกรอบที่ศาลกำหนด. สรุป เจ้าหนี้กองมรดกไม่มีสิทธิบังคับเอาทรัพย์สินส่วนตัวของทายาทผู้รับมรดก เว้นแต่ในกรณีที่ทายาทแสดงเจตนายอมรับเงื่อนไขรับผิดชำระหนี้ ทายาทจึงควรระมัดระวังในการรับมรดก และตรวจสอบสถานะหนี้สินในกองมรดกก่อนดำเนินการรับทรัพย์สิน เพื่อป้องกันการเกิดข้อพิพาททางกฎหมายในอนาคต.
|